ตอนที่ 646 อารยธรรมที่สูญหาย
ตอนที่ 646 อารยธรรมที่สูญหาย
รังอีกาดำคือกลุ่มเนบิวลาที่มารวมตัวกันเป็นพื้นที่อันกว้างใหญ่ ซึ่งเซี่ยเฟยก็ไม่รู้ว่าปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดแห่งนี้จะได้นำพาเขาตรงไปยังที่ไหนกันแน่
ระบบมองกลางคืนของชุดเกราะถูกเปิดใช้งานในทันที เมื่อชายหนุ่มเข้ามาท่ามกลางกลุ่มเนบิวลาที่ไม่มีแสงสว่าง และถึงแม้ว่าพื้นที่ในบริเวณนี้จะมืดมิดมากแค่ไหน แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดของบริษัทฟิกส์ มันจึงทำให้ชายหนุ่มยังคงมองเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่างรอบ ๆ ตัวได้อย่างชัดเจน
เครื่องยนต์ควอนตัมพ่นเปลวไฟออกมาเล็กน้อยผลักดันเซี่ยเฟยเข้าไปภายในรังอีกาดำ โดยชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ เพื่อคอยสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างใจเย็น
กองยานรบสีทองดูเหมือนจะได้หายตัวไปอย่างกะทันหัน เพราะในระหว่างการเดินทางชายหนุ่มกลับไม่ได้พบอุปสรรคใด ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็คล้ายกับมองเห็นแสงสว่างในปลายอุโมงค์ และเมื่อเขาได้มุ่งหน้าไปจนถึงพื้นที่บริเวณนั้น เขาก็ได้พบว่าพื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยแสงสีขาว จนทำให้เขาสามารถมองเห็นพื้นที่รอบ ๆ ได้โดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาระบบมองกลางคืน
ภาพภายในรังอีกาดำกลับกลายเป็นเหมือนกับสวรรค์ในตำนานที่มียานรบและเกาะลอยฟ้าบินไปมาให้เห็นอย่างมากมาย
“นั่นมันอะไรน่ะ?” อันธกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปในระยะไกล
เมื่อเซี่ยเฟยมองตามอันธไปเขาก็ได้พบกับเกาะขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ท่ามกลางเนบิวลาสีขาว โดยบนตัวเกาะมีต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์และมันก็ยังมีโล่พลังงานป้องกันขนาดใหญ่ครอบคลุมทั่วทั้งเกาะ จนทำให้เกาะแห่งนั้นดูคล้ายกับเกาะลอยฟ้าที่เคลื่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ
แปลก!
ลึกลับ!
น่าสนใจ!
ไม่ว่าเกาะอื่น ๆ หรือยานรบที่กำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าจะดูลึกลับมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่ดูลึกลับเท่ากับเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ ที่สำคัญคือเซี่ยเฟยกลับรู้สึกคุ้นเคยเกาะลอยฟ้าแห่งนี้อย่างอธิบายไม่ถูก
“แปลกมาก! ทั้ง ๆ ที่นายบุกเข้ามาภายในรังของปรสิตพวกนั้นแล้ว แต่มันกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ระวังตัวเอาไว้ด้วย ฉันสัมผัสได้ว่ามันมีภัยคุกคามที่ฉันไม่รู้จักอยู่ในพื้นที่แห่งนี้” โอโร่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
แม้แต่โอโร่ก็ยังสัมผัสถึงตัวตนในพื้นที่นี้อย่างชัดเจนไม่ได้งั้นเหรอ?
สถานที่แห่งนี้มันจะลึกลับมากจนเกินไปแล้ว!
เซี่ยเฟยเป็นคนที่ชอบอยากรู้เรื่องต่าง ๆ มาโดยตลอด และเกาะลอยฟ้าที่อยู่ห่างไกลนั้นก็กำลังดึงดูดความสนใจของเขาไปได้สูงมาก ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่อย่างเงียบ ๆ และพิจารณาสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวัง
เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เกาะลอยฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดเขาก็ได้เห็นแผนผังของตัวเมืองที่อยู่บนตัวเกาะ
เมืองบนตัวเกาะมีการวางแผนผังโดยมีอาคารขนาดใหญ่สีทองอยู่ตรงกลาง ล้อมรอบเอาไว้ด้วยแม่น้ำเป็นวงกลมในหลาย ๆ ชั้น ซึ่งอาคารที่อยู่ใกล้บริเวณจุดศูนย์กลางจะเป็นอาคารที่หรูหรา ขณะที่อาคารที่อยู่รอบนอกไปจะเป็นอาคารธรรมดาคล้ายกับอาคารของประชาชนทั่วไป
บริเวณกลางเมืองมีโดมสีทองขนาดใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยพีระมิด 3 แห่งถูกจัดเรียงเอาไว้เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า บริเวณรอบ ๆ เมืองเต็มไปด้วยป่าไม้ที่หนาทึบ, ทะเลทรายอันแห้งแล้ง, มหาสมุทรอันกว้างใหญ่และชายหาดที่สวยงาม
แม้ว่าเกาะลอยฟ้าแห่งนี้จะมีขนาดใหญ่โตมาก แต่มันก็ไม่มีประชากรให้เห็นเลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่ภายในป่าก็ไม่มีเสียงนกร้องอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้เกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่แห่งนี้ดูเป็นพื้นที่ที่ไม่มีชีวิตชีวา
เซี่ยเฟยพยายามบินไปรอบ ๆ เกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่อย่างไม่เร่งรีบ ก่อนที่เขาจะได้พบกับสิ่ง ๆ นั้นที่น่าตกใจมาก
“นี่มันเครื่องยนต์!”
ภาพที่ชายหนุ่มเห็นคือเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถูกติดตั้งเอาไว้ใต้เกาะลอยฟ้าขนาดมหึมา โดยเครื่องยนต์นี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายสิบกิโลเมตร
เซี่ยเฟยรีบใช้ระบบสแกนของชุดเกราะทำการสแกนเกาะลอยฟ้าตรงหน้าในทันที ซึ่งหลังจากนั้นเพียงแค่ไม่นานโครงสร้างของเกาะก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอตรงหน้าของเขา
โครงสร้างภายในเกาะลอยฟ้าถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ทำให้ภาพเครื่องยนต์ที่เขาเห็นด้านใต้เกาะนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ของยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะในความเป็นจริงพื้นที่มากกว่าครึ่งเกาะต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ชิ้นนี้ทั้งหมด
ภาพเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้านี้ทำให้เซี่ยเฟยนึกถึงยานอวกาศของตระกูลหยูที่ทำหน้าที่แบกทวีปทั้งทวีปเอาไว้ในระหว่างที่มันเคลื่อนที่ไปในอวกาศ ซึ่งเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับยานอวกาศของตระกูลหยูมาก เพียงแต่ว่ามันมีขนาดที่หดเล็กลงจากยานอวกาศของตระกูลหยูเท่านั้น
แผนผังของเมืองทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกคุ้นเคยอย่างแท้จริง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามนึกเท่าไหร่เขาก็ยังคงนึกไม่ออกว่าเขาเคยเห็นแผนผังเมืองแบบนี้มาจากที่ไหน
ฝ่ามือใบไม้ร่วง!
ในเมื่อเขานึกไม่ออกเขาก็แค่ต้องบุกเข้าไปยังด้านใน เมื่อนั้นคำตอบก็จะค่อย ๆ ถูกเขาเปิดเผยออกมาเอง
ชายหนุ่มใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลเพื่อเจาะรูในชั้นเกราะป้องกันและเล็ดลอดเข้าไปภายในเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่
เมื่อเกราะพลังงานถูกเปิดออกเป็นช่องน้อย ๆ มันก็ปิดตัวอีกครั้งอย่างรวดเร็วหลังจากที่ชายหนุ่มได้เล็ดลอดเข้าไปภายในเกราะพลังงานของเกาะลอยฟ้าแล้ว
แม้ว่าภายในเกาะนี้จะมีอากาศเพียงพอให้มนุษย์อยู่อาศัย แต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่เลือกที่จะเปิดหน้ากาก เพราะท้ายที่สุดภายในรังอีกาดำก็ยังคงเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของพวกปรสิต และตราบใดก็ตามที่เขายังคงสวมใส่ชุดต่อสู้พวกนี้ ปรสิตที่น่ารังเกียจพวกนั้นก็ไม่มีทางเจาะเข้ามาภายในร่างของเขาได้
ชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ และในที่สุดเขาก็ได้ร่อนลงบนสะพานหินที่อยู่บริเวณชายขอบของตัวเมือง
สะพานหินที่ชายหนุ่มร่อนลงจอดเป็นสะพานที่ทอดจากตัวเมืองไปสู่ป่า แต่ถึงแม้ด้านใต้สะพานจะเป็นคูน้ำใส แต่มันกลับไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตในน้ำเลยแม้แต่ตัวเดียว
ตัวของสะพานหินมีขนาดกว้างใหญ่และแข็งแรงมาก จนทำให้ผู้คนหลายร้อยคนสามารถเดินผ่านได้อย่างง่ายดาย แล้วถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านพ้นมาเนิ่นนาน แต่สะพานแห่งนี้ก็ยังคงดูเหมือนใหม่และไม่มีร่องรอยของความเก่าให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
ทั่วทั้งเมืองมีสะพานลักษณะนี้กระจายกันอยู่ทั้งสิ้น 12 แห่ง ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างเขตเมืองกับเขตป่าที่อยู่ด้านนอก
เซี่ยเฟยค่อย ๆ เดินลึกเข้าไปภายในเมือง โดยเมืองบริเวณนี้เป็นวงแหวนรอบที่ 9 หรือมันก็คือสถานที่อยู่อาศัยของพลเมืองชั้นล่าง
ถัดจากวงแหวนชั้นที่ 9 ไปสู่วงแหวนชั้นที่ 8 ก็มีคูน้ำใสขวางกั้นอยู่เชื่อมต่อด้วยสะพานหินทั้ง 12 แห่งรอบ ๆ คูน้ำวงกลมแห่งนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนวงแหวนชั้นที่ 8 นี้ดูดีกว่าบ้านเรือนในวงแหวนชั้นที่ 9 อย่างเห็นได้ชัด
ยิ่งเซี่ยเฟยเดินลึกเข้าไปจนถึงวงแหวนรอบที่ 6 เขาก็ได้พบว่าระดับของอาคารดูมีความหรูหรามากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นการบ่งบอกว่าเมืองแห่งนี้มีการแบ่งระดับชนชั้นอย่างชัดเจน และยิ่งพื้นที่ที่อยู่ใกล้กลางเมืองมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นพื้นที่สำหรับชนชั้นสูงมาขึ้นเท่านั้น
“ฉันรู้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน!” เซี่ยเฟยกล่าวขณะที่เขาเดินเข้ามายังวงแหวนชั้นที่ 5
“ที่ไหน!?” ทั้งอันธและโอโร่ต่างก็ตะโกนถามขึ้นมาพร้อมกัน
“ที่นี่คือแอตแลนติส! มันคือหนึ่งในเมืองตำนานของมนุษย์โลก!!”
โอโร่ไม่เข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ของมนุษย์โลก เขาจึงทำได้เพียงแต่ยักไหล่อย่างเมินเฉย เพราะในมุมมองของเขาเมืองเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญในสายตาของเขาด้วยซ้ำ
แต่ในกรณีของอันธและเซี่ยเฟยที่เคยออกไปผจญภัยร่วมกันหาเมืองแห่งนี้บนดาวโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
นี่คือเมืองในตำนานของโลกมนุษย์!
เมืองที่บางตำนานบอกว่ามันคือเมืองของโพไซดอน!
นี่คือเมืองที่เป็นตัวแทนของอารยธรรมขั้นสูงสุดที่เคยมีมาในบรรดาเมืองโบราณทั้งหมดในตำนานของดาวโลก!
