บทที่ 31: [เนื้อเรื่องเสริม] เอิร์ลแห่งครอสโรด
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 31: [เนื้อเรื่องเสริม] เอิร์ลแห่งครอสโรด
ข้าตัดสินใจเลื่อนการรายงานไปเป็นวันรุ่งขึ้นเนื่องจากอยากพักผ่อน เพราะตัวข้าเองก็ยังต้องรับประทานอาหารและพักผ่อนบ้าง
ข้าให้เหตุผลไปอีกว่าข้าจะกังวลถ้าเกิดข้าได้ยินปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้
เมื่อใช้เวลาทั้งวันไปกับการอยู่ในดันเจี้ยน ข้าก็นอนหลับลงทันทีเมื่อตัวอยู่บนเตียง ไม่มีความฝันใดมารบกวนการนอนหลับของข้า ข้านอนหลับลึกมาก
เมื่อถึงรุ่งเช้า ข้าจึงเรียกไอเดอร์มาที่ห้องรับรองทันที
“เจ้าหมายความว่ายัไงที่ไม่มีกำลังเสริม?”
เมื่อข้าซักถามต่อไป ไอเดอร์ที่กำลังมองไปมาด้วยสายตาอย่างกังวลก็ตอบข้าพลางมองมาที่ข้า
“คือว่า ยามนี้จักรวรรดิกำลังทำสงครามกับประเทศศัตรูในแนวรบด้านตะวันตกไม่ใช่หรือขอรับ?”
"และ?"
“จากคำพูดของผู้บัญชาการกลาง พวกเขาอ้างว่ากำลังรวบรวมกองกำลังในแนวรบด้านตะวันตกเพื่อดึงกองกำลังสำรองทั้งหมดจากที่ต่างๆ เข้ามาเสริมทัพ ดังนั้นจึงไม่มีกำลังเสริมที่จะส่งมายังด่านหน้าพวกสัตว์ประหลาดในยามนี้…”
“…”
ข้าหรี่ตาลง มีบางอย่างผิดปกติ
เพราะจักรวรรดิแห่งนี้เป็นประเทศที่มีความขัดแย้งอยู่เสมอ พวกเขามักจะทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม่หยุดหย่อนและไม่แยแส ทั้งกลางวันและกลางคืน
แต่เหตุใดพวกเขาถึงกับดึงกองกำลังจากเมืองในถิ่นทุรกันดารทางใต้นี้ไปจนหมด?
ทั้งยังเกิดในช่วงที่ข้าเพิ่งขอกำลังเสริมไปอีก?
“…”
ลางสังหรณ์บอกข้าว่าบางสิ่งบางอย่างที่เลวร้ายกำลังเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นสถานการณ์ที่ข้าไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปแทรกแซงได้เลย
ข้าเป็นเพียงผู้บัญชาการด่านหน้าต่อต้านสัตว์ประหลาดเท่านั้น ข้าแทบไม่มีอำนาจเหนือกองกำลังจักรพรรดิเลย สิ่งที่ข้าทำได้มากที่สุดคือขอความช่วยเหลือ
ดังนั้นข้าคงได้แต่ต้องพึ่งพาทหารรับจ้างแล้ว
“แล้วพวกทหารรับจ้างล่ะ? มีสมาชิกใหม่เพิ่มบ้างหรือไม่?”
“เรารับทหารรับจ้างทุกคนที่มาถึงสมาคมทหารรับจ้างทันที โดยไม่มีข้อกำหนด ทว่าก็ยังไม่มีทหารับจ้างหน้าใหม่ปรากฏขึ้นมามากนัก….”
เสียงของไอเดอร์ดังขึ้น
ที่จริงการต่อสู้เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่วัน การคาดหวังว่าทั้งสมาคมจะเต็มไปด้วยทหารรับจ้างในทันทีนั้นดูเป็นเรื่องเพ้อฝันยิ่ง
ข้าบ่นพึมพำกุมศีรษะพร้อมกับนำมือเท้าคาง
"อืม..."
ต้องทำเช่นไรดี? การขอกำลังเสริมเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งยวดสำหรับด่านถัดไป
ทันใดนั้น ไอเดอร์ก็เผยรอยยิ้มอันอ่อนโยนมาทางข้า ยิ้มบ้าอะไรกันวะ?
“เจ้าคิดวิธีที่จะหากำลังเสริมได้แล้วงั้นหรือ?”
“อืม ที่จริงแล้วก็มีนะขอรับ…”
“ไฉนเจ้าไม่พูดออกมาตั้งแต่แรกกัน ทำไมเจ้าถึงเก็บเป็นความลับ? อธิบายมาให้ข้าฟังอย่างละเอียดเดี๋ยวนี้”
“แต่มันอาจทำให้ท่านปวดหัวเอาได้นะ”
“มันจะเป็นเรื่องน่าปวดหัวยิ่งกว่าปัญหาที่ข้าต้องพบเจออีกเหรอ? ปัญหาที่อยู่ในมือยามนี้มันแทบจะเกินกำลังของด่านต่อไปแล้ว ฉะนั้นจงรีบพูดมา เราจะรวบรวมกองกำลังเพิ่มได้ที่ไหน?”
ไอเดอร์ยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบาพลางชี้ไปด้านนอกของห้อง
"เช่นนั้นก็ได้เลยขอรับ ได้โปรดตามข้ามา"
ไอเดอร์เป็นคนนำทางและข้าก็เดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
“องค์ชาย ท่านตื่นแล้วหรือ?”
ลูคัสที่นอนหลับมากกว่าปกติก็ได้เข้ามาสมทบเราทีหลัง ผมของเขายุ่งเหยิงมาก
ด้วยเหตุนี้ข้าจึงปัดผมของลูคัสให้มันเข้าทรง
“ลูคัส เจ้านอนมาเต็มอิ่มเลยใช่ไหม? ดูเหมือนเจ้าจะพักผ่อนมาอย่างเต็มที่เลยสินะ”
“ข้าขออภัยที่ล่าช้าด้วยองค์ชาย ด้วยหน้าที่อัศวินคุ้มกัน…”
“อะไรกัน เจ้าอยากถูกลงโทษหรือ? พอได้แล้ว ไปกันต่อเถอะ ดูเหมือนเจ้านี้จะพาเราไปที่ไหนสักแห่ง”
เราสามคนก้าวออกไปนอกคฤหาสน์ อากาศยามเช้าค่อนข้างสดชื่น อาจเป็นเพราะฤดูใบไม้ผลิของที่นี่
ไอเดอร์เดินไปที่คอกม้าทันทีและนำม้าสามตัวออกมา
“เราไม่ต้องไปไกลก็จริง แต่เราต้องออกจากเมือง”
ลูคัสที่ขี่ม้าอย่างรวดเร็วได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า
“เราจะไปไหนกันหรือท่านผู้ช่วยไอเดอร์?”
“ไปพบอดีตท่านเจ้าเมือง”
ลูคัสกับข้าเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ไอเดอร์กล่าวย้ำอีกครั้ง
“เรากำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของครอสมาร์คกราฟ!”
***
มาร์คกราฟคืออะไรงั้นหรือ?
กล่าวโดยสรุปก็คือคนที่ปกป้องชายแดน
ตามธรรมเนียมแล้ว มาร์คกราฟมักจะเป็นยศที่ถูกมอบหมายให้กับขุนนางศักดินาใกล้ชายแดนที่ปกครองภูมิภาคนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทว่ามาร์คกราฟมีอำนาจมากกว่าขุนนางทั่วไปเล็กน้อย
นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้รับมอบหมายให้ปกป้องชายแดนจากประเทศศัตรู สัตว์ประหลาด ภัยพิบัติและสิ่งที่คล้ายกันเหล่านี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงขุนนางศักดินาในท้องถิ่นทั่วไป แต่ยังเป็นผู้บัญชาการทหารที่รับผิดชอบในการป้องกันภูมิภาคด้วย
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผู้คนมารวมตัวกันที่ครอสโรด ตระกูลครอสก็ปกครองที่นี่อยู่แล้ว”
เมื่อออกจากเมืองด้วยม้า เราก็มุ่งหน้าตรงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ไอเดอร์ยังคงอธิบายต่อไปในขณะที่เราขี่ม้า
“ชื่อของป้อมปราการนั้นมาจากชื่อปราสาทของมาร์คกราฟ”
ตระกูลครอสเป็นคนสร้างถนนเส้นนี้ขึ้นมา .
ดังนั้นป้อมปราการแห่งนี้ที่ถูกสร้างขึ้นบนนั้นจึงมีชื่อว่าครอสโรด
“พวกเขาเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้มาตั้งแต่ช่วงก่อตั้งป้อมปราการ”
“แล้วทำไมมาร์คกราฟถึงยอมสละตำแหน่งเจ้าเมืองที่นี่ไปล่ะ?”
ข้าเอียงศีรษะอย่างไม่เข้าใจนัก
สถานที่แห่งนี้เป็นชายแดนทางตอนใต้ที่ห่างไกลจากศูนย์กลางของจักรวรรดิ
พูดตามตรง มาร์คกราฟของที่นี่มีอำนาจมากกว่าจักรพรรดิ ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้คือ ครอส มาร์คกราฟ
ทว่าเขากลับเต็มใจที่จะสละตำแหน่งขุนนางของเขาเสียอย่างนั้น
เมื่อตำแหน่งเจ้าเมืองว่างอยู่ เจ้าชายแอชจึงได้ก้าวเข้ามารับตำแหน่งขึ้นแทนในช่วงต้นของเกม
เหตุใดถึงสละดินแดนที่พวกเขาปกครองจากรุ่นสู่รุ่น? ทำไมกันล่ะ?
“มีสถานการณ์ที่ซับซ้อนหลายอย่างเกิดขึ้น คงจะดีกว่าถ้าท่านได้ยินมันโดยตรง”
ไอเดอร์กระพริบตา ยิ้มหยอกล้อให้ ดูเหมือนเขาจะรู้อะไรบางอย่างแต่ไม่คิดเปิดเผย
โอ้ ไม่เอาน่า แง้มบอกสักอย่างทีเถอะ!
“เรามาถึงกันแล้ว ที่นี่แหละ”
หลังจากขี่ม้าประมาณ 30 นาที ไอเดอร์ก็หยุดม้าของเขาลง ข้าเหลือบมองไปรอบๆ พร้อมกับเงยหน้าขึ้น
บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นต้นสนได้ในระยะไกล มีคฤหาสน์เก่าแก่แห่งหนึ่งตั้งอยู่
คฤหาสน์ที่มีผนังสีซีดอ่อน มันปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยหนาแน่นและหน้าต่างก็เต็มไปด้วยฝุ่น จนไม่อาจมองเห็นภายในได้เลย
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้รับการดูแลอย่างดีสักเท่าไร
“สถานที่แห่งนี้เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักของตระกูลครอส มาร์คกราฟย้ายมาที่นี่หลังจากสละตำแหน่งเจ้าเมืองของเขา”
“มีคนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ….?”
"มีสิ ข้าส่งของจำเป็นมาที่นี่เป็นประจำเลยขอรับ”
จากนั้นข้าก็ลงจากม้า ลูคัสและไอเดอร์ก็ทำตามเช่นกัน ข้าเดินเข้าไปใกล้คฤหาสน์เก่าอย่างระมัดระวัง
เหตุใดมาร์คกราฟผู้ซึ่งควรปกครองภูมิภาคนี้เหมือนราชวงศ์จึงได้สละตำแหน่งขุนนางและหลบอยู่ในสถานที่เช่นนี้กัน?
พายุแห่งคำถามได้โหมกระหน่ำเข้ามา
ทันใดนั้น ขณะที่พวกเราข้ามรั้วคฤหาสน์และก้าวเข้าไปในลานบ้าน เสียงอันแก่ชราก็พุ่งผ่านเข้ามา
"พวกเจ้ากำลังทำบ้าอะไรกัน!"
พวกเราชะงักไป หันไปก็พบกับชายชราร่างผอมที่กำลังก้าวออกมาจากคฤหาสน์ ใบหน้าของเขาแดงก่ำขณะที่ตะโกนออกมา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าอยู่ที่ไหนกัน? คิดจะมาเดินเล่นกันหรือไงหา?”
เขาเป็นชายชราที่ท่าทางหมดสภาพไปแล้ว คางของเต็มไปด้วยหนวดเคราอันไม่เรียบร้อย ดวงตาของเขาแดงก่ำ
กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมารอบตัวเขา เห็นได้เลยว่าเขาเพิ่งจะดื่มมา
ชายชราตีขวดเหล้าว่างเปล่าในมือของเขา
“ไปให้พ้นเลย พวกเจ้าทั้งหมดออกไปจากบ้านของข้าเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่ลูคัสกับข้ายืนตัวแข็งด้วยความประหลาดใจ ไอเดอร์ก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“โอ้ แหม ท่านมาร์คกราฟ! ท่านเป็นยังไงบ้างหรือ? ข้าไอเดอร์ไงเล่า!”
"หือ? เจ้าเป็นผู้ช่วยของเราไม่ใช่หรือ? ไม่ได้พบกันนานเลยนะ"
ท่าทางของชายชราอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นไอเดอร์
เดี๋ยวนะ ไอเดอร์เรียกชายชราคนนี้ว่ายังไง? ท่านมาร์คกราฟเหรอ?
’ชายชราขี้เมาคนนี้คือ…มาร์คกราฟจากตระกูลครอสเหรอ?'
อดีตเจ้าเมืองเนี่ยนะ?
ไอเดอร์ยังคงสนทนาต่อกับท่านมาร์คกราฟตระกูลครอส
“ข้าเป็นห่วงจึงมาดูว่าท่านเป็นเช่นไรบ้าง มีอะไรที่ท่านรู้สึกไม่พึงพอใจบ้างหรือเปล่า?”
“ข้าสบายดี…แต่เหล้าที่เจ้าส่งมานั้นน้อยไปหน่อย ส่งเหล้าเต็มรถเข็นอีกหนึ่งคันในเดือนหน้าแล้วกัน”
“โอ้แหม ท่านดื่มไปเยอะแล้วนะ หากท่านดื่มมากกว่านี้ มันจะทำลายสุขภาพของท่านอย่างรุนแรง!”
“ข้าตัดสินใจที่จะตายเพราะเหล้าไปแล้ว ส่งมาให้มากกว่านี้ ไม่ต้องมาขัด”
หลังจากทะเลาะกันเล็กน้อยถึงเรื่องการจัดส่งเหล้า ไอเดอร์ก็เปลี่ยนเรื่องทันที
“คือว่าท่านมาร์คกราฟ ที่สำคัญกว่านั้นคือเรามีแขกด้วย! ข้าพาแขกเหล่านี้มาหาท่านล่ะ!”
"อะไรกัน? แขกเหรอ? ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าให้ใครมาเจอข้า?”
“แค่พูดคุยกันนิดหน่อยเอง เขาน่ะเป็นคนสำคัญและพิเศษมากเลยนะ”
ไอเดอร์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางข้า
“เป็นท่านเจ้าเมืองได้รับการแต่งตั้งใหม่! องค์ชายแอช ’ผู้เกิดมาถูกรังเกียจ’ เอเวอร์แบล็ค!”
เมื่อได้ยินชื่อของข้า ดวงตาของท่านมาร์คกราฟก็เบิกกว้างขึ้น
ท่านมาร์คกราฟและข้าจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ข้าจึงโค้งคำนับให้
“ยินดีที่ได้พบท่านมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอส ข้าคือแอช บุตรชายคนสุดท้องขององค์จักรพรรดิและเจ้าเมืองแห่งครอสโรดที่เพิ่งถูกแต่งตั้ง”
แม้ว่าแอชจะเป็นเจ้าชายที่นิสัยหยาบช้า แต่เขาก็คงไม่สามารถพูดจาไม่สุภาพต่อท่านมาร์คกราฟได้
ก็เหมือนผู้หมวดที่เพิ่งเข้ามาประจำการใหม่ จะให้ไปพูดคุยสนิทชิดเชื้อกับทหารผู้อาวุโสได้เช่นไร
ดังนั้นข้าจึงพูดกับท่านมาร์คกราฟอย่างเป็นทางการ
“ข้ามาปรึกษาท่าน…”
“ออกไป!”
"อะไรนะ?"
“ออกไป เจ้าไม่ได้ยินข้าหรือ?”
ใบหน้าของท่านมาร์คกราฟดูเคร่งเครียดยิ่ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าและเกรี้ยวกราด
ข้ายืนนิ่งด้วยความสับสนที่จู่ๆ มาร์คกราฟก็ดูโกรธมากเช่นนี้
นี่มันเป็นการล้ำเส้นชัดๆ
จักรวรรดิเอเวอร์แบล็คได้ถูกก่อตั้งขึ้นบนระบบลำดับชั้นที่เข้มงวด
ทว่ามาร์คกราฟผู้นี้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ปกครองสถานที่แห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน กลับกล้าที่จะดูถูกรัชทายาทในการพบกันครั้งแรกของพวกเขางั้นหรือ? แถมยังไล่ตะเพิดแขกออกไปอีกเนี่ยนะ?
“ท่านมันอวดดีเกินไปแล้ว มาร์คกราฟ! ให้ข้าเตือนเจ้าถึงลำดับชั้นระหว่างเจ้ากับข้า…”
แคร๊ง!
ขณะที่ข้ากำลังจะพูด มาร์คกราฟก็ยกของบางอย่างที่วางอยู่ตรงทางเข้าคฤหาสน์ขึ้นมา
มันเป็นหอกและโล่ของอัศวินขนาดใหญ่ แม้เขาจะดูแก่ชรามากแล้ว ทว่าเขากลับยกมันขึ้นมาได้ราวกับมันไร้ซึ่งน้ำหนัก
"...ไม่จำเป็น เหอะ"
ข้าถอยออกไปทันที
การแสดงอาวุธต่อสมาชิกราชวงศ์มีความหมายเช่นไรในจักรวรรดิเอเวอร์แบล็คที่ใช้วิถีการจัดลำดับชั้นทางสังคม?
มันหมายความว่าเขาเป็นคนบ้าไงเล่า
ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการเผชิญหน้ากับคนบ้าคือการหนี นั่นเป็นความจริงที่ไม่ว่าใครก็ตระหนักได้ บัดซบ
“พวกเจ้าทุกคนออกไปเดี๋ยวนี้”
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสได้ตะโกนออกมาอย่างน่าสะพรึงขณะที่เขายกปลายหอกขึ้น
“ออกไปตอนที่ข้ายังพูดดีๆ ด้วยอยู่! จงออกไป!”
ลูคัสกำลังจะพุ่งเข้าไปด้วยความโกรธ แต่ข้าก็ยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขา
“…เราจะมาเยี่ยมท่านอีกครั้ง มาร์คกราฟ ข้าหวังว่าเราจะได้พูดคุยกันอย่างถูกต้อง”
ข้าเดินออกมาจากคฤหาสน์ ลูคัสทำหน้าไม่พอใจ ส่วนไอเดอร์ที่ดูกลัวๆ ก็เดินตามข้ามา
ในขณะที่เราถอยไป มาร์คกราฟยังคงตะโกนใส่เราด้วยเสียงเรียบเฉย
“จงอย่าโผล่หัวออกมาอีก! ปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่อย่างสงบ! เข้าใจไหม?!”
***
มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอส ชื่อเต็ม: ชาร์เลส ครอส
เขาไม่เคยปรากฏตัวในเกม “ปกป้องอาณาจักร” มาก่อน
ทว่าข้าจำชายชราคนนั้นได้ เพราะเขาเป็นพ่อของ ’เอวาเจลีน ครอส’ ตัวละครสายป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในเกม
เอวาเจลีนเป็นหนึ่งในตัวละครที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในหมู่วีรบุรุษระดับ SSR ที่อยู่ในเกม "ปกป้องอาณาจักร"
ความสามารถพิเศษของนางทำให้นางกลายเป็นสิ่งจำเป็น จนทำให้นางติดห้าอันดับแรกของตัวละครที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดอย่างต่อเนื่อง
ข้าต้องการเธออย่างมาก ข้าเสาะหาเรื่องราวของนางมามากมายเพื่อหาว่าต้องทำเช่นไรถึงได้นางมาครอง
แต่ไม่มีคำใบ้อะไรเลย ยกเว้นเพียงชื่อของพ่อนาง ชาร์เลส ครอส
ด้วยเหตุนี้ข้าจึงจำมันได้แม่น
’ข้าต้องจัดการกับชายชราขี้เมาคนนั้นให้ได้’
เมื่อถูกไล่ตะเพิดออกจากคฤหาสน์ ข้าก็จมอยู่ในห้วงความคิด
’การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนกำลังพลเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งนี้ก็อาจช่วยในการรับเอวาเจลีนเข้าทีมได้’
การที่จะได้วีรบุรุษระดับ SSR ถือเป็นเรื่องยาก เอวาเจลีนยิ่งแล้วใหญ่
อัตราการปรากฏตัวของนางอยู่ในระดับต่ำและอัตราความสำเร็จของการที่จะรับนางเข้ามาในทีมยิ่งต่ำกว่ามาก ถึงข้าจะใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ข้าก็อาจจะไม่สามารถเอาตัวเอวาเจลีนมไาด้
แต่คนผู้นี้คือพ่อของนาง
’บางทีถ้าข้าทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง บางทีมันอาจจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?'
ยามนั้นเอง ครอสโรดก็อยู่เบื้องหน้าข้า ข้าจึงเหลือบมองกลับไป
“แล้วตาแก่คนนั่นจะช่วยเราแก้ปัญหากองทหารของเราได้ยังไงกัน?”
ไอเดอร์จึงตอบอย่างรวดเร็ว
“ท่านครอสมีกองทัพส่วนตัวของเขาเอง พวกเขาเป็นทหารชั้นยอดที่ภักดีต่อเขาเท่านั้น”
“อืม”
“ถ้าท่านสามารถเปลี่ยนใจท่านครอสได้ ทหารส่วนตัวของเขาจะติดตามท่าน มันจึงเป็นการช่วยให้กองทหารของเราที่ขาดแคลนอย่างมากได้ในทันที”
“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องหาทางเกลี้ยกล่อมเขาสินะ…”
ทว่าลูคัสกลับรู้สึกสงสัย
“เราจำเป็นต้องไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่ดุร้ายเช่นนี้ด้วยหรือ? นอกจากนี้เขายังเป็นคนท้องถิ่น เขาอาจขัดขวางการปกครองของท่านในอนาคตได้นะขอรับ”
“ไม่ว่าในอนาคตมันจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ช่าง ยามนี้เราต้องการเขา”
ไว้ค่อยแก้ปัญหาทีหลัง ตอนนี้การเอาชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“แต่ข้าจะเริ่มต้นยังไงดีดี? เขาไม่ยอมคุยกับเราดีๆ ด้วยซ้ำ”
“มีวิธีอยู่ขอรับ”
"โอ้? วิธียังไงหรือ?"
ไอเดอร์ยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับทำท่าทางเหมือนกำลังถือเครื่องดื่มและกลืนน้ำลายลงไป
“ใช้วิธีที่ทำให้คนเมาสบายใจไงขอรับ”
ข้าคาดไว้ไม่มีผิด
ข้าพ่นลมหายใจพร้อมกับสบถออกมา
"บัดซบจริง"
ข้าหวังว่าจะมีชีวิตที่เรียบง่าย แต่โลกนี้กลับไม่ยอมให้ข้าเป็นเช่นนั้น ให้ตายเถอะ