นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 304 - พยายามอย่างสร้างเรื่องเดือดร้อนอีก!
ชายชรายืนมอง 2 พ่อลูกของตระกูลเอเพกซ์บินหายจนลับสายตาไป แววตามีประกายแวบขึ้นมา ร่างกายสั่นไหวดึงดูดอากาศรอบตัว ก่อนที่มันจะหายไปในพริบตาพร้อมกับเสียงอากาศระเบิดตัว เขามาปรากฏตัวอีกครั้งเหนือห้องควบคุมของเรือเหาะ หลังจากรอให้ช่องทางเข้าออกเปิดตัว ชายชราก็ลดความสูงของตัวเองลงไปยืนอยู่ในห้องควบคุมทันที
สีหน้าในตอนนี้ของเขานั้นเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก สายตาที่หันมองเหล่าคนที่ยืนรอรับการกลับมาของตัวเองนั่นเป็นไปด้วยความครุ่นคิด ชายชรากำลังหาวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้อยู่
เจ้าหน้าที่ของทางสถาบันที่ปฏิบัติงานอยู่ในเรือเหาะลำนี้มีทั้งหมด 8 คนรวมตัวของชายชราเอง มีนักบินอยู่เพียง 2 คนเท่านั้น คนหนึ่งทำหน้าที่เป็นกับตันควบคุมเรือเหาะ ส่วนอีกคนเป็นนักบินผู้ช่วย ในขณะที่อีก 6 คนที่เหลือเป็นชุดคุ้มกัน ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอดการเดินทางครั้งนี้ ตามปกติแล้ว แม้จะเป็นเรือเหาะโดยสารทางไกล ก็จะไม่ใช้ผู้คุ้มกันจำนวนมากถึงเพียงนี้ การเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นกรณีพิเศษ มีนักเรียนเดินทางมากกับเรือเหาะเพื่อไปปฏิบัติภารกิจทดสอบจำนวนไม่น้อยเลย
“พอล เดม แล้วก็ไซม่อน!” ในที่สุด ชายชราก็เอ่ยชื่อคน 3 คนออกมาเบา ๆ
“ครับ!” เสียงขานรับดังตอบสนองออกมาด้วยความเคารพทันที
“พวกนาย 3 คนจะเดินทางตามฉันกลับไปที่สถาบัน พวกเราจะออกเดินทางอย่างเร็วที่สุด ส่วนคนที่เหลือ ให้อยู่ดูแลความปลอดภัยให้กับนักเรียนและเรือเหาะตามปกติ” คำสั่งหลุดออกมาจากปากอย่างชัดเจน
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง 7 คนพากันหันหน้ามองกันและกันด้วยความสับสน ก่อนที่จะพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง ปล่อยหน้าที่การสอบถามรายละเอียดให้กับหัวหน้าชุดคุ้มกันไปจัดการ
และนั่นเป็นหน้าที่ของพอล ตามตำแหน่งแล้วเขาเป็นหัวหน้าชุดในการเดินทางครั้งนี้ ชายชราเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลพิเศษที่ได้รับแต่งตั้งมาโดยเฉพาะ อำนาจในการสั่งการนั้นสูงกว่าหัวหน้าชุด แต่เขาก็ยังมีสิทธิที่จะสอบถามได้เมื่อคำสั่งนั้นดูผิดไปจากวิธีการปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก
“คุณเคน! เรื่องยังไม่จบอีกหรือครับ ทำไมต้องรีบเดินทางกลับกะทันหันอย่างนี้?” พอลเอ่ยถามออกมาด้วยความลังเล ศัตรูที่ปรากฏตัวออกมาคราวนี้มีความแข็งแกร่งเกินไป ถ้าไม่มีชายชราเดินทางมาด้วย พวกเขาไม่มีทางรอดตายอย่างนี้แน่
เมื่อได้ฟังคำถาม ดวงตาของ ‘คุณเคน’ ก็เป็นประกายออกมา เขาไม่ได้ตอบคำถามในทันที และหลังที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเสร็จสิ้น ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ”
“ยังไม่จบดี น่าจะยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อย นั่นทำให้ฉันต้องพาพวกนายไปด้วยถึง 3 คน แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่เกินฝีมือพวกเราแน่ ไม่ต้องกังวลมากไป ส่วนที่เหลือ การเดินทางต่อไปไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอีกแล้ว พวกนายแค่ต้องระมัดระวังอย่างประมาทจนกว่าจะถึงจุดหมายเท่านั้น แยกย้ายกันไปเตรียมตัวเถอะ”
ทุกคนพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนคนที่ต้องออกเดินทางจะรีบหันหลังเพื่อเดินออกไปเก็บข้าวของ ในขณะที่นักบินทั้ง 2 ก็เริ่มตรวจสอบสภาพเรือเหาะเพื่อให้พร้อมที่จะออกเดินทางได้ทุกเมื่อ
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงของชายชราดังขึ้นมาอีกครั้ง ชาย 3 คนที่จะออกจากห้องไปหยุดและหันหลังกลับมามองด้วยความสงสัย
“ระหว่างทางแวะไปที่ห้องโดยสาร เรียกตัวเด็กที่ชื่อเดวิด ซินเทคให้มาหาฉันที่นี่ที ฉันมีเรื่องจะสอบถามอะไรจากเขาหน่อย” ชายชราออกคำสั่งออกมาเสียงเบา คนทั้ง 3 พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันตัวเดินต่อไปทันที
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เดวิดก็มายืนทำหน้าเหรอหราอยู่ภายในห้องควบคุมแล้ว ในใจนั้นคิดวุ่นวายว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และการที่เขาโดนเรียกตัวมานี้เป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แน่นอน! เดวิดพยายามทำหน้าให้ดูน่าสงสารไร้เดียงสาที่สุดเอาไว้แล้ว
“พวกนายออกไปให้หมดก่อน ฉันมีเรื่องจะต้องคุยกับเจ้าเด็กนี่ตามลำพัง” นักบินและผู้คุ้มกันที่เหลือมองหน้ากันอย่างเสียดาย แต่แม้จะลังเล พวกเขาก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่ประตูห้องควบคุมยานถูกปิดตัวลง หัวใจของเดวิดก็เริ่มเต้นแรงขึ้นมาแล้ว การต่อสู้ที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ มันแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชายชราคนที่อยู่ตรงหน้านั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ตาแก่คนนี้สามารถจัดการกับเขาได้แค่เพียงยกมือเท่านั้น แต่ด้วยสัญชาตญาณ เดวิดพยายามควบคุมไม่ให้เสียงการเต้นของหัวใจหลุดรอดออกมาให้ได้ยินเลยแม้แต่น้อย ยืนก้มหน้าตาที่ไร้เดียงสานั้นมองพื้นอยู่นิ่ง ๆ ทำตัวให้น่าสงสารอย่างสุดความสามารถ
ชายชราจ้องมองเดวิดตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่พิจารณาอย่างถ้วนถี่ ก่อนที่แรงกดดันบางอย่างจะเริ่มก่อตัวขึ้น บรรยากาศภายในห้องควบคุมเริ่มเปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นอย่างกะทันหัน
ความรู้สึกที่เดวิดรับรู้ได้ในตอนนี้ คือน้ำหนักตัวของเขาเพิ่มมากขึ้นอย่างฉับพลัน ไม่ได้ต่างจากตอนที่อยู่ในสนามพลังของอุปกรณ์รวมศูนย์แรงโน้มถ่วงเลยแม้แต่นิดเดียว
มันยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
2 เท่า!
3 เท่า!
10 เท่า!
จนถึงตอนนี้ เดวิดก็เริ่มที่จะอึดอัดเป็นอย่างมาก ต้องเริ่มหมุนเวียนเลือดในร่างกายเพื่อดึงพลังออกมาต้านทานแล้ว แต่ยังพยายามเงยหน้าจ้องมองชายชราด้วยดวงตาที่ใสแป๋ว รักษาความไร้เดียงสาเอาไว้ให้มากที่สุด
มันเป็นสายตาที่ทำให้ชายชราเกือบผงะด้วยความตกใจ ก่อนที่จะเพิ่มแรงกดดันออกมารุนแรงยิ่งกว่าเดิม อากาศทั้งรอบตัวเขาและรอบตัวเดวิดบิดเบี้ยวจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า แรงโน้มถ่วงที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ 20 เท่าจากแรงโน้มถ่วงปกติทีเดียว
ปัง!
