บทที่ 32: การวางรากฐานให้มั่นคง (5-1)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 32: การวางรากฐานให้มั่นคง (5-1)
“ทำไมเธอไม่พูดอะไร ตอนที่ถามว่ามีใครทำอาหารได้บ้าง?”
“คือว่าฉัน ฉันเหรอคะ?”
"ใช่ เธอชื่อโคลอี้ใช่ไหม?”
"ใช่ค่ะ…"
“จากนี้ไปเธอจะเป็นแม่ครัว รับหน้าที่ทำอาหาร”
[รายการแนะนำสำหรับห้องครัว!]
['โคลอี้(★)']
[“คุณอยากจะแต่งตั้ง 'โคลอี้(★)' เป็นแม่ครัวไหม? พ่อครัวคนปัจจุบันจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง”]
[ใช่ (เลือก) / ไม่ใช่]
ทำได้ดีมากไอเซลล์
ทำได้ดีเหลือเกิน
“ด-เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวฉันทำอันที่ดีกว่านี้มาให้!”
“โกหก นายไม่รู้วิธีทำอาหารด้วยซ้ำ”
ฉันขอชมเขาเลยที่มีไหวพริบ แต่การโกหกและถูกจับได้มันไม่ดีเลยสักนิดเดียว
สายตาของทุกคนรวมถึงเจนน่าเปลี่ยนเป็นสายตาที่เย็นชา
การจ้องมองนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อโคลอี้หยิบจานมันฝรั่งออกมา เธอทำอาหารหลายอย่างจากมันฝรั่ง เช่น สลัดมันฝรั่ง มันฝรั่งย่างเนย มันฝรั่งทอดกรอบ และสตูว์มันฝรั่งอุ่น ๆ
"อร่อย! ฉันไม่รู้เลยว่ามันฝรั่งจะมีรสชาติที่แตกต่างกันมากมายขนาดนี้”
“เพราะมันมีเครื่องปรุงที่หลากหลายค่ะ…”
โคลอี้ก้มศีรษะอย่างเขินอายน้อมรับคำชมของเจนน่า
ดอล์ฟยังคงเงียบและหมอบอยู่ที่มุมหนึ่ง ฉันจึงพูดขึ้นว่า
“ฟังให้ดีนะ ฉันจะไม่พูดซ้ำสอง เมื่อคนใหม่มาถึงในครั้งหน้าก็จงบอกพวกเขาแบบเดียวกับที่ได้ยินในวันนี้”
ฉันอธิบายกฎพื้นฐานของที่นี้ให้ผู้คนที่มารวมตัวกันในห้องอาหารฟัง
ทั้งเรื่องของนายท่าน วิธีที่เราจะอยู่รอดได้อย่างไร และเมื่อแต่ละภารกิจเสร็จสิ้น เราก็จะขึ้นไปชั้นที่สูงขึ้น และเมื่อเราไปถึงชั้นที่ 100 เราก็จะได้รับการปลดปล่อย
ฉันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พูดถึงการหลอมรวมด้วย มันเป็นสิ่งที่พวกเขาจะต้องรู้กันอยู่แล้ว
“นั่น…เรื่องจริงเหรอ?”
“ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ การตัดสินใจมันเป็นของพวกนายเอง”
ทุกคนดูวิตกกังวล อย่างน้อยก็ไม่มีใครสติแตก
“ถ้าเตรียมตัวให้พร้อมก็สามารถรอดกันไปได้ ก่อนมาที่นี่ฉันเองก็ไม่เคยสู้มาก่อนเหมือนกัน ดังนั้นทุกคนพยายามเข้าไว้นะ” เจนน่าพูดด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น
“เราสองคนทำอย่างอื่นได้ไหม?”
ช่างไม้หนุ่มคนหนึ่งยกมือขึ้น
“นายและโคลอี้เป็นช่างไม้และแม่ครัวตามลำดับ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดอย่างเดียว พวกนายสามารถช่วยเราในด้านอื่นได้”
“ฉะ-ฉันก็ทำงานช่างไม้ได้ด้วยนะ…”ดอล์ฟพยายามจะพูด แต่...
