ตอนที่ 640 ความคืบหน้าของไททัน
ตอนที่ 640 ความคืบหน้าของไททัน
ลินนิจคือผู้ก่อตั้งเผ่าพันธุ์จักรกลและมีต้นกำเนิดที่ลึกลับ ซึ่งโซฟีก็เป็นคนบอกเองว่าพ่อของเธออาจจะเป็นส่วนผสมระหว่างวิญญาณอมตะกับร่างของจักรกล
ครั้งหนึ่งลินนิจเคยสร้างเผ่าพันธุ์จักรกลขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ และคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่น่าตกใจอย่างโลหะเหลวขึ้นมา ข่าวล่าสุดที่โซฟีรู้คือเขาหายตัวไปในดินแดนกฎ แต่ในปัจจุบันเขาคนนี้อยู่ที่ไหนมันก็ไม่มีใครสามารถที่จะตอบคำถามนี้ได้
แต่จู่ ๆ มอร์โรว์กลับบอกว่าเซี่ยเฟยได้พบกับลินนิจแล้ว มันจึงทำให้ทุกคนต่างก็มองไปยังชายหนุ่มด้วยความตกใจ
ผู้ก่อตั้งเผ่าจักรกลยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?
“ลินนิจ? ฉันไม่เคยเจอใครที่ชื่อลินนิจมาก่อนเลยนะ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างสับสน
มอร์โรว์รีบฉายภาพสัญลักษณ์บนชุดเกราะชาร์ปเลสขึ้นมาบนหน้าจออย่างตื่นเต้น ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์วงกลมที่เหมือนกับผลเชอร์รี่ 2 ผลวางเรียงกัน
“ท่านพ่อ! นี่คือเครื่องหมายของท่านพ่อจริง ๆ” โซฟีอุทานขึ้นมาเสียงดัง
วอร์สตาร์ก็กำลังตกตะลึงอยู่เช่นกัน เพราะบนเครื่องยนต์ของเขาก็มีตราสัญลักษณ์รูปเชอร์รี่เช่นนี้ประดับอยู่ด้วย เพียงแต่เครื่องหมายบนชุดเกราะชาร์ปเลสมีขนาดเล็กกว่ามาก จนถึงกับจำเป็นจะต้องใช้กล้องขยายหลายร้อยเท่า ทุกคนจึงจะสามารถเห็นภาพสัญลักษณ์ได้ชัดถนัดตา
“นายท่านลินนิจชอบตราสัญลักษณ์นี้มาก ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสร้างผลงานที่เขาภาคภูมิใจ เขาก็จะทิ้งตราสัญลักษณ์เอาไว้อยู่เสมอ ซึ่งไม่เพียงแต่บนเครื่องยนต์ของฉันที่มีตราสัญลักษณ์นี้เท่านั้น เพราะทั้งบนร่างของเทพธิดาโซฟีกับมอร์โรว์ก็มีตราสัญลักษณ์นี้ประดับอยู่ด้วย” วอร์สตาร์กล่าว
“ใช่ ตราสัญลักษณ์ของพ่อติดอยู่ที่เครื่องประมวลผลหลักของฉัน ถ้าคุณไม่เชื่อคุณลองไปดูที่ร่างของฉันเลยก็ได้” โซฟีกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เอ่อ... ร่างของฉันถูกเซียน่าทำลายลงไปแล้ว” มอร์โรว์กล่าวอย่างหงุดหงิด
“ไม่ต้องพิสูจน์อะไรหรอก ฉันเชื่อสิ่งที่พวกนายพูด”
“หากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่พวกนายพูดไว้ มันก็หมายความว่าชุดเกราะชาร์ปเลสชุดนี้เป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจที่ลินนิจเป็นคนสร้างมันขึ้นมา แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างทำให้เขาไม่กล้าติดตราสัญลักษณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน เขาเลยจำเป็นจะต้องติดตราสัญลักษณ์เอาไว้แอบ ๆ แบบนั้นใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว
“เดี๋ยวก่อนนะ!” มอร์โรว์อุทานเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นเขาก็รีบสั่งให้ร่างแมลงสาบทำการทดสอบเพื่อระบุอายุของโลหะ
“830 ปี! โลหะในชุดนี้ถูกผลิตขึ้นมาตั้งแต่ 830 ปีที่แล้ว นี่จะต้องเป็นผลงานล่าสุดของนายท่านลินนิจ ซึ่งมันก็หมายความว่าเขายังมีชีวิตอยู่” มอร์โรว์พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
ลินนิจได้หายตัวไปในดินแดนกฎมาเป็นเวลานานแล้ว แต่การที่มันได้มีผลงานของเขาถูกผลิตขึ้นมาในช่วง 800 กว่าปีนี้ มันก็มากพอที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าลินนิจยังคงมีชีวิตอยู่ในดินแดนกฎอย่างปลอดภัย
การค้นพบนี้เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากอย่างแน่นอน แต่คำถามคือถ้าลินนิจยังมีชีวิตอยู่แล้วตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่ไหน
“มอร์โรว์ นายลองตรวจดูเข็มทิศมิติอีกครั้งหนึ่งสิ มันเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นมาจากบริษัทเดียวกันกับที่ผลิตชุดเกราะชาร์ปเลส” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ฉันตรวจดูทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่มันไม่มีข้อมูลหรือตราสัญลักษณ์ของนายท่านอยู่ในเข็มทิศเลย” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“ทั้งชุดเกราะชาร์ปเลสและเข็มทิศมิตินี้ต่างก็ถูกผลิตขึ้นมาจากบริษัทฟิกส์ แต่ตราสัญลักษณ์ของลินนิจกลับมีอยู่บนชึดเกราะชาร์ปเลสเพียงอย่างเดียว ซึ่งมันก็หมายความว่าเขามีส่วนร่วมในการผลิตชุดต่อสู้ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการผลิตเข็มทิศมิติ…”
“ความจริงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากนัก เพราะชุดเกราะแต่ละชุดน่าจะมีการผลิตขึ้นมาอย่างเฉพาะเจาะจง แตกต่างจากเข็มทิศมิติที่น่าจะเข้าสายพานการผลิต และลินนิจก็ไม่น่าจะติดตราสัญลักษณ์ของตัวเองลงในสินค้าที่เข้าสายพานการผลิตด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยพยายามวิเคราะห์ความเป็นไปได้
“บริษัทฟิกส์เป็นบริษัทแบบไหนงั้นเหรอ?” โซฟีถามอย่างไม่สบายใจ
“บริษัทฟิกส์เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในดินแดนของเผ่าเทพ และพวกเขาก็ถูกรู้จักกันในนามบริษัทที่ครอบครองจุดสิ้นสุดของเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ของพวกเขาทุกชิ้นจึงต่างก็ล้วนแล้วแต่มีราคาที่แพงมาก แต่มันก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ล้ำค่าที่สุดในดินแดนกฎด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“จุดสิ้นสุดของเทคโนโลยี? คำว่าเทคโนโลยีมันจะมีจุดสิ้นสุดได้ยังไง?” มอร์โรว์ถามอย่างสับสน
“คำว่าจุดสิ้นสุดนั่นไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดจริง ๆ หรอก แต่มันเป็นการเปรียบเปรยว่าเทคโนโลยีในบริษัทฟิกส์พัฒนาไปจนถึงจุดสูงสุดที่ยากจะพัฒนาต่อไปได้แล้ว พวกเขาเลยให้เกียรติบริษัทฟิกส์ว่าได้ครอบครองจุดสิ้นสุดของเทคโนโลยี” เซี่ยเฟยกล่าว
“พ่อของฉันเป็นพวกชอบแสวงหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างบ้าคลั่ง และมันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นคนก่อตั้งบริษัทฟิกส์ขึ้นมา” โซฟีกล่าว
“มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากจะช่วยเธอหรอกนะ แต่ตอนนี้บริษัทฟิกส์อยู่เหนือเกินกว่าความสามารถของฉัน เพราะมันตั้งอยู่บนเผ่าพันธุ์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาล อย่างมากที่สุดตอนนี้พวกเราก็ทำได้เพียงแต่คาดเดากันเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันเข้าใจ แค่วันนี้ฉันได้รู้ว่าพ่อของฉันยังมีชีวิตอยู่ฉันก็พอใจมากแล้ว” โซฟีพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อนึกถึงอดีตผู้ก่อตั้งเผ่าจักรกลบรรยากาศภายในห้องก็อึมครึมลงเล็กน้อย เซี่ยเฟยจึงเดินออกจากห้องไปหลงเหลือไว้เพียงแต่ผู้อยู่รอดจากเผ่าจักรกล เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็เพิ่งได้รับข่าวของลินนิจ มันจึงมีเรื่องที่พวกเขาจะต้องพูดคุยกันอีกอย่างมากมาย แน่นอนว่าเซี่ยเฟยก็ยังมีเรื่องมากมายที่ต้องพูดคุยกับแอวริลด้วยเหมือนกัน
—
พวกหุ่นยนต์ดูแลพวกเซี่ยเฟยเป็นอย่างดี ถึงขนาดสร้างดวงอาทิตย์เทียมเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตของมนุษย์ทั้งสอง นอกจากนี้พวกเขายังได้ตกแต่งเมืองที่เคยเต็มไปด้วยโลหะไปด้วยพืชพันธ์ุต่าง ๆ ให้เหมือนกับเมืองของมนุษย์
ซึ่งโดยสรุปแล้วพวกหุ่นยนต์ก็กำลังพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้เซี่ยเฟยกับแอวริลใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนลับแห่งนี้ได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดมากจนเกินไป
เมื่อพระอาทิตย์เทียมขึ้นในตอนเช้า แอวริลก็ยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียงเหมือนแมวขี้เกียจตัวน้อย ขณะที่เซี่ยเฟยลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันและมองออกไปยังเมืองหุ่นยนต์ที่ยังคงขับเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
เมื่อเทียบกับเมืองของมนุษย์แล้ว เมืองของหุ่นยนต์เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่ามาก หุ่นยนต์ทุกตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่รู้หน้าที่ของตัวเอง และหุ่นยนต์เหล่านี้ก็ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็งเหมือนกับมดงานที่ไม่หยุดอู้เลยแม้แต่นิดเดียว
เซี่ยเฟยทิ้งข้อความเอาไว้ปล่อยให้แอวริลยังคงนอนต่อไป จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่สำคัญที่สุดในดินแดนลับ นั่นก็คืออู่ต่อยานไททันเพื่อไปตรวจสอบความคืบหน้า
ฟู่!
ยานลำเล็กค่อย ๆ พาเซี่ยเฟยกับมอร์โรว์ไปยังพื้นที่สำหรับการผลิตยานไททัน
เมื่อมองจากระยะไกลพวกเขาก็ได้เห็นกับอู่ต่อยานขนาดใหญ่มาก และมีหุ่นยนต์จำนวนหลายล้านตัวกำลังเร่งก่อสร้างยานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีวันหยุด
แน่นอนว่าภาพที่เห็นนี้เป็นเพียงงานสำหรับการประกอบเท่านั้น เพราะเบื้องหลังมันยังมีหุ่นยนต์ที่ทำหน้าที่ผลิตส่วนประกอบอยู่ในโรงงานอีกอย่างมากมาย ซึ่งโดยรวมแล้วการก่อสร้างยานไททันก็จำเป็นจะต้องใช้หุ่นยนต์เป็นจำนวนมากกว่า 10 ล้านตัว
“นี่คืออู่ต่อยานแห่งแรก ส่วนอู่ต่อย่านแห่งที่ 2 กับแห่งที่ 3 กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ขณะเดียวกันหุ่นยนต์ 90% ก็กำลังทำงานเกี่ยวกับการสร้างไททันด้วยกันทั้งหมด แล้วมันก็มีหุ่นยนต์หลายล้านตัวคอยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาจัดการเรื่องของยานไททันอย่างต่อเนื่อง” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับชี้ไปยังอู่ต่อย่านขนาดใหญ่ด้านหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
“การก่อสร้างอาจจะจำเป็นต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปีขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการวิจัยส่วนประกอบของยานไททัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลของส่วนประกอบได้ครบแล้ว การผลิตยานลำต่อ ๆ ไปก็จะลดเวลาลงมาน้อยลงเรื่อย ๆ ไม่เชื่องช้าเหมือนกับการผลิตยานลำแรก”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและถึงแม้ระยะเวลาการประกอบยาน 3-4 ปีจะดูเหมือนยาวนาน แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นความเร็วที่น่าอัศจรรย์มาก
อย่าลืมว่าสิ่งที่พวกเขากำลังก่อสร้างกันอยู่นั้นคือยานไททันที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวโลกทั้งใบ แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงปริมาณงานในการก่อสร้างที่จำเป็นเลยว่าจะต้องใช้หุ่นยนต์มาทำงานอย่างยาวนานแค่ไหน
หากยานลำนี้ถูกสร้างในพันธมิตร มันอาจจะต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการสร้างยานไททันขึ้นมาเพียงแค่ลำเดียว แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงปัญหาในระหว่างการก่อสร้างที่อุปกรณ์บางชิ้นจำเป็นจะต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่สูงมาก เซี่ยเฟยจึงคิดว่าถ้าหากเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าจักรกล บางทีการพยายามสร้างยานไททันมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ในดินแดนลับมีโลหะเพียงพอสำหรับการผลิตหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
“ถึงแม้ดินแดนลับจะมีขนาดใหญ่มาก แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้โลหะคุณภาพสูงในการสร้างยานไททันในปริมาณมหาศาลด้วยเช่นกัน และถ้าหากว่าโลหะภายในดินแดนลับมีไม่เพียงพอ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องออกไปขุดโลหะจากดาวดวงอื่น”
“ไม่ต้องห่วง ฉันคำนวณเอาไว้แล้วว่าโลหะที่พวกเรามีในปัจจุบันสามารถที่จะสร้างยานไททันได้อีก 120 ลำ เมื่อไหร่ก็ตามที่โลหะพวกนี้ถูกใช้จนหมด ถึงเวลานั้นทั่วทั้งจักรวาลก็คงจะไม่มีใครสามารถต่อต้านคุณได้แล้วล่ะมั้ง” มอร์โรว์พูดติดตลก
“มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ ยิ่งฉันได้เปิดหูเปิดตาเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งได้พบว่าจักรวาลมีสิ่งที่เรายังไม่รู้จักอยู่อีกมากเท่านั้น แต่ถึงยังไงเราก็ควรจะเตรียมการอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“คุณลองดูพิมพ์เขียวชิ้นนี้หน่อยสิ ในระหว่างที่ฉันกำลังตรวจสอบข้อมูลฉันพบว่ามันเป็นพิมพ์เขียวที่น่าสนใจมาก”
หลังจากกล่าวจบมอร์โรว์ก็ฉายภาพพิมพ์เขียวส่วนหนึ่งของยานไททันขึ้นบนหน้าจอ
“พิมพ์เขียวส่วนนี้เป็นพิมพ์เขียวส่วนที่แปลกประหลาดมากที่สุดของยานไททัน แม้แต่ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นพิมพ์เขียวที่มีเอาไว้ทำอะไร?”
“โดยรวมแล้วมันเป็นพิมพ์เขียวเกี่ยวกับระบบพลังงาน แต่มันมีการออกแบบที่ซับซ้อนและรอบคอบมากเกินไป จุดประสงค์ที่มันถูกออกแบบมาแบบนี้ มันมีจุดประสงค์ที่แท้จริงเอาไว้สำหรับการทำอะไรกันแน่?” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับใช้มือลูบคางอย่างใช้ความคิด
เซี่ยเฟยก็รู้สึกสับสนเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่รู้เป้าหมายของการออกแบบในพิมพ์เขียวนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นความรู้ในพิมพ์เขียวมันยังอยู่เหนือเกินกว่าขอบเขตความรู้ของเขาไปแล้ว
“ไม่ว่ามันจะเป็นพิมพ์เขียวของอะไร แต่มันจะต้องมีความสำคัญต่อไททันมาก ๆ ว่าแต่พวกเราสามารถที่จะผลิตตามรูปแบบที่มันวางเอาไว้ได้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
“ถ้าแค่ผลิตตามเฉย ๆ มันก็ไม่มีปัญหา”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตั้งชื่อระบบนี้ว่าระบบเอ็กซ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ยานไททันถูกผลิตจนเสร็จพวกเราค่อยมาทดสอบระบบเอ็กซ์ด้วยกัน”
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยกับมอร์โรว์ก็พูดคุยรายละเอียดเกี่ยวกับยานไททันอย่างยาวนาน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าไททันจะมาช่วยเหลือเขาในอนาคตได้อย่างไร แต่เขารู้หลักการข้อหนึ่งว่านักรบทุกคนควรจะต้องมีไพ่ตายเอาไว้ใช้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
ยกตัวอย่างเช่น ในตอนที่เขาต้องเผชิญกับวิกฤตในเกาะอสรพิษพิทักษ์ ซึ่งถ้าหากว่าในตอนนั้นเขาไม่ได้มีกฎแห่งความโกลาหล, ไม่มีบลัดบิวเทียส, ไม่มีหงส์ครามหรือไม่มีขนอุย เขาก็คงจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดกลับมายังดินแดนลับได้เหมือนในตอนนี้
สิ่งที่เรียกว่าไพ่ตายไม่ใช่สิ่งที่มีเอาไว้สำหรับการอวดคนอื่น แต่มันเป็นสิ่งที่มีเอาไว้สำหรับแก้ไขปัญหาในช่วงวิกฤติโดยเฉพาะ ซึ่งไพ่ตายบางใบสามารถที่จะใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียวตลอดชีวิต แต่มันก็อาจจะพลิกสถานการณ์ทั้งหมดให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังจากพูดคุยมาเป็นเวลานานเซี่ยเฟยก็ดูเวลาที่ข้อมือ จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาว่า
“ฉันขอกลับก่อนนะ ตอนนี้แอวริลน่าจะตื่นแล้วและวันนี้ก็เป็นวันสำคัญที่ฉันจะช่วยให้เธอเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ด้วย”
“ไม่ต้องห่วง พวกเราจะคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี เรื่องในวันนี้จะต้องผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัยแน่นอน” มอร์โรว์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
***************
พลังพิเศษของแอวริลจะเป็นอะไรน๊าา?