พื้นโลหะใต้เท้าของเดวิดเริ่มยุบตัวเพราะทนน้ำหนักที่กดลงมาไม่ไหว และเดวิดก็ต้องเริ่มขมวดคิ้วเขาหากันแน่น กล้ามเนื้อของเขานั้นยังสามารถทนทานได้ แต่อวัยวะภายใน? ไม่เลย ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ลำไส้ได้เลื่อนไหลหลุดออกมาอยู่นอกร่างกายแน่ เดวิดต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการควบคุมกล้ามเนื้อในช่องท้องให้บีบรัดพยุงพวกมันเอาไว้ และถือว่าเป็นโชคดี แรงโน้มถ่วงไม่ได้เพิ่มขึ้นไปอีก และกล้ามเนื้อในช่องท้องและอวัยวะภายในเริ่มปรับตัวกับสภาวะในตอนนี้ได้แล้ว
เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของชายชราอย่างฉับพลัน ดูเหมือนว่าเขาจะพึงพอใจเป็นอย่างมากทีเดียว “ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยม! ดูเหมือนเจ้าไวท์จะรับลูกศิษย์ที่ยอดเยี่ยมเอาไว้อีกคนแล้วสินะ
แค่วัดกันที่พลังใจอย่างเดียว เรื่องยุ่งยากที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ก็ถือว่าคุ้มค่า ไม่เสียเปล่าแล้ว” เขากล่าวคำพูดออกมา พร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินมาตบที่บ่าของเดวิดเบา ๆ
แรงโน้มถ่วงทั้งหมดหายไปในพริบตา เดวิดกลับมารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมีน้ำหนักปกติอีกครั้ง เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ไม่ได้ทำอะไรผลีผลามลงไป ความรู้สึกที่บอกว่าตาแก่ที่อยู่ข้างหน้านี้ไม่มีเจตนาร้ายนั้นถูกต้อง
เสียงของชายชราฟังดูนุ่มนวลอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยตอนที่กล่าวตักเตือนออกมา “ต่อไปก็ทำตัวให้ดี ๆ หน่อยนะ อย่าพยายามสร้างเรื่องยุ่งยากให้มันมากนัก อาจารย์ของเธอ... เฮ้อ! ไม่ต้องพูดถึงก็แล้วกัน แค่พยายามอย่างสร้างเรื่องราวอะไรนอกสถาบันก็พอ เข้าใจมั้ย?” เมื่อพูดจบ รอยยิ้มอันขมขื่นแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เดวิดพยักหน้าถี่รัวราวกับไก่จิก กล่าวอย่างเชื่อฟังด้วยแววตาอันไร้เดียงสาทันที “ได้ครับ! ผมจะระวังตัวให้ถึงที่สุดเลย อันที่จริง ผมว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ชอบก่อปัญหาอะไรอยู่แล้ว ครั้งนี้ มันเป็นแค่อุบัติเหตุล้วน ๆ เลยครับ”
คำพูดของเขาเรียกเสียงคำรามออกมาเบา ๆ ได้ทันที ในสายตาของชายชรา เด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างหน้าคนนี้ ยังเพิ่งเป็นเฟสเซอร์ที่ยกระดับขึ้นมาไม่นาน แล้วดูสิ่งที่เจ้าหนูนี่ทำลงไปสิ หาเรื่องให้จ้าวแห่งสัตว์ร้ายมาตามล่า? และดูหน้าตาของมัน! ยังมามีหน้าทำตาใสซื่อ บอกว่าตัวเองไม่ชอบสร้างปัญหา ใครเชื่อก็โง่แล้ว!
“เอาเถอะ เรื่องที่แล้วก็ให้มันแล้วไป อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกก็แล้วกัน เธอไปได้แล้ว” ชายชราไม่อยากจะเสียเวลากับเดวิดอีก เขารีบโบกมือไล่เดวิดให้ออกจากห้องควบคุมไปอย่างไม่ลังเล
ในเมื่อไม่ใช่ศัตรู มีหรือเดวิดจะเชื่อฟังง่าย ๆ ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย เขารีบถามชายชราออกไปทันที
“ท่านครับ! ท่านรู้จักกับอาจารย์ของผมดีอย่างนั้นหรือ?” สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ชายชราจ้องมาที่เดวิดอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้า “ใช่! ถ้าจะนับไปฉันก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งของเขา แม้จะเป็นแค่เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม อาจารย์ของเธอนั้นแข็งแกร่งเร็วเกินไป แค่ไม่กี่ปีฉันก็ไม่มีอะไรจะสอนเขาแล้ว”
“โอ้! เป็นอาจารย์ของอาจารย์ผม ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเป็นอาจารย์ปู่ของผมสิครับ” รอยยิ้มอันสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเดวิด เขาก้มหัวทำความเคารพอย่างเรียบร้อยทันที
“ฮ่าฮ่า! ไม่ต้องมากมารยาทขนาดนั้นก็ได้” ปากกล่าวปฏิเสธ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราก็ขยายกว้างออกมาเช่นกัน
เมื่อเห็นแบบนี้ ในใจของเดวิดก็เกิดความยินดีขึ้นมาแล้ว แต่สีหน้าที่แสดงออกของเขากลายเป็นขมขื่นขึ้นมาทันที “เฮ้อ! ถึงแม้ว่าอาจารย์จะรับผมเป็นลูกศิษย์ส่วนตัว แต่ก็ไม่ยอมมอบของขวัญอะไรเอาไว้ให้ใช้ป้องกันตัวเลย แม้แต่เกราะสักชิ้นก็ไม่มี” เขาพูดออกมาพร้อมกับเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้
รอยยิ้มของชายชรานั้นแข็งค้างทันที และมันขยับเอ่ยคำพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “ไสหัวออกไป!”
เดวิดกระพริบตาใสซื่อของตัวเองถี่ ๆ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างมีความหวัง เขายังไม่หมดความพยายาม
“บอกให้ไสหัวไป!” คราวนี้ไม่ได้มีแต่คำพูดแล้ว มือของเขาโบกสะบัดอย่างรวดเร็ว สายลมที่รุนแรงพัดส่งตัวเดวิดลอยผ่านประตูห้องควบคุมที่เปิดรับได้อย่างเหมาะเจาะอย่างฝืนตัวเองเอาไว้ไม่ได้!
“ชิ! ตาแก่ขี้เหนียวเอ้ย!” หลังจากลุกขึ้นมายืนได้ เดวิดก็บ่นพึมพำออกมาก่อนจะทำท่าปัดฝุ่นตามเนื้อตัวออก ก่อนจะหันหลังก้มหน้าเดินงุด ๆ หลบสายตาที่มองมาของนักบินกลับไปที่ห้องโดยสารทันที
ใครจะไปรู้ว่าตาแก่นั่นโกรธจริง ๆ หรือเปล่า เขาไม่อยู่รอเสี่ยงกับอารมณ์ของคนแก่หรอก
ชายชราทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างแรง ก่อนที่จะเงยหน้ามองเพดานห้องควบคุมพร้อมกับถอนหายใจออกมา เขาลืมไปได้ยังไงนะ? ขนาดอาจารย์ยังประหลาดถึงเพียงนั้น ไม่แปลกเลยที่ลูกศิษย์จะประหลาดเสียยิ่งกว่า ดูท่าชีวิตต่อไปของเจ้าไวท์นั่นจะมีสีสันไม่เบา ลูกศิษย์ที่รับเอาไว้รับมือยากยิ่งกว่าตัวเขาในตอนนั้นเสียอีก
เมื่อเจ้าหน้าที่คุ้มกันทั้ง 3 คนเก็บของเสร็จ และพากันกับเดินเข้ามาในห้องควบคุมอีกครั้ง ชายชราก็พยักหน้าให้โดยไม่พูดอะไร เขารีบลุกขึ้นและเดินนำหน้าทั้งหมดลงจากเรือเหาะไปในทันที
....
เดวิดกลับมานั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเองในห้องโดยสารแล้ว ใบหน้าเปลี่ยนมาอยู่ในโหมดที่เคร่งขรึมจริงจังอีกครั้ง คราวนี้ถือว่าโชคดีที่รอดชีวิตผ่านวิกฤตมาได้ ถ้าเรือเหาะลำนี้ไม่มีจ้าวแห่งสัตว์ร้ายเดินทางมาด้วย เขาได้ตายเป็นหมาข้างถนนไปแล้ว ความแข็งแกร่งที่ชายวัยกลางคนแสดงออกมา ภาพร่างของวานรยักษ์ 4 เศียรนั่น ต่อให้เดวิดแข็งแกร่งมากกว่าตอนนี้เป็น 2 เท่า เขาก็ยังต้องตายในฝ่ามือเดียวอยู่ดี มันไม่มีโอกาสจะดิ้นรนหรือแม้กระทั่งหลบหนีเลย
เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ หัวใจของเดวิดก็บีบแน่นอย่างควบคุมไม่ได้... เขาคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แต่กลายเป็นว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะรักษาตัวเองให้รอดปลอดภัยเลย...