ตอนที่ 643 ตามหาบุชเชอร์
ตอนที่ 643 ตามหาบุชเชอร์
“ทีมสำรวจของบุชเชอร์ได้ส่งข่าวมาอีกครั้ง แต่…” มอร์โรว์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ
“แต่? แต่อะไร?” เซี่ยเฟยถาม
มอร์โรว์เหลือบมองไปทางแอวริลด้วยความกังวลเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกล่าวกับเซี่ยเฟยว่า
“ขอคุยกันส่วนตัวได้ไหม?”
ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้วที่พวกบุชเชอร์นำพี่น้องออกเดินทางในฐานะนักสำรวจ เซี่ยเฟยก็ไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากนักรบที่รอดชีวิตมาจากสังเวียนเลือดเหล่านี้เลย
ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้รับข่าวคราวจากบุชเชอร์ที่ออกเดินทางไปสำรวจสวนเอเดนอีกครั้ง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามันมีความคืบหน้าอะไรที่อีกฝ่ายจะนำมารายงานกับเขาบ้าง
เซี่ยเฟยเดินทางไปที่ห้องทำงานของมอร์โรว์ที่มีอุปกรณ์กลไกหลายสิบชิ้นวางชิดอยู่ตามแนวกำแพง ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์เหล่านั้นก็คือเข็มทิศมิติจากบริษัทฟิกส์ที่ถูกแยกชิ้นส่วนในกล่องเครื่องมืออย่างระมัดระวัง
“นี่คือข้อความล่าสุดที่บุชเชอร์ส่งกลับมาหาชาร์ลี ก่อนที่พวกนาโนบอร์ดจะส่งสัญญาณพวกนี้กลับมาหาฉัน” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ข้อความเข้ารหัสที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
“สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจคือข้อความพวกนี้ถูกเข้ารหัสเอาไว้ แล้วมันก็เป็นวิธีการเข้ารหัสที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แม้แต่ระบบเรดาร์ที่เขาใช้ในการส่งสัญญาณมาก็ไม่ใช่ระบบเรดาร์ที่มีการผลิตโดยพันธมิตร” มอร์โรว์กล่าว
“ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสัญญาณฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ผลการวิเคราะห์โดยละเอียดยังไม่แสดงออกมา” มอร์โรว์กล่าว
“รีบส่งข้อความเข้ารหัสพวกนี้ไปที่โซฟีให้เธอช่วยถอดรหัสออกมาโดยเร็วที่สุด นี่เป็นการเข้ารหัส 1024 บิต ถ้าหากว่าเราได้เธอช่วยเหลือมันน่าจะช่วยประหยัดเวลาในการถอดรหัสได้หลายวัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
มอร์โรว์ชะงักไปเล็กน้อย เพราะหลังจากที่เซี่ยเฟยได้เห็นสัญญาณเข้ารหัสเพียงแค่แป๊บเดียว ชายหนุ่มคนนี้ก็สามารถระบุได้ในทันทีว่ามันคือการเข้ารหัส 1024 บิตซึ่งเป็นการเข้ารหัสขั้นสูง
ดูเหมือนว่าในช่วงเวลาที่เซี่ยเฟยจากไปไม่เพียงแต่ชายหนุ่มจะเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านการต่อสู้เท่านั้น แต่ทักษะในเรื่องอื่น ๆ ของชายหนุ่มก็พัฒนาขึ้นจากเดิมมากเช่นเดียวกัน
เมื่อสัญญาณเข้ารหัสถูกส่งไปให้โซฟี เธอก็รีบทำการประมวลผลสัญญาณเหล่านี้ให้กับเซี่ยเฟยในทันทีโดยไม่ได้มีความลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันมีเรื่องอยากจะขอ” โซฟีกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“เรื่องอะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“ช่วงนี้ฉันขอให้อันธมาอยู่กับฉันได้ไหม?” โซฟีกล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย
“เธอจะเอาอันธไว้ทำไม?”
“พ่อของฉันเป็นวิญญาณอมตะเหมือนกันกับอันธ ฉันเลยอยากจะตรวจสอบข้อสงสัยสักหน่อย แล้วมันก็มีเรื่องบางอย่างที่ฉันอยากจะให้อันธช่วยฉันด้วย” โซฟีกล่าว
เมื่อโซฟีมีเรื่องขอร้องและอันธก็ไม่ได้คัดค้าน เซี่ยเฟยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องตอบตกลง นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่ามันมีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างโซฟีกับอันธ แต่เขาขี้เกียจเกินกว่าจะมานั่งคาดคั้นถามความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้
หลังจากถอดสร้อยหินมัวร์ทิ้งเอาไว้กับโซฟีแล้วชายหนุ่มก็กลับไปที่ห้องอาหาร ท้ายที่สุดการพยายามถอดรหัส 1024 บิตก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม้แต่การเข้ารหัสสูงสุดในพันธมิตรก็เป็นเพียงแค่การเข้ารหัส 128 บิตเท่านั้น ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะให้โซฟีช่วยประมวลผล แต่มันก็ยังคงจำเป็นจะต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงอยู่ดี
—
“ผลการถอดรหัสออกมาแล้ว!” ประมาณ 3 ชั่วโมงต่อมามอร์โรว์ก็รีบเข้ามาหาเซี่ยเฟยในห้องฝึก
“นี่มันคำเตือนงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาเบา ๆ หลังจากที่เขาได้อ่านเนื้อหาข้อความที่ถูกถอดรหัส
ตอนแรกเขาคิดว่าบุชเชอร์กำลังมีปัญหาและต้องการความช่วยเหลือ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับกลายเป็นว่าบุชเชอร์กำลังเตือนว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
ข้อความของบุชเชอร์ถูกส่งมาอย่างเร่งรีบและเนื้อหาของข้อความก็ค่อนข้างที่จะคลุมเครือ มันจึงเป็นเรื่องยากที่เซี่ยเฟยจะสามารถตีความสิ่งที่บุชเชอร์ต้องการจะสื่อสารออกมาได้
“สัญญาณถูกส่งออกมาห่างจากเราไปไกลแค่ไหน?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ประมาณ 1,300 ล้านปีแสง แต่เราไม่สามารถระบุตำแหน่งเฉพาะเจาะจงได้” มอร์โรว์กล่าวตอบ
ปัจจุบันเซี่ยเฟยอยู่ห่างจากศูนย์กลางของดินแดนกฎ 8,700 ล้านปีแสง ซึ่งมันก็หมายความว่าเขายังสามารถเดินทางออกห่างจากจุดนี้ออกไปได้อีก 1,300 ล้านปีแสง หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าตราบใดก็ตามที่ชายหนุ่มต้องการ เขาก็สามารถใช้เข็มทิศมิติเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุได้ในทันที
อย่างไรก็ตามมอร์โรว์ก็สามารถระบุตำแหน่งคร่าว ๆ ได้เท่านั้น พวกเขายังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ชัดเจนของบุชเชอร์ได้ ดังนั้นถ้าหากเซี่ยเฟยรีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุจริง ๆ มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถหาบุชเชอร์จนเจอ
ที่สำคัญกว่านั้นคือเซี่ยเฟยกำลังถูกพวกหยูฮัวตามล่า และถ้าหากว่าเขาออกไปจากดินแดนลับมันก็มีโอกาสที่เขาจะถูกอีกฝ่ายพบเจอตัวได้
“พยายามจำกัดขอบเขตจุดส่งสัญญาณให้ได้มากที่สุด แล้วช่วยตั้งตำแหน่งบนเข็มทิศมิติให้กับฉันด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหม? มนุษย์โบราณเคยบอกเอาไว้ไม่ใช่เหรอว่าความอยากรู้ฆ่าคนได้ ถ้าหากคุณออกไปจากดินแดนลับในตอนนี้ บางทีคุณก็อาจจะถูกพวกคนจากดินแดนกฎมาไล่ล่าคุณก็ได้” มอร์โรว์กล่าวเตือน
“ข้อความของเขาค่อนข้างจะชัดเจนแล้วว่ามันเป็นข้อความเตือน ฉันต้องการที่จะรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องรีบแจ้งเตือนเรามาแบบนี้ แล้วทำไมเขาถึงต้องส่งสัญญาณที่ซับซ้อนแบบนั้นกลับมาหาเราด้วย อย่างน้อยฉันก็จะต้องเอาระบบเรดาร์แบล็คแบทรุ่นใหม่ไปติดตั้งให้กับยานของเขา เพราะระบบเรดาร์รุ่นเก่ามันอ่อนแอเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อมอร์โรว์รู้ว่าเขาไม่สามารถจะหยุดเซี่ยเฟยได้ เขาจึงทำได้เพียงแต่ส่ายหัวและจากไปอย่างเงียบ ๆ
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เดินกลับเข้ามาในห้องฝึกอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินไปยืนอยู่ข้าง ๆ แอวริลโดยไม่รู้จะพูดอะไร
“นายกำลังจะไปอีกแล้วเหรอ?” แอวริลหยุดฝึกฝนและเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดความยากในการฝึกฝนกฎแห่งชีวิต แต่มันก็ยังคงเป็นวิธีการอันยากลำบากสำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้มีพื้นฐานในการฝึกฝนอยู่ดี
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันกำลังจะไป?” เซี่ยเฟยถาม
“นายรู้ไหมว่าตอนนี้หน้าตาของตัวเองจริงจังมากแค่ไหน? แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่านายกำลังจะต้องออกเดินทางอีกครั้ง” แอวริลกล่าว
“เธอไม่ถามเหรอว่าฉันกำลังจะไปไหนและอีกนานเท่าไหร่กว่าฉันจะกลับมา?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่จำเป็นต้องถามหรอก ฉันเชื่อใจนาย”
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มขึ้นมาด้วยความสุข เพราะความไว้วางใจแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะหากันได้ง่าย ๆ
ไม่ว่าชายหนุ่มจะทำอะไรแอวริลจะคอยสนับสนุนเขาอยู่อย่างลับ ๆ เสมอ เซี่ยเฟยจึงทำได้เพียงแต่เอ่ยคำลาเบา ๆ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องฝึกอย่างเงียบ ๆ
—
หลังจากปรับตำแหน่งบนเข็มทิศมิติ เซี่ยเฟยก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางอีกครั้ง โดยที่โซฟีก็นำอันธกลับมาคืนให้กับชายหนุ่มอีกครั้งเช่นกัน
“ฉันไปแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ถ้าหากมีอะไรรีบติดต่อมาหาพวกเราทันทีนะ” เผ่าจักรกลทั้งสามกล่าวขณะเดินทางมาส่งเซี่ยเฟย
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่เขาจะกดปุ่มเดินทางบนเข็มทิศมิติ
ฟึ่บ!
ไม่กี่นาทีต่อมาชายหนุ่มก็ปรากฏตัวท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด และเมื่อเทียบกับจักรวาลอันกว้างใหญ่แล้ว เซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่ฝุ่นผงชิ้นเล็ก ๆ ที่กำลังล่องลอยอยู่อย่างไร้จุดหมายเท่านั้น
โชคดีที่เขามีการป้องกันจากชุดเกราะชาร์ปเลส มันจึงเปรียบเสมือนกับว่าเขาเดินทางโดยใช้ยานส่วนตัว และถึงแม้ว่าเขาจะต้องออกเดินทางในจักรวาล แต่เขาก็ยังคงหายใจเข้าออกได้อย่างสบาย ๆ
ความรู้สึกของการเคลื่อนตัวท่ามกลางจักรวาลด้วยตัวเองเป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเวลาที่จะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่สะดวกสบายนี้ โดยในปัจจุบันระบบเรดาร์แบล็คแบทกำลังพยายามตรวจสอบแหล่งสัญญาณที่น่าสงสัยเพื่อมองหาทีมของบุชเชอร์ที่หายสาบสูญ
ในที่สุดระบบเรดาร์ก็แสดงให้เห็นว่ามันมียานรบ 2 ลำอยู่ไม่ไกลจากเขา และหนึ่งในนั้นก็คือยานเบดเจอร์ของบริษัทคัลดารี ขณะที่ยานอีกลำเป็นยานที่เขาไม่ทราบรุ่น
เซี่ยเฟยอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะเนื่องมาจากเทคโนโลยีการส่งสัญญาณระยะไกลยังไม่สมบูรณ์ เป้าหมายที่เขาเดินทางมาจึงยังคงอยู่ห่างจากจุดหมายอยู่หลาย 10 ล้านปีแสง
เซี่ยเฟยรีบมุ่งหน้าตรงหายานรบของพันธมิตรทันที เพียงแต่เขาไม่แน่ใจว่ายานลำนี้คือยานของพวกบุชเชอร์หรือไม่
ตูม!
เปลวไฟอันสว่างเจิดจ้าบานสะพรั่งให้เห็นจากในระยะไกล ก่อนที่เขาจะได้พบว่ายานรบทั้งสองลำนี้กำลังโจมตีเข้าใส่กันและกัน
ยานรบไม่ทราบรุ่นคือยานรูปไข่สีทองที่มีขนาดใหญ่กว่ายานเบดเจอร์มาก โชคดีที่ยานของทางฝั่งพันธมิตรติดตั้งระบบเสริมพลังชาร์จของบริษัทควอนตัมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะถูกทำลายจากยานฝ่ายตรงข้ามไปตั้งนานแล้ว
เมื่อฝั่งหนึ่งคือยานจากพันธมิตร ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือยานที่เขาไม่รู้จัก ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลใจอีกต่อไป เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องเลือกช่วยเหลือฝั่งพันธมิตรก่อน
เครื่องยนต์บนชุดเกราะชาร์ปเลสปล่อยเปลวไฟสีฟ้าออกมาอย่างสดใส ทำให้ร่างของชายหนุ่มพุ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ยานสีทองไม่เคยคิดเลยว่าในระหว่างที่มันกำลังจู่โจมเข้าใส่ศัตรูของมันอยู่นั้น มันจะถูกกำหนดเป้าหมายจากผู้ใช้กฎที่แข็งแกร่ง
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่เข้าไปหายานสีทองราวกับเทพเจ้าสงคราม ก่อนที่เขาจะเริ่มทำลายยานรบขนาดใหญ่ด้วยกำลังของตัวเองเพียงลำพัง
พายุมิติปิดล้อม!
คลื่นมิติอันรุนแรงที่เต็มไปด้วยพลังของกฎแห่งความโกลาหลพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง และเนื่องมาจากว่าครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของเซี่ยเฟยในอวกาศครั้งแรก มันจึงทำให้เขาค่อนข้างที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
หมัดพายุคลั่ง!
การจู่โจมจากคลื่นมิติยังไม่ทันสงบ หมัดของเซี่ยเฟยก็ถูกจู่โจมออกไปอีกครั้ง
ในเวลาเพียงแค่ 1 วินาทีมันกลับมีการโจมตีออกไปจากชายหนุ่มมากกว่า 100 ครั้ง และมันก็ทำให้โครงสร้างของยานลำสีทองถูกทำลายจนก่อให้เกิดรูโบ๋ขนาดใหญ่
นี่เขาต้องการที่จะฉีกยานรบทั้งลำออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยมือเปล่าเนี่ยนะ!!
***************
ใช่พวกบุชเชอร์ไหมนะ?