บทที่ 74 ขอบคุณพี่ใหญ่ควีนสำหรับการอุทิศตนอย่างกล้าหาญ
บทที่ 74 ขอบคุณพี่ใหญ่ควีนสำหรับการอุทิศตนอย่างกล้าหาญ
“นี่ฉันมาผิดเวลาหรือเปล่า”
สัญชาตญาณของเขากำลังเตือนว่ามันที่นี่อันตราย แต่ไม่ใช่แค่เชย์น่าเท่านั้น แม้แต่ลูกน้องที่อยู่รอบๆก็มองมาที่เขาเช่นกัน
“พี่ใหญ่ควีน เราต้องขอรบกวนพี่แล้ว!”
จู่ๆเหล่าลูกเรือที่ควีนเห็นเมื่อสักครู่ก็เข้าแถวและโค้งคำนับให้แก่เขา แล้วรีบไปซ่อนตัวด้านข้าง
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกเรือระดับสูงของกลุ่มโจรสลัดอสูรนั้นค่อนข้างแปลก และมันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกันเป็นอย่างดีในการต่อสู้ แต่พวกเขาก็ทำตัวแปลกๆกันในสถานการณ์ที่ไม่ใช่การต่อสู้
ตัวอย่างเช่น คิงและควีนจะเริ่มโต้เถียงกันทันทีที่พวกเขาพบกัน แต่ถึงแม้พวกเขาจะทะเลาะกันอย่างรุนแรง แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยใช้ความรุนแรง
แม้ว่าปัจจุบัน เชย์น่าและควีนจะสามารถสื่อสารกันได้อย่างสงบโดยไม่ต้องทะเลาะกัน แต่มันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเชย์น่าสามารถควบคุมอารมณ์ของเธอไว้ได้ น่าเสียดาย หากเธออารมณ์ไม่ดี การได้พบกับควีนอาจบานปลายไปสู่การต่อสู้ที่ดุเดือดอย่างรวดเร็ว
โดยปกติแล้ว ควีนจะถูกทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก และหลีกเลี่ยงการอยู่ที่ไหนก็ตามภายในรัศมีหลายสิบไมล์จากเชย์น่าในช่วงเวลาที่เธออาจอารมณ์ไม่ดี
ก่อนที่ควีนจะปรากฏตัว ลูกเรือกังวลมากว่าพวกเขาจะถูกดึงไปเป็นคู่ซ้อม แต่เมื่อควีนมาถึง พวกเขาก็ปลอดภัยแล้ว เมื่อเชย์น่าโกรธ ควีนก็เหมือนจะมีบัฟ "ยั่วยุ" ติดตัวเขาตลอด
ในขณะที่เขาเฝ้าดูลูกน้องหนีกันไปด้วยความเร็วสูง ความรู้สึกเป็นลางไม่ดีก็พุดขึ้นในใจของเขา
“จู่ๆฉันก็จำได้ว่ามีบางอย่างที่ยังสร้างไม่เสร็จในห้องทดลองของฉัน งั้นฉันไปแล้วน้าา เอ่อ เธอจะเผาบ้านทั้งหลังเลยก็ได้นะ ตามสบายเลย”
นี่คือเกาะการค้าที่สำคัญที่สุดในดินแดนของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูร ซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายสินค้าจากทั้งดินแดนของพวกเขา เขามาที่นี่เพราะอุปกรณ์ที่ซื้อไว้มาถึงแล้ว
ปัจจุบัน อาณาเขตของกลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรครอบคลุมเกาะขนาดใหญ่ 5 เกาะ รวมถึงเกาะฤดูหนาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตอาวุธและห้องวิจัย เกาะการค้าที่เชย์น่าอาศัยอยู่มีสภาพอากาศคล้ายกับเกาะฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ ยังมีเกาะสองเกาะที่เน้นการทำเหมืองแร่เป็นหลัก และอีกเกาะหนึ่งเน้นการเกษตรโดยเฉพาะ ซึ่งรู้จักกันในชื่อเกาะฤดูร้อน
เมื่อพิจารณาถึงเกาะเล็กๆ จำนวนมากที่อยู่รอบๆ เกาะขนาดใหญ่เหล่านี้ แต่ละเกาะจะถูกระบุด้วยตัวเลขแทนที่จะเป็นชื่อ จึงถือว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจเลยทีเดียว
ควีนแค่มา “หยิบพัสดุ” แล้วดูว่าทำไมมันถึงคึกคักกันขนาดนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะปัญหาจะมาลงที่หัวเขา
“ควีน นี้มันก็สักพักแล้วนะที่เราไม่ได้สู้กัน อยากซ้อมสักหน่อยไหม?”
“อา ลมมันแรงเกินไปน่ะ เธอว่าไงนะ? ฉันได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ ถ้าเธอต้องการอะไร ให้ไปหาคิงไอ้โรคจิตที่ชอบทรมานนู่น” และหลังจากที่เขาพูดจบ เขาได้กางปีกใบไม้สองคู่ที่อยู่ด้านหลังและกำลังจะบีนหนีไป แต่ทันทีที่เขาหันกลับมา เขาก็เห็นเชย์น่ามาปรากฏตัวต่อหน้าเขา
“ในเมื่อคุณอยู่ที่นี่ อย่าจากไป ไม่งั้นฉันจะเสียหน้า”
"เดี๋ยวก่อนนน! การต่อสู้เป็นเรื่องปกติแหละ แต่ขอเหตุผลให้ฉันหน่อย!” เขาไม่อาจเทียบได้กับความเร็วของเชย์น่าได้ ดังนั้นเนื่องจากหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็อยากจะตายไปแบบรู้เหตุผล
“ข้าแค่อยากจะทดสอบผลการฝึกล่าสุดกับเจ้าเท่านั้น”
เป็นเหตุผลที่ธรรมดาๆและไม่อ้อมค้อมอะไรเลย! มันทำให้ควีนไม่มีอะไรจะพูด
“ฉันสู้เธอกลับได้ไหม?”
“แน่นอน ข้าไม่ได้บอกว่ามันเป็นแค่การซ้อมรึ? ไม่เช่นนั้น ข้าก็แค่ไปต่อยกระสอบทรายก็พอ”
การต่อต้านของควีนนั้นไร้ประโยชน์ และเชย์น่าก็ลากเขาไปที่สนามฝึกซ้อมบนเกาะอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ตามมาคือการทุบตีฝ่ายเดียว ควีนไม่ได้ออมมือ แต่เขาก็ยังเทียบกับเชย์น่าไม่ได้
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ความโกรธของเชย์น่าก็บรรเทาลง และควีนก็ได้บรรลุอะไรบ้างอย่าง เขารู้สึกได้ว่าถ้ามันดำเนินต่อไปเช่นนี้ ระดับฮาคิของเขาก็จะทะลวงทะลุไปได้อีกขั้น
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มองเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่กำลังถือชาและน้ำอยู่ข้างนอก
“พี่ใหญ่ควีน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุพี่นะ!”
พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะทำให้อย่างจริงใจ หากควีนไม่ปรากฏตัวในตอนนั้น พวกเขาคงถูกลากเข้าสู่สนามฝึกซ้อมไปแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะได้รับบางสิ่งบางอย่างทุกครั้งที่ออกจากสนามฝึกซ้อม แต่มันก็เจ็บปวดมากเช่นกัน
ควีนได้ช่วยเหลือพวกเขาจากวิกฤติครั้งนี้ ดังนั้นแน่นอนว่าพวกเขาต้องขอบคุณควีนอยู่แล้ว
“แล้วทำไมเธอถึงโกรธขนาดนี้? มีใครในพวกแกทำให้เธอขุ่นเคืองบ้างไหม?” ควีนคิดว่าเขาเข้าใจนิสัยของเชย์น่าแล้ว ตราบใดที่เขาหลีกเลี่ยงเธอเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และแสดงความเคารพต่ออาร์เซอุสมากขึ้น มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นับตั้งแต่ที่เขาขายข้อมูลเกี่ยวกับจัจและคนอื่นๆให้กับเชย์น่า เขาก็พยายามหลีกเลี่ยงการถูกทุบตีมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
“เป็นเพราะรางวัลนำจับใบนี้ครับ พี่ใหญ่ควีน”
เมื่อดูรางวัลนำจับของอาร์เซอุส ใบหน้าของควีนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกเล็กน้อย
“พี่สาวได้เสนอรางวัลให้กับใครก็ตามที่ตามหาคนที่ทำและถ่ายรูปใบค่าหัวใบนี้ครับ”
“เพิ่มรางวัลอีกสองเท่า”
"ฮะ?"
“ฉันบอกว่าให้เพิ่มรางวัลอีกสองเท่า ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้สารเลวนั่น ฉันจะโดนกระทืบหนักขนาดนี้เลยเหรอ? ไอ้คนตั้งค่าหัวมันตาบอดเหรอ? หมาตัวไหนที่กล้าพูดคำนั้นออกมาได้วะ?” หลังจากที่คิดดูแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดคำว่า "สัตว์เลี้ยง" ออกมา
เผื่อว่าเชย์น่ายังอยู่ เขาเลยเลือกที่จะไม่พูด ไม่งั้นสถานการณ์คงไม่น่าสนุกนัก
นอกจากเชย์น่าแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ที่เคยเห็นรางวัลนำจับของอาร์เซอุส แต่ถึงอย่างนั้น สมาชิกของกลุ่มร้อยอสูรทั้งหมดก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นมัน และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดต่อหน้าอาร์เซอุส
เป็นไปได้ที่แต่ละคนจะไม่จริงจังกับเรื่องบางอย่างและอาจจะพูดเรื่องนั้นออกมาเป็นมุกตลกของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามุกตลกนี้ออกมาจากปากคนอื่นมันอาจกลายเป็นเรื่องไม่น่าฟังได้
ดังนั้นเมื่อไคโดเห็นรางวัลนำจับนี้ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีใครสามารถเข้าใจได้สาเหตุได้ หลังจากเหตุการณ์นั้น ไม่มีสิ่งใดที่มีราคาสูงกว่า 5,000 เบรีภายในอาณาเขตของไคโด
ในขณะเดียวกัน โอลกะและคิงก็ปรากฏตัวบนเกาะอื่นพร้อมกับลูกเรือของกลุ่มร้อยอสูรเพื่อซื้อเสบียงจากตลาดมืด
การสร้างทองคำบริสุทธิ์นั้นยากมาก ไม่เพียงเพราะวัสดุที่สูญพันธุ์นั้นหายาก แต่แม้แต่วัสดุที่ยังไม่สูญพันธุ์ก็ยังหายากอีกด้วย เมื่อพวกเขาได้รับข่าวจากตลาดมืด พวกเขาก็เข้ามาดูในทันที
แต่พวกเขาไม่ได้มาภายใต้ธงของกลุ่มตนเอง แต่มาด้วยธงของไรเลธ
เนื่องจากรายงานที่ผิดพลาดของสแปนไดน์ รัฐบาลโลกจึงตัดสินสถานการณ์ของไรเลธผิด และเชื่อว่าสมบัติของกัปตันจอห์นมีความเชื่อมโยงอย่างมากกับไรเลธ
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาพบเบาะแสของทองคำอันบริสุทธิ์บนเกาะที่ไรเลธสร้างเรื่องไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงปักหมุดไว้ด้วยว่าไรเลธมีเอี่ยวเรื่องทองคำอันบริสุทธิ์
ไคโดและคนอื่นๆ คือคนที่รู้สถานการณ์ของไรเลธเป็นอย่างดี การกระทำของรัฐบาลโลกไม่ได้เป็นความลับอะไรในนิวเวิลด์ เนื่องจากพวกเขาไม่พบที่อยู่ของไรเลธ พวกเขาจึงเริ่มขยายเครือข่ายการค้นหา ซึ่งนำไปสู่การที่ข้อมูลรั่วไหลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลกระทบและคุณค่าของทองคำบริสุทธิ์นั้นเป็นปัญหามากเกินไป ทั้งอาร์เซอุสและไคโดไม่ได้อยากตกเป็นเป้าของรัฐบาลโลกในตอนนี้ ดังนั้นหลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็ตัดสินใจเพิ่มอุปสรรคใหม่ให้กับรัฐบาล
ความสามารถของโอลกะทำให้กลุ่มโจรสลัดร้อยอสูรปลอมตัวเป็นคนของไรเลธได้ เนื่องจากความเข้าใจผิดได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว พวกเขาอาจจะทำให้มันเข้าใจผิดไปอีกก็ได้เช่นกัน
อย่าเชื่อถือชื่อเสียงของพ่อค้าในโลกใต้ดินมากเกินไป พวกเขาอาจกลัวอำนาจและไม่ทำอะไรนอกกรอบเหมือนกับราชอาณาจักรนัตโจ ที่รักษาความมั่นคงทางการค้าภายในขอบเขตของตน แต่การขายข้อมูลให้กับทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องปกติในโลกใต้ดิน และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดหวังว่าพวกเขาจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