ตอนที่แล้วตอนที่ 647 อสูรเงา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 649 การพบกันอีกครั้ง

ตอนที่ 648 โดรอน


ตอนที่ 648 โดรอน

ทันใดนั้นเองมันก็ได้มีสายลมอันมืดมิดพัดผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซี่ยเฟยตื่นตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเขาสัมผัสได้ถึงแววตาอันดุร้ายคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่

ชายหนุ่มรีบดึงมือของเขากลับมาจากโคมไฟในทันที ก่อนที่จะเก็บคริสตัลต้นกำเนิดกลับเข้าไปภายในแหวนมิติโดยหยุดการเปิดใช้งานพีระมิดแห่งที่ 3 เอาไว้ก่อน

“นั่นสินะ ฉันเกือบจะตกหลุมพรางของแกแล้ว ที่แท้แกก็เป็นคนลงมือเพียงคนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันต้องยอมรับจริง ๆ ว่าแผนการทุกอย่างของแกดำเนินไปอย่างแนบเนียนมากทีเดียว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นั่นนายกำลังคุยอยู่กับใคร?” อันธถามขึ้นมาด้วยความสับสน

เซี่ยเฟยเลือกที่จะเพิกเฉยคำถามของอันธและใช้มือทั้งสองข้างจับดาบแทงบลัดบิวเทียสลงไปบนพื้นพีระมิดอย่างรุนแรง

อ๊าก!!!

เสียงกรีดร้องอันแปลกประหลาดดังขึ้นภายในพีระมิด คล้ายกับว่าชายหนุ่มไม่ได้แทงดาบเข้าไปในพื้นพีระมิดแต่แทงดาบเข้าไปในร่างของสัตว์อสูร

‘ทำไมพีระมิดมันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาได้!?’ ทั้งอันธและโอโร่ต่างก็คิดภายในใจอย่างตกตะลึง

พีระมิดแห่งที่ 3 คล้ายกับพีระมิด 2 แห่งในก่อนหน้านี้ที่มีรูปปั้นของผู้พิทักษ์ตั้งเชิดชูเอาไว้ในพีระมิด เพียงแต่ผู้พิทักษ์ในพีระมิดเป็นสัตว์อสูรไม่ใช่มนุษย์เหมือนกับ 2 พีระมิดในก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นว่าพื้นผิวของพีระมิดแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยพื้นผิวที่เป็นเกลียวคลื่นเล็กน้อย ไม่แตกต่างจากร่างของปรสิตที่ฝังตัวอยู่ในร่างของมนุษย์มากนัก

เมื่อบลัดบิวเทียสแทงลงไปบนพื้นผิวนั้น พีระมิดทั้งหลังก็ส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีชีวิต

ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องโถงมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างฉับพลัน โดยพื้นผิวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งพีระมิดนั้นได้รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มก้อนเผยให้เห็นร่างสีดำร่างหนึ่งขึ้นมา

ร่างที่ปรากฏนี้ดูเหมือนรูปปั้นสัตว์อสูรในพีระมิดทุกประการ โดยมันเป็นอสูรร่างขมุกขมัวสีดำที่มีเขี้ยว 6 คู่และมีเส้นเลือดสีฟ้าปกคลุมไปทั่วทั้งตัว

“มันคืออสูรเงาจริง ๆ ระวังตัวเอาไว้ด้วย” โอโร่กล่าวอย่างจริงจัง

“มันเป็นอสูรเทวะงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม

“ใช่ มันคืออสูรเทวะที่มีอายุหลายหมื่นปี สัตว์อสูรพวกนี้ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่พวกมันมักจะมีความคิดที่เจ้าเล่ห์มากอีกด้วย”

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเบา ๆ

อสูรเงามีรูปลักษณ์ที่ไม่แน่นอน ซึ่งในบางครั้งมันก็อาจจะเป็นแม่น้ำ บางครั้งพวกมันอาจจะเป็นภูเขา หรือในบางครั้งพวกมันก็อาจจะเป็นกลุ่มก้อนเมฆหมอกสีดำที่กำลังปรากฏตัวขึ้นอยู่ตรงหน้าของเซี่ยเฟย

ดวงตานับพันทั่วทั้งร่างของสัตว์อสูรเปิดขึ้นพร้อม ๆ กัน ขณะที่มันจับจ้องมองมายังชายหนุ่มอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อ

สถานการณ์ในปัจจุบันสามารถอธิบายให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า พวกปรสิตที่อยู่ในร่างของมนุษย์ไม่ใช่สัตว์อสูรโดยทั่วไป แต่มันคือร่างแยกของอสูรเงาตัวนี้ต่างหาก

ในมุมหนึ่งการแยกร่างของสัตว์อสูรตัวนี้คล้ายคลึงกับวิชาเล่ห์มายาของเซี่ยเฟย แต่วิชาของชายหนุ่มสามารถสร้างร่างแยกขึ้นมาได้เพียงแค่ร่างเดียว และร่าง ๆ นั้นก็ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา

แต่อย่างไรอย่างไรก็ตามอสูรเงาตัวนี้สามารถควบคุมร่างแยกของมันได้อย่างมากมายในเวลาเดียวกัน และมันยังสามารถเข้าไปยึดร่างของสิ่งมีชีวิตที่ชาญฉลาดอย่างเช่นมนุษย์ได้อีกด้วย

“แกเป็นอสูรเทวะที่ชาวแอตแลนติสบูชาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมแกถึงทรยศต่อพวกพ้องของตัวเองแบบนี้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างเย็นชา

“สัตว์อสูรที่ชาวแอตแลนติสบูชาบ้าบออะไร! ฉันคืออสูรเงาโดรอนต่างหาก!!” โดรอนร้องคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งอยู่เล็กน้อย คล้ายกับว่าการเสือกแทงของบลัดบิวเทียสในก่อนหน้านี้ทำให้มันได้รับบาดเจ็บมากพอสมควร

ย้อนกลับไปในก่อนหน้านี้โดรอนได้เปลี่ยนร่างของตัวเองให้กลายเป็นพื้นผิวของพีระมิดพร้อมกับลดพลังป้องกันของมันลง เพื่อพยายามจะทำตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ เซี่ยเฟยจะได้ค้นพบตัวตนของมันแล้วจู่โจมเข้าใส่พื้นพีระมิดเข้าไปดื้อ ๆ แบบนั้น

“ชาวแอตแลนติสงั้นเหรอ!? พวกมันเป็นเพียงแค่ตระกูลที่ตกต่ำและต้องหลบหนีการตามล่าไปทุกที่อย่างหัวซุกหัวซุน ท้ายที่สุดมันก็มาตั้งรกรากอยู่ในรังอีกาดำแบบนี้ แล้วสถานที่อันอัปยศแห่งนี้มันจะเหมาะสมกับสถานะของฉันได้ยังไง”

“แกรู้ไหมว่าฉันต้องอดทนรอมานานแค่ไหนกว่าที่โพไซดอนจะแก่ตัวและอ่อนแอลง ในที่สุดฉันก็เป็นคนลงมือฆ่ามันด้วยตัวของฉันเอง และจัดการฆ่าคนของพวกมันทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว”

แววตาของโดรอนเต็มไปด้วยความดุร้าย และร่างกายอันใหญ่โตของมันก็กำลังสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“ในเมื่อแกจัดการกับชาวแอตแลนติสหมดแล้ว แล้วทำไมแกถึงยังอยู่ที่นี่? มันยังมีเรื่องอะไรที่ฉุดรั้งแกเอาไว้งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

ดวงตาสีดำอันเจ้าเล่ห์ของโดรอนกลิ้งไปกลิ้งมาก่อนที่มันจะเหลือบมองไปยังเซี่ยเฟยในทันที ซึ่งคำพูดของชายคนนี้ก็ค่อนข้างที่จะทำให้มันรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

“ถ้าฉันเดาไม่ผิดแกคงจะไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับชาวแอตแลนติสตั้งแต่แรกเลยสินะ แต่พวกเขาอาจจะมีอะไรบางอย่างที่บังคับทำให้แกเชื่อฟัง แกเลยรอคอยโอกาสให้คนคนนั้นอ่อนแอก่อนที่จะลงมือสังหารทุกคนโดยไม่ลังเล”

“ส่วนเหตุผลที่แกสังหารประชาชนชาวแอตแลนติส นั่นก็เพราะว่าแกต้องการที่จะทำลายสิ่งที่กักขังแกเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่แกเป็นเพียงแค่สัตว์อสูรที่ไม่มีพลังของกฎ แกเลยไม่สามารถเข้าสู่โดมทองคำของชาวแอตแลนติสได้ แล้วมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแกถึงติดอยู่ที่นี่มาจนถึงวันนี้”

“หลังจากถูกคุมขังมานานหลายปีแกเลยใช้พลังพิเศษของตัวเองในการแทรกซึมเข้าไปในพันธมิตร โดยหวังว่าแกจะได้พบกับผู้ใช้กฎที่จะช่วยแกเปิดโดมทองคำของแอตแลนติสได้ จากนั้นแกจะได้หลุดพ้นออกไปจากสถานที่แห่งนี้เสียที”

“แต่น่าเสียดายที่พันธมิตรไม่ใช่ที่รวมตัวกันของผู้ใช้กฎ แกเลยไม่สามารถมองหาตัวตนที่เหมาะสมจะช่วยเหลือแกได้ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่แกได้ค้นพบตัวตนของฉัน และคิดว่าฉันเป็นผู้ที่จะปลดปล่อยการจองจำอันยาวนานของแกได้สักที แกเลยพยายามนำทางฉันมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อมาเปิดโดมทองคำให้กับแก”

การวิเคราะห์ของเซี่ยเฟยทำให้โดรอนรู้สึกประหลาดใจ แม้แต่อดีตจอมเผ่ามารอย่างโอโร่ก็ยังรู้สึกตกตะลึง

ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ของเซี่ยเฟยอยู่ในระดับที่น่ากลัวมาก และเขาก็ยังใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานในการสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่ถูกวางแผนการไว้เป็นเวลานานหลายปี

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ!” โดรอนส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่ง คล้ายกับว่ามันไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว

“ใช่ แกเดาถูกแล้ว ของในโดมทองคำนั่นเป็นของที่สมควรจะเป็นของฉัน ส่วนพวกชาวแอตแลนติสทุกคน พวกมันก็สมควรแล้วที่จะต้องถูกชดใช้!!”

ในจารึกมนตราอสูรมีการบันทึกเอาไว้ว่าอสูรเงาเป็นอสูรที่ร้ายกาจมาก และพวกมันก็มักที่จะไม่ยอมเชื่อฟังผู้ควบคุมง่าย ๆ ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยได้พบกับโดรอนในวันนี้ เขาก็ได้พิจารณาแล้วว่าบันทึกในจารึกมนตราอสูรต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทุกประการ

น่าเสียดายที่ขนอุยไม่ได้เดินทางมาพร้อมกับเขา แล้วมันก็คงจะทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้กลายเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ฝ่ายตรงข้ามยังเป็นอสูรเทวะซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับอสูรผู้พิทักษ์ของตระกูลหยู อย่างไรก็ตามชิงเหมิงก็เป็นสัตว์อสูรที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลของตัวเองเป็นอย่างดี แต่โดรอนคือสัตว์อสูรที่วางแผนจะทรยศเจ้านายของตัวเองมาตั้งแต่ต้น

“ใช้พลังกฎเปิดพีระมิดแห่งที่ 3 ซะ! แล้วฉันจะยอมไว้ชีวิตแก” โดรอนพยายามล่อลวงเซี่ยเฟย

“ฉันเปิดแน่ แต่ฉันจะเปิดหลังจากที่แกตายลงไปซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวตอบ

มือของเขายังคงกระชับบลัดบิวเทียสที่ยังคงเปื้อนเลือดของโดรอนอยู่ และถึงแม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอสูรเทวะ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวโดรอนเลยแม้แต่น้อย

“คิดจะฆ่าฉันงั้นเหรอ? อย่าคิดว่าเพียงแค่แกมีพลังกฎแล้วแกจะทำอะไรได้ ฉันกับชาวแอตแลนติสก็หนีออกมาจากดินแดนกฎด้วยเหมือนกัน พลังระดับอัศวินกฎของแกไม่มากพอที่จะมาท้าทายอสูรเทวะอย่างฉันหรอก” โดรอนกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ซึ่งในระหว่างนั้นร่างกายของโดรอนก็ค่อย ๆ บวมออกจนดูคล้ายกับภูเขาสีดำขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม

“แกกลัวแล้วงั้นเหรอ? ตราบใดก็ตามที่แกช่วยฉันเปิดโดมทองคำนั่น ฉันก็จะเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของฉันออกไป จากนั้นพวกเราก็แยกทางกันแต่โดยดี”

“ไม่ว่ามันจะมีอะไรซ่อนไว้ในโดมทองคำนั่นแต่ทุกอย่างจะต้องเป็นของฉันทั้งหมด ของทุกชิ้นที่ฉันเห็นคือของของฉัน และสิ่งที่ฉันยังไม่เคยเห็นแต่เคยได้ยินมามันก็ต้องเป็นของของฉันเหมือนกัน!!” เซี่ยเฟยกล่าว

เมื่อได้ยินคำอธิบายอันไม่สมเหตุสมผลของเซี่ยเฟย ดวงตาเป็นจำนวนมากของโดรอนก็จับจ้องมองไปยังชายหนุ่มด้วยความโกรธ เพราะมันไม่เคยเห็นใครที่มีความโลภมากขนาดนี้ และเหตุผลที่อีกฝ่ายพูดออกมามันก็ฟังดูไม่เหมือนกับสิ่งที่เรียกว่าเหตุผลเลยแม้แต่น้อย

“ฉันมีบางอย่างที่ลืมบอกแกไป สิ่งที่เคยปราบปรามแกเอาไว้ในอดีตมันคือวิชามนตราอสูรใช่ไหมล่ะ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

คำว่าวิชามนตราอสูรถึงกับทำให้โดรอนสะดุ้งขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะสาเหตุที่มันทนทุกข์ทรมานมาหลายหมื่นปีนั่นก็เป็นเพราะวิชา ๆ นี้ของชาวแอตแลนติสจริง ๆ

“แก... แกรู้ได้ยังไง?!” โดรอนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ฉันไม่ใช่แค่รู้แต่ฉันยังใช้วิชานี้ได้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหงส์ครามบนแขนขวาของเขาที่ถูกปลดปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเผชิญหน้ากับอสูรเงาในรังอีกาดำอยู่นั้น มันก็ได้มีชาย 2 คนถูกล้อมรอบด้วยกฎแห่งมิติยืนอยู่ท่ามกลางอวกาศ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอกเลย

ชายอ้วนซึ่งเป็นผู้นำของชายสองคนนี้เผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า ขณะจ้องมองไปยังรังอีกาดำด้านหน้าอย่างเจ้าเล่ห์

“รังอีกาดำงั้นเหรอ? มันช่างน่าสนใจจริง ๆ” ชายอ้วนกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“อาจารย์ เป้าหมายของเราคือการตามหาเซี่ยเฟยกับแฟนของเขานะครับ ในเมื่อเราค้นพบร่องรอยของเขาแล้วเราควรจะต้องติดต่อไปหาคนอื่นไหม?” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

“กูเดอร์เรี่ยน! นี่นายโง่หรือเปล่า? ที่นี่อยู่ห่างจากดินแดนกฎมากแค่ไหน เซี่ยเฟยจะมีเข็มทิศมิติระยะไกลแบบนั้นได้ยังไง?”

“ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่าคนที่อยู่ในรังอีกาดำเป็นเซี่ยเฟยจริง ๆ ก็ดีสิ ถ้าหากเราจัดการเขาด้วยตัวเองเราก็ไม่จำเป็นจะต้องแบ่งส่วนแบ่งให้กับใคร ถึงยังไงฉันก็มีพลังระดับราชากฎแล้วทำไมฉันจะต้องกลัวอัศวินกฎตัวน้อย ๆ แบบนั้นด้วย”

ชายหนุ่มที่ชื่อกูเดอร์เรี่ยนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อได้รู้ว่าอาจารย์ของเขาไม่ได้มีเจตนาจะแจ้งเรื่องของเซี่ยเฟยไปยังนักล่ากลุ่มอื่น ๆ จากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เดินทางเข้าไปภายในรังอีกาดำพร้อมกัน

***************

ศัตรูล้อมรอบพี่เฟยอีกแล้ววววว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด