ตอนที่แล้วตอนที่ 1370 มาให้ผมลองดีกว่า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1372 ไม่ถือว่ายาก!!!

ตอนที่ 1371 ความเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่...


หลินฟาน ไม่สนใจคำเยาะเย้ยของทุกคน เขารับกระดาษ และปากกามาจากมือของนักศึกษาหญิงชาวจีน แล้วจึงเริ่มเขียนลงไปในกระดาษ ตามมาด้วยเสียงกรอบแกรบของกระดาษ ปลายปากกาได้เลื่อนเคลื่อนไหวไปมาอย่างราบรื่น.. และรวดเร็วมาก

“เชอะ ดูเขาทำเป็นเสแสร้งสิ คงคิดว่าตัวเองทำอะไรได้มั้งน่ะ!”

“นั่นเขาจะไปทําบ้าอะไรได้นะ ฉันอยากจะหัวเราะให้ตายจริงๆ!”

“ในจีนมีคําหนึ่งว่า เสแสร้งแกล้งทํา ฮ่าๆ จะใครอีกล่ะ ก็ไอ้เขานี่แหละ!”

ทุกคนได้พากันชี้นิ้วมาที่ หลินฟาน ราวกับเป็นเรื่องตลก..

ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของทุกคน หลินฟาน ได้หยุดเขียน แล้วยื่นส่งกระดาษที่เขียนคําตอบให้กับ สตีเฟน พร้อมกับกล่าวไปว่า : “ผมแก้เสร็จแล้ว คุณเป็นผู้ออกโจทย์ คุณสมควรจะรู้ดีที่สุดว่ามันถูกหรือไม่?”

“อยากจะหัวเราะให้ตายจริงๆ นี่คือเขากล้าให้ สตีเฟน เทพแห่งการเรียน ดูจริงๆ เหรอไง!”

“ใครมันไปให้ความมั่นใจบ้าๆ นี่กับเขากัน!”

“แม้แต่ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ก็ยังขาดขั้นตอนสุดท้าย แต่เขากลับบอกว่าแก้ปัญหาจบแล้ว นี่สามารถเป็นคําตอบได้? ฟังแล้วก็ไม่น่าเชื่อถือตั้งแต่แรก!”

“เขามันเป็นลิงจริงๆ ตลกชิบ ฮ่าฮ่าๆ…”

ทุกคนหัวเราะเยาะ หลินฟาน อย่างป่าเถื่อน ไม่มีใครเชื่อว่า หลินฟาน สามารถแก้ปัญหาในข้อนี้ได้ เพราะนี่.. มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

สตีเฟน เองก็ไม่เชื่อ ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ ก็ไม่เชื่อเช่นกัน แม้แต่นักศึกษาหญิงชาวจีน เธอ.. ก็ยังไม่เชื่อ

ความสามารถในการมาเข้าเรียนที่อิมพีเรียลคอลเลจได้นั้น แม้แต่ในประเทศจีนที่มีจำนวนประชากรมาก ..ก็มีไม่ถึงหลักหมื่น กล่าวคือส่วนใหญ่ที่มาศึกษาต่อได้ที่ต่างประเทศต้องเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะแล้ว.. และถ้าเธอซึ่งเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ไม่สามารถแก้โจทย์คําถามนี้ได้ เธอก็ไม่มีทางเชื่อว่า หลินฟาน สามารถทําได้ นับประสาอะไรกับที่ หลินฟาน เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยที่จีน ทั้งไม่ใช่มหาวิทยาลัยชิงหวาที่ดีที่สุด หนำซ้ำเขายังเรียนสาขาศิลปศาสตร์ของมหาวิทยาลัยระดับสาม นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือไง!

ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ส่ายศีรษะ และรู้สึกว่าชายหนุ่ม หลินฟาน เกินเยี่ยวยาแล้วจริงๆ เขาไม่เข้าใจ.. ก็ไม่เป็นไร แต่การมาแสร้งบังคับมันไม่ถูกต้อง คนหนุ่มสาวแบบนี้ กล่าวคือ ไร้อนาคต

ในฐานะศาสตราจารย์ และเป็นศาสตราจารย์ที่อิมพีเรียลคอลเลจ ในความคิดของ ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ อนาคตนั้นหมายถึงความสําเร็จทางวิชาการ ชาร์ลอตต์ เชื่อว่าคนอย่าง หลินฟาน จะไม่สามารถเข้าสู่ประตูแห่งวิชาการได้ นั่นเพราะเขา ..ไม่ได้มีความรู้อะไรเลย

สตีเฟน มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขาไม่เหลือบมองไปที่คําตอบที่ หลินฟาน เขียนด้วยซ้ำ เพราะเขารู้ว่า หลินฟาน ต้องกำลังเล่นตลกกับเขา และเขาคงเขียนอะไรบางอย่างที่ไร้สาระ และคงคิดว่าตัวเองตลก แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวเขามันก็ไม่ต่างอะไรกับตัวตลกจริงๆ

สตีเฟน หยิบกระดาษในมือนั้นขึ้นมา และตั้งใจจะทิ้งกระดาษแผ่นนี้ไป มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สนใจแม้แต่จะพูดกับ หลินฟาน ด้วยซ้ำ นั่นก็เพราะเขารู้สึกว่า หลินฟาน อยู่ต่ำเกินไปจนไม่มีสิทธิ์จะมาพูดอะไรกับเขาได้อีก

การแข่งขันระหว่างพวกเขาได้ตัดสินผู้แพ้ชนะแล้ว และหลินฟาน แพ้แล้ว จีนเองก็แพ้แล้วเช่นกัน..

สตีเฟน พร้อมที่จะอธิบายครั้งสุดท้ายว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่า จีน ไม่สามารถเหนือกว่าตะวันตกได้ เขาคิดว่าชาวจีนขาดความสามารถในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ จนถึงตอนนี้ชาวจีนเองก็กําลังใช้สิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีของตะวันตก เทคโนโลยีสมัยใหม่ ตะวันตกต่างเป็นผู้บุกเบิก แรงโน้มถ่วง ทฤษฎีสัมพัทธภาพ และทฤษฎีสตริงในฟิสิกส์ องค์ประกอบของเคมี ทฤษฎีวิวัฒนาการของชีววิทยา ซึ่งทั้งหมดอันไหนไม่ได้มาจากตะวันตก และอันไหนไม่ได้เปลี่ยนแปลงโลก

รากฐานของอารยธรรมสมัยใหม่อยู่ในตะวันตก จีน แค่อาศัยอยู่ภายใต้กรอบของตะวันตก และกําลังเรียนรู้สิ่งที่ตะวันตกสร้างขึ้น อย่างมากก็เป็นแค่ผู้ใช้คนหนึ่ง เช่นนี้จะเอาอะไรไปก้าวข้าม?

คําอุปมาที่ง่ายๆ : ผู้สร้างตู้เย็นเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงโลก และในขณะที่ จีน เป็นเพียงผู้ใช้ตู้เย็น ..เท่านั้น

สตีเฟน จึงสรุปว่า จีน ไม่สามารถแซงหน้าตะวันตกได้ หากมองไปทั่วโลก ยังไงตะวันตกก็ยังคงควบคุมเทคโนโลยีหลักอยู่..

อย่างไรก็ตาม คําพูดเหล่านี้ สตีเฟน ไม่มีโอกาสได้พูดคำเหล่านี้ออกมาแล้ว หลังจากที่เขามองกระดาษแผ่นนั้นลงไปโดยไม่รู้ตัว ตัวเขาก็ได้แข็งทื่อไป และไม่สามารถละสายตาออกจากกระดาษแผ่นนั้นไปได้ ..อีกต่อไป

เขาตกตะลึง หรือพูดให้ถูกคือ เขาได้กลายเป็นหิน ..ไปแล้ว

เขาตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น และสายตาจับจ้องมองกระดาษแผ่นนั้น ทั้งการแสดงออกของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก มันเป็นการแสดงออกที่ผสมผสานระหว่างความตกใจ ความประหลาดใจ และความไม่อยากจะเชื่อ เหงื่อเย็นๆ ได้ไหลลงมาจากหน้าผาก โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกตัว…

ทุกคนที่หัวเราะเยาะ หลินฟาน ไปอย่างป่าเถื่อนในก่อนหน้านี้ยังไม่พบความผิดปกติ แต่เมื่อ สตีเฟน ตกตะลึงไปเป็นเวลานาน ในที่สุดพวกเขาก็พบว่ามีบางอย่าง ..ผิดปกติ

เกิดอะไรขึ้น สตีเฟน เทพเจ้าแห่งการเรียน เหมือนตกตะลึงบางอย่าง เดี๋ยวก่อนนะ มันเกิดอะไรขึ้น?

ทุกคนก็มองหน้ากัน และสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“หรือคําตอบที่ผู้ชายคนนั้นเขียน ..มันแย่มากจนทําให้ สตีเฟน ถึงกับพูดไม่ออก?”

“มันต้องเป็นแบบนั้น และสตีเฟน ที่เป็นเช่นนี้ก็ต้องกำลังโกรธมากแน่ๆ!”

“ไอ้งี่เง่านั้นมันเขียนอะไรลงไปที่ถึงขนาดทำให้ สตีเฟน โกรธจนพูดอะไรไม่ออกได้?”

ทุกคนหัวเราะเยาะ หลินฟาน ไปพลาง และก็พาอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย

ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์อยู่ใกล้กับ สตีเฟน และเขาเองได้เดินเข้าไปหาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเอื้อมมือไปหยิบกระดาษที่เขียนคําตอบจากในมือของ สตีเฟน..

ในเวลานี้ สตีเฟน ตกตะลึง และไม่ได้ทันสังเกตเห็นว่ากระดาษถูกศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ ดึงออกไปแล้ว

ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ มองลงไปที่กระดาษ ชั่วพริบตาเดียว ชาร์ล็อตต์ ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาคำหนึ่งว่า : “เชี้ย!”

