บทที่ 96 การวิวัฒนาการของเกราะอสูรกินเหล็ก
ซืออวี๋ไร้คำกล่าว
เขาแสดงความเคารพอย่างเชื่อฟังและจริงใจนับครึ่งเดือน ในใจของเขา เขากล่าวซ้ำไปซ้ำมาว่า “นี่เป็นหน้าที่ของเราในการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของอสูรกินเหล็ก” ซากปรักหักพังไม่ตอบสนองเลย
ในทางตรงกันข้าม หลังจากปฎิเสธการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กไปเล็กน้อย ‘จิตวิญญาณ’ ในซากปรักหักพังก็ไม่ได้นิ่งเฉยเลย
เกิดอะไรขึ้น?
การพูดคุยกับรูปปั้นหินในเขตผิงเฉิงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
บางที ‘จิตวิญญาณ’ ที่เกิดจากซากปรักหักพังและวัตถุโบราณที่แตกต่างกันอาจมีนิสัยที่แตกต่างกันเหรอ?
หากเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงตะโกนตั้งแต่วันแรกที่เขามาที่นี่ว่า “อสูรกินเหล็กไม่มีรูปแบบการวิวัฒนาการเลย มาแสดงให้ข้าเห็นสิ!”
…
ในคราวนี้ ฉากประวัติศาสตร์ที่ซืออวี๋เห็นยังคงสั้นมากเช่นเคย
เขาเห็นเผ่าหนึ่งที่เต็มไปด้วยเตาไฟ
ในเผ่า มีกลุ่มชายกำยำ พวกเขาเป็นเสมือนกับช่างตีเหล็กซึ่งใช้โลหะหายากที่ซืออวี๋คุ้นเคย
บูม! บูม! บูม!
เสียงเหล็กกระทบเข้าหูของซืออวี๋อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นชุดเกราะต่อสู้โลหะผสมก็ถูกสวมใส่โดยกลุ่มอสูรกินเหล็ก
หลังจากที่อสูรกินเหล็กสวมชุดเกราะของพวกมัน พวกมันก็ดูราวกับจะใช้การเคลือบแข็งขั้นสมบูรณ์ พวกมันปลดปล่อยสารเคลือบแข็งเพื่อห่อหุ้มชุดเกราะ ทำให้ชุดเกราะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพวกมันอย่างสมบูรณ์
มีชุดเกราะหลายประเภท อสูรกินเหล็กบางตัวสวมชุดเกราะเต็มตัว ในขณะที่บางตัวมีเพียงกรงเล็บโลหะผสมสวมอยู่ที่แขนของพวกมันเท่านั้น มีแม้กระทั่งอสูรกินเหล็กที่ถือโล่ พวกมันมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกัน ทว่าพวกมันล้วนใช้การเคลือบแข็งขั้นสมบูรณ์เพื่อเชื่อมต่อกับชุดเกราะ
ในระหว่างนี้ ขณะที่พวกเขาหลอมรวมเข้ากับชุดเกราะ ออร่าของพวกมันก็ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ และร่างกายของพวกมันก็เติบโตภายใต้คลื่นแสง
ผ่านไปสักพักหนึ่ง อสูรกินเหล็กหลายร้อยตัวที่สวมชุดเกราะต่างๆ ก็ปรากฎขึ้นบนฉาก พวกมันจัดแถวกันอย่างเป็นระเบียบ อสูรกินเหล็กกลุ่มนี้เปรียบเสมือนกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเพื่อเตรียมการออกรบ
ในตอนท้ายของฉาก อสูรกินเหล็กใช้กรงเล็บเคลือบแข็งของพวกมันเพื่อสลักสัญลักษณ์พิเศษบนชุดเกราะ ในขณะนี้ ร่างกายของพวกมันเปล่งประกายด้วยแสงอีกครั้ง…
ฉากหยุดเพียงเท่านี้
…
ในความจริง
อีเลฟเว่นมองไปที่ซืออวี๋ผู้ที่เงียบงันและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ในขณะนี้ อารมณ์ของซืออวี๋ซับซ้อนมาก
เขาไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรเพื่อแสดงอารมณ์ในปัจจุบันของเขา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่สำนักที่สิบเอ็ดจะดึงเขาเข้าสู่องค์กรโดยตรงเมื่อพวกเขาพบกับนักฝึกสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์การฟังเสียงแห่งประวัติศาสตร์
พรสวรรค์นี้โกงมากอย่างแท้จริง
ในขณะที่นักโบราณคดีคนอื่นยังคงสำรวจความลี้ลับของสมัยโบราณ นักโบราณคดีที่มีพรสวรรค์นี้สามารถค้นหาประวัติศาสตร์ได้โดยตรงราวกับการดูหนัง หากนี่ไม่ใช่สูตรโกง มันจะคืออะไรได้อีก?
“ดังนั้นแล้วโลหะพวกนั้นไม่ใช่มีไว้ให้กินเหรอ?” ซืออวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
มันถูกใช้เพื่อสรา้งชุดเกราะต่อสู้โลหะผสมและสวมใส่บนตัวอสูรกินเหล็ก จากนั้นจึงเชื่อมต่อด้วยการเคลือบแข็ง
อย่าบอกเขาว่านี่เป็นวิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก
ในฉาก ซืออวี๋ได้เห็นวัสดุที่จำเป็นสำหรับการหลอมชุดเกราะต่อสู้โลหะผสม
จากลักษณะแล้ว มันรู้สึกเช่นเดียวกับโลหะที่พวกเขาค้นพบ
หากเป็นเช่นนั้น วิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กนั้นจะเรียบง่ายยิ่งกว่าที่ซืออวี๋จินตนาการไว้
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่รู้ว่าเทคโนโลยีการหลอมและแปรรูปสมัยใหม่สามารถเปลี่ยนแร่โลหะเหล่านั้นเป็นชุดเกราะต่อสู้โลหะผสมได้เช่นเดียวกับในสมัยโบราณไหม
ถ้าเช่นนั้นวิธีการวิวัฒนาการนี้ควรถูกเรียกว่าอะไรดีล่ะ?
การวิวัฒนาการชุดเกราะ?
ไม่ใช่ว่าไม่มีการวิวัฒนาการอาวุธในสัตว์อสูร
วิธีการวิวัฒนาการของชีวิตจักรกลประดิษฐ์ส่วนใหญ่เป็นวิวัฒนาการอาวุธ
อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างทั้งสองแบบ
“เดี๋ยวก่อน นั่นไม่ใช่ประเด็น!”
เขาเห็นเพียงแค่วิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กเท่านั้น ทว่าซืออวี๋ยังคงรู้สึกว่าเขาไม่ได้เห็นภาพประวัติศาสตร์ทั้งหมด
อสูรกินเหล็กกลุ่มนี้สวมชุดเกราะต่อสู้และเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการของพวกมัน พวกมันกำลังจะทำอะไรเหรอ? สงคราม?
สัญลักษณ์ต่างๆ ที่พวกมันสลักไว้บนร่างกายของพวกมันหมายถึงอะไร?
ทำไมถึงมีสัญลักษณืดังกล่าวบน ‘โลก’ ล่ะ?
ในตอนท้าย ซืออวี๋รู้สึกว่าเขารู้ถึงบางสิ่ง ทว่าเขาไม่รู้ทั้งหมด…
ลืมไปเถอะ… เขาตัดสินใจเริ่มการวิจัยการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กก่อน
…
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในขณะที่ซืออวี๋ฟังเสียงแห่งประวัติศาสตร์ ผนังหินก็ดูราวกับจะหมด ‘พลังชีวิต’ ของมันแล้ว เนื่องจากมีรอยแตกร้าวมากมายปรากฎขึ้นมา
เสียง ‘บูม’ ที่ผ่านมายังได้ดึงดูดรุ่นพี่แพนด้าและเจ็ดยอดนักโบราณคดีโดยตรง
หลังจากที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็เห็นผนังหินที่แตกร้าวและซืออวี๋ที่หันหลังให้กับพวกเขาในทันที
อ่าาาา!!!!
ทุกคน : w (゚Д゚) w???
เกิดอะไรขึ้น!!!
“อู๋”
ก่อนที่ซืออวี๋จะหันกลับมา อีเลฟเว่นผู้ที่อยู่บนไหล่ของซืออวี๋ก็หันกลับมาก่อนและเผยให้เห็นสีหน้าอันไร้เดียงสาของมัน
หากมันอกพวกเขาว่าเพียงแค่แตะผนังหินสองครั้งและผนังหินก็ระเบิด พวกเขาจะเชื่อมันไหม??
“บัดซ* เกิดอะไรขึ้น?”
ผนังหินระเบิด สมองของเจิ้งอิ๋งเจียและคนอื่นก็ระเบิดเช่นกัน
แม้ว่าซากปรักหักพังอสูรกินเหล็กจะไม่ได้มีความสำคัญมากในก่อนหน้านี้ แต่มันก็เป็นความรับผิดชอบพื้นฐานของพวกเขาในการรักษาวัตถุโบราณนี้ให้ดี ทว่าตอนนี้… เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
พวกเขามองไปที่ซืออวี๋ผู้ที่หันกลับมาอย่างเชื่องช้า เป็นไปได้ไหมว่าซืออวี๋ไม่พบอะไรเลยหลังจากผ่านไปครึ่งเดือน? และในที่สุดเขาก็พังและทุบผนังหิน?
“อย่าตื่นตระหนก”
ในขณะนี้ ซืออวี๋หันกลับมาและมองไปที่ฝูงชนที่ตื่นตระหนก เขาปลอบโยนพวกเขา
ใจเย็น
“ข้าพบบางสิ่ง” ภายใต้สีหน้าอันตกตะลึงของทุกคน ซืออวี๋ก็หัวเราะอย่างบางเบา
“ข้าคิดว่าข้ารู้ถึงวิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กแล้ว”
“อะไรนะ?!!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของซืออวี๋ ทุกคนตกตะลึงยิ่งกว่าในตอนที่เห็นผนังหินแตกร้าวเสียอีก พวกเขาเบิกตากว้างและมองไปที่ซืออวี๋
นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?
“ใช่แล้ว ออกไปก่อนเถอะ” ซืออวี๋กล่าวออกมา
จากนั้นทุกคนก็มาถึงด้านนอกในพื้นที่อันโล่งกว้าง
พวกเขามองไปที่ซืออวี๋ด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น
ดังนั้นซืออวี๋ค้นพบอะไรกันแน่?
“องค์ประกอบโลหะทั้งหกชนิดที่ตรวจพบจากเศษโลหะนั่นเป็นกุญแจสำคัญในการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก”
“สิ่งที่เราคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ก็คือการปล่อยให้อสูรกินเหล็กกินโลหะพวกนี้ อันที่จริง สถานการณ์จริงนั้นก็ไม่ต่างกัน”
“วิธีการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กควรจะทำให้แร่โลหะทั้งหกนี้กลายเป็นชุดเกราะโลหะผสม จากนั้นสวมให้แก่อสูรกินเหล็ก สุดท้าย ให้อสูรกินเหล็กใช้ทักษะเผ่าพันธุ์การเคลือบแข็งขั้นเหนือธรรมชาติเพื่อห่อหุ้มและหลอมรวมกับพลังของชุดเกราะ”
“สารเคลือบแข็งของอสูรกินเหล็กและโลหะผสมนี้ควรจะสร้างปฎิกิริยาพิเศษที่สามารถช่วยพวกมันในการเพิ่มระดับพลังชีวิตของพวกมันได้”
พวกเขาตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด
หลินซิ่วจูกล่าวว่า “หลักการคืออะไร?”
ซืออวี๋ : “นั่นสำคัญด้วยเหรอ?”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าแน่ใจได้ยังไงกัน?”
“เอ่อ…” ซืออวี๋ตกตะลึง “สัญชาตญาณมั้ง?”
ทุกคนตกตะลึง พวกเขารู้สึกว่าซืออวี๋ไม่ได้บอกอะไรเลย
กล่าวตามตรง มันก็ยังคงเป็นการคาดเดา บนพื้นฐานของการคาดเดาก่อนหน้านี้ มีอีกหนึ่งการคาดเดา
“โลหะทั้งหกพวกนี้สามารถหลอมเป็นโลหะผสมได้จริงเหรอ?” เจิ้งอิ๋งเจียกำลังสูญเสีย
“เราได้ทำการวิจัยและวิเคราะห์ลักษณะของพวกมันแล้ว ไม่มีอะไรเชื่อมต่อกันเลย”
หลินหยูเอ้อกล่าวว่า “ในท้ายที่สุด วิธีการนี้ก็ยังคงต้องใช้การเคลือบแข็งขั้นเหนือธรรมชาติ…”
ทุกคนมองไปที่หลินซิ่วจู
ในบรรดานักฝึกอสูรกินเหล็กที่เป็นที่รู้จักกัน มีอสูรกินเหล็กไม่มากนักที่เชี่ยวชาญการเคลือบแข็งขั้นเหนือธรรมชาติ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น หลินซิ่วจูกล่าวว่าพ่อของนางซึ่งคือปรมจารย์หลินฮงเหนียนได้ฝึกฝนอสูรกินเหล็กมานานนับ 21 ปีก่อนที่จะฝึกฝนทักษะนี้จนถึงขั้นเหนือธรรมชาติ
สำหรับหลินซิ่วจู นางเริ่มเติบโตมาพร้อมกับอสูรกินเหล็กของนางเมื่อนางอายุ 10 ขวบ
แม้ว่าจะไม่มีการทำสัญญาในเวลานั้น แต่นางก็ได้เริ่มบ่มเพาะความรู้สึกกับอสูรกินเหล็กนับตั้งแต่ยังเด็กและได้รับการฝึกฝนเบื้องต้นให้คุ้นเคยกับมัน
สุดท้าย สิบปีต่อมา ทักษะการเคลือบแข็งของอสูรกินเหล็กของนางจึงถูกพิสูจน์จากประสบการณ์การฝึกฝนของพ่อนาง มันอยู่ในขั้นสมบูรณ์เท่านั้น และมันก็ยังห่างไกลจากการถึงความเชี่ยวชาญขั้นเหนือธรรมชาติ
หากหนึ่งในเงื่อนไขการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กก็คือความเชี่ยวชาญในการเคลือบแข็งเต็ม ถ้าเช่นนั้นเงื่อนไขนี้ก็ดูเหมือนจะยากไปเล็กน้อย
ทักษะไหมหนอนของหนอนไหมเขียวถึงขั้นช่ำชองก็เพียงพอแล้วสำหรับมันที่จะวิวัฒนาการ ทว่าอสูรกินเหล็กจำเป็นต้องให้ความเชี่ยวชาญของทักษะเผ่าพันธุ์เต็ม… มันเป็นการหลอกหลวง
ยิ่งกว่านั้น วัสดุวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็กนั้นเป็นโลหะหายากที่สูงกว่าระดับห้า ราคาของการใช้โลหะเหล่านี้เพื่อหลอมชุดเกระานั้นชุดเจนมาก
อาจกล่าวได้ว่าแม้จะมีการเผยแพร่การวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก แต่ดูเหมือนว่าจะมีนักฝึกสัตว์อสูรเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำตามเงื่อนไขกการวิวัฒนาการนี้ได้
ทุกคนท้องไส้ปั่วป่วน การคาดการณ์ของซืออวี๋น่าเชื่อถือไหม?
“อืมม ทำไมพวกเจ้าถึงไม่เชื่อข้าล่ะ?”
ซืออวี๋ต้องการทดลองเช่นกัน
น่าเสียดาย เขาไม่มีวัสดุวิวัฒนาการ และเขาไม่รู้วิธีการเปลี่ยนวัสดุเหล่านี้ให้เป็นโลหะผสม มีปัญหาทางเทคนิคมากมาย
นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญทักษะของอีเลฟเว่นยังถึงไม่มาตรฐานนี้เลย
อีกทั้งเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้อีเลฟเว่นวิวัฒนาการไหม ในอนาคต เขาคงรู้สึกแปลกประหลาดหากมีก้อนเหล็กอยู่บนไหล่ของเขา และมันก็หนักมากเช่นกัน ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็จะเป็นโรคไหล่ติด
“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง เราจะลองหลอมชุดเกราะโลหะผสมที่ไหน? เราจะไปอสูรกินเหล็กทดลองที่มีความเชี่ยวชาญขั้นเหนือธรรมชาติจากที่ไหน…” เจิ้งอิ๋งเจียกล่าวด้วยความปวดหัว
แม้ว่าจะมีเส้นทางการทดลองที่เป็นรูปธรรมแล้ว แต่นั่นก็ยังฟังดูเหมือนจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีทุนการวิจัยหลายร้อยล้านหยวน…
“ไม่เป็นไร นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราที่ได้ค้นพบความคืบหน้า”
รุ่นพี่แพนด้าคิดอยู่สักพักหนึ่งและมองไปที่ซืออวี๋ “ข้าเชื่อเจ้า เจ้าต้องการที่จะศึกษามันไหม? ศูนย์ฝึกศิลาไผ่ของเราจะแบกรับค่าวัสดุวิวัฒนาการ ส่วนอสูรกินเหล็กที่มีความเชี่ยวชาญขั้นเหนือธรรมชาติสามารถใช้อสูรกินเหล็กของพ่อข้าเป็นหนูทดลองได้”
ซืออวี๋ : …
ทุกคนเรียกนางว่าลูกสาวกตัญญู
รุ่นพี่แพนด้าเป็นลูกที่ดีมาก
“ส่วนใหญ่เป็นเพราะในขณะนี้ มีเพียงอสูรกินเหล็กของพ่อข้าเท่านั้นที่ทำตามเงื่อนไขนี้ได้ เพื่อศึกษาการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก เขาได้ลงทุนเงินจำนวนมหาศาล ในคราวนี้ มันฟังดูน่าเชื่อถือยิ่งกว่าวิธีการอันบ้าคลั่งครั้งก่อนของเขามาก” รุ่นพี่แพนด้าส่ายหัวของนาง
“หากเขารู้ เขาจะต้องเต็มใจอย่างแน่นอน เขาอาจจะเป็นฝ่ายมาหาเราเอง”
ซืออวี๋เงียบไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าจะขอให้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค”
“ในด้านของการหลอมชุดเกราะโลหะผสม ควรมีคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้มากในมหาวิทยาลัย”
ซืออวี๋และรุ่นพี่แพนด้ามองหน้ากันและพยักหน้า พวกเขาตกลงกันทันที
ซืออวี๋ติดต่อกับมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณเพื่อขอความช่วยเหลือด้านเทคนิค
รุ่นพี่แพนด้าติดต่อพ่อของนางเพื่อหาหนูทดลอง
เผ่าพันธุ์อสูรกินเหล็กจะทะยานขึ้นสู่ท้องนภาและมีราคาแพงขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับคลื่นลูกนี้แล้ว
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน