บทที่ 33: ราวกับเดินบนเส้นด้าย (2)
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 33: ราวกับเดินบนเส้นด้าย (2)
ภารกิจปราบมอนสเตอร์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเอาชนะมอนสเตอร์เท่านั้น
แต่รวมไปถึงกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่การออกเดินทางเพื่อไปยังถิ่นที่อยู่ของมอนสเตอร์ การตามรอยพวกมัน และกำจัดพวกมันในท้ายที่สุด
ดังนั้นความยากของภารกิจเหล่านี้จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์เพียงอย่างเดียว
แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การปราบนกค็อกคาไทรซ์ บางครั้งก็อาจมีท้าทายมากกว่าการกำจัดคราเค่น
ถิ่นที่อยู่อาศัยอันหลากหลายของมอนสเตอร์ก็มีส่วนเช่นกัน
นักรบบางคนอาจถนัดการต่อสู้ในทุ่งหญ้า ขณะที่บางคนอาจได้เปรียบกว่าเมื่ออยู่ในทะเล
ฉะนั้น นักรบที่สามารถโค่นหัวหน้าฝูงนกค็อกคาไทรซ์บนทุ่งหญ้าได้อย่างง่ายดาย อาจพบว่าตัวเองไม่สามารถจัดการกับคราเค่นตัวน้อยๆในทะเลได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์โดยทั่วไปยังสอดคล้องกับอายุของมันอีกด้วย
นั่นหมายความว่ายิ่งมันมีอายุที่มาก ความแข็งแกร่งก็มากเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ มอนสเตอร์ที่มีอายุยืนยาวอยู่มานานก็จะมีชื่อที่ถูกเรียกอีกด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่มอนสเตอร์ที่มีชื่อเรียกก็มักจะเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์ของมัน
โดยสัญชาตญาณแล้วมอนสเตอร์ตัวอื่นก็จะรวมตัวกันรอบๆ มอนสเตอร์ที่เป็นผู้นำของพวกมันคล้ายกับพวกลูกสมุน
หากเจอมอนสเตอร์ระดับนั้น ระดับความยากก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และพวกมันก็จะมีจุดอ่อนน้อยลงเรื่อยๆ
มอนสเตอร์อาศัยความสามารถทางกายภาพโดยธรรมชาติเป็นหลัก
ด้วยเหตุนี้ การมีมอนสเตอร์ที่มีชื่อเรียกเพียงตัวเดียวจึงเพิ่มความยากในการจัดการได้อย่างมาก
ตัวอย่างของมอนสเตอร์ที่มีชื่อก็เช่น ราชาด้วงยักษ์, นกค็อกคาไทรซ์ยักษ์ และอื่นๆ
ในบรรดานกค็อกคาไทรซ์ที่มีชื่อนั้น จะมีพวกที่มีขนสีเหลืองโดดเด่นเป็นจ่าฝูงและพวกที่มีขนสีแดงเป็นหน่วยกำลังรบ
พวกเราเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเหนือทุ่งหญ้า ซึ่งแน่นอนว่าถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์เช่นกัน
'อืม เป็นดันเจี้ยนประเภททุ่งหญ้างั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีราชาด้วงยักษ์ที่นี่สินะ'
เดิมทีที่นี่เป็นภูมิประเทศแบบทะเลทราย แต่เนื่องจากเส้นเรื่องมีการเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เป็นเกม อาจมีความเป็นไปได้ที่ราชาด้วงยักษ์จะไม่ปรากฏตัว
อย่างไรก็ตาม ทุ่งหญ้าเป็นที่อยู่อาศัยหลักของนกค็อกคาไทรซ์
'กลุ่มน็อคตาร์จะเป็นไงบ้างนะ?'
ก่อนเข้าสู่ดันเจี้ยน ฉันบอกน็อคตาร์และเพื่อนๆ ออร์คของเขาให้ใช้คริสตัลสื่อสารฉุกเฉิน หากพวกเขารู้สึกว่ามันอันตรายเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อน็อคตาร์ต้องร่วมมือกับแอนดรูว์ เขาอาจจะกลายเป็นคนหยิ่งผยอง
'ฉันหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจนะ'
เนื่องจากการกระทำของฉัน อนาคตของน็อคตาร์และพวกออร์คจึงน่าจะเปลี่ยนไป
เช่นเดียวกับธีโอ น็อคทาร์เป็นตัวละครพิเศษที่เสียชีวิตอย่างอนาถในเส้นทางส่วนใหญ่หลังจากติดอยู่กับเหตุการณ์ในช่วงปลายปีการศึกษาแรก
ในเส้นทางสเปียร์แมนตอนนี้ เขาเป็นตัวละครที่ถูกกล่าวถึงเพียงสั้นๆในช่วงวาระการเสียชีวิต
ด้วยความสนิทสนมกัน ฉันอยากจะช่วยเขาสักทางใดทางหนึ่ง
ตอนนี้เรากำลังเดินทางต่อไปในทิศทางที่เซียน่าชี้ให้เห็น
"ดูนั่นสิ"
เทรวิสชี้มือไปทางยอดเขา
ที่นั่นมีมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีรูปร่างคล้ายไก่เดินสองขาปรากฏขึ้น
มันเป็นนกค็อกคาไทรซ์
“อา เป็นไปตามคาด พลังของจอมเวทย์วิญญาณน่าประทับใจมาก!”
เอชิลด์เสกคาถาใส่นกค็อกคาไทรซ์อย่างรวดเร็ว
หากโจมตีจุดสำคัญได้มันจะสร้างความเสียหายอย่างมาก
'แต่ว่า... มันตัวไม่เล็กเกินไปเหรอ?'
นกค็อกคาไทรซ์ตัวนี้ดูค่อนข้างตัวเล็กเกินไปสำหรับเผ่านกที่ตัวใหญ่
มันแตกต่างจากที่ฉันเห็นในเกมเพราะว่าฉันเห็นมันด้วยตาตัวเองในตอนนี้หรือเปล่า?
หรือเพราะฉันสังเกตเห็นมันจากระยะไกล?
อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์อย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องที่ดี
“อ่า น่าเสียดาย ฉันเล็งไปที่ขาของมัน”
เคี๊ยก เคี๊ยก!
นกค็อกคาไทรซ์ร้องแหลมออกมา ยามที่เอชิลด์โจมตีใส่โดนปีกของมัน
“อา พลาดจนได้ มันไกลเกินไป ถ้าฉันเข้าใกล้มันอีก 30 เมตรล่ะก็ฉันคงโจมตีมันโดนแน่”
เอชิลด์คลิกลิ้นของเขา
ปีกไม่ใช่จุดอ่อนของมัน
โดยปกติแล้ว มันคงจะได้รับบาดเจ็บมากตั้งแต่เวทย์มนต์โดนตัวมัน แต่นกค็อกคาไทรซ์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่การเคลื่อนไหวค่อนข้างยืดหยุ่น
หากต้องการหยุดการเคลื่อนไหว ควรเล็งไปที่ขาของมัน หากต้องการฆ่ามันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ต้องกำหนดเป้าหมายไปที่จุดสำคัญ เช่น คอหรือหัวใจ
“อย่างน้อยนายก็โจมตีมันโดนนะ ฉันแทบจะมองไม่เห็นมันด้วยซ้ำ อ่า มันกำลังหนีไปแล้ว”
“กำลังทำอะไรอยู่ รีบไล่ตามกันเร็ว!”
เอชิลด์ตะโกนใส่เพื่อนร่วมทีมและเริ่มวิ่งนำหน้าไป
ตามที่คาดไว้ ความคล่องตัวของเขานั้นยอดเยี่ยมมากสำหรับการเป็นนักฆ่า
"···เขาเร็วมาก"
ร่างของเอชิลด์หายไปจากระยะสายตาแล้ว แม็กซ์ เทรวิส และฉันรีบพุ่งตามเขาไปอย่างสุดตัว
"······"
ในทางกลับกัน เซียน่ากลับวิ่งอย่างสบายๆ
ถึงกระนั้น ความเร็วระหว่างเราก็ไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
'จริงๆ แล้ว จอมเวทย์วิญญาณมีกำลังเหนือกว่าฉันด้วยซ้ำ'
เธอคงได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณแห่งลม
“ตายซะ!”
เอชิลด์ร่ายคาถาใส่นกค็อกคาไทรซ์อย่างต่อเนื่องในขณะที่เขาวิ่งไล่ตามมัน
แน่นอนว่ามันก็วิ่งหนีไปได้เช่นกัน
─เคี๊ยก เคี๊ยก!
เอชิลด์โจมตีโดยเล็งไปที่ขาของมัน แต่ในระหว่างนั้นมันกลับสามารถป้องกันเวทย์มนต์ของเอชิลด์ได้ด้วยการเอาปีกอันใหญ่โตของมันมาบังไว้
...ดูเหมือนมีบางอย่างแปลกๆ
เป็นเรื่องแปลกที่นกค็อกคาไทรซ์จะมีพฤติกรรมในการป้องกันเช่นนั้น เว้นแต่จะได้รับการฝึกมา
โดยปกติมอนสเตอร์ทั่วๆ ไป น่าจะพุ่งเข้าใส่เอชิลด์ด้วยความโกรธทันทีที่โดนเวทย์มนตร์โจมตีเข้าที่ปีกของมันตั้งแต่ครั้งแรก
แต่ตอนนี้พวกเราวิ่งไล่ตามมันมานานกว่าสามนาทีแล้ว
"...นั่นอะไรน่ะ?"
เอชิลด์พึมพำออกมา ใบหน้าของเขาซีดเซียวขณะจ้องมองฝูงนกค็อกคาไทรซ์ที่กำลังเข้ามาใกล้
ไม่กี่วินาทีต่อมา สมาชิกในทีมทุกคนก็เห็นฝูงนกค็อกคาไทรซ์ฝูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล
ความสิ้นหวังเข้าปกคลุมดวงตาของ เอชิลด์ แม็กซ์ และเทรวิส
'นี่มันสิ้นหวังสุดๆ'
ฉันรีบประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ในฝูงมีอย่างน้อย 10 ตัว
ฝูงนกค็อกคาไทรซ์ที่มีขนาดปกติจะต้องอาศัยทีมฮีโร่ระดับกลางในการเผชิญหน้ากับมัน
• ····และหนึ่งในนั้นมีขนสีเหลืองด้วยซ้ำ
<จ่าฝูงนกค็อกคาไทรซ์> ก็อยู่ในนั้นด้วย
เราจำเป็นต้องเปิดใช้งานคริสตัลการสื่อสารฉุกเฉิน
“เซียน่า เปิดใช้งานคริสตัลสื่อสารฉุกเฉิน”
"เข้าใจแล้ว~"
แม้จะมีสถานการณ์ตึงเครียด เซียน่าก็ตอบรับอย่างร่าเริงและเปิดใช้งานคริสตัลการสื่อสารฉุกเฉิน
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว ผู้ฝึกสอนที่ดูแลจะมาถึงภายในเวลาประมาณห้านาที
'ไม่ว่ายังไงก็ตาม ภายในเวลาห้านาทีนี้ เราต้องเอาชีวิตรอดจากฝูงนกค็อกคาไทรซ์นี้ให้ได้'
การหลบหนีไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก นกค็อกคาไทรซ์นั้นเร็วพอๆ กับเอชิลด์ที่เป็นสมาชิกที่เร็วที่สุดในทีม
“เอ่อ...เอ่อ...เราจะทำยังไงดี...?”
“ให้ตายเถอะ ทำไม ทำไมกัน······ ทำไมจู่ๆ พวกมันถึงปรากฏตัวเป็นฝูงกัน? เราควรจับนกค็อกคาไทรซ์ยักษ์ตัวเดียวไม่ใช่เหรอ?”
แม็กซ์และเทรวิสส่งเสียงครวญ
“ให้ตายเถอะ นี่มันภัยพิบัติชัดๆ!”
ขณะที่เอชิลด์เคลื่อนไหว เขาก็ปาเวทมนตร์ใส่ฝูงนกค็อกคาไทรซ์ที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ
แต่เนื่องจากพวกมันมีจำนวนมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้มากนัก
'เฮ้อ...'
ฉันก็คงกลัวเหมือนกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสงบสติอารมณ์ได้ คงเหมือนกับตอนเจอผีพุ่งใส่ในเกมสยองขวัญนั่นแหละ
ในเกม เมื่อแพ้ คุณสามารถเริ่มใหม่ได้ตลอดเวลา
แต่สถานการณ์ที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ มันแตกต่างออกไป มันคือความเป็นจริงของฉัน
ความผิดพลาดครั้งหนึ่งอาจทำให้เราเดินตกจากเชือกที่บางราวกับเส้นดายและพินาศลง
"..."
ข้อแตกต่างระหว่างฉันกับคนอื่นๆ ก็คือ เนื่องจาก [ศักดิ์ศรีของขุนนางผู้บิดเบี้ยว] ฉันไม่แสดงอาการหวาดกลัวออกมาภายนอกได้เลย
แต่ความจริงแล้วฉันก็รู้สึกเหมือนกับพวกเขา
มีเพียงเซียน่าเท่านั้นที่ดูไม่สะทกสะท้านเลย
ดูเหมือนว่าเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้ รอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏบนริมฝีปากของเธอ ราวกับว่าเป็นสถานการณ์น่าขบขัน
ฉันมั่นใจว่าเธอสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ด้วยความแข็งแกร่งของเธอเองได้ทุกเมื่อ
'ถ้าเซียน่าใช้พลังของเธอครึ่งหนึ่ง เธอก็จะสามารถจับพวกมันได้อย่างง่ายดาย'
ช่างเป็นคนนิสัยเสียจริงๆ ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องกับเอลฟ์นั่นจริงๆ
'ฉันไม่เคยคาดหวังความช่วยเหลือจากเธอเลย'
ฉันจึงวางแผนทันที
เป้าหมายคือการเอาตัวรอดจนกว่าผู้ดูแลจะมาถึง
เราต้องอดทนไว้ให้ได้อย่างน้อยห้านาที
"···น่ากลัว น่ากลัวมาก······"
“เราควรทำอย่างไรดีเอชิลด์?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ให้ตายเถอะ ฉันแค่อยากจะเอาชนะจางวูฮีให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งเท่านั้นเอง”
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้กับเด็กๆ เหล่านี้ที่ยอมแพ้และสูญเสียความสงบไปแล้ว
หากฝูงนกค็อกคาไทรซ์เข้ามาใกล้อีกหน่อย พวกมันก็จะวิ่งหนีกันไปคนละทาง ทำให้จัดการยากขึ้น
ฉันต้องป้องกันไม่ให้เกิดสถานการณ์นั้นไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
“เทรวิส เก็บก้อนหินขึ้นมาเร็วเข้า ถ้าพวกมันเข้ามาใกล้ โยนหินใส่พวกมันซะ อย่ากลัวไป เพราะจะมีค็อกคาไทรซ์เพียงตัวเดียวหรือสองตัวเท่านั้นที่จะไล่ตามนาย”
ฉันออกคำสั่งให้เพื่อนร่วมทีมของฉันทันที
หากเรือต้องการกัปตัน ทีมก็ต้องการผู้นำเช่นกัน
"เอชิลด์ ใช้เวทย์มนตร์ของนายซะ ยิ่งถ้านายเข้าใกล้ค็อกคาไทรซ์มากขึ้นเท่าไร การกำหนดเป้าหมายไปยังจุดอ่อนของพวกมันก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น"
ในสถานการณ์เร่งด่วนเราต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว
ดังที่เราได้เรียนรู้ในวิชาความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฮีโร่ แม้ว่าในหัวจะสิ้นหวังสักเท่าใด แต่แขนและขาก็ต้องขยับต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
“แม็กซ์ เตรียมเกราะป้องกันฝูงนกค็อกคาไทซ์ให้พร้อม”
"······ฉันกลัว."
“ด้วยความสามารถของนาย นายสามารถต้านทานการโจมตีของพวกมันได้ในระดับหนึ่ง”
"แต่ แต่······"
“ถ้านายไม่ยกโล่ขึ้นมาตอนนี้ ทุกคนที่นี่จะต้องตาย ฉันจะชดเชยจุดอ่อนของพวกเราเอง นายทำได้”
หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว ฉันก็ชักดาบยาวออกมาและยืนอยู่ใกล้ๆ แม็กซ์
เทรวิสมองด้วยสายตาว่างเปล่าหยิบก้อนหินขึ้นมา
“ให้ตายเถอะ ถ้าฉันจะตายล่ะก็ งั้นเอาออกมาใช้ให้หมดเลยก็ได้”
เอชิลด์สวมแหวนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ลงบนนิ้วของเขา
"···เอาล่ะ ฉันจะลองดู······"
แม็กซ์ยกโล่ยักษ์ของเขาขึ้นมา
ฉันเหลือบมองไปยังเซียน่าซึ่งกำลังแสดงสีหน้าตื่นตาตื่นใจ จากนั้นก็มุ่งความสนใจไปที่มอนสเตอร์ที่กำลังเข้ามาใกล้
***