แน่นอนว่ามันแปลความหมายได้ว่า… (shit.,wtf.) ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ ในฐานะชาวยุโรป เขาอดไม่ได้จริงๆ เขาปล่อยเสียงอุทานออกมาในแบบของชาวตะวันตกว่า โอ้ พระเจ้า! (โอ้ บร๊ะเจ้า!)

ทําไมการพูดภาษาจีนถึงมีความลึกซึ้ง และสื่อความหมายออกมาได้อย่างรุนแรงมากกว่า, แน่นอน ประโยคอย่าง ‘หว่อเช่า (卧槽)’ และอย่าง ‘โอ้.. ชิท! (Oh, shit!)’ หากเทียบแล้ว ‘หว่อเช่า’ เพียงหนึ่งประโยคสามารถแสดงออกมาได้หลายอารมณ์ หลายสิบประโยค ซึ่งแม้แต่ประโยค “โอ้.. พระเจ้า” ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้ น่าเสียดายจริงๆ ที่ชาวต่างชาติไม่สามารถพูด ‘หว่อเช่า’ ได้

คําพูดของ ชาร์ลอตต์ “โอ้.. พระเจ้า!” ไม่สามารถแสดงออกถึงความตกใจของเขาในเวลานี้ ..ได้เลย

แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของ ชาร์ลอตต์ แบบนี้ ทุกคนก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

หลินฟาน เขียนอะไรลงไปกันแน่ นี่มันราวกับว่ามีเวทมนตร์บางอย่างที่ถึงขนาดคาดไม่ถึงว่า ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ และสตีเฟน จะมีปฏิกิริยาที่แปลกไปได้ ..เช่นนี้?

โชคดีที่ ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ ไม่เหมือน สตีเฟน ที่ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

เพราะในไม่ช้าเขาก็ได้แสดงสีหน้าตกใจ ตกตะลึงที่เกินจริงออกมา และอดไม่ได้ที่จะอุทานไปว่า : “พระเจ้า! คําถามนี้สามารถแก้ได้แบบนี้.. โอ้.. นี่มันวิเศษมาก สวยงามมาก นี่เป็นสมการที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น และไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว! ช่างเป็นอัจฉริยะอะไรแบบนี้ ที่ถึงขนาดคิดวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ออกมาได้ ไม่เพียงแต่เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดเท่านั้น แต่มันยังเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดด้วย ทั้งกระชับ และมีประสิทธิภาพมาก ที่สำคัญเขากลับใช้เวลาไปเพียงไม่กี่วินาที! โอ้.. พระเจ้า! อัจฉริยะ อัจฉริยะจริงๆ!”

คําตอบของ ชาร์ลอตต์ ต่อ หลินฟาน ก็คือผลลัพท์การโจมตีที่รุนแรง และดูเหมือนเขาจะแทบรอไม่ไหวที่จะกล่าวชมคำตอบนี้ของ หลินฟาน

หลังจากประหลาดใจแล้ว ชาร์ลอตต์ ก็ได้เงยหน้าขึ้น และมองไปที่ หลินฟาน : “หนุ่มน้อย หนุ่มน้อยที่รัก คุณคิดวิธีแก้ปัญหานี้ออกมาได้อย่างไร ฉันคิดว่าของฉันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อดูสิ่งที่คุณเขียนแล้ว ฉันจึงรู้แล้วว่าวิธีแก้ปัญหาของฉันมันเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”

หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “เรามีคําพูดโบราณของจีนที่ว่า ‘ความเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่’(1) นอกจากนี้ยังเหมาะสมมากสำหรับการแก้แคลคูลัส ผมสามารถพูดได้แค่ว่า ..วิธีการแก้ปัญหาของผมนั้นสอดคล้องกับวิถีแห่งเต๋า”

ชาร์ลอตต์ ตกตะลึง แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความหมายของวิถีแห่งเต๋าคืออะไร แต่ประโยคคำพูดของ หลินฟาน นี้มันได้ขยายความเรียบง่ายของความรู้สึกแห่งเต๋าออกมาได้กระจ่างขึ้น

เขาแทบจะคุกเข่าลงให้กับ หลินฟาน โดยตรง : “ความเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่.. ความเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่ พูดได้ดีมาก หนุ่มน้อย! คุณดูเหมือนจะได้ก้าวถึงขอบเขตสูงสุดแล้วจริงๆ!”

มันเกิดอะไรขึ้น?

ทุกคนตกตะลึง ศาสตราจารย์ชาร์ลอตต์ ดูเหมือนจะให้คะแนน หลินฟาน สูงมาก นี่คือ ..เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

(1)[ความเรียบง่ายที่ยิ่งใหญ่ (大道至简)] - หมายความว่าหลักการที่ยิ่งใหญ่ (หลักการพื้นฐาน วิธีการ และกฎ) นั้นง่ายมาก ง่ายมากจนสามารถอธิบายได้ด้วยหนึ่ง หรือสองประโยค อย่าง.. ‘หากคุณไม่เคยสัมผัสความหนาวเย็นของฤดูหนาว, คุณจะไม่รู้จักความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ’ (不经冬寒,不知春暖。)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด