ตอนที่ 644 ฆ่าพวกมันให้หมด
ตอนที่ 644 ฆ่าพวกมันให้หมด
เซี่ยเฟยจู่โจมเข้าใส่ยานสีทองเข้มโดยตรงจนก่อให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นมาบนตัวยาน
การจู่โจมในครั้งนี้ทำให้อากาศเริ่มรั่วไหลออกมาจากตัวยานอย่างต่อเนื่อง แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะเขาเริ่มทำลายอุปกรณ์ทุกชิ้นภายในยานไม่ว่าเขาจะเคลื่อนที่ไปที่ไหนก็ตาม
สิ่งที่เซี่ยเฟยไม่คาดคิดนั่นก็คือยานรบสีทองลำนี้เป็นยานรบของมนุษย์ โดยเขาได้พบกับร่างของชายวัยประมาณ 30 ปีกลายเป็นศพล่องลอยอยู่ในอวกาศ และเมื่อเขาได้คว้าศพร่างนั้นเข้ามาตรวจสอบ เขาก็ได้พบว่าชายคนนี้สวมเครื่องแบบชุดทหารสีน้ำเงินและมีรอยสักอยู่บริเวณลำคอ
ทันใดนั้นรอยสักบนศพก็เริ่มนูนออกราวกับว่าพวกมันยังคงมีชีวิตอยู่
ภาพเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นภาพที่น่ากลัวมาก เพราะหอยสีน้ำเงินที่ดูคล้ายกับปลาหมึกยักษ์ค่อย ๆ คลานออกมาจากรอยสัก และใช้ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองมายังเซี่ยเฟยด้วยความอาฆาต
ตูม!
เซี่ยเฟยทำลายสัตว์ประหลาดตัวนี้ลงในเพียงแค่หมัดเดียว จนทำให้มันมีน้ำสีเขียวเหนียว ๆ สาดกระจายไปทั่วทั้งผนัง
“นั่นมันตัวอะไร? มันจะน่าเกลียดมากจนเกินไปแล้ว” อันธอุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
ตูม! ตูม! ตูม!
“ไม่ว่ามันจะเป็นตัวอะไร อย่างแรกคือเราจะต้องทำลายมันลงไปก่อน!” เซี่ยเฟยตะโกนขึ้นมาอย่างเย็นชา ขณะที่มือของเขายังคงทำการจู่โจมต่อไป
เมื่อชายหนุ่มทำลายระบบพลังงานของยานรบโดยตรง มันก็เกิดการระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง ชายหนุ่มจึงเคลื่อนที่ทะลุเกราะหนาออกไปยังจักรวาลอันกว้างใหญ่เพื่อรอชมการระเบิดในครั้งนี้
การระเบิดเกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีมันก็มีเปลวไฟลุกท่วมไปทั่วทั้งตัวยาน
“มันพังแล้ว!”
“พวกเรารอดแล้ว!!”
ลูกเรือของยานแบดเจอร์ส่งเสียงเชียร์ในระหว่างรับชมการต่อสู้ผ่านช่องหน้าต่าง ซึ่งในระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าไปอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะเข้าไปภายในยานผ่านทางสะพานเชื่อมยาน
เมื่อชายหนุ่มถอดหมวกเกราะต่อสู้ออก เขาก็ได้พบกับใบหน้าของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แต่หลังจากที่เขาได้เห็นสัตว์ประหลาดที่สิงอยู่ในร่างมนุษย์บนยานลำสีทอง เขาก็เริ่มระแวงคนเหล่านี้มากยิ่งขึ้น
“เซี่ยเฟย! คุณคือเซี่ยเฟยใช่ไหม?” ชายที่มีผ้าพันแผลพันแขนตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“คุณรู้จักฉันด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปที่ตัวเอง
“นายจำฉันไม่ได้เหรอ?! ฉันชื่อ ‘ไทเกอร์’ นายคือคนที่ช่วยพาพวกเราออกมาจากสังเวียนเลือด หลังจากนั้นฉันก็เริ่มติดตามพี่บุชเชอร์ออกผจญภัยมายังภูมิภาคดาวประหลาดแห่งนี้เป็นเวลานานกว่า 3 ปีแล้ว”
“คุณคือไทเกอร์งั้นเหรอ? ขอโทษด้วยที่ฉันจำไม่ได้ พอดีว่าหลังจากไม่ได้เจอกันนานหลายปี ฉันก็เริ่มมีอาการหลงลืมไปบ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบและถึงแม้ว่าเขาจะจำไทเกอร์ไม่ได้ แต่ในเมื่อชายคนนี้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสังเวียนเลือด มันก็หมายความว่าคนพวกนี้น่าจะรู้จักเขาจริง ๆ
ลูกเรือทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นเต้นมากราวกับว่าพวกเขาได้พบผู้ช่วยชีวิต ท้ายที่สุดชื่อเสียงของเซี่ยเฟยผู้ซึ่งเป็นเจ้าครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬ และวีรบุรุษที่บุกเข้าไปในดินแดนเซิร์กเพียงลำพังก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าขานต่อ ๆ กันมาจนถึงทุกวันนี้
“พี่บุชเชอร์อยู่ที่ไหน?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
เมื่อได้ยินคำถามสีหน้าของไทเกอร์ก็เปลี่ยนไปในทันที ส่วนลูกเรือคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกันราวกับว่ามันมีปัญหาอะไรบางอย่างกับบุชเชอร์
—
การมาถึงของเซี่ยเฟยทำให้ลูกเรือทุกคนรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยเริ่มถามถึงเรื่องของบุชเชอร์แล้ว ไทเกอร์ก็นำชายหนุ่มไปยังห้องบัญชาการพร้อมกับนักรบหญิงที่ชื่อ ‘เอ็นย่า’ และชายแคระที่ชื่อ ‘โรดี้’
ทั้งสองคนนี้ต่างก็บอกว่าพวกเขาได้พบเซี่ยเฟยที่สังเวียนเลือดเช่นเดียวกัน แต่ชายหนุ่มกลับจดจำใครไม่ได้เลย เขาจึงทำได้เพียงแต่แกล้งทำเป็นจำได้ราง ๆ ซึ่งหลังจากที่ได้พูดคุยกันไปสักพักเขาก็ได้พบว่าทั้งสามคนนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำทีมที่อยู่ภายใต้การนำของบุชเชอร์อีกที
“สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากที่เขาได้นั่งลงบนโต๊ะ
“เมื่อ 3 ปีที่แล้วพวกเราออกตามหาสวนเอเดนด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น ซึ่งย้อนกลับไปในตอนออกเดินทางทีมของพวกเรามีสมาชิกหลายพันคน แต่ในตอนนี้พวกเราเหลือรอดชีวิตกันเพียงแค่ประมาณ 200 คนเท่านั้น”
“นอกจากพวกเราแล้วมันยังมีทีมสำรวจอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากที่เดินทางมาตามหาสวนเอเดนพร้อม ๆ กันกับพวกเรา ซึ่งเส้นทางไปยังสวนเอเดนที่พวกเราได้รับมาเป็นการเดินทางที่ยากลำบากมาก ทำให้ทีมสำรวจทุก ๆ ทีมต่างก็ประสบปัญหามีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ”
“พี่บุชเชอร์ใช้วิธีการของเขาในการผนวกทีมสำรวจหลาย ๆ ทีมเข้าด้วยกัน และในตอนนี้มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่กล่าวเกินจริงหากจะบอกว่าพวกเราคือทีมสำรวจที่ใหญ่ที่สุดแล้ว ซึ่งลูกเรือส่วนใหญ่บนยานต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นลูกเรือที่มาเข้าร่วมทีมในภายหลัง พวกเราทั้งสามคนจึงถูกแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทีมย่อยที่คอยดูแลสมาชิกภายในทีมของตัวเอง” ไทเกอร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ท้ายที่สุดบุชเชอร์ก็เป็นผู้นำที่มีเสน่ห์มาก ซึ่งย้อนกลับไปในตอนที่เขาเป็นผู้นำกวาดล้างสังเวียนเลือดก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความสามารถของเขาแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะสามารถผนวกทีมสำรวจต่าง ๆ เข้ามาอยู่ภายใต้การดูแลของเขาได้
“ถ้าทีมของพวกคุณมีขนาดใหญ่มากที่สุด แล้วทำไมพวกคุณถึงยังถูกไล่ล่าโดยพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นล่ะ? แล้วตอนนี้กองกำลังหลักของทีมสำรวจอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“เมื่อไม่กี่เดือนก่อนพวกเรายังคงเป็นทีมสำรวจที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ แต่ในระหว่างที่เรากำลังจะเดินหน้าต่อไปอยู่นั่นเอง จู่ ๆ พวกเราก็ถูกจู่โจมจากยานรบสีทองเข้มที่คุณเห็น จนทำให้กองยานภายในทีมของเราถูกทำลายลงไปอย่างมากมาย สมาชิกบางส่วนจึงไม่อยากที่จะเดินหน้าสำรวจอีกต่อไปแล้ว”
“ข่าวที่พวกเราได้รับมาจากผู้อพยพในพันธมิตรเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วได้บอกว่าสวนเอเดนยินดีต้อนรับผู้อพยพทุกคน พวกเราจึงสงสัยว่าทำไมพวกเราถึงถูกบุกโจมตี”
“แต่ในทันใดนั้นระบบเรดาร์ก็เริ่มออกอาการทำให้เราไม่สามารถส่งสัญญาณกลับไปยังพันธมิตรได้อีกต่อไป พี่บุชเชอร์จึงสั่งให้กองยานหยุดเดินหน้าชั่วคราว ก่อนที่จะนำยานลงจอดบนดาวที่มีชีวิตที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อหารือว่าจะเอายังไงกันต่อไป”
“แต่ทันทีที่พวกเราลงจอดบนดาวดวงนั้นฝันร้ายมันก็ได้เริ่มต้นขึ้น นับวันคนของเราก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งตัวยาน ลูกเรือเริ่มพูดกันแล้วว่าพวกเขาถูกคำสาปจนทำให้ทีมสำรวจไม่เหลือความสามัคคีอีกต่อไป”
เมื่อเล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวด พวกไทเกอร์ทั้งสามคนต่างก็เอามือขึ้นมาปิดหน้าพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นออกมาบ้าง
“คุณก็น่าจะรู้ว่าพี่บุชเชอร์ไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องคำสาป เขาจึงตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่ดาวอันลึกลับเพื่อดูว่าอีกฝั่งหนึ่งมีความลับอะไรถูกเก็บซ่อนเอาไว้กันแน่ และถึงแม้ว่ามันจะมีคนหลาย ๆ คนไม่เห็นด้วย แต่ท้ายที่สุดพวกเราก็ไม่สามารถหยุดการตัดสินใจของพี่บุชเชอร์ได้”
“ในตอนนั้นยานรบขนาดเล็กจำนวน 174 ลำมุ่งหน้าตรงไปยังเส้นทางเดิมที่พวกเราได้รับมา การเดินทางใน 3 วันแรกสงบมากอย่างน่าประหลาดใจ แต่เมื่อรุ่งเช้าของวันที่ 4 มาถึงพวกเราก็ได้พบว่าพวกเราถูกศัตรูล้อมเอาไว้จนหมดแล้ว”
“ยานรบลำสีทองพวกนั้นมีจำนวนมากกว่าพวกเราหลายเท่า และพวกมันก็เริ่มทำการจู่โจมโดยไม่คิดที่จะเจรจาเลยแม้แต่นิดเดียว”
“สถานการณ์ในตอนนั้นสิ้นหวังมาก พวกเราจึงจำเป็นจะต้องแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งมันก็โชคดีที่ยานลำนี้สามารถหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ขณะที่สหายของเราเป็นจำนวนมากน่าจะถูกยานของศัตรูทำลายลงไปจนหมดแล้ว”
เซี่ยเฟยยกมือขึ้นมานวดขมับอย่างต่อเนื่อง เพราะไทเกอร์ไม่ได้กล่าวถึงสัตว์ประหลาดที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในร่างของมนุษย์เลย ชายหนุ่มจึงเปิดคลิปวิดีโอในระหว่างที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นหนีออกมาจากรอยสัก เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าคำสาปที่พวกเขากำลังพูดถึงนั้นมันกำลังหมายถึงอะไรกันแน่
“พวกคุณเคยเห็นสัตว์ประหลาดพวกนี้มาก่อนไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังสัตว์ประหลาดบนหน้าจอ
“ฉันไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้มาก่อน แต่ฉันจำมนุษย์ที่ถูกสัตว์ประหลาดตัวนั้นสิงได้ ตอนแรกเขาเป็นสมาชิกภายในทีมสำรวจของเรา แต่จู่ ๆ เขาก็กลายเป็นผู้สูญหายหลังจากที่เราเดินทางลงไปบนดาวดวงนั้น แล้วทำไมเขาถึงไปอยู่ในฝั่งของศัตรูได้?” เอ็นย่ากล่าวพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง
“หอยปลาหมึกพวกนี้น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาแต่ร่างกายของพวกมันอ่อนแอมาก พวกมันจึงอาศัยการเข้ายึดร่างของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ฉันคิดว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ภายในทีมสำรวจก็น่าจะถูกเจ้าพวกนี้สิงร่างอยู่เหมือนกัน” เซี่ยเฟยพยายามวิเคราะห์สถานการณ์
“แต่เรื่องนั้นมันยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด ถ้าสมมุติว่าพวกผู้อพยพจากเอเดนที่เดินทางไปในพันธมิตรมีสัตว์ประหลาดพวกนี้ติดอยู่ในร่าง แล้วพวกมันสามารถสืบพันธุ์และควบคุมมนุษย์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ บางทีในตอนนี้สถานการณ์ในพันธมิตรอาจจะกำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤติแล้วก็ได้”
“ทีมสำรวจของพวกคุณน่าจะเป็นเหมือนกับปลาที่ถูกเหยื่อล่อ สัตว์ประหลาดพวกนั้นคงจะรออยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว แล้วพวกมันก็พร้อมที่จะบุกรุกเข้าไปภายในร่างกายของพวกคุณเพื่อเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นหุ่นเชิดสำหรับพวกมัน”
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสัญญาณที่บุชเชอร์ส่งกลับมาไม่ใช่สัญญาณขอความช่วยเหลือแต่เป็นสัญญาณเตือนภัย ก่อนหน้านี้เขาคงจะพบความลับของสัตว์ประหลาดพวกนั้นแล้ว และเขาก็คงจะรู้ว่าชาร์ลีคือผู้คอยดูแลบริษัทควอนตัม เขาจึงรีบส่งคำเตือนตรงไปยังชาร์ลีแบบนี้
ข้อสันนิษฐานของเซี่ยเฟยทำให้มนุษย์ทั้งสามเหงื่อแตก เพราะถ้าหากสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดคือความจริง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าในตอนนี้มันจะมีมนุษย์กี่คนที่ถูกสัตว์ประหลาดพวกนั้นควบคุมเอาไว้แล้ว
“ไม่มีทาง! เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องจริงอย่างเด็ดขาด!!” โรดี้พยายามปฏิเสธความเป็นจริง
“ฉันก็หวังว่าทุกอย่างมันจะไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคิดเอาไว้เหมือนกัน แต่ฉันมักจะเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเสมอ ท้ายที่สุดจักรวาลแห่งนี้ก็ซับซ้อนมากและผู้ที่ประมาทก็มักที่จะเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น
จากนั้นชายหนุ่มก็ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเริ่มกล่าวขึ้นมาด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
“ตอนนี้พวกคุณรีบกลับไปที่พันธมิตรได้แล้ว แต่จำเอาไว้ว่าพวกคุณไม่เคยเห็นฉันมาก่อน พวกคุณต้องห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าฉันเคยปรากฏตัวขึ้นในวันนี้ ส่วนเรื่องที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการเอง”
ทั้งสามต่างก็รีบพยักหน้ารับซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของชายหนุ่มเลย
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ออกมาจากยานแบดเจอร์ จากนั้นเขาก็บินไปยังซากยานก่อนที่จะเก็บร่างของสัตว์ประหลาดลงในกล่องเพื่อนำมันกลับไปทดลองยังดินแดนลับ
—
เมื่อได้รับสัญญาณรวมตัวมอร์โรว์, วอร์สตาร์และโซฟีก็รีบเดินทางมายังห้องประชุม
“คุณกลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?” มอร์โรว์ถาม
จากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มเล่าถึงประสบการณ์ที่เขาได้พบเจอมา และการฝังตัวของพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นที่ดำเนินการมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานี้ไม่มีใครรู้ว่าพวกสัตว์ประหลาดพวกนั้นสามารถสืบพันธุ์ไปได้มากเท่าไหร่ และพวกมันเริ่มส่งผลกระทบอะไรต่อพันธมิตรบ้างแล้ว
“มอร์โรว์ นายจะต้องค้นหาจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดตัวนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นวิธีการค้นหาพวกมันและวิธีการสังหารพวกมันให้สิ้นซาก และนายจะต้องเขียนจดหมายด้วยลายมือของฉันส่งเรื่องนี้ไปให้ไทสันโดยตรง” เซี่ยเฟยเริ่มสั่งการ
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบวิจัยสัตว์ประหลาดชนิดนี้ทันที” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“จำเอาไว้ว่าก่อนที่จะมอบจดหมายให้ไทสัน เราจะต้องสแกนเขาก่อนว่าเขาไม่มีสัตว์ประหลาดพวกนี้แฝงตัวอยู่ในร่าง นอกจากนี้ให้สแกนพวกชาร์ลีและสมาชิกในบริษัทควอนตัมด้วย ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้คนของฉันยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องที่ 2 วอร์สตาร์ นายจะต้องส่งหุ่นยนต์รบไปยังที่เกิดเหตุทันที สัตว์ประหลาดพวกนี้สามารถที่จะเกาะติดร่างของสิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อได้เท่านั้น แน่นอนว่าพวกมันย่อมไม่สามารถเข้าสิงร่างพวกนายได้”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่เจอพวกมันให้ลงมือสังหารพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือ หากเป็นไปได้หาต้นตอของพวกมันให้พบ โดยสรุปก็คือฉันต้องการฆ่าล้างสังหารทั้งเผ่าพันธุ์ของพวกมัน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
***************
เข้าสิงในร่างแบบนี้ จะน่ากลัวเกินไปแล้ววว