1153 - พลังของชีวิตที่สอง
1153 - พลังของชีวิตที่สอง
เมื่อสถานการณ์ดำเนินไปในทิศทางนี้ราชาบรรพชน สือเตี้ยน ไท่หมิง และฮ่าวหยางต่างก็เคลื่อนไหวโดยปิดล้อมราชาสวรรค์จากทุกทิศทุกทาง ราชาบรรพชนยี่สิบคนที่เหลือก็ไม่กล้าอยู่เฉยเช่นกัน
การโจมตีเมื่อครู่นี้รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ ไม่มีเลือด ไม่มีกระดูก มีเพียงชุดเกราะทองแดงเท่านั้นที่ร่วงอยู่บนพื้น ในขณะที่ซากศพของราชาเถิงชิงหายสาบสูญไปอย่างไรร่องรอย
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ซากศพของราชาเถิงชิงอยู่ที่ไหน!”
นี่เป็นคำถามของหลายๆ คน ราชาบรรพชนทั้งหมดต่างตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสายตาที่พวกเขาจ้องมองราชาสวรรค์เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง
“เสียงถอนหายใจแห่งทวยเทพ!”
ราชาบรรพชนไท่หมิงกล่าว ปีกค้างคาวที่อยู่ด้านหลังของเขาเริ่มโบกสะบัดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็คุกคามเข้าหาราชาสวรรค์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยความระมัดระวัง
ในสมัยโบราณเมื่อมีใครสามารถบรรลุความรู้แจ้งในระหว่างบรรเลงเพลงศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ มันจะกระตุ้นให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “เสียงถอนหายใจแห่งทวยเทพ” ซึ่งเป็นพลังแห่งสวรรค์พิภพที่มีความสอดคล้องกับกับเต๋าผู้ยิ่งใหญ่
ในตอนนี้ราชาสวรรค์กระอักเลือดออกมาเล็กน้อย แม้ว่าด้วยเหตุผลทั่วไปอาการบาดเจ็บนี้จะไม่น่ากังวลมากนัก แต่ผู้บ่มเพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ยังมีราชาผู้แข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์โบราณอีกมากมาย และอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยอาจทำให้พลังการต่อสู้ของราชาสวรรค์ลดลงอย่างมาก
“ผิดแล้ว เราทุกคนล้วนผิดแล้ว คนๆ นี้แม้ว่าจะก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความเป็นอมตะคนละรูปแบบกับเรา แต่ระดับของเขาไม่เป็นรองพวกเราทุกคนอย่างแน่นอน และหากเราต้องการฆ่าเขาจริงๆ อย่างน้อยพวกเราครึ่งหนึ่งที่อยู่ที่นี่จะต้องตายตามเขาไปด้วย!”
ภายใต้เพลิงสีเลือดที่โหมกระหน่ำขึ้นสู่ท้องฟ้า ราชาบรรพชนสือเตี้ยนกล่าวด้วยสีหน้ามืดมน
ทุกคนตกตะลึง จากนั้นร่างกายของพวกเขาก็เริ่มหนาวเหน็บ โดยเฉพาะเหล่าราชาบรรพชนที่กำลังเตรียมจะทำการต่อสู้ในไม่กี่ลมหายใจข้างหน้านี้
ราชาสวรรค์ลุกขึ้นยืนและเช็ดเลือดออกจากมุมปาก เห็นได้ชัดว่าในการต่อสู้ครั้งต่อไปเขาไม่สามารถนั่งเล่นกู่ฉินได้อย่างสบายใจอีกแล้ว เขาจำเป็นต้องรีดเร้นความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังเหล่านี้ให้ได้
“ถูกต้อง จากที่แสดงออกมาในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้มานานหลายพันปีแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาไม่เป็นรองเราทั้งสามคนอย่างแน่นอน”
ราชาบรรพชนฮ่าวหยางพยักหน้า ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ราวกับดวงอาทิตย์สีทอง ในขณะนี้พวกเขาไม่คิดจะต่อสู้กับราชาสวรรค์เผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงลำพังอีกต่อไป
เมื่อได้ยินคำพูดนี้สีหน้าของผู้บ่มเพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็เต็มไปด้วยความสับสน มีเพียงเย่ฟ่านเท่านั้นที่พอจะเดาได้อย่างคลุมเครือ
เมื่อเขาอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ในภาคเหนือ ราชันย์รัตติกาลทมิฬใช้เวลากว่าห้าพันปีในการบ่มเพาะความแข็งแกร่งเพื่อโอกาสในการล้างแค้น
ในตอนนั้นเย่ฟ่านยังมีฐานการบ่มเพาะห่างไกลจากระดับปัจจุบันค่อนข้างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตระหนักได้ว่าราชันย์รัตติกาลทมิฬมีระดับการบ่มเพาะขั้นใดกันแน่
แต่เมื่อเทียบจากอายุและความแข็งแกร่งแล้ว เห็นได้ชัดว่าราชันรัตติกาลทมิฬจะต้องเป็นเซียนเทียมระดับสามอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีทางอยู่ได้นานเกือบห้าพันปี
แต่สุดท้ายเขากลับถูกราชาสวรรค์ที่เพิ่งหลบหนีออกจากภูเขาสีม่วงได้สำเร็จสังหารอย่างโหดร้าย แม้ว่าตอนนั้นพลังของราชาสวรรค์จะแห้งเหือดจนหมดแล้ว แต่เขายังคงสามารถสังหารปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์หลายสิบคนได้อย่างต่อเนื่อง
ยิ่งกว่านั้นในตอนที่ราชันย์รัตติกาลทมิฬกำลังจะตายเขาได้กล่าวคำพูดบางอย่างซึ่งเย่ฟ่านยังคงจดจำได้ไม่ลืมเลือน
“เจียงไท่ซูเจ้า...ถูกผนึกไว้ในภูเขาสีม่วงจนอายุขัยใกล้จะแห้งเหือดแล้ว เจ้าจะฝ่าทะลุเข้าสู่ระดับนั้นได้จริงๆ?”
เหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนเย่ฟ่านยังคงสับสนและไม่สามารถทำความเข้าใจได้ แต่เมื่อถึงตอนนี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าราชาสวรรค์ประสบความสำเร็จในการเป็นเซียนตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าสู่ภูเขาสีม่วงเมื่อสี่พันกว่าปีก่อนด้วยซ้ำ
ราชาสวรรค์ถูกปิดผนึกอยู่ในค่ายกลของภูเขาสีม่วงนานถึงสี่พันปีโดยไม่มีสิ่งใดใช้ในการหล่อเลี้ยงตัวเองเลย แต่เขายังคงมีชีวิตอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
จักรพรรดิดำเคยสันนิษฐานไว้ว่าราชาสวรรค์กำลังค้นหาเส้นทางที่จะทำให้เขามีชีวิตที่สองและเมื่อราชาสวรรค์ประสบความสำเร็จความแข็งแกร่งของเขาจะทรงพลังมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน!
“เขาเอง...คือเขาจริงๆ!”
ในฝูงชนเทียนหวงจื่ออุทานด้วยความตกใจ ราชาสวรรค์ถูกขังอยู่ในภูเขาสีม่วงเป็นเวลาสี่พันปี เขาต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตโบราณอย่างบ้าคลั่งและถูกปิดผนึกอยู่ในก้อนหินแปลกๆ มาจนถึงปัจจุบันนี้
“ข้ายังจำก้อนหินก้อนนั้นได้ นั่นก็เพราะมันสามารถปิดกั้นพลังวิญญาณของข้าไม่ให้แทรกซึมเข้าสู่ภายในเพื่อมองเห็นสถานการณ์โดยรวม แต่ข้ายังคงจดจำเขาได้ นี่จะต้องเป็นชายเมื่อหลายพันปีก่อนคนนั้น”
เทียนหวงจื่อกล่าวด้วยความหวาดหวั่น แม้ว่าเขาจะนอนหลับอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์ แต่เขาก็ยังตื่นขึ้นในบางครั้งเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นภายในภูเขาสีม่วง
“เขาเข้าไปในภูเขาจักรพรรดิเพื่อตามหาร่องรอยเต๋าของจักรพรรดิอู่ซือ ข้าคิดว่าเขาน่าจะตายไปตั้งแต่เมื่อสี่พันปีก่อน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยังมีชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามวันนี้วันนี้ชีวิตของเขาจะต้องจบลงอย่างแน่นอน” เทียนหวงจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
หูของเย่ฟ่านกระตุกเล็กน้อยเนื่องจากเขาบรรลุความสมบูรณ์แบบในระดับเซียนเทียมขั้นสองแล้ว แม้ว่าจะยังไม่เผชิญหน้ากับบททดสอบแห่งสวรรค์ครั้งใหญ่ แต่โสตประสาทของเขาก็ขอบเขตสูงสุดแล้ว
ด้วยความสามารถนี้เขาไม่เพียงจะได้ยินคำพูดของผู้คนที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้เท่านั้น แต่ยังสามารถตรวจจับคลื่นพลังวิญญาณที่พวกเขาใช้สนทนากันได้อีกด้วย
“คนอย่างเจ้าจะเข้าใจได้อย่างไรว่าราชาสวรรค์เลือกที่จะตัดอดีตของตัวเองเพื่อให้ได้รับชีวิตที่สอง เขาเป็นเหมือนต้นไม้ในฤดูหนาวที่จะสลัดใบของตัวเองออกไป และงอกงามอีกครั้งเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ!” เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง
“พวกเราทุกคนต้องจัดการเขาด้วยกัน” ราชาไท่หมิงกล่าว ในขณะนี้พวกเขาไม่มีเวลาเล่นกับเซียนมนุษย์อีกต่อไป
“บูม!”
ทันใดนั้นราชาสวรรค์ก็เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาเคลื่อนตัวลงมาจากท้องฟ้าและกดเข้าหาราชาไท่หมิงทันที!
“นี่คือการโจมตีของราชาเซียน ทุกคนระวังด้วย!”
ราชาบรรพชนคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง ก่อนที่ร่างของเขาจะวูบไหวอยู่กลางอากาศเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของราชาสวรรค์
อย่างไรก็ตาม ราชาสวรรค์เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียวฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขาก็ปะทะกับราชาสือเตี้ยน ไท่หมิง และฮ่าวหยางโดยไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนีออกจากสนามรบได้
กฎศักดิ์สิทธิ์ทุกประเภทสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า ท่าทางของราชาสวรรค์เต็มไปด้วยความดุร้ายไม่มีความสง่างามอีกต่อไป
มือขวาโจมตีคู่ต่อสู้ด้วยกำปั้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่มือซ้ายควบคุมกระบี่บินให้ฟาดฟันเข้าหาราชาบรรพชนทั้งยี่สิบคนที่อยู่ด้านหลังด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!
กระบี่สวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้ฟาดฟันร่างของราชาบรรพชนคนหนึ่งให้ขาดเป็นสองส่วน วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาไม่มีโอกาสรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายได้อย่างไร
ราชาสวรรค์คำรามเสียงดังก้อง จากนั้นมือซ้ายของเขาก็ประสานอินเพื่อเรียกเจดีย์น้ำตาเซียนขึ้นในความว่างเปล่า แน่นอนว่านี่ยังคงเป็นเก้าญาณวิเศษลึกลับ!
โครม!
เจดีย์น้ำตาเซียนกดทับลงมาจากท้องฟ้าและบดขยี้ราชาบรรพชนสองคนให้แหลกสลายกลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นมันก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้งและพร้อมที่จะโจมตีเป้าหมายคนต่อไป
ไม่มีใครต้านทานการโจมตีของเจดีย์น้ำตาเซียนจำลองนี้ได้ แม้แต่ราชาบรรพชนสือเตี้ยน ไท่หมิงและฮ่าวหยางก็ยังส่งเสียงคำรามและพาร่างของตัวเองหลบหนีจากการโจมตีด้วยความหวาดกลัว
“เจ้า …”
ปัง!
ราชาบรรพชนอีกสองคนถูกทุบตีจนกลายเป็นเนื้อบด วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาแหลกสลายไม่มีโอกาสดิ้นรนด้วยซ้ำ
“เคร้ง…”
ทันใดนั้นเจดีย์น้ำตาเซียนก็เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นระฆังขนาดใหญ่ที่มีความสูงกว่าหนึ่งหมื่นวา ขนาดของมันเพียงพอที่จะครอบระเบียงตงเทียนได้อย่างง่ายดาย
ราชาสวรรค์ประสานอินเพื่อควบคุมระฆังขนาดใหญ่ จากนั้นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ภูเขา รวมทั้งแม่น้ำหลากหลายสายได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
ยังมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งหลายตัวทั้งนกเผิง ปลาคุน มังกรวารี และภาพเงาของวิญญาณเทพมากมายนับไม่ถ้วนคุกเข่าอยู่รอบๆ ระฆังขนาดใหญ่อย่างนอบน้อม
นี่คือระฆังปราศจากจุดเริ่มต้น ทุกคนต่างตกตะลึงเป็นอย่างมาก แม้ว่าระฆังนี้จะยังขาดความสมบูรณ์แบบ เพราะราชาสวรรค์ไม่มีโอกาสมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของมันทั้งหมด แต่พลังที่แผ่ออกมาด้านนอกเพียงพอที่จะบดขยี้ความหวังของราชาบรรพชนหลายคนที่กระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณ
เคร้ง!
“อา...”
ราชาบรรพชนสองคนพยายามต่อต้านเสียงระฆัง แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ ร่างกายของพวกเขาถูกระเบิดเป็นชิ้นๆ ถูกทำลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณ
ความแข็งแกร่งของราชาสวรรค์ที่แสดงออกมาตอนนี้ไม่มีผู้ใดเทียบได้ ย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาได้ใช้เลือดของตัวเองเพื่อช่วยเย่ฟ่านทะลวงผ่านอาณาจักรสี่สุดขั้ว จากนั้นจึงตัดต้นกำเนิดของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตเสี่ยวถิงถิง
นี่เป็นการเดิมพันด้วยชีวิตและความตาย มีเพียงเดิมพันแบบนี้เท่านั้นเขาจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการสร้างชีวิตที่สอง
………..