บทที่ 30: การวางรากฐานให้มั่นคง (4-1)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 30: การวางรากฐานให้มั่นคง (4-1)
[ซี แฮนสัน จอห์น เท็ดดี้ เดินออกมา!]”
คนที่ถูกเรียกชื่อต่างสะดุ้ง
ชายผู้มีหนวดก้าวไปข้างหน้าและพูด
“เรียกพวกเราที่นี่โดยไม่มีคำอธิบาย และบอกให้เราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้โดยไม่มีเหตุผล เกินไปหรือเปล่า? อย่างน้อยก็ควรให้คำอธิบายบ้างสิ!”
"ใช่ ใช่!"
[โอ๊ะ อยากได้แบบนั้นจริงเหรอ?]
ไอเซลล์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
[ฟังนะถ้าเข้าไปที่นั่น สัตว์ประหลาดก็จะปรากฏตัวขึ้น สิ่งที่ต้องทำแค่ต้องต่อสู้กับพวกและชนะถึงจะได้ออกมา]
"อะไร? ทำไมเราต้องต่อสู้ด้วย? นั่นไม่สมเหตุสมผลเลยนะ!”
[เหตุผลเพราะอย่างนี้ไงว่าทำไมฉันถึงไม่ชอบไอ้พวก 1 ดาว!]
ไอเซลล์คว้าข้อมือของชายคนนั้นแล้วโยนเขาเข้าไป ผู้คนต่างอ้าปากค้างกับพลังอันมหาศาลที่ออกมาจากร่างเล็กๆ ของเธอ
[มีสองทางเลือก จะเดินเองหรือบินไปเข้าแบบไอ้เจ้าคนนั้น!]
“ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดเหรอ? ถึงอย่างนั้น…”
ทั้งสามลังเลแต่ในที่สุดก็เดินเข้าไป
ประตูปิดลง
มันไม่สมเหตุสมผลจริงๆ นั้นแหละ
ถูกอัญเชิญมาโดยไม่รู้ตัว และถูกบังคับให้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ฉันรู้ว่ามันไร้สาระและไม่ยุติธรรมแค่ไหน
มีคำที่เรียกว่า “คัดแยก” อยู่ในเกมพิกมีอัพ
เป็นหนึ่งในเทคนิคของเกม ทั้งยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการจำแนกตัวละคร 1 ดาวที่สามารถใช้งานได้ วิธีการนั้นง่ายมาก
เพียงโยนพวก 1 ดาวที่เพิ่งได้มาเข้าไปในดันเจี้ยน
ด้วยการทำเช่นนั้น...
['จอห์น (★) กลับสู่อ้อมกอดของเทพธิดาแล้ว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันกล้าหาญของเขาจะถูกจดจำไปชั่วนิรันดร์]
ฮีโร่ที่ไม่มีประสบการณ์และไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้จะถูกกรองออกโดยอัตโนมัติ
ชั้นที่ท้าทายที่สุดน่าจะเป็นชั้น 1 นี้แหละ
ที่ชั้น 1 มีก็อบลินจำนวนหนึ่งที่ถือดาบเก่าๆ ปรากฏตัวขึ้นพวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำที่สุด หากพวก 1 ดาว ระดับ 1 ที่ไม่รู้อะไรเลย จัดการพวกมันอย่างใจเย็น ก็คงสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
['เท็ดดี้(★) กลับสู่อ้อมกอดของเทพธิดาแล้ว จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันกล้าหาญของเขาจะถูกจดจำไปชั่วนิรันดร์]
หากโชคไม่ดี ทั้งปาร์ตี้อาจถูกกวาดล้างเหมือนกับครั้งแรก
จากนั้นมันก็ไม่มีข้อความการตายปรากฏขึ้นอีก
“สะ สู้กับสัตว์ประหลาดเนี่ยนะ…”
“เราทำแบบนั้นไม่ได้หรอก! เราทำไม่ได้!”
ชายคนหนึ่งนั่งที่อยู่บนม้านั่งลุกขึ้นยืนทันที
ไอเซลล์ ที่ทำหน้าที่สังเกตการณ์ได้หายตัวไปในนั้นเงียบๆ ชายคนนั้นเริ่มวิ่งออกจากจัตุรัสอย่างรวดเร็ว
“นายไม่ควรวิ่งหนีไปนะ”
เจนน่าขวางทางของเขา
เธอฝึกมาอย่างหนักแล้ว แต่กลับต้องมารับมือพวกนี้อีก
"ทำไม? ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย?”
ชายและหญิงสามสี่คนรวมตัวกันใกล้รอยประตู
"ฉันไม่รู้ ฉันว่าเราคงจะต้องรีบหนีแล้ว”
“เราหนีไปด้วยกันเถอะ!” ชายคนนั้นจับที่แขนเจนน่า แต่เธอสะบัดออก
เมื่อเห็นว่าเธอปฏิเสธ ชายคนนั้นจึงเดินผ่านเจนน่าไปและพยายามเปิดประตูหอพัก แต่มันไม่ได้เปิดออกมา คราวนี้เขาดึงประตูสนามฝึ มันถูกล็อค ทั้งประตูนี้และประตูนั้นไม่อนุญาตให้ชายคนนี้เข้าไป
“ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ!”
ชายคนนั้นเริ่มเอาหัวโขกกำแพง
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้รอดชีวิตสองคนก็กลับมา ทั้งสองคนยังเป็นเด็กหนุ่มใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวเหมือนผี ไอเซลล์เริ่มเรียกรายชื่อปาร์ตี้ถัดไปด้วยเสียงแข็งๆ
“ดิก้า ดีการ์ด ชิกเลอร์ โคลอี้!”
“เฮือก!”
ผู้หญิงที่ถูกเรียกชื่อคุกเข่าลง อารอนซึ่งปิดตาแน่นด้วยความหงุดหงิดลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาพวกเขา
[แกจะทำอะไร? ยังไม่ถึงตาแก ดังนั้นถอยไปซะ]
“ผมจะสู้พร้อมพวกเขาเอง!”
[อะไรของแก?]
ดวงตาของไอเซลล์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ
ฉันกับเจนน่าก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
“ปกติเขาเป็นแบบนี้เหรอ?”
“คงไม่สามารถตัดสินคนด้วยการมองเพียงครั้งเดียวจริงๆ”
ฉันหัวเราะแล้วพูดขึ้น
“ไอเซลล์ ให้อารอนเข้าร่วมปาร์ตี้เถอะ เขาอาจจะยังขาดทักษะการต่อสู้ไปบ้าง แต่เขาก็ไม่ได้แย่นะ”
[แต่…]
ไอเซลล์ลังเลอยู่พักหนึ่ง โดยสลับการจ้องมองระหว่างฉันกับอารอน จากนั้นก็หายไป
“อารอน (★) ต้องการเข้าร่วม 'ปาร์ตี้ที่ 3' ตกลงหรือไม่?”
[ใช่ (เลือก) / ไม่ใช่]
ถ้าเจนน่าหรือฉันเลือกไป เราคงถูกปฏิเสธ แต่มีเพียงอารอนที่อยู่ในระดับ 2 เท่านั้นที่สามารถเก็บค่าประสบการณ์จากชั้น 1 ได้
อารอนจับมือของหญิงสาวที่กำลังร้องไห้คุกเข่าพยุงเธอขึ้นแล้วพูดว่า
“หากเราใจเย็นและช่วยกัน เราก็สามารถรอดไปได้ ไม่ต้องกังวลหรอก”
อารอนคว้าหอกจากด้านหลังทันทีแล้วโบกมือให้ฉัน
เขาคงพยายามปกป้องคนพวกนี้ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่รู้ตัวเลย ใบหน้าของพวกนั้นแค่ดูผ่อนคลายลงเท่านั้น
“อารอน”
“ครับพี่”
“เป็นเรื่องดีที่นายช่วยเหลือคนอื่น แต่อย่าสร้างปัญหานะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
อารอนพยักหน้า
ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความหมายของคำพูดของฉัน
อารอนเข้าไปในรอยแยกพร้อมกับอีกสี่คน และประตูก็ปิดตามหลังพวกเขา
“เหลือรอดออกมาเพียงสองคนเท่านั้นสินะ”
ฉันตรวจสอบหน้าต่างสถานะของชายหนุ่มที่เคยเป็นช่างไม้
เขามีทักษะที่เรียกว่า “ช่างไม้ฝึกหัด” ดูเหมือนว่าเขาเป็นช่างไม้จริงๆ หลังจากที่นายท่านไรก็ได้มอบหมายให้เขาไปทำงานช่างไม้แล้ว เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเอง
ในทางกลับกัน ชายหัวเกรียนนั้นก็เหงื่อออกไปทั่วทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว เขามองไปรอบๆ ด้วยความระแวง เมื่อสบตากันกับฉันเขาก็รีบหลบสายตาทันที
“บอกพวกเขาเร็วๆ หน่อย ฉันหิวข้าว!”
เจนน่ากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เตะขาของเธอด้วยความเอาแต่ใจ
ฉันตีหัวเธอไปทีนึง
“ตีฉันทำไมคะเนี่ย?”
เธออ่านบรรยากาศไม่ออกหรือไงกัน
ผู้รอดชีวิตสองคนจากการต่อสู้ครั้งแรกนั้นก็เหนื่อยแทบตายแล้ว เจนน่าเหลือบมองไปในทางของพวกเขาแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวพวกเขาก็รู้สึกดีขึ้นหลังจากได้ทานอาหารมื้ออร่อยและพักผ่อน ไม่ใช่เหรอ?”
“อ้วกกกก แหวะ!”
หนึ่งในนั้นปิดปากแน่นแล้วเริ่มอาเจียนออกมา
"ดูสิ! พวกเขาต้องล้างท้องเพื่อให้กินได้เยอะๆ ไง”
เธอมันปีศาจชัดๆ เย็นชาอะไรได้ขนาดนี้!
เมื่อไม่มีข้อความใดปรากฏต่อหน้าฉัน ฉันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อสังเกตเห็นเช่นนั้น เจนน่าก็กระซิบข้างหูฉันเบาๆ
“อีกกลุ่มหนึ่งคงผ่านมาได้แล้วใช่ไหม?”
"อะไร?"
“ก็นายหัวเราะ”
“ฉันเหรอ?”
นายหัวเราะสิ ฉันเห็นนะ”
เจนน่าผิวปากราวกับว่าเธอกำลังหัวเราะเยาะฉันกลายๆ