“ถ้าโกหกอีก ฉันจะแนะนำให้นายกลายเป็นผู้สังเวยในการหลอมรวมครั้งแรกดีไหม? มันอาจเหมาะกับนายดีนะ”
ดอล์ฟปิดปากของเขาและไม่พูดอะไรอีกหลังจากนั้นเลย
มันเป็นเรื่องจริงที่คนที่ไม่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้จะมีโอกาสรอดชีวิตสูงกว่าคนที่ต้องลงไปต่อสู้ แต่ใช่ว่าจะมีที่ว่างสำหรับทุกคน ตำแหน่งบางตำแหน่งมีจำนวนจำกัดและไม่มีการรับประกันว่าฮีโร่ที่มีทักษะดีกว่าตัวอื่นๆ จะไม่ถูกอัญเชิญออกมา หากคุณถูกผลักออกจากตำแหน่งที่มีเพียงที่เดียว สิ่งที่รอคุณอยู่นั้นคือกาต้องลงไปสู้ ดังนั้นแม้แต่บทบาทที่ไม่ใช่สายต่อสู้ก็ยังต้องพัฒนาทักษะของตนเองอย่างต่อเนื่อง
[นายท่าน ท่านต้องการยุติการเล่นของท่านหรือไม่?]
[ใช่ (เลือก) / ไม่ใช่]
[ลาก่อน!]
เมื่อพอใจแล้วนายท่านไรก็ได้ก็ออกจากเกม
หลังทานอาหารเสร็จเราก็แบ่งห้องพักในที่พัก
ฉันตัดสินใจพักที่นี่แทนห้องเดิม
ฉันมีความรู้สึกว่านายท่านไรก็ได้อาจจะเข้ามาเวลาเดิมทุกวัน
ฉันไม่รู้ว่าเขาเห็นห้องนั้นหรือไม่ แต่การระมัดระวังก็ไม่เสียหาย ฉันไม่ต้องการให้เขามาจับตามองเราสักเท่าไร
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่านายจะใส่ใจคนอื่นเป็นด้วย” เจนน่ายิ้ม
“จะตัดสินคนในเวลาแค่นี้ได้ยังไงกัน”
“ฉันมีสายตาที่ดีน่า มองแวบเดียวก็ดูออก”
ในพิกมีอัพ มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะปีนขึ้นไปจนชั้นบนสุด ดังนั้นเราจึงต้องวางระบบขึ้นมา ตราบใดที่พวกเขาไม่ตายทั้งหมด พวกเขาก็จะสามารถพูดต่อกับผู้ที่มาใหม่ได้
วันรุ่งขึ้น ชีวิตประจำวันอันน่าเบื่อก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
เมื่อฉันตื่นนอนตอนเช้า โคลอี้ก็กำลังยุ่งอยู่กับการปอกมันฝรั่งในครัว ดวงตาของเธอแดงก่ำราวกับว่าเธอร้องไห้ทั้งคืน ไม่นานเจนน่าก็ออกมา มีแค่เราสามคนเท่านั้น ยังไม่มีใครออกมาเลย
เราทานอาหารเช้าและมุ่งหน้าไปยังสนามฝึกซ้อม
พื้นที่ฝึกซ้อมซึ่งตอนนี้อยู่ที่ระดับ 2 มันได้ขยายออกไปอย่างเห็นได้ชัด หากสนามฝึกซ้อมก่อนหน้านี้มีขนาดเท่าหอประชุม ตอนนี้ก็ดูเหมือนสนามเด็กเล่นมากขึ้น หุ่นฟางถูกแทนที่ด้วยหุ่นไม้ นอกจากนี้ยังมีสนามซ้อมยิงสำหรับยิงธนู บ่อทราย และสนามสิ่งกีดขวางอีกด้วย
อารอนมาถึงสนามฝึกซ้อมก่อนพวกเราแล้ว เขากำลังฝึกซ้อมอยู่ เขาเหวี่ยงหอกและแทงมันขึ้นไปในอากาศ ฉันกับเจนนาก็เข้าร่วมการฝึกด้วย
เราฝึกซ้อมกันตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น โดยทานอาหารกลางวันเป็นมันฝรั่งที่อบในสนามฝึกซ้อม
มีคนไม่กี่คนที่มาสนามฝึก ยังไม่มีใครเข้าร่วมการฝึกแบบจริงจัง ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจคำแนะนำของฉัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด
และในตอนเย็นนายท่านก็อาจจะเข้าสู่ระบบ
คราวนี้ช่วงเวลาที่เขาจะเข้ามาคือหนึ่งวัน เมื่อเทียบกับช่วงสามวันก่อนหน้านี้ จำนวนวันได้ถูกลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างของเวลาระหว่างห้องรอและโลกแห่งความเป็นจริง ดูเหมือนว่านายท่านจะเข้าสู่ระบบแค่ในช่วงเวลาว่าง เช่น ช่วงเช้าหรือมื้อกลางวันเท่านั้น
เป้าหมายของนายท่านในครั้งนี้ไม่ใช่พวกเรา แต่คือผู้มาใหม่ วันนี้อารอนไม่สามารถเข้าร่วมปาร์ตี้ได้ คงอาจจะมีใครอีกสักคนหนึ่งที่อาจไม่ได้กลับมา
วันรุ่งขึ้นก็ตามที่คาดไว้ ผู้คนได้มารวมตัวกันที่สนามฝึก
“ได้โปรดสอนเราถึงวิธีการต่อสู้ด้วยครับพี่!”
เด็กผู้ชายรูปร่างเล็กได้โค้งคำจนถึงเอว
เหมือนกับเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนไม่มีผิด
ฉันสังเกตเห็นคนที่มาใหม่ในสนามฝึก ทั้งสามคนเป็นเด็กผู้ชายที่มีอายุใกล้เคียงกัน
“เมื่อวันก่อนมีคนตายหนึ่ง ดังนั้นจึงเหลือเจ็ดคน ไม่รวมแม่ครัวและช่างไม้ ก็มี 5 คน แต่มีเพียงสามคนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่”
ฉันไม่รู้ว่าอีกสองคนที่เหลือไปอยู่ที่ไหน
“ฉันเบื่อที่จะต่อสู้กับอารอนแล้ว มาเปลี่ยนคู่ซ้อมสักหน่อยแล้วกัน”
ฉันขว้างดาบไม้ไปที่เด็กใหม่แต่ละคนที่ยืนอย่างเงอะงะ
“เข้ามา”
เนื่องจากฉันไม่สามารถใช้ดาบจริงกับคู่ต่อสู้ที่ไม่มีประสบการณ์ได้ ฉันจึงเลือกดาบไม้ที่เหมาะสมขึ้นมาหน่อย
วิธีฝึกทักษะการใช้อาวุธขั้นพื้นฐานของฉันคือสู้กับหุ่นฟางและฝึกฝนกับอารอน แต่มันไม่เพียงสำหรับการใช้ฝึกที่ฉันต้องการ นั่นก็คือการป้องกันและการโจมตีอย่างง่ายๆ ด้วยโล่หรือดาบ รวมไปถึง การเบี่ยงเบนหรือการปัดป้องการโจมตี
ตอนนี้มันไม่ใช่แค่การซ้อมแบบตัวต่อตัวเท่านั้น มันคือการฝึกแบบต่อสู้หลายคน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น
ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ ฉันต้องเผชิญกับศัตรูมากมาย เมื่อก่อนฉันทำไม่ได้เพราะคนมีไม่มากพอ แต่ตอนนี้ฉันมีโอกาสได้ฝึกแล้ว
พวกเขาทั้งสามรู้สึกกังวลที่จะต้องฝึกเช่นนี้ ในระหว่างช่วงฝึกซ้อม ฉันก็ได้อนุญาตให้อารอนเข้าร่วมเพื่อทำให้การฝึกยากขึ้นด้วย
['ทักษะดาบและโล่ระดับกลาง' ของฮาน (★) เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 4!]
ทักษะของฉันขึ้นหนึ่งระดับ
ราวกับว่ามีคนฉีดอะไรเข้าไปในหัวใจของฉัน ฉันค่อยๆ เริ่มรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าจากคมดาบ ความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย