ตอนที่แล้วMDB ตอนที่ 359 สมมุติฐานต่าง ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMDB ตอนที่ 361 ศิษย์คนแรกของอาจารย์หลิน

MDB ตอนที่ 360 โลงผุมาถึงแล้ว


หลินจินตัดสินใจไม่อยู่ต่อเพื่อรับประทานอาหารกับตระกูลเฉียว เพราะเขามีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องจัดการ

และเขาก็ไม่เอาป้ายไม้ไปด้วย เนื่องจากทางตระกูลเฉียวอาจต้องการเวลาในการพิจารณาก่อนที่จะส่งมอบมัน เขาตั้งใจจะอาศัยจังหวะนี้สำรวจความลึกลับของห้องโถงเยี่ยมชมให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น

แล้วอีกอย่าง ป้ายไม้นี้ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น

นอกจากนี้ สมาคมผู้ประเมินมารก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เช่นกัน

พวกเขารู้เกี่ยวกับสมบัติของตระกูลเฉียว และรู้ว่ามันมีค่ามากเพียงใด หลินจินไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับห้องโถงเยี่ยมชม ดังนั้นเขาจึงต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้

เขาวางแผนที่จะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของเมืองหลวงด้วยนกอินทรี เนื่องจากพวกเขาน่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมผู้ประเมินมาร

หลินจินเป็นคนเด็ดเดี่ยว เมื่อเขาตัดสินใจทำอะไรบางอย่างไปแล้ว เขาจะมุ่งหน้าไปจนสุดทาง

แม้ว่าวิกฤติของตระกูลเฉียวจะถูกคลี่คลาย แต่อันตรายก็ยังคงมีอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดที่สมาคมผู้ประเมินมารจะวกกลับมาตอนไหน เนื่องจากหลินจินได้รับประกันความปลอดภัยของพวกเขาแล้ว มันคงจะไม่ดี ถ้าหากมีเรื่องร้ายแรงเกิดกับพวกเขา

ดังนั้นก่อนออกเดินทาง หลินจินจึงสั่งให้วานรยักษ์ขาวอยู่กับพวกเขา

วานรยักษ์ได้รับบทเรียนอันมีค่ามากมายจากการติดตามหลินจิน ตั้งแต่การเดินทางไปยังเมืองหลวง เช่นเดียวกับการเดินทางครั้งล่าสุดที่เมืองรี้ด

หลังจากที่กล่องเสียงของเขาได้รับการขัดเกลาแล้ว ความฉลาดของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน นั่นหมายความว่าความเชี่ยวชาญของเขาในการแปลงร่างเป็นรองแค่ชางเอ๋อร์เท่านั้น

แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงสัตว์ปีศาจระดับสาม แต่เขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์วิเศษระดับสี่ เมื่อมีเขาอยู่เคียงข้าง ตระกูลเฉียวก็น่าจะปลอดภัยในตอนนี้

เนื่องจากหลินจินแน่ใจว่าสมาคมผู้ประเมินมารจะกลับมาหาตระกูลเฉียว สิ่งนี้ทำให้จิตใจของเขาอยู่ไม่สุข แม้ว่าวานรยักษ์ขาวจะประจำการอยู่ที่นี่ชั่วคราว แต่หลินจินก็พิจารณาส่งชางเอ๋อร์และเสี่ยวอู่มาที่นี่ในภายหลังเช่นกัน มันถึงจะทำให้เขาพักผ่อนอย่างสบายใจ

หากเป็นก่อนหน้านี้ หลินจินคงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเดินทางไปยังเมืองหลวง แต่ตอนนี้เขามีนกอินทรีแล้ว การเดินทางก็สะดวกมากจนสามารถเดินทางไปมาได้ในวันเดียว

อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาออกเดินทาง ข้างนอกก็มืดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น การเดินทางด้วยนกอินทรีในช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่เช่นกัน

...

พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองเมเปิ้ลเงียบสงัดในยามพลบค่ำ เนื่องจากผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อค่ำมืดพวกเขาก็กลับไปพักผ่อนในบ้าน มีเพียงทายาทจากตระกูลที่ร่ำรวยเท่านั้นที่จะเลือกเยี่ยมชมสถานที่ที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายเช่นโถงตระการตา

ทางด้านชางเอ๋อร์ เธอกำลังอ่านหนังสือเพื่อศึกษาเรื่องต่าง ๆ เนื่องจากหลินจินไม่อยู่บ้าน เธอมักจะศึกษาสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ความรู้ของเธอค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นทีละน้อย

ทันใดนั้น คิ้วที่เด่นชัดของเธอก็กระตุก และเธอก็มองออกไปนอกหน้าต่าง

"นั่นใคร? เจ้ากล้าลอบเข้ามาในคฤหาสน์หลินของเราได้อย่างไร!?” ชางเอ๋อร์เตือนเบา ๆ ก่อนที่จะหายใจเอาพลังปีศาจออกมาทางริมฝีปากสีดอกกุหลาบของเธอ

เมื่อพลังปีศาจสัมผัสกับเทียนที่กำลังลุกอยู่บนโต๊ะ มันก็กลายเป็นงูไฟและเลื้อยออกไปนอกหน้าต่าง ในขณะเดียวกัน ชางเอ๋อร์ก็วางหนังสือของเธอลงแล้วพุ่งออกไปข้างนอก

ภาพเงาของชายคนหนึ่งยืนอยู่บนยอดกำแพงด้านใน

งูไฟขอชางเอ๋อร์เลื้อยเข้ามาหาเขาแล้ว แต่ชายคนนั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะถอยกลับ เมื่อเห็นชางเอ๋อร์ เขาโค้งคำนับลงอย่างรวดเร็ว

“แม่นาง ได้โปรดใจเย็น ๆ ก่อน ข้ามีชื่อว่าโลงผุ และข้ามาที่นี่เพื่อพบกับผู้ประเมินหลิน ข้ารอเขามาทั้งวันแล้ว แต่ไร้วี่แววของเขาเลย ข้าจึงขออภัยที่ต้องถือวิสาสะบุกรุกเข้ามาคฤหาสน์เช่นนี้…”

งูไฟหยุดอยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ถึงหนึ่งนิ้ว

แต่ชายคนนั้นไม่มีทีท่าจะถอยกลับแม้แต่น้อย

ด้วยการย่างก้าวอันพลิ้วไหว ชางเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวต่อหน้าชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเธอทำให้ผมยาวของชายโลงศพตั้งขึ้นเล็กน้อย

แม้จะได้พบกับยอดฝีมือมากมาย แต่ก็ไม่มีใครคล่องตัวเท่าหญิงสาวคนนี้มากาอน หากเธอต้องการฆ่าเขา เขาคงจะตายไปแล้ว

“มาหาอาจารย์หลินงั้นเหรอ?” ชางเอ๋อร์พึมพำกับตัวเอง จากนั้น ราวกับว่าเธอนึกถึงอะไรบางอย่างได้ เธอก็ถามว่า “ท่านมาที่นี่เพื่อรับซอมบี้คธูลูกลับไปใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง ข้ามาตามนัดของผู้ประเมินหลิน” ชายโลงศพตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชางเอ๋อร์จำได้ว่าก่อนที่หลินจินจะเดินทางออกไป เขากำชับเธอว่าจะมีคนชื่อชายโลงศพหรือโลงผุจะมารับซอมบี้คธูลูกลับไป หากเขาไม่สามารถกลับมาได้ทัน ชางเอ๋อร์จะต้องส่งมอบมันให้กับเจ้าของแทนเขา

เธอหมกมุ่นอยู่กับการอ่านตำราต่าง ๆ ก่อนหน้านี้มากเกินไปจนเธอเกือบจะหลงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

ชางเอ๋อร์จึงเชิญชายโลงศพเข้ามา และสั่งให้เสี่ยวอู่เตรียมชาให้เขา ชายโลงศพย่างก้าวเข้ามาอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเขาจะเป็นวายร้ายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้อื่นโดยการปรากฏตัวของเขา แต่เมื่อเขาอยู่ในคฤหาสน์ของหลินจิน แม้ว่าเจ้าของบ้านจะไม่ได้อยู่ที่บ้าน ชายโลงศพก็ไม่กล้าประพฤติตนอวดดี

“อาจารย์หลินได้แจ้งให้ข้าทราบไว้แล้วว่าหากท่านมา เราจะให้ท่านนำซอมบี้คธูลูกลับไป” ชางเอ๋อร์ส่งยิ้มจาง ๆ ให้เขา ขณะที่เสี่ยวอู่จ้องมองใบหน้าของชายโลงศพด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น

มีคนไม่กี่คนที่กล้ามองสบตากับชายโลงศพ เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่แปลกประหลาดของเขา แค่มองผ่าน ๆ ก็ทำให้อกสั่นขวัญหายแล้ว

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป กลับกลายเป็นเขาเองที่ต้องรู้สึกไม่สบายใจเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวสองคนนี้

สาเหตุหลักมาจากชายโลงศพสามารถบอกได้ว่าหญิงสาวทั้งสองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์

หากพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ พวกเขาต้องเป็นสัตว์ปีศาจ และสัตว์ปีศาจที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ก็ไม่มีอะไรนอกจากความน่าสะพรึงกลัว

เมื่อห้าสิบปีก่อน ในตอนที่เขามีชื่อเสียงพอ ๆ กับมาดามผีเด็ก ในช่วงนั้นพวกเขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในนามของห้าเทพหลิงหนานแล้ว สิ่งที่เขาได้เห็นและได้ยินมาเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถเทียบเคียงได้

เขาเคยเห็นสัตว์ปีศาจมากมายเช่นกัน บ้างก็เป็นเพื่อนดื่ม บ้างก็เป็นศัตรูที่สู้กันจนตายกันไปข้าง ดังนั้นชายโลงศพจึงรู้เรื่องสัตว์ปีศาจมาไม่น้อย

แต่หญิงสาวสองคนนี้ก็แตกต่างออกไป แม้ว่าพวกเธอจะดูไม่มีมิตรมีภัย แต่ชายโลงศพมั่นใจว่าหาก่อนหน้านี้หญิงสาวโจมตีเขาด้วยงูไฟของเธอ เขาจะไม่สามารถปัดป้องการโจมตีของเธอได้มากกว่าสองสามกระบวนท่าอย่างแน่นอน

ชายโลงศพอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับความลับมากมายที่ผู้ประเมินหลินซ่อนเอาไว้

ทันใดนั้นก็มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นข้างนอก และชายโลงศพก็รู้สึกบางอย่าง เมื่อมองออกไปข้างนอก เขาเห็นซอมบี้คธูลูโบกหนวดมาที่เขา เจ้าปลาหมึกออกไปที่สนามหญ้า โดยแบกโลงศพอันเป็นเอกลักษณ์ของมันไว้บนหลัง

นิ้วของชายโลงศพสั่นเทา และเขาก็รีบออกไปข้างนอก

ซอมบี้คธูลูดูเหมือนจะตื่นเต้นพอ ๆ กันที่ได้พบเจ้านายของมันเช่นกัน เพียงแค่มองดูเจ้าปลาหมึกผ่าน ๆ ชายโลงศพก็รู้ว่าความเจ็บป่วยเรื้อรังของซอมบี้คธูลูหายไปหมดแล้ว สิ่งที่ทำให้ชายโลงศพหนักใจมานานหลายทศวรรษ ในที่สุด มันก็ได้รับการแก้ไข

'ภัณฑารักษ์เป็นตัวตนลึกลับ แต่ผู้ประเมินหลินมีอยู่จริง บางทีข้าน่าจะขอให้ผู้ประเมินหลินมาช่วยเฒ่าเต่าได้'

ชายโลงศพคิด

การเดินทางในครั้งนี้ เขาไม่ได้มาคนเดียว

หลังจากแยกทางที่เมืองหลวงและมอบซอมบี้คธูลูให้กับหลินจินแล้ว ชายโลงศพก็ตัดสินใจไปหาเฒ่าเต่าซึ่งเป็นหนึ่งในเทพหลิงหนานเหมือนกับเขา

สภาพของเต่าเฒ่านั้นแย่กว่าเขาหรือมาดามผีเด็กมากเลยทีเดียว ในความเป็นจริง เขาจวนจะตายอยู่ตลอดเวลาในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาแล้ว ถ้าเขาไม่ใช้เคล็ดวิชาต้องห้ามในการยืดอายุขัย ชายคนนั้นคงจะตายไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ช่วงชีวิตของเขาก็ใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

ชายโลงศพได้พาเฒ่าเต่ามาด้วย และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขาก็ออกไปท่องเที่ยวนอกเมืองเมเปิ้ล ดังนั้นเมื่อเขาได้รับข้อความจากมาดามผีเด็ก เขาก็รีบเข้ามาทันที

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าหลินจินออกไปข้างนอก พวกเขาจึงรออยู่ด้านนอกคฤหาสน์ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ จนกระทั่งเฒ่าเต่าทนความเจ็บปวดต่อไปไม่ไหว ชายโลงศพจึงตัดสินใจเข้าไปในคฤหาสน์ของหลินจิน

เขาไม่กล้าประกาศตัวที่ประตูหน้าเพราะชายโลงศพกลัวที่จะถูกเปิดเผย เนื่องจากเขาเป็นวายร้ายที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ นั่นคือเหตุผลที่เขาเลือกที่จะแอบเข้ามา

เมื่อเห็นซอมบี้คธูลูมีสุขภาพที่ดี ชายโลงซพก็เข้าไปโค้งคำนับหญิงสาวทั้งสองแล้วพูดว่า

“คุณหนู จริง ๆ แล้วข้ามีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ข้าต้องการขอความช่วยเหลือจากผู้ประหลิน…”

เมื่อชายโลงศพช่วยพยุงเต่าเฒ่าที่แทบจะไม่สามารถเดินเข้าไปในคฤหาสน์ สีหน้าของชางเอ๋อร์และเสี่ยวอู่ก็ดูวิตกขึ้นมาทันที

เห็นได้ชัดว่าเฒ่าเต่าป่วยหนักระยะสุดท้าย ใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาไม่มีร่องรอยของออร่าแห่งชีวิตใด ๆ เขาไม่ต่างจากศพที่เดินได้เลย ชางเอ๋อร์และเสี่ยวอู่ไม่ได้พูดเกินจริง ออร่าแห่งความตายของชายคนนี้เข้มข้นกว่าออร่าแห่งชีวิตของเขามาก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด