นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 118
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 118
ราอนแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมาเพียงเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ราธ
'แล้วต้องใช้เวลานานไหม?'
ไม่ใช่แค่ใช้เวลานานเท่านั้น แต่มันยังเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ แต่มันเป็นไปได้สำหรับเจ้าเพราะน้ำแข็งของเจ้ามีความบริสุทธิ์สูง
ราธกระแอมในลำคอและพูดต่อ
สิ่งที่ข้าจะสอนเรียกว่าธารน้ำแข็ง เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติที่จะได้รับการสอนอันแสนพิเศษจากราชาแห่งแก่นแท้
'โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้ว เริ่มเลยเถอะ’
ข้ารู้ว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่อ่อนแอแต่เจ้าไม่ควรรีบร้อน มันต้องใช้เวลามากมายในการเรียนรู้ นี่เป็นเทคนิคลับที่สร้างขึ้นโดยราชาแห่งแก่นแท้...
'งั้นฉันไม่เรียนก็ได้ ฉันจะใช้วิธีของฉันนี่แหละ’
ด-เดี๋ยวก่อน! ก็ได้! ข้าจะเริ่มสอนแล้ว!
เขาทำเป็นเดินหนีแต่ราธก็รีบตามเขามาอย่างรวดเร็ว
ทำจิตใจให้สงบเป็นอันดับแรก
'โอเค'
ราอนหลับตา เขาหายใจเข้าและหายใจออกช้ามากจนเริ่มรู้สึกเบื่อ จนในที่สุดสมองของเขาก็ถูกย้อมเป็นสีขาวเหมือนกับกระดาษ
เจ้าต้องเชื่อมโยงเดี๋ยวนี้
'เชื่อมโยง?’
ใช่ เชื่อมโยงน้ำแข็งของเจ้าเข้ากับน้ำแข็งที่ปกคลุมโลกใบนี้ คราวนี้ก็ลืมตาได้
ราอนลืมตาขึ้นและเห็นราธในเปลวไฟสีน้ำเงินเข้ม
มองดูน้ำแข็งของราชาแห่งแก่นแท้ดีๆ
เกล็ดน้ำแข็งกระจายออกจากเปลวไฟของราธและจมลงสู่พื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ราวกับว่าหิมะและเกล็ดน้ำแข็งผสมผสานกันอย่างกลมกลืน
เห็นมันไหม?
'ดูเหมือนน้ำแข็งของแกกับหิมะกำลังรวมกัน'
อืม ดูจากภายนอกก็เป็นแบบนั้นล่ะนะ แต่มันไม่ใช่หิมะกับน้ำแข็งแต่เป็นน้ำแข็งจากสองที่เชื่อมโยงกัน และถ้าเจ้าให้ร่างกายของเจ้ากับข้าข้าก็จะอธิบายได้ถูกต้องมากขึ้น…
'ฉันไม่อยากเรียนแล้ว’
ข-เข้าใจแล้วๆ! คอยดูอีกทีนะ ข้าจะไม่พูดแบบนั้นอีก!
ราธกลืนน้ำลายแล้วถอยหลัง
อะแฮ่ม จุดประสงค์คือการประสานน้ำแข็งของเจ้ากับน้ำแข็งในดินแดนแห่งนี้ การทำเช่นนี้จะทำให้เจ้าสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อยู่ไกลออกไปได้ราวกับว่ามันกำลังสัมผัสผิวหนังของเจ้าอยู่ หิมะและน้ำแข็งที่ครอบคลุมพื้นที่รอบๆ จะกลายเป็นตา หู รวมถึงผิวหนังของเจ้า
'อ่าห้ะ ฉันคิดว่าฉันพอเข้าใจแล้ว'
ราอนพยักหน้า คำอธิบายที่ตรงไปตรงมาและกระชับของมันทำให้เขาเข้าใจได้ง่าย
'แต่ว่า...'
มันทำจริงได้ยาก
การเชื่อมโยงน้ำแข็งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน การฟังและทำเข้าใจเป็นนั้นไม่ยากแต่การนำไปปฏิบัติจริงดูเหมือนจะยากทีเดียว
มันต้องใช้เวลานานมากด้วย แต่ถ้าเจ้าได้เรียนรู้ได้ล่ะก็ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะคุ้มค่ากับเวลามาก
'อืม...'
เพราะหน่วยสอดแนมกำลังยุ่งวุ่นวายกับการลากดอเรียนวิ่งไปรอบๆ ภูเขา อีกทั้งลมหิมะที่เริ่มรุนแรง เขาจึงตัดสินใจจะทดลองตอนนี้เลย
'งั้นฉันจะลองตอนนี้’
งั้นข้าจะสอนคาถาให้
'คาถา? แต่ฉันใช้เวทมนตร์ไม่ได้นะ’
คาถาไม่ได้ใช้เวทมนตร์ มันเหมือนกับบทสวดช่วยจำที่เจ้าต้องพึมพำระหว่างการฝึกฝนออร่านั่นแหละ
'อ่าห้ะ'
เริ่มเลยนะ เทพเจ้าจมอยู่ในทะเลสาบน้ำแข็งซึ่งมีดอกไม้น้ำแข็งบานสะพรั่ง...
ราอนใช้วงแหวนแห่งไฟเพื่อเพิ่มสมาธิและปัญญาจนสามารถดจำบทสวดของราธได้ทั้งหมด
เจ้าน่าจะยังจำไม่ได้ ดังนั้นข้าจะพูดอีก...
'ฉันจำได้หมดแล้ว’
เอ่อ สัตว์ประหลาดชัดๆ ...
ราธจ้องมองเขา ถามว่าเขาเป็นมนุษย์จริงๆ หรือไม่
'งั้นฉันจะเริ่มแล้วนะ’
ราอนหลับตาและใช้ผลึกเยือกแข็ง น้ำแข็งที่ออกมาจากร่างกายของเขาแผ่ไปบนพื้นกระจายไปทั่วหิมะ
วืด!
น้ำแข็งไหลออกมาจากตัวเขาเรื่อยๆ จนถึงขนาดที่มือของเขาเริ่มรู้สึกชาแต่ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น ยกเว้นการที่ก้อนหิมะในบริเวณโดยรอบเริ่มแข็งขึ้น
'ฉันไม่เข้าใจว่าฉันจะเชื่อมโยงมันได้ยังไง'
การเชื่อมโยงไม่ได้แปลว่าให้เชื่อมโยงจริงๆ แค่คิดภาพก็พอ
'ฉันจะลองอีกที’
ราอนพยักหน้าและกลั้นหายใจ น้ำแข็งค่อยๆ ออกไปจากตัวเขาในขณะที่เขาท่องคาถา
'แบบกลมกลืน’
ผสานน้ำแข็งกับน้ำแข็ง
เขาปล่อยน้ำแข็งออกมาไม่หยุดโดยการหมุนวงแหวนแห่งไฟ
'มันบอกว่าภาพเป็นสิ่งสำคัญสินะ'
เขาพยายามจินตนาการภาพที่ดีที่สุด
'การผสานรวมกันเป็นหนึ่ง...'
ขณะที่เขาคิดถึงการผสมผสานอย่างกลมกลืน เขาก็นึกถึงทะเลเหนือที่เขาเห็นก่อนหน้านี้
มหาสมุทรอันไม่มีที่สิ้นสุด ที่ซึ่งน้ำทั้งหมดในโลกมารวมตัวกัน
เขาจินตนาการว่ามหาสมุทรทำให้น้ำแข็งผสานกันอย่างกลมกลืน
'แต่มหาสมุทรนั้นไม่ใช่ทะเลเหนือ'
มหาสมุทรที่เขาจินตนาการเป็นมหาสมุทรที่สงบ ยิ่งใหญ่ และไม่มีคลื่นยักษ์
เมื่อจินตนาการถึงมหาสมุทรที่สงบราวกับทะเลสาบได้แล้ว เขาก็ท่องคาถา
ผลึกเยือกแข็งที่แผ่ออกมาจากปลายนิ้วของเขาเริ่มบางลง มันบางกว่าเส้นด้ายและมันปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่
ครืน!
โลกหมุนช้าลง
ไม่สิ มันเป็นตัวเขาเองที่ช้าลง
แขนขาของเขาหนักอึ้งราวกับถูกฝังอยู่ในโคลน
ในทางกลับกัน ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบคมจนรู้สึกหนาวสั่น
เขาได้ยินเสียงคลื่นที่อยู่ไกลออกไป
มหาสมุทร ราอนกำลังลอยอยู่ในมหาสมุทร ไม่สิ เขาต้องกลายเป็นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทรให้ได้
ครืน!
เสียงคลื่นในมหาสมุทรอันเงียบสงบ
ทางซ้าย
หน่วยสอดแนมกับดอเรียนเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ราดินกำลังถามดอเรียนเกี่ยวกับร่องรอยที่อยู่บนพื้น รอยเท้านั้นเป็นรอยเท้าของโทรลล์น้ำแข็งที่สร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ดอเรียนหยิบไม้บรรทัดขนาดใหญ่กับกล่องเครื่องมือออกมาเพื่อเริ่มวัดรอยเท้า
คลื่นเล็กๆ ซัดอยู่ทางด้านขวา แบร์วูฟกำลังซ่อนตัวและตื่นตระหนกเพราะได้กลิ่นของมนุษย์มาตามสายลม มันกำลังถืออาหารซึ่งดูเหมือนออร์คอยู่ในมือ
'หือ?'
เขาหัวเราะอย่างแห้งๆ
ความสามารถนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เขาสามารถรู้ว่าใครอยู่รอบตัวเขา แต่ยังรวมถึงสิ่งที่คนพวกนั้นกำลังทำอยู่อีกด้วย
"ฮู่ว..."
ราอนถอนหายใจและลืมตาขึ้น
'ทำได้แล้ว'
เขายังไม่สามารถทำมันได้นานพอและระยะทางก็ไม่ไกลนักเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเขาแต่เขาก็รู้วิธีใช้มันเบื้องต้นแล้ว เขาแค่ต้องฝึกฝนมากขึ้นเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบ
อย่าเศร้าไป ธารน้ำแข็งเป็นคุณสมบัติการรับรู้ที่ราชาแห่งแก่นแท้สร้างขึ้นเพื่อตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่สามารถเรียนรู้มันได้ง่ายแน่ เจ้าต้องฝึกฝนอย่างขันแข็งอีกเป็นปีจึงจะสามารถใช้มันได้
ราธบอกเขาว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้เวลานานพอสมควร
'หนึ่งปีฟังดูนานเกินไป'
แต่นั่นเป็นเพียงการประมาณคร่าวๆ จากการที่ราชาแห่งแก่นแท้กำลังช่วยเหลือเจ้าอยู่
'อืม... งั้นเรามาพนันกันไหม?’
พนัน?
'ฉันน่าจะเรียนรู้ธารน้ำแข็งได้ภายในหกเดือน'
หกเดือน…?
ราธไม่สามารถตอบได้ทันที มันกำลังคิดทบทวนอย่างหนักเพราะที่ผ่านมามันแพ้ให้ราอนทุกครั้ง
'เอาล่ะ ถ้างั้นห้าเดือนเป็นไง?'
ตกลง!
มันตอบตกลงทันที
[ราธเสนอการเดิมพัน
เงื่อนไข: ได้รับ'ธารน้ำแข็ง'ภายในระยะเวลาห้าเดือน
สำเร็จ: แต้มสถานะทั้งหมด +4 เพิ่มระดับของคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง
ล้มเหลว: อารมณ์โกรธเพิ่มขึ้น 10 แต้ม]
"ฉันยอมรับ"
การเดิมพันได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว
ราอนพยักหน้าและพยายามทำหน้านิ่ง
'เอาล่ะ ไม่ว่าผลเดิมพันจะเป็นแบบไหนฉันก็คิดว่าธารน้ำแข็งเป็นความสามารถที่โดดเด่นมาก'
เป็นเพราะราชาแห่งแก่นแท้สร้างมันขึ้นมาเพื่อตัวเอง
ทันทีที่ราธได้ยินคำชมมันก็พยักหน้าด้วยสีหน้าสดใส ราอนคิดว่ามันคงชอบได้รับคำชมมากๆ
'มีวิธีใช้พลังน้ำแข็งแบบอื่นอีกไหม?'
แน่นอน! เริ่มจากการแพร่กระจายน้ำแข็งซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐานที่สุด เอาล่ะ วันนี้ราชาแห่งแก่นแท้จะสอนวิธีจัดการกับน้ำแข็งให้เจ้าเอง!
ราอนยิ้มเล็กน้อยและมองดูราธที่กำลังลุกไหม้อยู่ในเปลวไฟเยือกแข็ง
ปลาตัวนี้มีเนื้อเยอะซะด้วย
* * *
* * *
"เด็กใหม่!”
ขณะที่ราธกำลังจะเริ่มบทเรียนเกี่ยวกับการใช้น้ำแข็ง ราดินก็กวักมือให้เขาเข้าไปหา
“มันใกล้ค่ำแล้ว ดังนั้นคืนนี้เราจะนอนที่นี่กันก่อน”
ราดินชี้ไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ไม่มีใบ
“เป็นที่รู้กันว่าเราไม่สามารถก่อกองไฟในป่าหิมะแบบนี้ได้เพราะพวกสัตว์จะวิ่งหนีจากไฟแต่มอนสเตอร์จะวิ่งเข้ามาแทน ...แล้วเราจะรอดจากอากาศหนาวนี้ได้ยังไงนะ?”
“ปูที่นอนหนาๆ ใช้ผ้าห่มขนเป็ด แล้วก็นอนจนกว่าจะเช้า!”
ดอเรียนยกมือขึ้นตอบอย่างไม่ลังเล
“……”
ราอนและหน่วยสอดแนมต่างพูดไม่ออกและจ้องมองไปที่ดอเรียนด้วยสายตาว่างเปล่า
“เราจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
"แต่ผมมีน..."
"เธอล่ะ! คำตอบของเธอคืออะไร?”
ขณะที่ดอเรียนกำลังจะหยิบที่นอนออกมาจากกระเป๋าหน้าท้อง ราดินก็ชี้ไปที่ราอนอย่างรวดเร็ว
"เราต้องขุดดินลงไป”
“ใช่ นั่นคือคำตอบที่ถูกต้อง”
ราดินพึมพำว่าพวกเขาตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงและถอนหายใจ
“แล้วเราต้องขุดตรงไหนล่ะ? พื้นถูกแช่แข็งเพราะสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากแบบนี้”
"ผมขอลองหาก่อนครับ”
ราอนพยักหน้าแล้วย่อตัวลง เขาตรวจสอบพื้นโดยการใช้มือกวาดหิมะออก
'ฉันต้องจะหาดินแบบนั้นให้เจอ'
พื้นดินของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินแข็งๆ แต่ก็มีช่องว่างปะปนอยู่บ้าง
เขาต้องหาพื้นดินอ่อนๆ ที่มีช่องว่างด้านล่างที่ทำให้ขุดได้ง่าย
'เจอแล้ว’
ดินตรงนี้สูงกว่ารอบๆ และมีสีอ่อนกว่า ดินตรงนี้ต้องนุ่มและมีช่องว่างอยู่ข้างใต้ที่ทำให้ขุดอุโมงค์ได้ง่ายแน่นอน
"ตรงนี้ครับ”
“ชิ...”
ราอนเคาะดิน ส่วนราดินก็ทำหน้าบูดบึ้ง
“ทำไมเราต้องขุดตรงนี้?”
“สีที่อ่อนและการที่มันนูนออกมาเล็กน้อยเหมือนกับเนินเขา หมายความว่ามันเป็นดินที่มีช่องว่าง…”
"เธอนี่ฉลาดจริงๆ เลย”
"ครับ?"
“ในเมื่อเธอฉลาดมากแปลว่าเธอก็เลือกกินมากด้วย!”
“เอ่อ…”
“จะรู้มากเกินไปแล้วนะ!”
ราดินย่นจมูกและบ่นไม่หยุด
“ถ้าเขาตอบถูกงั้นให้ผมเริ่มขุดเลยไหมครับ?”
ดอเรียนเข้ามาหาพวกเขาโดยถือพลั่วใหญ่สองเล่มกับกระสอบหนึ่งใบ
“เธอไปเอาพลั่วพวกนั้นกับกระสอบมาจากไหน?”
"ผมพกมันมาด้วย”
เขาเคาะที่หน้าท้องของเขา
“นี่พวกเธอเป็นตัวอะไรเนี่ย?!”
ใบหน้าของราดินแดงไปหมด
“คนหนึ่งรู้ทุกอย่างและอีกคนก็มีของทุกอย่าง! ถามจริงๆ ว่าพวกเธอเป็นสัตว์ประหลาดปลอมตัวมาใช่ไหม?”
"ฮิๆ ผมไม่สุดยอดขนาดนั้นหรอกครับ”
ดอเรียนยิ้มเหมือนคนโง่ที่คิดว่ามันเป็นคำชม
“เฮ้อ ฉันปวดหัว...”
“หัวหน้าครับ เรื่องนี้ไว้ก่อนก็ได้นะครับ ถ้าเราจะนอนที่นี่คืนนี้เราต้องรีบตั้งฐานก่อนที่มันจะดึกเกินไป นี่เริ่มมืดแล้ว”
ราอนหยิบพลั่วเล่มหนึ่งที่ดอเรียนเอามา
“ไม่ต้อง! เรามีที่ประจำของเราอยู่แล้ว”
ราดินพึมพำว่าไอ้เด็กพวกนี้น่าขยะแขยงจริงๆ จากนั้นก็เข้าไปในป่าที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว
"ไม่ต้องสนใจเขา เขากำลังชมเธออยู่”
"เขาแค่โกรธเพราะเขาไม่มีอะไรจะสอนเธอ”
“ทำตัวเป็นเด็กจริงๆ เลย”
“แกล้งทำเป็นไม่รู้บ้างก็ได้ เขาดูน่าสงสารมากเลยนะ”
หน่วยสอดแนมพากันหัวเราะคิกคักแล้วตามราดินไป
“เขาเป็นคนที่แปลกมากเลยนะครับ”
ดอเรียนเลียริมฝีปากและเก็บพลั่วกลับเข้าไปในกระเป๋าหน้าท้องของเขา
ราอนส่ายหน้า
'นายนั่นแหละที่แปลกที่สุด…'
* * *
พวกเขาไปที่ชายป่าตามหน่วยสอดแนมและพบกับผ้าสีขาวเหมือนหิมะอบู่บนพื้น
พวกเขาดึงผ้าออกแล้วเข้าไปในอุโมงค์ ข้างในมีพื้นที่กว้างพอให้ทั้งสิบสองคนนอนได้
ราอนและหน่วยสอดแนมจัดกระเป๋าเดินทางและกินขนมปังเนื้อนุ่มที่ดอเรียนนำออกมาจากกระเป๋า
และเพราะพวกเขาได้กินขนมปังแทนเนื้อแห้ง ความนิยมของดอเรียนจึงพุ่งทะลุเพดาน
นั่นสมควรแล้ว เพราะแม้แต่ราชาแห่งแก่นแท้ก็พบว่าขนมปังนั้นยอดเยี่ยม
ราธพึมพำว่ารู้สึกโล่งใจ เพราะมันคิดว่าเขาจะได้อยู่แบบยาจกและคงไม่ได้กินของอร่อย
“ทีนี้เราต้องตัดสินใจเรื่องการเฝ้าระวังตอนกลางคืน…”
ราดินเอาขนมปังที่เหลือเข้าปากแล้วลุกขึ้นยืน
"ผมขอกะแรกครับ”
ราอนยกมือขึ้น
“กล้าดียังไงมาแย่งกะแรก! มันยังเร็วไปสิบปีนะทหารใหม่!”
ราดินส่ายหัวอย่างแน่วแน่
“กะแรกกับกะสุดท้ายจะเป็นของคนที่อยู่มานานที่สุด กะของพวกเธอจะอยู่ตรงกลางๆ แน่นอน”
"อย่างนี้นี่เอง"
“หยุดยิ้มโง่ๆ ให้ฉันได้แล้ว! เธอกำลังทำให้ฉันดูเหมือนรุ่นน้องของเธอ”
"โอเคครับ"
“อึก…”
ราอนยิ้มเบาๆ และราดินก็พูดไม่ออกอีกครั้ง
“งั้นฉันจะตัดสินใจเอง กะแรกคือ...”
สุดท้ายราดินก็จัดเวรให้ทุกคนด้วยตัวเอง ถึงแม้จะบอกว่ามันขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่อยู่ในหน่วยแต่เขาก็มาอยู่กะที่สามพร้อมกับราอน
'เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร'
จากวิธีที่เขาพูดและกระทำจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนอยากจะสอนรุ่นน้องของเขาดีๆ และที่เขาโมโหก็เพราะราอนรู้ทุกอย่างจนเขาไม่เหลืออะไรให้สอน
"คุณชาย”
ราอนกำลังคิดว่าราดินเป็นคนตลกดีแล้วดอเรียนก็แอบเข้ามาข้างๆ เขา
“เขาแปลกคนจริงๆ นะครับ อย่าไปแหย่เขามากเลย”
ดอเรียนพูดพร้อมดื่มชาร้อน
แกต่างหากที่แปลกคนที่สุด
คราวนี้เป็นราธที่พูดแทนใจเขา
* * *
ในระหว่างการเฝ้ายามตอนกลางคืน ราดินเหลือบมองไหล่ของราอน เด็กแปลกๆ ที่เขาไม่รู้อะไรเลยนอกจากชื่อกำลังหันหน้าไปทางป่าอันมืดมิด
'เป็นคนที่ไม่ธรรมดาจริงๆ'
ไม่ใช่แค่ความรู้ในตำราเท่านั้นแต่เขายังเก่งมากในการนำมันไปปฏิบัติจริงอีกด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนแบบนี้
“ฮืม”
ราดินย่องออกจากแคมป์และเข้าไปหาราอน เขาแค่อยากจะคุยกับราอนเล้กน้อยแต่ราอนกลับหลับตาอยู่
'เสร็จฉันแล้ว!’
แม้แต่เด็กประหลาดคนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหลับระหว่างเฝ้ายาม ราดินกำลังจะปลุกเขาให้ตื่นโดยคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม
ราอนลืมตาขึ้นมาทันที ราดินพูดไม่ออกเมื่อเห็นดวงตาสีแดงเพลิงที่ลุกโชนของเขา
“อ๊ะ…”
"หัวหน้าครับ”
ราอนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เอ่อ มีอะไรรึเปล่า?”
"มอนสเตอร์กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
"ม-มอนสเตอร์?”
“ใช่ครับ ผมมั่นใจมาก”
ไม่มีสัญญาณของความลังเลในน้ำเสียงของราอน
"เธอรู้ได้ยังไง?”
“ผมมีประสาทสัมผัสที่ค่อนข้างดี ...มอนสเตอร์ประเภทน้ำขึ้นมาจากทะเลเหนือและกำลังเคลื่อนที่อยู่ใต้ดิน”
“มอนสเตอร์ประเภทน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน…”
ราดินกลืนน้ำลาย มันน่าจะเป็นฉลามตุ่น มอนสเตอร์ประเภทน้ำที่มีหัวฉลามและกรงเล็บตุ่น
'แต่พวกมันไม่มีทางมาทางนี้แน่...'
พวกมันสามารถเคลื่อนที่ใต้ดินได้แต่พวกมันไม่เคยเข้าใกล้ป่าที่อยู่ติดกับภูเขาสตาลินเลย
“อืม…”
เขาลองเอาหูแนบพื้นแต่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย เหมือนว่าราอนคงเข้าใจผิดไปเอง เขาคงคิดว่าความฝันของเขากลายเป็นความจริง
'ว่าแล้วเชียว’
แม้ว่าราอนจะทำตัวนิ่งๆ แต่ก็ไม่มีทางที่เด็กใหม่จะไม่รู้สึกประหม่า ในที่สุดเขาก็ดูเหมือนมนุษย์ปกติขึ้นมา
“หมายถึงฉลามตุ่นใช่ไหม?”
"ใช่ครับ"
“ฉลามตุ่นไม่มาที่นี่หรอกนะเพราะป่านี้เป็นอาณาเขตของมอนสเตอร์ที่ลงมาจากภูเขาสตาลิน ตื่นได้แล้ว”
ราดินจับไหล่ของราอนพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่สีหน้าของราอนที่แข็งทื่อราวกับเปลือกไม้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง
“ผมพูดจริงนะครับ”
“ฉันก็จริงจังเหมือนกัน”
เขาส่ายหัวแล้วชี้ไปที่พื้น
“พื้นจะสั่นสะเทือนเมื่อฉลามตุ่นเคลื่อนไหว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการสั่นสะเทือนแม้แต่นิดเลย”
“ต้องอีกสักพักถึงจะรู้สึก”
“ฮ่าๆ เนื่องจากมันเป็นวันแรกของเธอ ฉันจะไม่ดุที่เธอแอบงีบในตอน…”
ราดินกลืนน้ำลายและลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ พื้นน้ำแข็งเริ่มสั่นสะเทือน
"อะไรเนี่ย! จริงเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเป็นการสั่นสะเทือนของฉลามตุ่นที่กำลังเข้ามาใกล้
“นั่นไงครับ”
“น-นี่ไม่ใช่…”
“รีบปลุกคนอื่นเถอะครับ พวกมันใกล้จะมาถึงแล้ว”
"ล-แล้วเธอล่ะ?”
"ผมจะยื้อเวลาไว้ให้”
“เอ่อ เธอ...”
"รับไปเถอะครับ”
"โอเค! ระวังด้วยนะ!”
ราดินรีบกลับลงไปในอุโมงค์
"ตื่นได้แล้ว! ฉลามตุ่นกำลังมาทางนี้!”
"ห๊ะ? เกิดอะไรขึ้น?”
"ฉลามตุ่นเหรอ? ทำไมฉลามตุ่นถึงมาที่นี่?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
หน่วยสอดแนมตื่นขึ้นทันทีแม้จะมีข้อสงสัยและรีบไปเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
“ม-มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นจริงๆ เหรอครับ?”
ดอเรียนเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่อตื่นตระหนก
“เตรียมตัวเสร็จแล้วก็รีบออกมา!”
ราดินออกไปนอกถ้ำโดยถือหน้าไม้กับดาบไว้ในมือ ขณะที่เขากำลังมองหาราอนและตำแหน่งของฉลามตุ่น พื้นตรงหน้าเขาก็แยกออกจากกันและมีฉลามตุ่นตัวใหญ่โผล่ออกมา
"ฉลามตุ่น!”
มันเป็นฉลามตุ่นขนาดมหึมาจากทะเลเหนือ มันมีหัวเป็นฉลาม กรงเล็บเป็นตุ่น และร่างกายคล้ายมนุษย์
“อั่ก!”
เขาพยายามถอยกลับไปยิงหน้าไม้แต่กลับสะดุดล้มที่ทางเข้าอุโมงค์
"กี้!”
ด้วยเสียงกรีดร้องอันแปลกประหลาด ฉลามตุ่นพยายามโจมตีเขาด้วยมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บหลายสิบอัน
'เวรเอ๊ย! ฉันคงต้องยอมสละแขนแล้วก… หา?'
ขณะที่เขาตัดสินใจยอมสละแขนเพื่อยื้อเวลาถอยไปตั้งหลัก เส้นสีแดงก็ปรากฏขึ้นที่คอของฉลามตุ่นตัวนั้น
ชู่ววว!
หัวฉลามตุ่นถูกตัดออกเหมือนหัวปลา
เขาเงยหน้าขึ้นและเขาก็มองเห็นดวงจันทร์สีแดงสองดวงลอยอยู่กลางท้องฟ้าที่มืดมิด
“อ๊ะ…”
นั่นไม่ใช่ดวงจันทร์ มันเป็นดวงตาสีแดงของราอน
"อย่าพึ่งขยับ”
"ธ-เธอเป็นใครกันแน่..."
“ถ้าคุณไม่เชื่อผม...”
ราอนหันกลับมา เลือดสีแดงจากดาบหยดลงบนพื้น
"อย่างน้อยก็เชื่อดาบของผมเถอะครับ”