นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 112
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 112
“หึ”
คูเบรัดยิ้มอย่างอารมณ์ดี เขามองที่แผ่นหลังของราอนที่กำลังมองหาดาบ
'โลกไม่เคยหยุดนิ่งเลย’
ในฐานะช่างตีเหล็ก เขาเคยได้พบกับนักรบเก่งๆ มากมาย ตั้งแต่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ไปจนถึงคนที่เหมือนไม่มีอยู่จริงที่สามารถทำให้ตระกูลของตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลกได้
ทุกๆ คนทำให้เขาประทับใจแบบไม่รู้ลืม แต่เด็กที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาแตกต่างออกไป
'ไม่ใช่แค่แข็งแกร่ง’
ความกล้าหาญที่เขามีนั้นก็น่าทึ่ง แต่นั่นอาจจะพอหาได้ในทวีปนี้บ้าง
แต่ว่าจิตวิญญาณของเขาต่างออกไป
เช่นเดียวกับช่างตีเหล็กที่ทำดาบด้วยการใช้ค้อน เขาลับดาบของเขาด้วยการขัดเกลาจิตใจ
มันเป็นภาวะที่ยอดเยี่ยมที่สามารถทำให้ดาบและร่างกายรวมกันได้ภายในระยะเวลาไม่นาน และจะสามารถเข้าถึงจิตใจของดาบได้ในภายหลัง
'นั่นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อได้ระดับเชี่ยวชาญพิเศษแล้วเท่านั้น...'
ความกล้าหาญราอนนั้นอยู่ในระดับเดียวกับผู้เชี่ยวชาญ จิตใจของเขาผ่านกำแพงจำนวนนับไม่ถ้วนมาแล้ว
“ชื่อของซีกฮาร์ทจะดังก้องไปทั่วโลกอีกครั้ง”
คูเบรัดพึมพำว่าเขาอยากเห็นโลกที่น่าสนใจแบบนั้นและดื่มเหล้าต่ออย่างกระหาย เหล้าราคาถูกมีรสหวานได้เพราะลูกค้าที่น่าสนใจของเขา
วืด!
เมื่อได้ยินเสียงสั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน เขาก็วางขวดลงแล้วเงยหน้าขึ้น
“หือ?”
กริชสีแดงบนโต๊ะกำลังคร่ำครวญ และราอนก็ยื่นมือไปทางนั้น
"ด-เดี๋ยว!"
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกริชที่เขาทิ้งไว้ตรงมุมห้องถึงไปอยู่ที่นั่น
"หยุดก่อน!"
เขาตะโกนอย่างเร่งรีบ แต่กริชสีแดงก็อยู่ในมือของราอนแล้ว
“บ้าเอ๊ย!”
“อั่ก!”
จู่ๆ คูเบรัดก็ลุกขึ้นยืนแล้วลากดอเรียนที่กำลังตกตะลึงรุดถอยหลังอย่างรวดเร็ว
“ค-คุณทำอะไรเนี่ย? ผมจะเอาแค่อันเดียวไม่ได้จะแอบหยิบไปสองอันจริงๆ นะ....”
"เห็นนั่นไหม?”
“ห๊ะ หือ? กริชอันนั้นคืออะไร? ทำไมพลังงานถึง…”
ดอเรียนกลืนน้ำลาย แสงสีแดงแปลกๆ คุกรุ่นขึ้นมาจากกริชที่ราอนถืออยู่
“มันเป็นกริชที่ถูกสิง”
“ก-กริชผีสิงเหรอ?”
กริชที่ถูกสิงนั้นเป็นกริชที่พิสดารและมีเล่ห์เหลี่ยม พวกมันเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย มันมีแต่อารมณ์ด้านลบและจะพยายามเข้าครอบงำผู้ที่ครอบครองมัน
“บ้าเอ๊ย”
คูเบรัดกัดริมฝีปากของเขา คนที่กำลังถือมันอยู่เป็นเพียงเด็กที่จิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ เขาจะถูกพลังงานอันน่าสยดสยองในกริชเข้าครอบงำได้อย่างง่ายๆ เลย
“เราต้องหยุดเขาก่อนที่พลังงานบ้านั่นจะไปถึงสมองของเขา! ไอ้เด็กขี้ขลาด! ชักดาบออกมาสิ!”
“เอ่อ…”
เขาหยิบค้อนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาและบอกให้ดอเรียนเตรียมสู้ แต่ดอเรียนเพียงแค่เอียงหัวมองโดยไม่ชักดาบออกมา
"ทำบ้าอะไรอยู่? มันจะเป็นเรื่องถ้าเราไม่หยุดเขาไม่ท…”
"เราไม่ต้องไปหยุดเขาหรอกครับ คุณชายจัดการได้ตลอดนั่นแหละ”
"หา? แต่พลังงานน่ากลัวนั่นกำลังไหลไปที่…ฮะ?”
คูเบรัดอ้าปากค้าง เป็นเรื่องจริงที่พลังงานอันน่าสยดสยองล้นออกมาจากกริช
แต่พลังงานอันน่าสยดสยองนั้นก็อยู่แค่รอบๆ กริชเท่านั้น มันไม่สามารถเข้าใกล้ราอนได้
โฮฮฮ!
ดาบที่ถูกสิงส่งเสียงคร่ำครวญอีกครั้ง มันฟังดูเหมือนเสียงสุนัขเห่าเมื่อโดนจับใส่สายจูง
"เธอเป็นไรไหม?”
ราอนเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาไม่ได้โดนครอบงำโดยพลังงานอันน่าสยดสยองนั่น ดวงตาสีแดงที่ชัดเจนของเขายังดูดีอย่างสมบูรณ์แบบ
"ผมไม่เป็นไรครับ แต่กริชนี่ดูไม่ใช่อาวุธธรรมดา”
“ฮะ...”
คูเบรัดอ้าปากค้าง
"จริงๆ แล้วเธอเป็นใครกันเนี่ย?!"
* * *
กล้าดียังไง—
เสียงที่จริงจังของราธเยือกเย็นจนน่ากลัว
—แมลงที่อ่อนแอพยายามแย่งร่างกายของราชาแห่งแก่นแท้
ความโกรธของมันออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ความเยือกเย็นสีน้ำเงินเดือดพล่านและโจมตีพลังงานอันน่าสยดสยองของกริชอย่างไร้ความปราณี
กรีซซ!
กริชกรีดร้องเมื่อถูกบีบอัดด้วยความเยือกเย็นของราธ
ข้าจะทำให้แกแหลกสลายเป็นชิ้นๆ
ราธแบ่งความเย็นของมันออกเป็นเส้นบางๆ แล้วค่อยๆ เจาะเข้าไปในกริช ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามจะฆ่ากริชด้วยตัวเอง
'หยุด'
หา?
'หยุดเดี๋ยวนี้'
ทำไม? มันพยายามจะแย่งอาหารไปจากราชาแห่งแก่นแท้! เจ้าเกือบจะถูกกลืนกินด้วยพลังอันน่าสยดสยองของมันถ้าไม่ใช่เพราะราชาแห่งแก่นแท้
'ฉันไม่ใช่อาหารของแกและฉันไม่มีทางถูกกลืนด้วยกริชแบบนี้แน่'
เจ้ากำลังประเมินพลังงานอันน่าสยดสยองต่ำไป เป็นเรื่องจริงที่ระดับของมันเทียบไม่ได้กับปลายนิ้วของราชาแก่นแท้ แต่สำหรับมนุษย์ธรรมดานั้น...
'แกยังฝ่าการป้องกันของฉันเข้ามาไม่ได้เลย แล้วคิดว่ามันจะทำได้เหรอ?'
เอ่อ...
ความโกรธของราธหยุดลงทันที มันหยุดนิ่ง พูดไม่ออก และอ้าปากกว้าง
'ถูกไหมล่ะ? เพราะงั้นก็ปล่อยมันไปเถอะ'
น-นั่นมันแรงมากนะ... เจ้าจะไม่ได้ตายอย่างสงบแน่ ราชาแห่งแก่นแท้จะเคี้ยวเจ้าจนละเอียดและแทะกระดูกเจ้าไปอีกนับพันปี...
"มันคืออะไรเหรอครับ?”
ฟังข้า!
ราอนเมินเฉยต่อราธซึ่งเริ่มพูดมากเกินไป และเดินไปหาคูเบรัด
“ม-มัน…”
คูเบรัดมองไปมาระหว่างกริชกับราอนด้วยสายตาตกตะลึง จากนั้นจึงถอนหายใจ
"มันเป็นความล้มเหลวที่ฉันสร้างขึ้นมา มันเป็นกริชที่ถูกสิงเหมือนอย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้”
“กริชที่ถูกสิงนี่เอง มิน่าผมสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าสยดสยองจากมัน”
“ไม่ใช่แค่สัมผัสได้ มันพยายามกลืนกินเธออยู่ตอนนี้”
“ผมจัดการได้”
“อ่า….”
ราอนเพียงแต่พูดความจริง แต่คูเบรัดถอนหายใจอย่างหดหู่ใจ
“กริชที่ถูกสิงนั้นเป็นกริชที่มีพลังอันน่าสยดสยอง พูดง่ายๆ ก็คือพวกมันคือกริชที่สร้างขึ้นโดยการรวมเอาอารมณ์ด้านลบของผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ภายในกริชมีแต่...”
คูเบรัดกัดริมฝีปากแล้วพูดต่อ
"ความแค้น และมันเป็นความแค้นที่ยึดติดเอามากๆ”
"อธิบายอีกได้ไหมครับ?”
"นั่งลงก่อนสิ”
คูเบรัดชี้ไปที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ ราอนพยักหน้าแล้วนั่งลง
“ผ-ผมขอฟังด้วยได้ไหม?”
ดอเรียนหยิบเก้าอี้พับนุ่มๆ ออกจากกระเป๋าหน้าท้องของเขาแล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้
* * *
* * *
“มีหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อไซเรนอยู่ทางทิศใต้ ชาวบ้านที่นั่นเป็นคนดีมาก พวกเขาปฏิบัติต่อต้นไม้ชื่อโอเธลโลเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์”
ราอนรู้จักหมู่บ้านนั้น มันเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากอาณาเขตของตระกูลโรเบิร์ตเล็กน้อย ชาวบ้านที่นั่นมีนิสัยดี เขาใช้ที่นั่นเป็นทางหลบหนีอยู่บางครั้งเพราะพวกเขาไม่ค่อยยุ่งเรื่องของเขาเท่าไหร่
“ผู้นับถือลัทธิโลหิตขาวได้เข้าโจมตีหมู่บ้านแห่งนั้น”
"ลัทธิโลหิตขาว..."
ราอนหรี่ตาลง
'ไอ้สารเลวพวกนั้น…'
ลัทธิโลหิตขาวเป็นกลุ่มลัทธิขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้าปีศาจ เช่นเดียวกับอีเดนและสหพันธ์เหนือ-ใต้
พวกมันเป็นคนคลั่งที่โจมตีทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกตามหลักคำสอนข้อแรกของลัทธิ ที่กล่าวว่าจงทำให้โลกใบนี้กลายเป็นสีขาวด้วยเลือด
“แล้วหมู่บ้านไซเรน…”
"ไม่มีผู้รอดชีวิตเลย ชาวบ้านครึ่งหนึ่งเสียชีวิตที่หมู่บ้านส่วนอีกครึ่งหนึ่งถูกพาตัวไป พวกมันโค่นและเอาต้นโอเธลโลซึ่งเป็นจิตวิญญาณของชาวบ้านไปด้วย ทิ้งไว้เพียงเลือดสีขาว”
ผู้คนที่โดนโจมตีจากลัทธิโลหิตขาวจะหลั่งเลือดออกมาเป็นสีขาว มันเป็นเพราะเวทมนตร์บางอย่างของพวกมัน
“ฉันทำกริชเล่มนั้นโดยใช้ชิ้นส่วนอุกกาบาตที่ฉันมีกับกิ่งของโอเธลโลที่หลงเหลืออยู่ที่หมู่บ้าน”
คูเบรัดมองดูกริชที่ราอนถืออยู่ด้วยสายตาที่วูบไหว
"คุณทำมันเหรอ?”
"ใช่ ฉันแค่จะทำมันไว้เป็นอนุสรณ์ แต่ก็.."
คูเบรัดกุมขมับและขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น
“กริชสีขาวถูกย้อมเป็นสีแดงทันทีที่ฉันทำเสร็จ มันตรงกันข้ามกับความตั้งใจของฉันเลย มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของชาวบ้านที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้”
"อย่างนี้นี่เอง"
ราอนพยักหน้า อย่างที่เขาพูด กริชเล่มนี้มีพลังอันน่าสยดสยองจำนวนมหาศาล หากคนอื่นถือมันไว้พวกเขาคงจะถูกครอบงำและเหวี่ยงมันไปหาคนรอบๆ แทน
“มีคำพูดที่ว่า คนดีๆ จะน่ากลัวที่สุดก็ตอนโกรธ แต่ฉันไม่คิดว่าจะมากขนาดนี้ แม้แต่คนเก่งๆ ก็ไม่สามารถจัดการพลังอันน่าสยดสยองนี้ได้ ดังนั้นฉันจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเก็บมันไว้กับตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าเธอแตะมันได้ยังไงเหมือนกัน”
“อืม…”
เขาดึงกริชออกจากปลอกและจะมองไปที่มัน ใบกริชถูกย้อมด้วยสีแดงเช่นเดียวกับปลอกและด้าม—ราวกับว่ามันพยายามจดจำความแค้นในวันนั้น
วืด!
กริชสีแดงสั่นไหวและกระจายพลังงานอันน่าสยดสยองออกมา พลังงานที่คืบคลานอยู่บนมือของเขานั้นน่าสยดสยองและชั่วร้ายยิ่งกว่าตอนที่มันอยู่ในปลอก
แคร้ง!
ราอนใช้วงแหวนแห่งไฟ วงแหวนทั้งห้าที่หมุนรอบหัวใจของเขาสะท้อนซึ่งกันและกันเพื่อเพิ่มระดับของตัวเอง
กรีซซ!
มันเริ่มกรีดร้องเมื่อเจอระดับของเขา
"ฮะ! จริงดิ?"
ดวงตาของคูเบรัดสั่นไหวราวกับเรือเล็กในมหาสมุทร
'น่าตกใจจริงๆ’
เขาคิดว่าเขาได้รู้ตัวตนของราอนมามากพอแล้ว แต่เขากลับแสดงอีกด้านหนึ่งของตัวเองออกมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่ได้เป็นนักดาบเต็มตัว
“ดาบที่ฉันสร้างขึ้นเพื่อปลอบประโลมวิญญาณนั้นต้องการการแก้แค้น นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันไม่สามารถใช้เป็นอนุสรณ์ได้ ฉันพยายามปิดผนึกมันแล้วแต่ไม่คิดว่าจะ...”
“คุณบอกว่าครึ่งหนึ่งของพวกเขาถูกพาตัวไปไม่ใช่เหรอ?”
"ใช่ ลัทธิโลหิตขาวมักจะฆ่าครึ่งหนึ่งและพาตัวไปอีกครึ่งหนึ่ง ฉันเจอชาวบ้านเพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นศพ”
ราอนหลับตาลงหลังจากมองกริชที่ร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้า
เขาเองก็ถูกคนของโรเบิร์ตลักพาตัวไปในช่วงวัยเด็ก ซึ่งเขาจำมันแทบไม่ได้แล้ว
แต่ชาวบ้านไม่ได้ถูกลักพาตัวไปอย่างเดียวแต่ยังถูกฆ่าด้วย ความโกรธแค้นของพวกเขาคงเลวร้ายยิ่งกว่าตัวราอนเองเสียอีก
วืด!
รู้สึกเหมือนกับว่ากริชกำลังเสียดแทงหัวใจของเขาด้วยกระจกหยาบๆ
"ฉัน..."
ราอนลืมตาขึ้นมาอีกครั้งและจ้องมองไปที่กริช
“...ฉันยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะจัดการเรื่องนี้ให้ ดังนั้นฉันจึงช่วยแก้แค้นให้แกไม่ได้จริงๆ แต่หากฉันได้เจอกับพวกลัทธิโลหิตขาวฉันก็จะทำให้ความปรารถนาของแกเป็นจริงทันที”
เสียงร้องไห้ของกริชเริ่มเงียบลง
“แกเต็มใจที่จะไปกับฉันไหม?”
กริชหยุดร้องไห้ ดูเหมือนว่ามันกำลังตัดสินใจอยู่
วืด!
การสั่นสะเทือนที่ใหญ่ที่สุดดังก้องมาจากกริช พลังงานอันน่าสยดสยองก็ไหลออกมาเช่นกันแต่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายอีกต่อไป
แคร้ง!
มันสะท้อนกับ 'วงแหวนแห่งไฟ' ที่กำลังหมุน ทำให้เกิดเสียงสะท้อนที่ชัดเจนของดาบ
"ส-เสียงสะท้อนของดาบ?”
คูเบรัดตกจากเก้าอี้เมื่อได้ยินเสียงสะท้อนของดาบจากกริชที่ราอนถืออยู่
"ผมเอาอันนี้แหละ”
ราอนยิ้มกว้างและเก็บกริชไว้ในปลอก
“ธ-เธอจะทำแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
"ไม่ได้เหรอครับ?”
"ฮ่าๆ! นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดอย่างมั่นใจ”
คูเบรัดมีสีหน้าพึงพอใจและสดชื่น
เมื่อครู่นี้เจ้าว่าไงนะ? เจ้าบอกว่าเจ้าจะเอามันไปด้วยงั้นเหรอ?
‘อืม'
แต่มันเป็นปรสิต! เจ้ากล้าเก็บปรสิตที่มีเป้าหมายเป็นข้าวของของราชาแก่นแท้ได้อย่างไร? เจ้าเสียสติไปแล้วเหรอ?
'ปรสิตน่าจะเป็น..'
ราอนทำให้ราธมีหน้าตาบูดบึ้ง
อะไร! ทำไมเจ้าถึงมองราชาแห่งแก่นแท้ด้วยสายตาเช่นนั้น?
'ฉันคิดว่าการมีปรสิตเพิ่มมาอีกตัวก็คงไม่เป็นไร'
อ-อีกตัว? เจ้า...ไม่มีทาง! เจ้าหมายถึงราชาแห่งแก่นแท้งั้นรึ?
'ก็คงเป็นงั้น แกก็มุ่งเป้ามาที่ร่างกายของฉันเหมือนกับกริชนั่นแหละ’
เจ้าบ้าไปแล้ว! ราชาแห่งแก่นแท้คือราชาแห่งความโกรธเกรี้ยวที่ครองพื้นที่ทางตอนเหนือของแดนปีศาจ...
'ไม่ มันไม่สำคัญว่าแกจะเป็นราชาหรืออะไรก็ตาม มันเป็นความจริงที่ว่าแกกำลังเกาะติดกับฉันเพราะแกล้มเหลวในการยึดร่างกายของฉัน
เกาะติด? ราชาแห่งแก่นแท้... อ้าก! ราอน ซีกฮาร์ท! เจ้าไม่ควรพูดทุกอย่างที่เจ้าคิด! นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้ารู้สึกอับอายมาก!
'ฉันมีปาก ฉันก็ต้องพูดสิ'
ราอนตัดสินใจที่จะเมินราที่ระเบิดความโกรธออกมา และหันหน้าไปทางคูเบรัด
"ชื่อของกริชนี้คืออะไรครับ?”
“ฉันไม่เคยตั้งชื่อมันเพราะฉันสร้างมันไว้เป็นอนุสรณ์”
“แล้วถ้าผมจะตั้งชื่อมันล่ะ?”
"มีความคิดดีๆ เหรอ?”
“ในเมื่อช่างตีเหล็กต้องการปลอบประโลมชาวบ้าน, เรควีเอ็ม, ผมอยากจะตั้งชื่อมันว่ากริชแห่งเรควีเอ็ม”
"กริชแห่งเรควีเอ็มที่ปล่อยพลังงานอันน่าสยดสยอง เอ่อ นั่นค่อนข้างขัดๆ กัน”
เขาหัวเราะและลุกขึ้นยืน
"เอาไปได้เลย แต่เธอต้องรักษาคำพูดของตัวเองด้วยนะ”
"ครับ ผมจะปะทะกับห้าปีศาจต่อไปตราบใดที่ผมใช้ชื่อของซีกฮาร์ท”
"ว้าว กริชที่ถูกผีสิง คุณชายได้กริชที่ถูกสิง..."
ดอเรียนกำลังกินขนมและมองเขาแปลกๆ
“ขอบคุณครับ”
ราอนห้อยกริชแห่งเรควีเอ็มบนเอวและโค้งคำนับให้คูเบรัด
"ทำอะไร?"
"ครับ?"
"ไปเลือกดาบสิ”
"แต่ผม..."
"ฉันบอกว่าจะให้ดาบ ไม่ใช่กริช”
“อ๊ะ…”
ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะมอบดาบอีกเล่มให้เขา
“จะให้ดาบอีกจริงๆ เหรอครับ?”
"แค่อย่าพ่ายแพ้ สิ่งที่ช่างตีเหล็กต้องการจากนักดาบมีเพียงสิ่งนั้น”
คูเบรัดหยิบดาบที่ราอนหยิบมาดูก่อนหน้านี้ให้
“สักวันฉันจะไปที่ซีกฮาร์ทเพื่อพบกับวัลแคน ดังนั้นอย่าให้การต้อนรับแบบเย็นชากับฉันนะ”
"แน่นอนสิครับ ครอบครัวของผมทำอาหารเก่งมาก ผมจะดูแลคุณอย่างดีอย่างแน่นอน”
“ฉันจะตั้งตารอ”
“ผมจะไม่ลืมความใจดีของคุณเลย ขอบคุณครับ”
"ไม่เป็นไรๆ"
รอยยิ้มของพวกเขาอบอุ่นราวกับแสงแดดที่สาดส่องภายในตรอก
"ถ้างั้นผมต้องขอลา..."
ราอนโค้งคำนับแล้วหันหลังให้ช่างตีเหล็ก เมื่อเขากำลังจะออกจากตรอก เสียงของดอเรียนก็ดังออกมาจากด้านใน
"แต่ผมยังเลือกไม่เสร็จเลยนะ!”