นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 117
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 117
ห้องโถงของคฤหาสน์ซีกฮาร์ท
สายตาอันเยือกเย็นของเกล็นมองตรงไปที่ริมเมอร์ซึ่งยืนแยู่ด้านหน้า
"แกมาทำไมอีกล่ะ?”
"พ-พรืด!"
อยู่ๆ ริมเมอร์ที่ยืนมองเกล็นน์อย่างเงียบๆ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็แกล้งทำเป็นปิดปากแต่ที่จริงแล้วมันเป็นการแสดง คนที่เห็นใบหน้าทะเล้นของเขาจะต้องอยากทุบตีเขาแน่นอน
"แก..."
“ก่อนอื่นฉันคงต้องขอโทษ”
"พูดเรื่องอะไร?"
“ฉันเข้าใจผิดเรื่องท่านหัวหน้าตระกูล”
"ฮะ?"
“ฉันไม่คิดว่านายจะแอบออกคำสั่งกับสายลับเงาแบบนั้น เป็นความรักต่อหลานชายที่วิเศษมาก”
สายลับเงา เป็นหน่วยข่าวกรองที่ดีที่สุดที่อยู่ใต้บังคับบัญชาผู้นำตระกูลโดยตรง ซึ่งพวกเขาจะทำหน้าที่ภายใต้สถานการณ์ที่พิเศษมากๆ เท่านั้น
"แกรู้ได้ไง..."
เสียงของเกล็นสั่นเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดได้ยากจริงๆ
"หึๆ ฉันอยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว แน่นอนว่าฉันต้องมีแหล่งข้อมูลของตัวเอง”
ริมเมอร์ยักไหล่แต่เห็นได้ชัดว่าใครเป็นคนบอกข้อมูล
“เฮ้อ… โรเอ็น...”
เกล็นถอนหายใจและมองไปที่โรเอ็นซึ่งยืนอยู่ทางด้านซ้ายของเขา โรเอ็นโบกมือเป็นท่าทางที่บ่งบอกว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่เขาก็ไม่สามารถซ่อนมุมริมฝีปากของเขาที่ยกขึ้นเป็นรูปจันทร์เสี้ยวได้
“สุดยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ? ราอยเอาความคิดที่จะหาเงินจากบ่อนพนันเพื่อเอาไปประมูลของที่อยากได้มาจากไหนกันนะ? เขาเรียนมาจากใครล่ะเนี่ย?”
ชัดเจนแล้วว่าเขาเรียนรู้มาจากใคร เป็นเอลฟ์ผมแดงที่พูดพล่ามต่อหน้าเกล็นนี่เอง
“แล้วเขาก็ขโมยของกลับมาแถมยังเยาะเย้ยเจ้าหญิงบัลการ์เพื่อแก้แค้นที่แพ้การประมูล เขาสุดยอดจริงๆ”
ริมเมอร์หัวเราะและบอกว่าเพราะเขาเลี้ยงลูกศิษย์ได้ดีมาก
“เรายังไม่แน่ใจว่าเขาขโมยจริงหรือเปล่า”
"ฮิๆ สายลับเงายังมั่นใจตั้ง 90% มันก็ชัดเจนแล้วนี่นา”
"เรื่องนี้ก็รู้ด้วยเหรอ?”
เกล็นขมวดคิ้ว ดูเหมือนโรเอ็นจะบอกริมเมอร์จนหมดเปลือก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนิทกันมากแล้วหลังจากได้ใช้เวลาร่วมกันในช่วงหลังมานี้
“แม้แต่สายลับเงาก็ยังไม่รู้ว่าราอนขโมยผีเสื้อสีดำไปได้ยังไง เป็นเด็กที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
“นี่แกมีความสุขกับการที่ลูกศิษย์เป็นขโมยเหรอ?”
“แต่เจ้าหญิงบัลการ์หาเรื่องเขาก่อน! ซีกฮาร์ทไม่ใช่ตระกูลที่ยอมจำนนกับใครหน้าไหนอยู่แล้วเพราะงั้นการแก้แค้นของราอนนั้นยุติธรรมสุดๆ”
“นั่นก็จริง”
เกล็นพยักหน้าเห็นด้วย เขาจะโกรธมากถ้าราอนยอมอดทนกับการหาเรื่องของเธอ
“เขาไม่ได้ทำผิดกฎการสอบด้วยนะเพราะเขาไม่ได้เป็นคนเปิดเผยตัวตนด้วยตัวเอง นอกเหนือจากความสามารถที่โดดเด่นของเขาก็คงเป็นความโชคดีนี่แหละ”
ริมเมอร์ปรบมือแล้วพูดว่า "นั่นแหละลูกศิษย์ของฉัน!"
"อะแฮ่ม แน่นอนว่าเขาโชคดีเหมือนกัน”
เกล็นพยักหน้า หน้าตาของเขาดูแปลกๆ เพราะพยายามกลั้นยิ้ม
“เรื่องที่เขาได้รับกริชที่ถูกสิงของคูเบรัดและช่วยเจ้าชายคนที่สามของโอเว่นเป็นเรื่องที่น่าทึ่งเช่นกัน ถ้าเราทำการค้ากับโอเว่นครั้งต่อไปเราคงจะได้กำไรมากขึ้น”
“ที่จริงแล้วราอนก็ค่อนข้างพิเศษอยู่ตลอด ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วล่ะ ตอนที่เขาเห็นฉันครั้งแรกเขาก็ไม่ร้องไห้เลยและพอฉันตรวจสอบร่างกายของเขาโดยใช้ออร่าเขาก็ยิ้มให้… แฮ่ม!”
เมื่อสังเกตเห็นว่าริมเมอร์กำลังยิ้มเกล็นก็หยุดพูดและบังคับมุมริมฝีปากที่ยกขึ้นให้กลับลงไป
"เสียดายจัง ฉันเกือบจะได้เห็นยิ้มของนายอีกครั้งแล้วเชียว”
"เงียบซะ"
“อ้อ! เขาดูมีความกระตือรือร้นมากกว่าตอนที่เขาอยู่ที่นี่มาก ฉันจะตั้งตารอฟังเรื่องของเขาอีกนะ”
“โทษที แต่นั่นจะไม่เกิดขึ้น ฉันเรียกสายลับเงากลับมาแล้ว”
"หา? ทำไมล่ะ?”
“ฉันส่งสายลับเงาไปทำหน้าที่ป้องกันราอนจากคนของคารุนกับบัลเดอร์เท่านั้น แต่ในเมื่อราอนไปถึงปราสาทฮาบุนอย่างปลอดภัยแล้วแล้วก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป”
เกล็นหลับตาและวางคางบนมือราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจอะไร
“อ๋า เพราะงั้นนายก็เลยขอให้ปราสาทฮาบุนรายงานแทนสินะ”
ริมเมอร์พยักหน้าราวกับว่าเขารู้ทุกอย่างแล้ว
"โรเอ็น!”
“ร-เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกนะครับ!”
โรเอ็นส่ายหน้าอย่างแรง
"คิๆ! มันก็แน่อยู่แล้วนี่ หัวหน้าตระกูลรักหลานชายมากขนาดนั้นแล้วจะทำยังไงได้? ก็ต้องติดต่อคนดูแลปราสาทฮาบุนเพื่อขอให้เขารายงานเรื่องของหลายชายในทุกสองสัปดาห์อยู่แล้ว”
“…”
เกล็นแอบกัดริมฝีปาก
'มันรู้จักฉันดีเกินไป'
อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน ริมเมอร์จึงรู้และเดาทุกอย่างเกี่ยวกับเขาได้
“อื้มๆ ฉันก็ชอบราอนเหมือนกัน แต่ฉันคงต้องยอมแพ้เขาในเรื่องนี้ ฉันต้องยอมรับความจริงว่าความรักที่ปู่มีต่อหลานชายนั้นหาที่เปรียบมิได้ สุดยอดจริงๆ”
“……”
“เพราะงั้นนายก็ควรหยุดปากไม่ตรงกับใจได้แล้ว! พอเขากลับมาก็เรียกเขามาที่นี่แล้วก็บอกไปว่า 'หลานชายที่รักของตาทำได้ดีมากเลย ตาดีใจมากที่ได้ยินข่าวดีจากหลาน มาให้ตาคนนี้กอดหลานหน่อย' มันจะทำให้นายมีความสุข ทำให้ฉันมีความสุข และยังทำให้ซิลเวียมีความสุข ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุขตลอดไป… อั้ก!”
บรรยากาศในห้องโถงเย็นยะเยือกขึ้นมา
“เอ่อ ฉันลืมไปว่าฉันมีนัด ฉันต้องไปแ...”
เขากำลังจะเผ่นออกทางประตูแต่เท้าของเขาก็ลอยขึ้นจากพื้นก่อน ออร่าของเกล็นยกเขาขึ้นมาบนอากาศ
"ท-ท่านผู้นำตระกูล? อย่าล้อเล่นกันแบบนี้ส-…”
"เฮ้อออ"
เกล็นถอนหายใจออกแรงๆ แล้วลุกขึ้นยืน เขากระดิกนิ้วจากนั้นริมเมอร์ก็ถูกดึงเข้าหาเขา
“คราวที่แล้วฉันคงสั่งสอนแกไม่มากพอ”
ดวงตาสีแดงของเขาเรืองแสงอย่างน่ากลัว
“คราวนี้ฉันจะทำให้แกจำได้แบบไม่ลืมเลย”
"อ้ากกกก!”
* * *
ราอนเดินออกจากปราสาทฮาบุนตามราดินไป เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
เขามองเห็นภูเขาซึ่งดูเหมือนภาพวาดสีขาวภายใต้ท้องฟ้าสีเงินที่อยู่ห่างไกลออกไป
'นั่นคือภูเขาสตาลิน'
ภูเขาที่สูงจนเสียดฟ้าคือภูเขาสตาลิน ลือกันว่าฝูงมอนสเตอร์มากมายปรากฏออกมาจากที่นั่น
'แล้วก็…'
เขามองไปทางขวา ทะเลสีดำอันบิดเบี้ยว ทะเลเหนือที่มีคลื่นยักษ์ซัดขึ้นมาเหมือนกำแพงสูงแบบไม่มีที่สิ้นสุด
“สวยใช่ไหม?”
"ใช่ครับ"
อย่างที่ราดินพูด มันเป็นภาพธรรมชาติที่งดงามมาก หัวใจของเขาเต้นแรงและอยากจะดูมันต่อไป
“เดี๋ยวเธอก็เบื่อ ไม่สิ เธอจะอยากทำลายมันให้ราบเลยด้วยซ้ำ ตามมาทางนี้”
เขายิ้มแล้วนำทางไป แทนที่จะเข้าใกล้ทะเลเหนือเขากลับเดินไปที่ภูเขาสตาลิน
“ระวังตัวไว้ด้วย อาจจะมีอะไรโผล่มาก็ได้”
“ฮือ ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองตัวสั่นเพราะหนาวหรือกลัวกันแน่ มันดูอันตรายทุกที่เลย…”
ดอเรียนตัวสั่นและเดินตัวติดหนึบกับราอน ดอเรียนเกาะเขาแน่นมากจนเขาเริ่มอึดอัด
“ฉันไม่รู้สึกถึงอะไรเลย”
"จ-จริงเหรอครับ?”
"ใช่"
"ฮ้า โล่งไปที”
แขนของโดเรียนหยุดสั่น ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อใจราอนมากกว่าใครๆ
"เฮ้ เด็กใหม่! มาตรงนี้!”
ราดินตะโกนเรียกพวกเขา ราอนกับดอเรียนก็วิ่งไป
"คิดว่านี่คืออะไร?”
ราดินชี้ไปที่รอยเท้าขนาดใหญ่ มันเป็นรอยเท้าขนาดใหญ่ที่ยาวพอๆ กับแขนของคน
“เอ๋! นี่มันโทรลล์ไม่ใช่เหรอครับ? มันใหญ่มากเลย!”
ดอเรียนกลืนน้ำลายขณะมองดูรอยเท้า
"แล้วเธอล่ะ?”
ราดินมองไปที่ราอน
“ไม่ใช่โทรลล์แน่นอนครับ”
ราอนมองรอยเท้าด้วยสายตาที่ไม่แยแส
'ไม่มีทางที่มันจะเป็นโทรลล์'
รอยเท้าของโทรลล์นั้นใหญ่และลึกกว่านี้ และรอยเท้านี่ก็ไม่ได้มาจากมอนสเตอร์สองขาแต่เป็นมอนสเตอร์สี่ขา
'มอนสเตอร์หรือไม่ก็สัตว์สี่ขาที่อยู่แถวๆ นี้น่าจะเป็น...'
เขาทบทวนเนื้อหาในหนังสือที่จูเดียลมอบให้เขาและลองคิดว่ารอยเท้านั้นเป็นอะไรบ้าง
"แพะภูเขาคาริ”
“หือ?”
"เอ๋!”
“ธ-เธอบอกว่าอะไรนะ...”
ราดินกับหน่วยสอดแนมหันกลับมามองราอนด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดวงตาของพวกเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความสับสน
"ผมบอกว่ามันเป็นแพะภูเขาคาริ แพะภูเขาสีดำที่มีฝ่าเท้าใหญ่และมีสามเขา ใช่ไหมล่ะครับ?”
“เอ่อ…”
พวกเขาไม่คิดว่าราอนจะตอบได้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก หน่วยสอดแนมจึงไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของพวกเขาได้
“ถ้างั้นเธอบอกได้ไหมว่ารอยเท้านี้เกิดขึ้นตอนไหน?”
ราดินกลืนน้ำลายและชี้ไปที่รอยเท้าอีกครั้ง
"สักครู่นะครับ”
ราอนคุกเข่าลงตรวจสอบรอยเท้า เมื่อตรวจสอบปริมาณหิมะที่กำลังตกและหิมะในบริเวณรอบๆ แล้วก็ทำให้เขาสามารถรู้เวลาคร่าวๆ ได้
“ถ้าดูจากรอยเท้าน่าจะยังไม่ถึงสิบสองชั่วโมงนะครับ ถ้าเราเดินไปทางทิศตะวันตกเราจะตามมันทัน”
"เอ่อ...อืม..."
“โห!”
หน่วยสอดแนมอ้าปากค้างและราดินก็หัวเราะจางๆ
"เธอเป็นทหารรับจ้างใช่ไหม?”
"ครับ"
“ฉันไม่รู้ว่าใครสอนเธอแต่พวกเขาต้องเป็นอาจารย์ที่เก่งมากแน่ๆ”
ราดินบอกว่าอยากทดสอบพวกเขาอีกหน่อยแล้วก็พาเดินไปรอบๆ ภูเขา พวกเขาเคลื่อนไหวกันค่อนข้างเร็ว
“ช-ช้าลงหน่อยดีไหมครับ?”
"ไม่เป็นไรหรอกน่า เมื่อสามวันก่อนผู้บัญชาการมาจัดการมอนสเตอร์แถวนี้ทั้งหมดแล้ว”
แม้จะบอกว่ามอนสเตอร์ส่วนใหญ่ตายไปแล้ว แต่ดวงตาของหน่วยสอดแนมก็ยังคงดูกระสับกระส่าย
“มีตรงนี้อันหนึ่ง”
ราดินหยุดอยู่หน้าต้นไม้ที่มีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด เขาชี้ไปที่รอยเล็บตรงกลางลำต้นแล้วหันกลับมา
"พวกเธอคิดว่านี่คือตัวอะไร?”
"ท-โทรลล์! เป็นโทรลล์แน่ๆ!”
สมองของดอเรียนทำงานไม่ถูกต้อง เขาเอาแต่ย้ำว่ามันเป็นโทรลล์ด้วยสายตาเหม่อลอย
“รอยเล็บของแบร์วูฟครับ”
ราอนรีบตอบ
“หือ?”
“ท-ทำไมเธอคิดอย่างนั้นล่ะ?”
“แบร์วูฟมักจะทำร่องรอยในอาณาเขตของมันด้วยการข่วนก้อนหินหรือต้นไม้ด้วยกรงเล็บที่หนาและแข็งแรง แต่ว่า..”
ราอนส่ายหัวและมองไปที่รอยเล็บบนต้นไม้
“ผมคิดว่าตัวนี้คงตายไปแล้วนะครับ”
“ธ -เธอรู้ได้ยังไง?”
“พวกมันจะทำรอยซ้ำเดิมเป็นระยะๆ แต่นี่เป็นรอยเก่าแล้วแปลว่ามันคงตายไปแล้ว”
ราดินและหน่วยสอดแนมต่างเงียบไป พวกเขามองราอนด้วยสายตาประหลาดใจ
“ก็บอกว่าจะทดสอบความสามารถในการสอดแนมของผมไม่ใช่เหรอครับ?”
ราอนยิ้มกว้างและผายมือออกไป
"จะทดสอบอีกเท่าไหร่ก็ได้นะครับ”
* * *
* * *
อึก
ราดินกลืนน้ำลายลงคอแห้งผากแล้วมองดูแผ่นหลังของราอน
'เด็กคนนี้เป็นใครกัน?'
ผู้ที่เข้าร่วมหน่วยสอดแนมของปราสาทฮาบุนจะต้องผ่านการรับน้องก่อน
แม้ว่ามันจะเป็นการรับน้องแต่มันก็ไม่ได้หมายถึงการต่อยหรือการตะคอกแบบโหดร้าย
การรับน้องของหน่วยสอดแนมเป็นเพียงการให้คำแนะนำปนข่มขู่เล็กน้อยโดยการสอนเด็กใหม่ว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายแค่ไหนและความรู้ที่พวกเขาเรียนรู้มาจากหนังสือนั้นไร้ค่าเพียงใดเมื่อเข้าสู่การต่อสู้จริง
'มันได้ผลมาตลอด'
ไม่ใช่แค่ทหารรับจ้างเท่านั้นแต่ยังรวมถึงอัศวินและนักดาบด้วย เด็กใหม่ทุกคนมักจะหมดท่าหลังเจอการรับน้องเข้าไป
'แต่ว่า...'
ราดินกัดริมฝีปากของเขาอย่างอดทนและมองไปที่ราอนที่กำลังตอบคำถามเกี่ยวกับร่องรอยของมอนสเตอร์
'เขาแตกต่าง’
คำถามเกี่ยวกับมอนสเตอร์ ทิศทางที่มันมุ่งหน้าไป สถานที่ วันที่ และแม้แต่เวลาที่การต่อสู้เกิดขึ้น เขาตอบคำถามถูกทั้งหมด
เขารู้สึกเหมือนกับราอนเป็นคนที่เติบโตมาในปราสาทฮาบุนอย่างไรอย่างนั้น
'แม้แต่คนที่อยู่ที่นี่มาห้าปีก็ยังไม่รู้ว่าร่องรอยแบบนี้เกิดขึ้นตอนไหน…'
แม้ว่าเขาจะเป็นทหารรับจ้างแต่เขาก็ยังเด็กอยู่เลย ไม่รู้ว่าเขาเติบโตมาแบบไหนถึงได้มีประสบการณ์มากมายขนาดนี้
'แล้วเขาก็ดูผ่อนคลายมาก'
ไม่ว่าเขาจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากเพียงใด แต่นี่เขากำลังอยู่ที่ปราสาทฮาบุนซึ่งถูกเรียกว่านรกทางเหนือ
ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ถึงข่าวที่แม้แต่ทหารผ่านศึกก็ยังต้องหนีจากสถานที่แห่งนี้ แต่ดวงตาของราอนกลับสงบนิ่งเกินไป
คนที่มีสายตาแบบนั้นมีสองแบบ
ไม่บ้ามากก็มั่นใจเกินไป
"เด็กใหม่”
ราดินก้าวไปข้างหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
“คิดว่านี่คืออะไร?”
เขาชี้ไปที่รูเล็กๆ ที่แทบจะมองไม่เห็น ซึ่งมันดูเหมือนเป็นรูที่เจาะด้วยสว่าน
'ไม่มีทางที่เขาจะรู้'
คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันเป็นรูที่เกิดจากธรรมชาติ แต่มันไม่ใช่ มันเป็นรอยเล็บของสิงโตหิมะที่มีกรงเล็บคล้ายกริช
แม้แต่คนที่อยู่ที่ปราสาทฮาบุนมานานก็ยังสับสน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่มือใหม่จะรู้เรื่องนี้
“รอยเล็บของสิงโตหิมะครับ”
และราอนก็ตอบถูกราวกับกำลังเยาะเย้ยให้ความคิดของเขา
“ฮ-เฮ้ย! เธอแน่ใจนะ? มันอาจเป็นแค่รูจากแรงลม...”
"ผมมั่นใจ”
ราอนพยายามเอานิ้วล้วงเข้าไปในรูแล้วส่ายหัว
“ถ้ามันเป็นรูจากลมภายในก็จะเป็นทรงกลม แต่เล็บของสิงโตหิมะจะมีปลายแหลมคม มันไม่เหมือนกัน”
“อ่า…”
“ดูจากรอยนี้แล้วมันคงอยู่ที่นี่เมื่อหนึ่งวันก่อนแล้วมันก็มุ่งไปทางทิศเหนือ”
ราดินแสดงสีหน้างุนงง
มันเป็นคำตอบที่ถูกต้องและก็เป็นคำตอบที่สมบูรณ์แบบ
'เด็กนี่ถูกฝึกมาจากที่ไหนกัน?’
* * *
ราอนหลับตาและเปิดการรับรู้ของตัวเอง เขาเรียกใช้ญาณแห่งบุปผาหิมะเพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ
หลังจากที่เขาตอบคำถามเกี่ยวกับสิงโตหิมะได้แล้ว ราดินก็พึมพำว่า'เธออยากทำอะไรก็ไปทำเถอะ'และทิ้งเขาไว้ตามลำพังเพื่อลากดอเรียนไปอีกมุมหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ดอเรียนจึงถูกหน่วยสอดแนมลากไปรอบๆ และเกือบจะร้องไห้ออกมา เขามองราอนอย่างน่าสงสารและพยายามขอความช่วยเหลือแต่ราอนก็เมินเฉยต่อเขา
วืด!
กริชแห่งเรควีเอ็มบอกเขาว่ามันจะช่วยสำรวจด้านหลังและทิศตะวันตกเอง ด้วยเหตุนี้ราอนจึงมุ่งความสนใจไปที่ด้านหน้าและทิศตะวันออกเท่านั้น
'ช่วยได้เยอะเลย ขอบใจนะ'
วืด!
กริชแห่งเรควีเอ็มบอกว่าไม่เป็นไร
อะแฮ่ม!
ราธซึ่งกำลังเพลิดเพลินกับกลิ่นเย็นสดชื่นของทุ่งหิมะกระแอมในลำคอและหันมาหาเขา
นั่นไม่ใช่วิธีการสอดแนมที่ถูกต้อง
'ฮะ?’
วิธีใช้ออร่าการรับรู้ของเจ้าก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน
มันโพล่งออกมาโดยมองไปที่ราอนและกริชแห่งเรควีเอ็มที่กำลังสำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆ
'ไม่เป็นไร ฉันแค่ต้องพยายามมากขึ้นหน่อย'
ราชาแห่งแก่นแท้เคยอาศัยอยู่ในสถานที่ที่เป็นจุดตัดของภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและมหาสมุทรที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ ยังมีวิธีที่ดีกว่าในการใช้ออร่าการรับรู้ในที่่แบบนี้
'อืม...'
ราอนเลียริมฝีปากและกริชแห่งเรควีเอ็มก็ดังก้องกังวานเพื่อบอกว่ามันจะพยายามหนักอีก
'กริชแห่งเรควีเอ็มบอกฉันว่ามันมีวิธีเหมือนกัน'
ฮ-แฮ่ม! ราชาแห่งแก่นแท้อยู่ในระดับที่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตไร้ค่าเช่นนั้น! หากเจ้ายอมรับการสอนของราชาแห่งแก่นแท้เจ้าจะได้สัมผัสกับความรู้สึกที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เกล็ดน้ำแข็งสีน้ำเงินออกมาจากราธ เหมือนกับว่ามันกำลังขอร้องให้เขาตอบรับการสอนของมัน
'นี่มันเร็วกว่าที่คิดไว้'
ปลางับเหยื่อได้แค่สองวันแต่มันคงถึงเวลาที่จะดึงเบ็ดแล้ว
'ก็ได้ๆ ฉันลองหน่อยก็ได้'
ราอนมองกลับไปที่ราธอย่างเฉยเมย
นั่นเป็นตัวเลือกที่ดี! เมื่อเจ้าตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของข้าได้แล้วเจ้าก็จะไม่พอใจกับพลังสยดสยองของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นอีกต่อไป!
ราธยิ้มและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา
มันเป็นปลาที่ตัวใหญ่มากจนน้ำกระเซ็นไปหมด