นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 113
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 113
"ใจร้ายมาก!"
ดอเรียนสูดจมูก
“ลืมผมได้ยังไง!”
“ขอโทษที สถานการณ์มันพาไปน่ะ ฉันเผลอลืมนายไปเลย”
“ฮือๆ ผมไม่มีตัวตนเลยเหรอ…”
ดอเรียนคอตก
“แต่นายก็ได้ดาบดีๆ มาแล้วนี่ แค่นั้นยังไม่พอเหรอ?'
ราอนชี้ไปที่ดาบเล่มที่สองที่ห้อยอยู่ตรงเอวของดอเรียน เขาได้รับดาบเล่มใหม่หนึ่งเล่มมาจากคูเบรัด
"มันก็จริง แต่ว่า..."
“ฉันว่าการที่เราถือดาบหลายเล่มมันดูแปลกๆ”
ตอนนี้ราอนกำลังมีทั้งดาบของซีกฮาร์ท ดาบของคูเบรัด และกริชแห่งเรควีเอ็มห้อยอยู่บนเอว ดอเรียนเองก็มีดาบสองเล่มอยู่ที่เอว
พวกเขาดูเหมือนเด็กที่พยายามทำให้ตัวให้ดูเท่ในสายตาผู้ใหญ่ แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น
อืม รู้ตัวแล้วรึ มีแต่พวกอ่อนแอมักจะชอบไปไหนมาไหนกับอาวุธหลายชิ้น หากหวนกลับไปในดินแดนปีศาจ ราชาแห่งแก่นแท้พิชิตดินแดนโดยใช้เพียงกำปั้น...
ราธปล่อยไอความเย็นออกมารอบๆ ตัวราอน มันโกรธที่ก่อนหน้านี้ราอนปฏิบัติต่อมันเหมือนปรสิต แล้วมันก็เริ่มพูดจาอวดโม้ยืดยาวอีกครั้ง ราอนจึงเมินมันไป
“แล้วไม่ดีเหรอครับ? เราเหมือนคนที่ใช้ดาบคู่ได้เลยนะ หือ?”
“หืม?”
ขณะที่พวกเขากำลังจะออกจากประตูเมืองคาเมลูน พวกเขาก็พบกับอัศวินที่สวมชุดเกราะสีเงินที่มีสัญลักษณ์สิงโต พวกเขาคืออัศวินของโอเว่น
"โอ๊ะ! เจอกันที่นี่อีกแล้ว”
ชายผมทองที่ยืนอยู่ด้านหน้าเหล่าอัศวินโบกมืออย่างร่าเริง เขาคือเจ้าชายคนที่สามของโอเว่น เกรียร์ เดอ โอเว่น
"ครับ"
ราอนจับมือที่เกรียร์ยื่นออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ผมได้ดาบดีๆ มาเล่มหนึ่งด้วย ขอบคุณครับ”
"ขอบคุณเช่นกันครับ!”
ดอเรียนหมุนตัวเพื่อให้เกรียร์เห็นดาบที่เขาเพิ่งได้มา
“ดูเหมือนว่าพวกนายจะได้ดาบดีๆ มา”
เจ้าชายพยายามฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนแต่มันออกมาแปลกๆ
“ผมพอใจกับดาบเล่มนี้มาก...แล้วผมไม่ได้คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่”
“ฉันรู้ๆ เขายังยืนกรานที่จะปักหลักอยู่ที่นั่นแม้ว่าฉันจะพยายามดึงกางเกงลากเขาออกมาแล้วก็ตาม”
เขาพึมพำว่ามันน่าอายมาก และมองดูดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของราอน
“แต่ดูเหมือนมันจะเป็นอย่างที่ฉันคิด”
"ครับ?”
“เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะให้ดาบกับใครสักคนเพียงแค่ฉันแนะนำ เขาคงให้ดาบนายเพราะเขาชอบนายแน่นอน นายรู้ไหมว่าช่างตีเหล็กมีความถือตัวมากแค่ไหน”
เกรียร์บอกว่าเขาน่าทึ่งมากสมกับที่เขายอมรับ ดูเหมือนว่าเขาอยากจะประลองกันอีกรอบ
"แล้วพวกนายจะไปที่ไหน?”
"ตอนนี้ผมต้องมุ่งไปทางเหนือ”
“งั้นจะไปกับเราไหม? เราต้องเดินทางไปทางเหนือหนึ่งวันพอดี”
เขาชี้ไปที่อัศวินข้างหลังเขา ราอนจำใครไม่ได้เลยยกเว้นเซตันที่เสมอกับเบอร์เรนเมื่อครั้งก่อน
"ได้ครับ"
เขาไม่จำเป็นต้องปฏิเสธ เขาได้รับกริชแห่งเรควีเอ็มมาก็เพราะเกรียร์ดังนั้นเขาจึงอยากเล่าเรื่องของมันให้เกรียร์ฟัง
"งั้นก็ดีเลย! การเดินทางของเราจะได้ไม่น่าเบื่อ!”
"เจ้าชายครับ”
อัศวินผมแดงที่เฝ้าดูจากด้านหลังก้าวขึ้นมาข้างๆ เกรียร์
“เรากำลังอยู่ระหว่างภารกิจ เราไม่ควรรับสหายใหม่โดยประมาท…”
"ชายคนนี้คือราอนนะ ราอน ซีกฮาร์ท! การมีเขาอยู่ด้วยมีแต่จะเป็นประโยชน์”
"หือ? ราอน?"
สายตาของอัศวินเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินชื่อ 'ราอน ซีกฮาร์ท' พวกเขามองสำรวจร่างกายของราอนอย่างละเอียด
อัศวินไม่สามารถมองเห็นระดับของราอนได้ด้วยความสามารถของพวกเขาตอนนี้ พวกเขาอาจจะมองว่าราอนเป็นผู้ใช้ดาบที่เก่งกว่าทั่วไปนิดหน่อย
ในทางกลับกัน ราอนได้วิเคราะห์ความสามารถของพวกเขาทั้งหมดแล้ว เกรียร์อยู่ในระดับสูงสุดของผู้ใช้ดาบ ส่วนอัศวินคนอื่นๆ อยู่ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง
เขาสังเกตเห็นความผิดหวังในสายตาของอัศวิน
'กะไว้อยู่แล้ว’
อัศวินพวกนั้นไม่มีทางมองเห็นความสามารถที่แท้จริงของเขาได้ และมองว่าเขาแย่กว่าที่เคยได้ยินมา
พวกเขาคือความอัปยศของเหล่าอัศวิน
'พวกเขายังอายุไม่มาก ฉันมั่นใจว่าพวกเขาจะเปลี่ยนไปพอพวกเขามีประสบการณ์มากขึ้น'
เจ้าก็อายุไม่มาก เป็นเด็กด้วยซ้ำ
'ฉันเป็นอีกกรณีหนึ่ง'
เจ้าคิดว่าเจ้าพิเศษรึ? พิเศษคือฉายาของราชาแห่งแก่นแท้ ข้าเป็นสิ่งมีชีวิตทีสูงส่งและสง่างามที่มีเพียงหนึ่งเดียว...
'เฮ้อ...'
เห็นได้ชัดว่ามันชอบคุยโวเกี่ยวกับตัวเองในทุกๆ สถานการณ์ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อได้ยินมัน
"ไปกันเถอะ นายเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง? รู้ไหมว่าฉันกังวลอยู่ตลอดเลย”
เกรียร์กวักมือให้เขาตามไป ราอนหัวเราะและแตะไหล่ของดอเรียน
"ไปกันเถอะ”
* * *
* * *
มีเพียงขุนนางชั้นสูง ราชวงศ์ และคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องวีไอพีในชั้นใต้ดินที่สี่ของตลาดมืด
ภายในห้องนั้นมีหญิงสาวผู้หยิ่งทนงสวมชุดกระโปรงสีดำกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่ใต้แสงสลัวๆ
เธอคือเจ้าหญิงแห่งบัลการ์ เจย์น่า
ขณะที่เธอกำลังเคาะโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย ประตูก็เปิดออก และผู้หญิงที่มีดวงตาเรียวเล็กกับผมสีม่วงยาวถึงเอวก็เข้ามา
"ขออภัยที่ให้รอนะคะ”
“เพื่อที่จะได้พบกับคุณผู้หญิงโอเรียนผู้มีอำนาจของเมฆาดำ แค่นี้ไม่เป็นไรเลยค่ะ”
เมฆาดำเป็นองค์กรข่าวกรองที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วทั้งทวีป ความสามารถด้านสติปัญญาที่ยอดเยี่ยมของพวกเขาทำให้ผู้คนพูดกันว่า ถ้าพวกเขาไม่รู้ พระเจ้าก็ไม่รู้
“ดิฉันไม่ใช่ผู้มีอำนาจเลย”
ผู้หญิงที่ชื่อโอเรียนหลุบตาลงและส่ายหัว เธอเชิดคางขึ้นมาเล็กน้อยแล้วพูดต่อ
“ดิฉันมารายงานข้อมูลที่คุณร้องขอ ให้ฉันเล่าให้คุณฟังไหม? หรือคุณชอบเอกสาร...”
"เล่ามาเลยค่ะ”
"โอเค"
ผู้หญิงชื่อโอเรียนพยักหน้าและยืดไหล่ของเธอให้ตรง
“สมาชิกสายตรงที่ชื่อ ราอน ซีกฮาร์ท ไม่มีอยู่ในโลกนี้”
"อะไรนะ?”
เจย์น่าตอบอย่างความประหลาดใจ
“หมายความว่า ไม่มีใครในสายตรงของซีกฮาร์ทที่ชื่อ ราอน”
"ต-แต่นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ!”
"คะ?"
“เธอแน่ใจนะว่าข้อมูลของเธอถูกต้อง?”
เธอลืมแม้กระทั่งการปฏิบัติตัวแบบเจ้าหญิง
"ถูกต้องแล้วค่ะ"
โอเรียนกระพริบตาของเธออย่างใจเย็น
“อืม… เราอาจจะหาข้อมูลได้ไม่มากนักเพราะซีกฮาร์ทเป็นตระกูลที่ไม่ค่อยเปิดเผยข้อมูลสู่ภายนอก แต่อย่างน้อยเราก็รู้ชื่อและหน้าตาของสายตรงของพวกเขา สายรองระดับสูง กับครอบครัวขุนนาง และสมาชิกสายตรงที่ชื่อราอนไม่มีอยู่ในซีกฮาร์ท”
"นั่นเป็นไปไม่ได้! ไม่มีทางน่า!”
เจย์น่าทุบโต๊ะด้วยกำปั้นแล้วลุกขึ้นยืน
'หรือฉันจะถูกผีสิงเหรอ?'
แรงกดดันที่โดดเด่นของราอนควรจะเป็นสายตรงของซีกฮาร์ท แล้วเขาก็คุ้นเคยกับเกรียร์ เจ้าชายคนที่สามของโอเว่นด้วย
'อะไรกัน?’
ไม่มีทางที่เกรียร์จะโกหก เพราะเขาพูดเกี่ยวกับราอนว่าเป็นดาวรุ่งของซีกฮาร์ท อัจฉริยะด้านดาบ และจะกลายเป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคต
'เขาต้องเป็นสมาชิกสายตรงแน่ๆ เขายังบอกอีกว่าเขาเป็นสายตรง…เดี๋ยวก่อนนะ'
เจย์น่ากลืนน้ำลาย
'ไม่ เขาไม่เคยพูด ไม่มีใครเคยบอกว่าเขาเป็นสายตรง!'
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอเชื่อแบบนั้น แต่ไม่มีใครเคยพูดว่าเขาเป็นสมาชิกสายตรงเลย
'บ้าเอ๊ย! เขาเป็นสายรองต่างหาก!’
นั่นเป็นอย่างเดียวที่จะอธิบายสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ได้
“ฮะๆ!”
เธอหัวเราะให้ตัวเองเมื่อคิดได้ว่าเธอได้โค้งคำนับขอโทษให้เด็กที่เป็นแค่สายรอง เธอต้องการตามจับเขาและทำให้เขาคุกเข่าให้ทันที
เจย์น่ากัดฟันและมองไปที่โอเรียนที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าเธอ
นี่เป็นข้อเสียของเมฆาดำ แม้พวกเขาจะรู้ว่าราอนเป็นเพียงสายรองก็ตามแต่คำตอบของพวกเขาจำกัดอยู่เพียงคำถามที่เธอถาม
“ฉันอยากถามอีกอย่างหนึ่ง”
"นั่นต้องจ่ายเพิ่ม”
"ได้!"
โอเรียนผายมือให้เธอถาม
“ฉันอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสายรองของซีกฮาร์ทที่ชื่อราอน”
"เขาอายุสิบห้าปี เขาเป็นสายรองอย่างที่คุณพูด ปัจจุบันเป็นตัวแทนของเด็กฝึกหัดในสนามฝึกที่ห้าของซีกฮาร์ท เขาเอาชนะเกรียร์ เดอ โอเว่น เจ้าชายคนที่สามของอาณาจักรโอเว่นได้สำเร็จ และเขาได้ปราบปรามกลุ่มโจรสโนว์ไทเกอร์ที่กำลังจะเข้าร่วมสหพันธ์เหนือ-ใต้ แล้วก็..."
เธอบอกรายละเอียดเพิ่มเติมเล็กน้อยให้เธอฟัง แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับอีเดนออกมาจากปากของเธอ
“เฮ้อ…”
เจย์น่าฟังจบก็ใบหน้าแดงก่ำก่อนจะลุกขึ้นยืน เธอหยิบถุงเงินออกมาจากกระเป๋าของเธอแล้วโยนมันลงบนโต๊ะพร้อมรอยยิ้มอันเย็นชา
“เก่งเรื่องธุรกิจกันจริงๆ”
“ขอบคุณ”
โอเรียนยิ้มโดยแสร้งทำเป็นว่าการเสียดสีของเธอคือคำชม
“เฮอะ!”
เจย์น่าออกจากห้องแล้วกระแทกประตูปิด
"บ้าเอ๊ยยยยย!”
เสียงโกรธของเธอได้ยินมาแต่ไกล
“สายรองของซีกฮาร์ททำให้เจ้าหญิงแห่งบัลการ์กลายเป็นคนโง่… เรื่องนี้น่าสนใจนะเนี่ย?”
โอเรียนสะบัดนิ้วของเธอและเงาสีดำใต้แสงไฟก็เปลี่ยนไป
“ไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับราอนซีกฮาร์ทมา”
ริมฝีปากสีแดงของเธอโค้งขึ้นราวกับพระจันทร์เสี้ยว
“ฉันคิดว่าเขาเป็นของจริง ซึ่งฉันไม่ได้เห็นมานานแล้ว”
* * *
ที่เนินเขาเตี้ยๆ ห่างจากคาเมลูนประมาณหนึ่งวันเดินทาง
ราอน เกรียร์ และดอเรียนกำลังนั่งอยู่หน้ากองไฟที่ช่วยให้อบอุ่นในลมหนาวยามค่ำคืน
เหล่าอัศวินออกไปลาดตระเวน ราอนจึงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่จะบอกเกรียร์เกี่ยวกับกริชอันนั้น
แม้ว่าเขาจะได้พูดแค่ประโยคแรกเท่านั้น แล้วดอเรียนก็พูดพล่ามส่วนที่เหลือต่อ
"ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยต่อให้ผมจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง พลังงานสีแดงอันน่าสยดสยองออกมาจากกริชและเริ่มแพร่กระจายเหมือนหนวดปลาหมึก…”
“โอ้ มหัศจรรย์มาก”
“เจ้าชายควรจะได้เห็นมัน ช่างตีเหล็กกับผมต่างก็ตกใจจนแทบช็อก ผมแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับดาบที่ถูกสิงมาก่อนแต่...”
“เฮ้อ…”
ราอนส่ายหัว มันเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น เพราะตอนนั้นดอเรียนแค่นั่งกินขนมมองเขาอยู่เฉยๆ
“และพอคุณชายพูดว่า 'จงมากับฉันซะ!' กริชก็ส่งเสียงดังก้องกังวาน! มันเหมือนกับฉากในภาพวาดเลย!”
"ว้าว!”
เกรียร์อุทานด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาดูเหมาะกับการเป็นอัศวินหรือวีรบุรุษมากกว่าการเป็นเจ้าชาย
"นั่นเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งจริงๆ ฉันอิจฉาแฮะ”
ดวงตาของเกรียร์เป็นประกายในขณะที่เขามองไปที่กริชแห่งเรควีเอ็มที่ห้อยลงมาจากเอวของราอน แต่เขาก็ไม่ได้ขอให้ราอนเอาออกมาให้เขาดู แน่นอนว่าเขารู้จักมารยาท
“แต่นั่นก็มีเรื่องน่าเศร้าเช่นกัน การกระทำชั่วร้ายของลัทธิโลหิตขาวกำลังแพร่กระจายไปทั่วทั้งทวีปเลย”
"ใช่ครับ"
ราอนพยักหน้า กลุ่มลัทธินั่นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและมีผู้ศรัทธาอยู่เกือบทุกที่ในทวีป
“ที่จริงแล้วภารกิจของเราก็เกี่ยวข้องกับลัทธิโลหิตขาวด้วย”
เกียร์เคาะดาบที่มีสัญลักษณ์สิงโต
"เหรอครับ?”
“เรากำลังขนส่งบางอย่างจากสาขาย่อยของลัทธิโลหิตขาวไปยังอาณาจักร นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องใช้อัศวินหลายคน…”
"เดี๋ยวก่อนครับ"
ราอนหยุดไม่ให้เกรียร์พูดต่อและยืนขึ้น เขารู้สึกได้ถึงตัวตนของคนหลายคนกำลังมาทางพวกเขา
"ก-เกิดอะไรขึ้น?”
"มีคนกำลังมาทางนี้”
“ม-ไม่ใช่พวกอัศวินหรอกเหรอ?”
ดวงตาของดอเรียนสั่นไหวและหวาดกลัวขึ้นมา
“ดูจากจำนวนแล้วไม่ใช่เลย พวกอัศวินก็สังเกตเห็นเหมือนกันและกำลังกลับมาแล้ว เจ้าชายเตรียมตัวให้พร้อมเถอะครับ”
"โอเค”
เกรียร์สวมหมวกเกราะและยืนขึ้นทันทีเพราะเขาเชื่อใจราอน
"เจ้าชาย!”
"เรากำลังมีปัญหา! ลัทธิโลหิตขาว...ฮะ?”
ไม่นานอัศวินก็กลับมาและเห็นราอนกับเจ้าชายเตรียมตัวพร้อมแล้ว ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง
“ฮะ? พวกคุณรู้ถึงการลอบโจมตีของพวกเขาแล้วเหรอ?”
“นักดาบราอนบอกฉันแล้ว ลัทธิโลหิตขาวกำลังมาใช่ไหม?”
"อา ใช่ครับ!"
อัศวินมองที่ราอนด้วยสีหน้าตกตะลึง พวกเขาสงสัยว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
“มีผู้ศรัทธาอย่างน้อยๆ ห้าสิบคน นักบวชห้าคน และบาทหลวงหนึ่งคนครับ!”
“อืม…”
เมื่อได้เสียงเคลือนไหวจากในป่า เกรียร์ก็คว้าดาบของเขา
“ทุกคน เตรียมพร้อมต่อสู้!”
"เตรียมพร้อมต่อสู้!”
เหล่าอัศวินต่างส่งเสียงกู่ร้องออกมาและยืนหน้าเจ้าชายเพื่อปกป้องเขา
“ต้องขอโทษด้วยนะ ถ้ารู้ว่ามันจะเกิดขึ้นฉันคงไม่ชวนนายมาด้วย”
เกรียร์หันกลับไปพูดกับราอนและดอเรียนแล้วถอนหายใจ
“ฉันไม่คิดว่าพวกมันจะกล้ามาโจมตีเราในพื้นที่ของคาเมลูนกับโอเว่น”
"ไม่เป็นไรครับ"
ราอนส่ายหน้าและขึ้นไปยืนเรียงแถวเดียวกับอัศวิน
'ดูเหมือนพวกมันจะอยากได้ของนั่นคืน'
เจ้าชายบอกว่าพวกเขากำลังขนส่งอะไรบางอย่างจากลัทธิโลหิตขาว เป้าหมายของพวกมันต้องเป็นสิ่งนั้นแน่
แซ่กๆๆ
ผู้ศรัทธาโลหิตขาวที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้าออกจากป่ามาพร้อมกับเสียงฝีเท้าแปลกๆ
เสื้อคลุมสีดำของพวกมันบางคนมีขีดสีขาวหนึ่งกับสองเส้นบนนั้น คนพวกนั้นคือนักบวชกับบาทหลวง ราอนรู้สึกได้ว่าพวกเขามีความสามารถที่สูงกว่าคนอื่นๆ ที่มาด้วยกัน
"อ๊า! พ-พวกเขามาที่นี่จริงๆ ด้วย!”
ดอเรียนเริ่มร้องเมื่อเห็นการปรากฏตัวของลัทธิโลหิตขาว ตัวของเขาสั่นแต่เขาก็ประคองสติไว้ได้
“เฮ้อ…”
ราอนถอนหายใจออกเบาๆ และจับดาบที่เขาเพิ่งได้มา
'ไม่คิดว่าจะได้ทำตามสัญญาเร็วขนาดนี้'
ขณะที่เขากำลังจะชักดาบเล่มใหม่ออกมา เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น—
วืด!
กริชแห่งเรควีเอ็ม สั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังพอที่จะสะท้อนไปทั่วทั้งเนินเขา
'จะให้ฉันใช้แกเหรอ?’
มันสั่นสะเทือนรุนแรงกว่าเดิมราวกับเป็นคำตอบ
'มันต้องการแก้แค้นด้วยพลังของมันเอง...'
ราอนพยักหน้า เขาเองก็ไม่ยอมให้คนอื่นแก้แค้นเดรุสโรเบิร์ตแทนเขาเหมือนกัน เขาดึงกริชแห่งเรควีเอ็มออกจากปลอก
แกร๊ก!
พลังงานอันน่าสยดสยองลุกโชนบนกริชสีแดงที่เหมือนกับสีของเลือด