ตำนานเคยเล่าขานว่าแอตแลนติสคือเมืองที่สะดวกสบายมาก ประชากรภายในเมืองนี้ไม่จำเป็นจะต้องทำงาน สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ดำเนินไปโดยอัตโนมัติ ทำให้ประชาชนภายในเมืองสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย
นอกจากนี้ผู้คนภายในเมืองยังสามารถดูดซับความรู้ได้ผ่านทางอุปกรณ์พิเศษ มันจึงทำให้แม้แต่เด็ก ๆ ในแอตแลนติสก็ยังมีสติปัญญาเหนือกว่าเหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวโลกในยุคปัจจุบันด้วยซ้ำ
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับแอตแลนติสคือระบบพลังงานที่ตำนานเคยเล่าขานกันไว้ว่า สถานที่แห่งนี้ใช้พลังงานจักรวาลในการขับเคลื่อนและที่มาของแหล่งพลังงานนั้นก็คือคริสตัลอันลึกลับ
หากจะต้องเล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับตำนานแอตแลนติส มันก็อาจจะต้องใช้เวลาในการเล่ายาวนานถึง 3 วัน 3 คืน แต่ตำนานเหล่านั้นกลับกลายเป็นเรื่องไม่สำคัญเมื่อเซี่ยเฟยได้พบว่าทวีปแอตแลนติสกำลังมาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วจริง ๆ
ย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่เขายังเป็นเพียงแค่นักรบตัวเล็ก ๆ บนดาวโลก เขาเคยออกผจญภัยตามหาแอตแลนติสพร้อมกับพวกอันเดร์ แต่น่าเสียดายที่แอตแลนติสที่เขาค้นพบในตอนนั้นมันเป็นเพียงแค่พื้นที่ส่วนที่เหลือเพียงแค่เล็กน้อยที่แอตแลนติสได้ทิ้งเอาไว้บนดาวโลก
แต่ในวันนี้ชายหนุ่มกำลังยืนอยู่บนทวีปในตำนานจริง ๆ มันจึงทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“ดูนั่นสิ! ตัวอักษรบนผนังเป็นตัวอักษรของชาวแอตแลนติสอย่างชัดเจน แม้แต่รูปลักษณ์ของอาคารก็เป็นเหมือนกับอาคารในตอนที่เราเคยพบแอตแลนติสบนดาวโลก” เซี่ยเฟยพูดอย่างตื่นเต้นขณะชี้นิ้วไปยังสิ่งต่าง ๆ ตามสองฟากฝั่งของถนน
“ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นทวีปแอตแลนติสในตำนานจริง ๆ พีระมิดสีทองที่ตั้งอยู่บริเวณกลางเมืองพวกนั้นเหมือนกับสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้ในตำนานเลย” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าชาวแอตแลนติสจะไม่ใช่มนุษย์โลกสินะ และเมืองของพวกเขาก็ไม่ได้หายสาบสูญไป เพียงแต่พวกเขายกทวีปทั้งทวีปลอยออกไปในอวกาศมากกว่า แท้ที่จริงแล้วมันคือยานอวกาศที่ได้ไปอาศัยอยู่บนดาวโลก” เซี่ยเฟยกล่าว
“แล้วทำไมแอตแลนติสถึงได้มาติดอยู่ในรังอีกาดำแบบนี้? ผู้ก่อตั้งแอตแลนติสเป็นนักรบที่แข็งแกร่งมากไม่ใช่เหรอหรือว่าพวกเขาจะถูกปรสิตพวกนั้นจัดการจนหมดแล้ว แต่นักรบที่แข็งแกร่งแบบนั้นจะพ่ายแพ้ให้กับปรสิตพวกนั้นได้ยังไง?” อันธพึมพำขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
เซี่ยเฟยอยากจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่อยู่เหมือนกัน ว่าทำไมทวีปที่ยิ่งใหญ่ถึงได้มาติดอยู่ในรังอีกาดำแห่งนี้กันแน่
การที่ชาวแอตแลนติสได้ครอบครองเทคโนโลยีที่สามารถสร้างทวีปทั้งทวีปขึ้นมาบนยานอวกาศขนาดใหญ่ได้ มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาย่อมไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่อ่อนแออย่างแน่นอน แล้วสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งแบบนั้นจะพ่ายแพ้ให้กับพวกปรสิตที่อ่อนแอเหล่านี้ได้ยังไง
ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็เหงื่อออกขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะถ้าหากว่าชาวแอตแลนติสไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับพวกปรสิตที่อ่อนแอพวกนั้นจริง ๆ มันก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ภายในรังอีกาดำแห่งนี้
“เดี๋ยวก่อนนะ! เราได้รับวิชามนตราอสูรมาจากแอตแลนติสใช่ไหม? ไม่แน่ที่นี่อาจจะมีวิชามนตราอสูรอีก 3 ขั้นที่เหลือถูกทิ้งเอาไว้ที่ไหนสักที่ก็ได้” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
***************
พี่เฟยไม่มีทางพลาดในการตามล่าหามนตราอสูรขั้นที่ 7-9 แน่ๆ ว่างั้นไหม?