ตอนที่ 636 หน้าด้านไร้ยางอาย
ตอนที่ 636 หน้าด้านไร้ยางอาย
เมื่อห้องรับแขกอันหรูหราบนชั้น 2 ถูกเปิดออก ชาวไลอ้อนฮาร์ท 2 คนก็เดินเข้ามาภายในห้อง โดยร่างหนึ่งมีขนาดสูงใหญ่ ส่วนอีกร่างหนึ่งก็มีขนาดเล็กลงมาก แต่ก็ยังคงมีความสูงมากกว่า 2 เมตรครึ่งอยู่ดี
ชายร่างสูงคนนั้นสวมหน้ากากโลหะแบบฉบับเดียวกันกับนักรบชาวไลอ้อนฮาร์ท ที่สำคัญคือเขามีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 700 กิโลกรัมและมีขนาดร่างกายสูงใหญ่เกือบ 5 เมตร
เจ้าของร้านโซโลมอนก็เป็นชนชาวไลอ้อนฮาร์ทด้วยเช่นกัน ห้องแห่งนี้จึงถูกออกแบบมาค่อนข้างกว้างใหญ่ แต่ถึงกระนั้นผู้มาใหม่ก็ยังต้องก้มศีรษะลงเพราะเขามีความสูงเกินกว่าเพดาน
เด็กหนุ่มชาวไลอ้อนฮาร์ทที่อยู่ข้าง ๆ ชายร่างใหญ่คนนี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเขาไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนนอกจากไฮน์ริช เด็กชายชาวไลอ้อนฮาร์ทที่เขาได้บังเอิญช่วยเอาไว้ก่อนเข้ามาภายในเมืองนั่นเอง
เป็นไปได้ไหมว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่พอใจที่ถูกเขาตบหน้า จนอีกฝ่ายไปฟ้องพ่อให้มาจัดการเขาในตอนนี้?
“มันก็แค่ 1 ล้านคริสตัลเหลืองไม่ใช่เหรอ? ฉันอยากได้มันไปให้กับไฮน์ริช” นักรบชาวไลอ้อนฮาร์ทกล่าวเสียงดังจนทำให้กระจกหน้าต่างสั่นจากเสียงพูดของเขา
“ท่านฮีธฟิลด์ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วยที่ไม่ได้รีบออกมาต้อนรับ” เจ้าของร้านรีบลุกยืนขึ้นและโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“ใช่เขาหรือเปล่า?” ฮีธฟิลด์กล่าวถามขณะชี้นิ้วไปทางเซี่ยเฟย
ไฮน์ริชพยักหน้าตอบรับว่าชายคนนี้คือเซี่ยเฟยที่เขาเพิ่งพบมาจริง ๆ
บทสนทนาระหว่างพ่อลูกคู่นี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะรีบวางนิ้วเอาไว้บนแหวนมิติ ท้ายที่สุดนักรบชาวไลอ้อนฮาร์ทคนนี้ก็ดูน่าเกรงขามมาก และระดับพลังของเขาย่อมไม่อยู่ในระดับต่ำอย่างแน่นอน
หากว่ามันมีการต่อสู้เกิดขึ้นมาจริง ๆ การต่อสู้ในครั้งนี้ย่อมเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมาก ยิ่งไปกว่านั้นอาการบาดเจ็บภายในของเขายังไม่หายดี ถ้าเป็นไปได้เขาก็ยังไม่อยากจะปะทะกับผู้อื่นในเวลานี้ด้วยเหมือนกัน
ผู้จัดการร้านไม่เข้าใจว่าสถานการณ์ปัจจุบันมันคืออะไรกันแน่ เขาจึงถอยหลังไปหลบตัวอยู่ที่มุมห้องโดยไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง
แต่ในทันใดนั้นเองจู่ ๆ ฮีธฟิลด์ก็ถอดหน้ากากเพื่อเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมา เผยให้เห็นใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นรูปกากบาทบริเวณแก้มซ้าย ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูดุร้ายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับรู้สึกว่าใบหน้านี้เป็นใบหน้าที่คุ้นเคยมาก เพราะมันมีความคล้ายคลึงกับใบหน้าของโอโร่ที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“ไม่ต้องห่วง พวกเราชาวไลอ้อนฮาร์ทจะไม่เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงต่อบุคคลภายนอก การที่เขาเปิดเผยใบหน้าออกมาแบบนี้มันเป็นสัญลักษณ์ว่าเขากำลังแสดงความเคารพต่อนายในระดับสูงสุด” โอโร่แอบพูดกับเซี่ยเฟยโดยการใช้เทคนิคส่งเสียงเข้าหูของชายหนุ่มโดยตรง จนยากที่จะมีใครมาตรวจจับตัวตนของเขาได้
“ไฮน์ริชเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ฉันต้องขอบคุณคุณมากที่คุณได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้” ฮีธฟิลด์กล่าวกับเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
“ไม่เป็นไรครับ ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรสำหรับผมเลย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสุภาพพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อได้เห็นทั้งสองฝ่ายสนทนากันได้ด้วยดี เจ้าของร้านก็ปลีกตัวออกมาจากห้องและสั่งให้ลูกน้องของเขานำอาหารเครื่องดื่มเข้าไปเสิร์ฟรับรองแขกทั้ง 3 คน
หลังจากได้พูดคุยกันไปสักพักริชชี่ผู้ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านก็ให้ความเคารพต่อเซี่ยเฟยมาก นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นเพียงประชาชนชาวไลอ้อนฮาร์ทธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ในขณะที่เซี่ยเฟยกลายเป็นแขกของราชวงศ์ไลอ้อนฮาร์ทไปแล้ว ชายหนุ่มจึงถือว่ามีศักดิ์ที่เหนือกว่าเขาด้วย
เรื่องราวของริชชี่คล้าย ๆ กับเด็กมีปัญหาทั่ว ๆ ไปในดินแดนกฎ ที่เขาตัดสินใจหันหลังให้กับตระกูลและออกมาเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะบรรลุนิติภาวะแล้วแต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะสวมใส่หน้ากากตามธรรมเนียมของเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ภายในกลุ่มดาวแบล็กไลออนก็มีประชากรเผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทอาศัยอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นริชชี่จึงสนิทสนมกับพวกฮีธฟิลด์พอสมควร และเมื่อเซี่ยเฟยได้ช่วยเหลือลูกชายของฮีธฟิลด์ มันจึงทำให้ริชชี่ยิ่งรู้สึกขอบคุณชายหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม
“ข่าวดีไม่ได้หมดลงเพียงแค่นั้นนะ เพราะในที่สุดไฮน์ริชก็สัญญากับฉันว่าเขาจะยอมเข้าเรียนที่สถาบันสิงโตคลั่งตามคำขอของฉันด้วย” ฮีธฟิลด์กล่าวอย่างตื่นเต้น
“เยี่ยมไปเลย! แบบนี้มันต้องฉลอง!!” ริชชี่กล่าวอย่างดีใจเช่นเดียวกัน แล้วบอกว่าเขาจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับไฮน์ริชอย่างแน่นอน
“สถาบันสิงโตคลั่ง? นั่นมันเป็นสถาบันพิเศษของทางราชวงศ์นี่นา ช่วยถามเขาทีว่าเขามาจากราชวงศ์ไหนกันแน่?” โอโร่กล่าวกับเซี่ยเฟย
“ผมเคยได้ยินมาว่าสถาบันสิงโตคลั่งเป็นสถาบันพิเศษสำหรับราชวงศ์ ไม่ทราบว่าคุณฮีธฟิลด์มาจากราชวงศ์อันสูงศักดิ์ที่ไหนงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ท่านฮีธฟิลด์เป็นทายาทสายตรงของราชาสิงโตทองคำ นี่มันไม่ใช่คำถามที่ใคร ๆ ก็สามารถที่จะมาถามได้หรอกนะ” ริชชี่ชิงพูดขึ้นมาก่อน ก่อนที่ฮีธฟิลด์จะทันได้ตอบคำถามอะไร
ทายาทของราชาสิงโตทองคำ?
สรุปแล้วฮีธฟิลด์มาจากราชวงศ์เดียวกันกับโอโร่หรือเปล่า?
“ที่แท้เขาก็เป็นทายาทของฉันนี่เอง” โอโร่พึมพำขึ้นมาเบา ๆ
เสียงพึมพำของอดีตจอมมารทำให้เซี่ยเฟยอยากจะหัวเราะแต่เขาก็ไม่กล้า เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนโอโร่ยังบอกเขาให้ปล่อยไฮน์ริชตายไปอยู่เลย แต่ในตอนนี้อีกฝ่ายเพิ่งจะมารับรู้ว่าที่แท้พ่อลูกคู่นี้คือทายาทสายตรงจากเขานั่นเอง
ถ้าหากเซี่ยเฟยเลือกเชื่อฟังโอโร่ตั้งแต่ตอนนั้น ในตอนนี้อดีตจอมมารคงจะเสียใจกับความวู่วามของตัวเองไปแล้วก็ได้
“ไฮน์ริชเป็นลูกชายคนเดียวของฉันและภรรยาของฉันก็เสียชีวิตหลังจากที่ให้กำเนิดเขาเพียงแค่ไม่นาน ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเลี้ยงดูเขาขึ้นมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก จนทำให้เขาเป็นเด็กเอาแต่ใจมาจนถึงทุกวันนี้”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณใช้วิธีไหนที่ทำให้เขาคิดได้ แต่บุญคุณในครั้งนี้ฉันจะต้องตอบแทนคุณอย่างดีแน่นอน” ฮีธฟิลด์กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ผมแค่เตือนเขาถึงความรับผิดชอบที่เขาสมควรจะต้องแบกรับความจริง แล้วคำพูดของผมมันก็ไม่ได้มีค่าเท่าไหร่นัก เหตุผลที่เขาเปลี่ยนไปมันก็เป็นเพราะความมุ่งมั่นของเขาเอง” เซี่ยเฟยกล่าว
ระหว่างที่พูดอยู่นั้นสายตาของชายหนุ่มก็เหลือบมองไปยังเข็มทิศมิติบนโต๊ะโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะถ้าหากว่าเขาได้รับสิ่งนี้เขาก็สามารถจะเดินทางกลับไปหาแอวริลได้ ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็ไม่ได้อยากจะอยู่ในดินแดนของเผ่ามารนานไปเหมือนกัน
“ริชชี่ นายกำลังเล่นตุกติกอะไรอยู่หรือเปล่า? ถึงแม้ว่าดูเผิน ๆ เขาจะเป็นคนใจดีที่ขายของราคาไม่แพงมากนัก แต่ถ้าคุณซื้อสินค้าจากเขาจริง ๆ คุณจะได้รู้ว่ามันยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่คุณจะต้องจ่ายเงินอีกมากมายกว่าคุณจะได้สินค้าที่สมบูรณ์ และคุณก็จะโดนเขาขูดเลือดขูดเนื้อไปเยอะพอตัวเลยทีเดียว ดังนั้นคุณอย่าหลงกลอุบายง่าย ๆ แบบนี้อย่างเด็ดขาด” ฮีธฟิลด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ท้ายที่สุดเขาก็คิดมาเป็นเวลานานแล้วว่าเข็มทิศมิติของบริษัทฟิกส์ในราคา 90,000 คริสตัลเหลืองเป็นราคาที่ถูกมากเกินไป และมันก็ดูเหมือนกับว่าภายใต้ราคานี้มันจะมีกลอุบายบางอย่างซุกซ่อนเอาไว้จริง ๆ
แม้ว่าริชชี่จะเป็นพ่อค้าที่แสวงหากำไรแต่เขาก็เป็นคนรู้จักบุญคุณคน ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยเป็นผู้มีพระคุณของฮีธฟิลด์ เขาก็ไม่กล้าที่จะหลอกลวงชายหนุ่มอีกต่อไป
“จริง ๆ แล้วนี่เป็นกลยุทธ์ทั่วไปที่พ่อค้าทุกคนมักจะใช้ในการขายเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียน สิ่งที่ยากที่สุดเกี่ยวกับการครอบครองเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียนไม่ใช่การได้เข็มทิศมิติมาไว้ในมือ แต่เป็นการสร้างบัญชีที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่ผูกมัดกับเข็มทิศมิติชิ้นนั้นต่างหาก”
“ท้ายที่สุดไม่ว่าจะยังไงการใช้เข็มทิศมิติก็ยังต้องเสียเงิน ดังนั้นไม่ว่าเข็มทิศมิติจะดีแค่ไหนหากไม่มีบัญชีผูกมัด เข็มทิศมิตินั้นก็ไม่สามารถที่จะใช้งานได้”
“ด้วยเหตุนี้เองพ่อค้าทุกคนจึงขายเข็มทิศมิติกับบัญชีที่ไม่เปิดเผยตัวตนแยกออกจากกัน และถ้าหากว่าท่านฮีธฟิลด์ไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้ ฉันก็คิดที่จะฟันกำไรสัก 300,000 - 400,000 คริสตัลเหลืองอยู่เหมือนกัน”
เมื่อริชชี่เปิดเผยกลยุทธ์ที่ซุกซ่อนไว้ มันก็ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยหน้าซีดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการหาซื้อเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียน มันจะมีกระบวนการที่ซับซ้อนขนาดนี้ซ่อนอยู่ด้วย
“เอาล่ะเนื่องจากคุณเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือนายน้อยไฮน์ริช ฉันคนนี้ขอมอบเข็มทิศมิติกับบัญชีไม่ระบุตัวตนที่มีเงินค้างในบัญชี 10,000 คริสตัลเหลืองให้กับคุณเป็นของขวัญเลยก็แล้วกัน!!” ริชชี่กล่าวอย่างใจป้ำ และถึงแม้ว่าคำพูดของเขาจะดูใจกว้างแต่เขาย่อมมีกลอุบายซ่อนไว้ในประโยคคำพูดของตัวเอง
ตามสามัญสำนึกของคนปกติเซี่ยเฟยย่อมปฏิเสธของขวัญที่ล้ำค่าเช่นนี้อย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดเข็มทิศมิติและบัญชีไม่ระบุตัวตนก็มีมูลค่าที่สูงมากเกินไป และตราบใดก็ตามที่เซี่ยเฟยปฏิเสธเขาก็จะอ้างว่าเขาจะขอขายสินค้าเหล่านี้ให้ในราคาต้นทุนเพื่อสร้างบุญคุณกับอีกฝ่าย
แม้เขาจะบอกว่าเขาจะขายสินค้าในราคาต้นทุน แต่ในความเป็นจริงเขาก็ยังคงได้กำไรประมาณ 20,000 คริสตัลเหลืองอยู่ดี และการทำแบบนี้มันก็จะยิ่งสร้างความโปรดปรานให้กับฮีธฟิลด์ด้วย เรียกได้ว่ามันเป็นแผนการที่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
น่าเสียดายที่ริชชี่รู้จักเซี่ยเฟยน้อยเกินไป หากใครรู้จักชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดี พวกเขาก็จะรู้ว่าเซี่ยเฟยเป็นพวกหน้าด้านไร้ยางอายมากแค่ไหน!!
“ในเมื่อคุณมีน้ำใจผมก็จะขอยอมรับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฟืด!
ฮีธฟิลด์พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ ขณะที่ใบหน้าของริชชี่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าเซี่ยเฟยจะหน้าด้านกล้ารับของรางวัลที่มีมูลค่ามหาศาลไปอย่างหน้าตาเฉย
นี่คือเข็มทิศมิติรุ่น Z-100 ของบริษัทฟิกส์ที่มีความแม่นยำสูงมาก แต่เซี่ยเฟยกลับยอมรับมันเป็นของขวัญโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำลายสามัญสำนึกของทุกคนไปโดยสิ้นเชิง
เมื่ออีกฝ่ายให้เข็มทิศมิติเป็นของขวัญ เซี่ยเฟยก็ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะและเก็บเข็มทิศมิติลงในแหวนมิติทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้อันธหัวเราะจนเกือบหายใจไม่ออก แม้แต่โอโร่ก็ยังรู้สึกขำกับการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟย ถึงแม้ในวันนี้ริชชี่จะพยายามใช้จิตวิทยากับชายหนุ่ม แต่ผลลัพธ์สุดท้ายชายหนุ่มที่เจ้าเล่ห์กว่ากลับเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไป
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะริชชี่เป็นฝ่ายเริ่มหลอกลวงเขาก่อน และแน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปตามเจตนาที่อีกฝ่ายได้มีต่อเขาก่อน
เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ใบหน้าของริชชี่เริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฮีธฟิลด์พ่อค้าจอมเจ้าเล่ห์ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้นอกเสียจากแอบสาปแช่งเซี่ยเฟยภายในใจ
“ผมรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ทำให้คุณสูญเสียเงินไปมากขนาดนี้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจังหลังจากที่เขากลับมานั่งลงยังโต๊ะตัวเดิม
‘ทำไมฉันถึงไม่สังเกตเห็นความรู้สึกผิดอะไรเลยว่ะ!’ ริชชี่คิดกับตัวเองภายในใจ
“ผมรบกวนคุณพ่อค้าช่วยผูกบัญชีไม่ระบุตัวตนให้กับผมด้วยนะครับ ถ้าไม่มีบัญชีนั้นผมก็คงจะไม่สามารถใช้งานเข็มทิศมิติชิ้นนี้ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
ริชชี่ตัวสั่นเทาขึ้นมาด้วยความรุนแรง เพราะเซี่ยเฟยยังคงไล่ต้อนเขาต่อไปจนทำให้เขารู้สึกโกรธจนแทบจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้นเลย
“เดี๋ยวฉันจะให้ลูกน้องจัดการเรื่องบัญชีให้คุณเดี๋ยวนี้!” ริชชี่กัดฟันพูดอย่างไม่เต็มใจ
“ฮ่า ๆ ๆ” ในที่สุดฮีธฟิลด์ก็ไม่สามารถกลั้นขำได้อีกต่อไป จนทำให้ใบหน้าของริชชี่กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง
“เอาล่ะ ๆ เดี๋ยววันนี้ฉันจะจัดงานฉลอง ขอเชิญทั้งสองคนไปร่วมงานฉลองในครั้งนี้ด้วย ส่วนอาวุธชิ้นนี้ฉันจะซื้อมันไปในราคา 1 ล้านคริสตัลเหลืองเอง” ฮีธฟิลด์กล่าวเสียงดัง
เซี่ยเฟยต้องการที่จะรับเงินและจากไปโดยเร็วที่สุด แต่ในขณะที่เขากำลังจะหาคำพูดหลบเลี่ยงงานเลี้ยงในครั้งนี้อยู่นั่นเอง เสียงของโอโร่ก็ดังขึ้นมาในหัวของเขาเสียก่อน
“ไปงานเลี้ยงกับเจ้าเด็กนั่นซะ อย่าลืมว่านอกเหนือจากการได้รับเข็มทิศมิติแล้วนายยังต้องการหลอมรวมอาวุธมายาเข้าด้วยกันอีกด้วย ถ้าหากนายไม่ได้รับความช่วยเหลือจากลูกหลานของฉัน บางทีนายก็อาจจะไม่สามารถรวมอาวุธมายาพวกนั้นเข้าด้วยกันได้”
***************
