บทที่ 78 ความเป็นจริง
บทที่ 78 ความเป็นจริง
บนเรือของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร คิงกำลังจ้องกลุ่มทาสที่โอลกะเพิ่งซื้อมา
การจ้องมองของคิงทำให้พวกเขากลัวจนตัวสั่น และทำให้พวกเขามารวมตัวกันตรงกลางของดาดฟ้า
“คนเหล่านี้เป็นความรับผิดชอบของเจ้า ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร และข้าจะไม่ช่วยเจ้าแน่ๆ”
“โอ้ ฉันรู้อญุ่แล้ว ฉันจะหาเกาะที่มีผู้คนอยู่และปล่อยพวกเขาไว้ที่นั่น” การซื้อผู้คนและให้อิสรภาพแก่พวกเขาถือเป็นการกุศลของเธออยู่แล้ว และเธอไม่ได้วางแผนที่จะเสียเวลาส่งพวกเขากลับไปยังบ้านเกิดของพวกเขา เธอไม่มีความสามารถในการทำเช่นนั้นเช่นกัน
“โอลกะ ดูเหมือนว่าเจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปนะ”
"ฮะ?"
“ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเจ้าจะเข้าใจในภายหลัง” คิงพูดเพียงครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาต้องการจะพูด ความเป็นจริงนั้นยังห่างไกลจากโลกในอุดมคติ และใครๆ ก็สามารถเข้าใจความแตกต่างระหว่างความเป็นจริงและโลกในอุดมคติได้หลังจากได้สัมผัสมันแล้วเท่านั้น
ระหว่างทางกลับไปยังดินแดนของไคโด พวกเขาจำเป็นต้องขึ้นฝั่งเพื่อเติมเสบียง โอลกะปลดล็อคโซ่ตรวนของทาสเสร็จแล้ว แต่เมื่อกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรลดแผ่นไม้เพื่อให้ลงจากเรือ ก็ไม่มีใครกล้าออกไปเลยแม้แต่คนเดียว
“ไปเถอะ ตอนนี้พวกเธอเป็นอิสระแล้ว”
“พวกเขาไม่กล้าออกไปหรอก ดูอาการบาดเจ็บของคนเหล่านี้สิ ล้วนเป็นบาดแผลเก่า น่าจะมาจากแส้และอื่นๆนะ พวกเขาอาจอยู่ในมือของพ่อค้าทาสเหล่านั้นมานานมากแล้ว”
ร่องรอยของการเป็นทาสไม่เพียงแต่อยู่บนร่างกายของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังฝังอยู่ในหัวใจของพวกเขาด้วย ถ้าเขาเดาถูก น่าจะมีคนเคยบอกพวกเขาเรื่องเดียวกันนี้มาก่อน
พวกมันสัญญาว่าจะให้อิสรภาพแก่พวกเขา แต่ใครก็ตามที่กล้าออกไปจะต้องเผชิญการลงโทษที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ คิงรู้เกี่ยวกับวิธีการของพ่อค้าทาสเหล่านั้นเป็นอย่างดี เขาเคยประสบเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นเขาได้ฆ่าพ่อค้าคนนั้นด้วยมือของเขาเอง
ชีวิตของผู้หลบหนีเป็นประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์มาก
จากสายตาของคนเหล่านี้ คิงสามารถเห็นได้ว่าความหวังของพวกเขาถูกบดขยี้จนหมดสิ้นไปแล้ว ความปรารถนาในการได้รับอิสรภาพของพวกเขาไม่อาจซ่อนเร้นไว้ได้ แต่ดวงตาของพวกเขากลับไม่มีประกายใดๆ มันสามารถบ่งบอกว่าหัวใจของพวกเขาได้ตายไปนานแล้ว
คิงไม่ได้ลงไปซื้อเสบียงเอง สินค้าบนเรือมีความสำคัญมากกว่าพวกเสบียง ไม่ว่าจะเป็นไม้จากต้นสมบัติอดัมหรือวัสดุบางอย่างที่ใช้ทำทองคำบริสุทธิ์ เขาต้องปกป้องพวกมันด้วยตัวเองเท่านั้น
หลังจากเติมน้ำจืดเสร็จแล้ว เรือก็แล่นต่อไปภายใต้ความสามารถในการซ่อนเร้นของโอลกะ พวกเขาเป็นเหมือนเรือผีสิงในทะเล และคนภายนอกก็ไม่พบร่องรอยใดๆของพวกเขาเลย
“พี่สาวโอลกะ จริงๆแล้วพี่ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องแบบนี้หรอกนะครับ การปล่อยพวกเขาไปอาจไม่ใช่เรื่องดีไหร่หรอก”
บนเรือโจรสลัด สถานะมักจะถูกกำหนดโดยผู้อาวุโส สมาชิกตั้งต้นของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรไม่รู้ว่าโอลกะมีชีวิตอยู่มานานกว่าร้อยปี และแน่นอนว่ายกเว้นควีน สมาชิกระดับสูงทุกคนของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรมีต้นกำเนิดและภูมิหลังที่แตกต่างกันไป
อย่างไรก็ตาม สถานะของเธอในฐานะ “พี่สาว” ก็สมควรได้รับแล้ว
“ที่นี่คือนิวเวิลด์ หากพี่ปล่อยพวกเขาไปพวกเขาจะถูกจับอีกครั้งหรือตายในมุมใดมุมหนึ่งในไม่ช้า”
"ใช่เลยครับ ในเมื่อเราซื้อพวกเขามาแล้ว พี่สาว ทำไมไม่เก็บพวกเขาไว้เป็นคนรับใช้ล่ะ?”
เป็นเรื่องปกติที่โจรสลัดธรรมดาจะเลียแข้งเลียขาลูกเรือระดับสูงของพวกเขา แต่บุคลิกของลูกเรือระดับสูงของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรในปัจจุบันนั้นค่อนข้างแปลก แม้กระทั่งตอนนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่าคิงและเชย์น่ามีหน้าตาเป็นอย่างไรหรือสามารถเข้าใจบุคลิกของพวกเขาได้เลย
ในทางตรงกันข้าม ความชอบของควีนและโอลกะสามารถเข้าใจได้ง่าย มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจะพลาดเพียงเพราะแค่พูดอะไรไม่กี่คำ ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
“เอ่อ มันน่ารำคาญมาก มันควรจะเป็นเรื่องง่ายๆไม่ใช่หรอ เรื่องมันซับซ้อนขนาดนี้ได้ยังไง?”
ในท้ายที่สุด เธอก็พาคนเหล่านี้กลับมา ปล่อยให้พวกเขาทำความสะอาดและทำงานแปลกๆที่ฐานทัพในปัจจุบัน
การฝึกฝนของโอลกะมีความเข้มข้นมากขึ้นเนื่องจากการสั่งสมพลังที่เพิ่มที่ล่ะเล็กๆน้อยๆได้เพิ่มความปรารถนาของเธอที่อยากจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน เรือของอาร์เซอุสก็กลับมาจากการสำรวจ แต่เขาไม่ได้เจอกับสิ่งที่ต้องการ เกาะหลายแห่งที่เขาไปสำรวจไม่มีสิ่งที่เขากำลังตามหา
ก่อนที่เรือจะเทียบท่า เกาะแห่งนี้ก็พร้อมที่จะต้อนรับพวกเขาแล้ว
“ยินดีต้อนรับกลับมา ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”
“อือฮึ” เขาไม่ได้ถามเชย์นาว่าเธอเจออะไรบ้างไหม ถ้าเธอเจอ เธอคงจะติดต่อกับเขาโดยใช้แมลงสื่อสารไปแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าไคโดได้ข่าวอะไรบ้าง
“ไคโดกลับมาแล้วหรือยัง?”
“เอ่อ ท่านสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ท่านไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเร็วๆนี้เหรอ?”
“ไม่ ข้าไม่ค่อยได้เจอนิวส์คูเลยช่วงนี้”
เขาได้เห็นข่าวเกี่ยวกับรางวัลนำจับ ในเวลานั้นพวกโจรสลัดบนเรือต่างหวาดกลัวกันมากจนไม่กล้าออกมาเพราะว่าอาร์เซอุสเพิ่งทำลายล้างเจ้าทะเลก่อนที่จะได้รับหนังสือพิมพ์
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้โกรธ อย่างน้อยก็ไม่ได้โกรธในสายตาของโจรสลัดคนอื่น หลังจากนั้นพวกเขาก็ล่องเรือต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อาร์เซอุสไม่ได้โกรธเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ เขาสงสัยมาโดยตลอดว่าผู้ที่ตั้งค่าหัวรางวัลมีปัญหาบางอย่างกับสมองของพวกเขา
หากเราต้องค้นหาบุคคลที่โชคร้ายที่สุดที่ได้รับการประกาศค่าหัวแล้ว หนวดดำก็น่าจะอยู่ในอันดับต้นๆ แม้ว่าเขาจะพยายามมานานหลายทศวรรษ แต่ค่าหัวของเขาก็ไม่เคยเกินสามพันล้าน แต่จู่ๆ ก็มีคนที่ค่าหัวสามพันล้านได้ปรากฏขึ้นในชั่วข้ามคืน
จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหมู่สี่จักรพรรดิ โดยอีกสามคนนอกจากเขามีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งดูไร้สาระไม่ว่าคุณจะมองอย่างไร
เมื่อประกอบกับค่าหัวของเผ่าพันธุ์กลุ่มน้อยเช่น ช็อปเปอร์และปีโป้ การตัดสินใจแบบนี้ของรัฐบาลโลกก็เป็นสิ่งที่เขาคาดคิดไว้อยู่แล้ว
เรื่องนี้ไม่คุ้มกับเวลาของเขา แต่เขาจะจัดการมันถ้าเขามีโอกาสที่ดี
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่เคยเจอนิวส์คูอีกเลย
“เรื่องนั่น…คุณจะรู้เมื่อคุณอ่านมัน”
เชย์น่าจัดการข่าวกรองล่าสุด และข่าวเกี่ยวกับไคโดสหายร่วมรบของพวกเขาที่กำลังตกเป็นหัวข้อข่าวก็ปรากฏบนหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ครั้งนี้ เขาประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเขาออกไปข้างนอก ไม่ใช่จากพวกทหารเรือ แต่เป็นโจรสลัดผู้ทรงพลังในนิวเวิลด์แทน
อาร์เซอุสไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับกลุ่มโจรสลัดนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวไม่ได้เกี่ยวกับการที่ไคโดถูกจับกุม แต่เกี่ยวกับเขาที่สร้างความหายนะในดินแดนของอีกฝ่ายเพียงลำพัง
ด้วยทักษะระดับบั๊กของเขา โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างบาดแผลร้ายแรงให้กับไคโดได้ก่อนที่เขาจะหมดเรี่ยวแรงหมดแรง
ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้ แต่เห็นได้ชัดว่าโจรสลัดกลุ่มนั้นกำลังเสียเปรียบในเขตของตนเอง
ไม่กี่วันต่อมา ไคโดก็กลับมาและก็ได้มีกากบาทสีแดงอีกสองสามอันบนแผนที่ ซึ่งบ่งชี้ว่าพื้นที่เหล่านั้นไม่มีศิลาแห่งชีวิต
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้หมายความว่าพื้นที่เหล่านี้จะถูกเพิกเฉยโดยสิ้นเชิง ศิลาแห่งชีวิตจะไม่สามารถขยับด้วยตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าจะมีใครพาพวกมันไปยังเกาะที่เคยถูกตรวจค้นแล้วหรือไม่ ความพยายามในการค้นหายังคงเป็นงานที่ต้องทำไปอีกนานและยากลำบาก
ไคโดไม่สามารถออกไปจากดินแดนของเขาได้ตลอดเวลา ดังนั้น เขาจะไม่ออกไปไหนอีกในระยะสั้นๆ ก่อนหน้านี้ ควีนกำลังยุ่งอยู่กับโครงการปลูกกล้วยของเขา และหลังจากทำงานอย่างหนัก เขาก็ประสบความสำเร็จในการได้รับเมล็ดพันธุ์จากกล้วยของโทรพิอุส
กล้วยของโทรพิอุสมีความหลากหลายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากเมล็ดภายในของพวกมันเสื่อมลงแต่ไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิง ทำให้สามารถเก็บเมล็ดไว้เพียงเมล็ดเดียวที่สามารถใช้เพื่อการเพาะปลูกได้
หลังจากการทำงานหนักในการปลูกต้นกล้า ต้นกล้ากล้วยชุดแรกก็งอกออกมาได้สำเร็จ แต่ดินบนเกาะเกษตรกรรมในดินแดนของไคโดไม่เหมาะกับการปลูกกล้วย เขาจึงออกไปตามหาเกาะเล็กๆแห่งใหม่
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โอลกะได้ฝึกฝนเสร็จแล้วจึงไปหาอาร์เซอุสพร้อมกับแผนที่ขุมทรัพย์ที่ได้รับมาเป็นของแถม