ตอนที่ 634 เข็มทิศมิติของบริษัทฟิกส์
ตอนที่ 634 เข็มทิศมิติของบริษัทฟิกส์
นอกเหนือจากเด็กหนุ่มชาวไลอ้อนฮาร์ทที่เขาพบนอกเมืองแล้ว ภายในเมืองแห่งนี้เขาก็ไม่ได้พบกับปีศาจเผ่าพันธุ์อื่นที่มีรูปร่างสูงใหญ่เท่าไหร่นัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเผ่าพันธุ์ที่เขาพบเห็นต่างก็ล้วนแล้วแต่มีรูปร่างที่อ่อนแอ
ทุกอย่างเป็นไปตามที่โอโร่ได้บอกเอาไว้ เพราะเมื่อเซี่ยเฟยเดินเข้าไปภายในเมืองภายใต้ชุดคลุมสีดำมันก็ไม่มีใครเข้ามาหยุดเขาเอาไว้เลยแม้แต่คนเดียว ราวกับว่าการพบเห็นมนุษย์ในเมืองของเผ่ามารเป็นเรื่องธรรมดา เพียงแต่สถานะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ค่อนข้างที่จะต่ำต้อยกว่าเผ่าพันธุ์อื่นเท่านั้นเอง
“พวกพ่อค้าปกติไม่ค่อยได้เดินทางมาเมืองชายแดนแบบนี้หรอก คนส่วนใหญ่ที่เดินทางมาเมืองนี้มีแต่พวกพ่อค้าเถื่อน, อาชญากรและพวกค้ายา มันจึงทำให้ตลาดภายในเมืองถือว่าเป็นตลาดมืดที่แท้จริง”
“นาน ๆ ครั้งมันก็มีเผ่าพันธุ์ที่ถูกเนรเทศปรากฏตัวขึ้นในเมืองแบล็กไลออนด้วยเหมือนกัน และตราบใดก็ตามที่พวกเขาไม่สร้างปัญหา ทางกองกำลังปกป้องเมืองก็จะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน ทำให้โดยรวมแล้วเมืองแห่งนี้เป็นเมืองการค้าเสรีที่ทุกคนสามารถทำอะไรได้อย่างอิสระ ขอแค่ไม่สร้างปัญหาขึ้นมาเท่านั้นก็พอ” โอโร่กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยมีประสบการณ์กับเผ่าที่ถูกเนรเทศไม่ค่อยดีมากนัก เพราะในขณะที่พวกเชพเพิร์ดได้ปรากฏตัว คนพวกนั้นได้สร้างปัญหาขึ้นมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะวิธีการอันโหดร้ายที่ชายหนุ่มยังไม่ลืมมาจนถึงทุกวันนี้
เมืองแบล็กไลออนถูกตกแต่งเป็นอย่างดีทำให้เมืองแห่งนี้ค่อนข้างที่จะดูดีมากกว่าเมืองชายแดนโดยทั่วไป ถนนภายในเมืองเป็นถนนอันกว้างขวางที่มีผู้คนเดินไปมาอย่างพลุกพล่าน และถึงแม้ว่าในตอนนี้จะเป็นช่วงเวลากลางวันแต่ภายในโรงแรมก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน
หลังจากเดินไปสักพักเซี่ยเฟยก็ได้พบกับนักรบที่ศีรษะเต็มไปด้วยหนวดปลาหมึก ปากของเขามีขนาดเล็กเป็นวงกลม และใบหน้าของเขาก็มีสีแดงม่วงคล้ายกับว่าเขาเป็นปลาหมึกที่เดินได้
“เขาคนนั้นมาจากเผ่าปลาหมึก ซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าหลักที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดน มันเคยมีเรื่องเล่าขานกันมาว่าบรรพบุรุษของพวกเขาวิวัฒนาการขึ้นมาจากหอยบางชนิด ผู้คนจากเผ่าพันธุ์นี้เป็นพวกอารมณ์ร้อนและไม่ค่อยพูดจาสุงสิงกับใครมากนัก…”
ทุกครั้งที่เซี่ยเฟยเดินผ่านสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ใด โอโร่ก็จะคอยแนะนำเผ่าพันธุ์นั้น ๆ ให้เขาได้รู้จัก ทำให้ชายหนุ่มเดินเล่นภายในเมืองอย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะมันมีเผ่าพันธุ์มากมายที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักมาก่อน
ชายหนุ่มเดินตามคำแนะนำของโอโร่เข้าไปตามตรอกซอกซอยแคบ ๆ ซึ่งหลังจากที่เขาหักเลี้ยวมากกว่า 10 ครั้งเขาก็ได้พบว่าปลายทางเป็นทางตันที่ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
“ฉันจำได้ว่าที่นี่ควรจะเป็นที่ตั้งของร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแบล็กไลออน ทำไมมันถึงหายไปแล้วล่ะ?” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหดหู่
“ครั้งสุดท้ายที่คุณมาเมืองแบล็กไลออนคือเมื่อไหร่?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับถอนหายใจ
“ตอนนั้นฉันยังเด็กและได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการป้องกันเมือง…” ทันทีที่โอโร่พูดถึงเรื่องนี้เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องตั้งแต่เมื่อแสนกว่าปีก่อนแล้ว
ถึงแม้ว่าแผนผังของเมืองแบล็กไลออนจะคงยังเป็นแผนผังเดิม แต่อาคารภายในเมืองได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นความทรงจำในอดีตของโอโร่จึงไม่สามารถนำมาใช้การในตอนนี้ได้
“ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ จะเปลี่ยนไปมากเลยสินะ” โอโร่บ่นพึมพำขณะที่เซี่ยเฟยเดินกลับไปยังท้องถนน
เซี่ยเฟยเดินไปตามท้องถนนเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะแวะเข้าไปภายในร้านอาหาร 5 ชั้นที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา
“นายหิวงั้นเหรอ?”
“เปล่า”
“แล้วนายจะเข้ามาในร้านอาหารทำไม? ไม่ใช่ว่านายกำลังหาร้านขายเข็มทิศมิติงั้นเหรอ” โอโร่ถาม
“สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่เข็มทิศมิติธรรมดา แต่มันคือเข็มทิศมิติระดับสูงที่สามารถเดินทางได้หลายหมื่นปีแสง และมันยังจะต้องเป็นเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ด้วย”
“ผมไม่คิดว่าร้านค้าทั่วไปจะมีเข็มทิศมิติแบบนี้ขายหรอกนะ ดังนั้นสิ่งแรกที่เราควรทำหลังจากเข้ามาในเมืองที่ไม่รู้จักคือการหาข้อมูล และมันก็ไม่มีที่ไหนที่เป็นแหล่งหาข้อมูลได้ดีกว่าร้านอาหารอีกแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อความทรงจำของโอโร่ไม่สามารถใช้การได้ เซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องใช้วิธีการของเขาเอง
การเจรจาค้าขายมักจะเกิดขึ้นภายในร้านอาหาร และเนื่องมาจากเซี่ยเฟยต้องการได้รับข้อมูลของสินค้าระดับสูง เขาจึงเลือกร้านอาหารที่หรูหราที่สุด เพราะคู่ค้าที่จะเข้ามาเจรจาในร้านค้าระดับนี้มันก็จะเป็นคู่ค้าที่มีระดับสูงด้วยเช่นกัน
บริเวณประตูทางเข้าร้านมีพนักงานยืนอยู่หลายสิบคน แต่เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเซี่ยเฟยเป็นมนุษย์มันก็ไม่มีใครเข้ามาต้อนรับชายหนุ่มเลยแม้แต่คนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีพนักงานบางคนเชิดหน้าขึ้นอย่างดูถูกเขาอีกด้วย
พื้นที่ชั้นที่ 3 ขึ้นไปเป็นพื้นที่ของห้องส่วนตัว เซี่ยเฟยจึงเลือกเดินไปยังโต๊ะอาหารบนชั้นที่ 2 และนั่งลงยังโต๊ะริมหน้าต่าง เพื่อที่เขาจะสามารถมองไปยังพื้นที่บริเวณโดยรอบของตัวร้านอาหารได้
ร้านอาหารแห่งนี้ดำเนินกิจการไปได้เป็นอย่างดี และมันก็มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการตัวร้านอย่างมากมาย แต่ถึงแม้ชายหนุ่มจะนั่งอยู่บนโต๊ะนานหลายนาทีแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีใครเข้ามาให้บริการเขาเลยทั้ง ๆ ที่ลูกค้ารายอื่นที่เข้ามาทีหลังได้รับบริการจากพนักงานของร้านค้าแล้ว
“มนุษย์งั้นเหรอ? เขาจะมีเงินมาจ่ายทิปให้ฉันไหม?”
“ดูชุดโทรม ๆ ของเขาสิ คนแบบนั้นจะมีปัญญาอะไรมาจ่ายทิปคนอื่นได้ เรารอให้บริการแขกคนอื่นต่อไปดีกว่า”
บทสนทนาระหว่างพนักงานของร้านดังเข้ามาภายในหูของเซี่ยเฟย
เนื่องมาจากว่าเงินเดือนของพนักงานเหล่านี้ค่อนข้างน้อย พวกพนักงานจึงค่อนข้างจะเลือกลูกค้าเพื่อให้ได้รับทิปหรือเงินค่านายหน้าจากค่าอาหารที่ลูกค้าสั่ง ดังนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มักจะยากจนอย่างเซี่ยเฟยจึงไม่มีพนักงานคนไหนให้ความสนใจ เพราะพวกเขาต่างก็คิดว่าการให้บริการชายหนุ่มเป็นเพียงแค่เรื่องเสียเวลาเปล่า
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั่นเอง จู่ ๆ มันก็ได้มีชายอ้วนคนหนึ่งเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก และเมื่อเขาสังเกตเห็นเซี่ยเฟยที่ไม่มีใครสนใจ ชายอ้วนคนนี้ก็รีบถือเมนูเข้ามาให้บริการเซี่ยเฟยในทันที
“ไอ้โง่นั่นมันเอาอีกแล้ว วันก่อนมันก็ให้บริการขอทานจนทำให้เจ้านายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ”
“ทำไมมันถึงไม่มีไหวพริบในการทำงานเลยนะ มันดูไม่ออกเลยหรือยังไงว่าลูกค้าคนไหนมีเงิน แล้วลูกค้าคนไหนยากจน แบบนี้ต่อให้มันทำงานไปจนตายแต่มันก็คงจะหาเงินไปแต่งเมียไม่ได้ตลอดชีวิต”
แม้ว่าชายอ้วนจะถูกเพื่อนร่วมงานหัวเราะเยาะเย้ย แต่เขาก็ยังคงให้บริการแขกโดยไม่สนใจคำนินทา นอกจากนี้เขายังเดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้มและคอยให้บริการมนุษย์คนนี้เป็นอย่างดี
“ฉันไม่เอาเมนูและฉันก็ไม่หิวมาก เอาเป็นว่าฉันขออาหารท้องถิ่น 1 จานกับข้าวอีกจานหนึ่ง” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับผลักเมนูกลับไป
“เห็นไหม! ฉันบอกแล้วว่ามันเป็นคนจน” พนักงานที่แอบดูอยู่ไกล ๆ ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาดังลั่น
“ซัลซ่าเป็นอาหารท้องถิ่นของเราที่อร่อยมาก มันทำขึ้นมาจากสาหร่ายที่ต้องใช้เวลาในการเติบโตบนทะเลทรายมากกว่า 10 ปี เอาเป็นว่าผมขอแนะนำซัลซ่าที่มีรสชาติที่ดีและมีราคาที่ค่อนข้างถูกให้คุณลูกค้าลองทานดูนะครับ” ชายอ้วนกล่าวแนะนำหลังจากใช้ความคิดหยุดสักพัก
โดยปกติพนักงานเสิร์ฟภายในร้านจะแนะนำเมนูอาหารที่มีราคาแพง เพราะยิ่งลูกค้าสั่งอาหารมากเท่าไหร่พวกเขาก็จะยิ่งได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามชายอ้วนคนนี้กลับแนะนำอาหารที่อร่อยและมีราคาไม่แพงให้กับเซี่ยเฟย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขาคนนี้มีใจบริการมากกว่ามีความโลภในเงินทอง
“เอาตามนั้นได้เลย ว่าแต่ฉันมีเรื่องสงสัยอยากจะถามนายหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เชิญคุณลูกค้าถามมาได้เลยครับ”
“ฉันอยากจะหาซื้อเข็มทิศมิติที่ดีที่สุด นายพอจะแนะนำหน่อยได้ไหมว่าฉันควรจะต้องไปหาซื้อเข็มทิศพวกนั้นที่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“ในเมืองแบล็กไลออนมีร้านค้าขนาดใหญ่อยู่ 3 ร้านคือ ร้านมาสเตอร์พีซ, ร้านจักรพรรดิและร้านโซโลมอน แต่สินค้าภายในร้านมาสเตอร์พีซกับร้านจักรพรรดิค่อนข้างแพงมาก ผมแนะนำให้คุณไปที่ร้านโซโลมอนก่อนแล้วค่อยไปอีก 2 ร้านที่เหลือถ้าหากว่าคุณยังไม่ได้สินค้าที่คุณต้องการ” ชายอ้วนกล่าวตอบ
นอกจากนี้ชายอ้วนยังกลัวว่าเซี่ยเฟยจะหาที่ตั้งของร้านทั้งสามไม่พบ เขาจึงอธิบายสถานที่ตั้งของร้านค้าอย่างละเอียดและเขาก็ยังวาดแผนที่ง่าย ๆ ให้กับชายหนุ่มอีกด้วย
การทำแบบนี้ทำให้ชายอ้วนพลาดการให้บริการแขกคนอื่น ๆ ไปอีกหลายคน แต่เขาก็ยังคงให้บริการเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้มจนทำให้ชายหนุ่มแอบรู้สึกขอบคุณชายอ้วนอยู่ภายในใจ
หลังจากรับประทานอาหารเซี่ยเฟยก็ได้พบว่าซัลซ่าเป็นเมนูที่อร่อยมากจริง ๆ เขาจึงสั่งเมนูนี้มากินเพิ่มอีก 3 จานแม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกหิวมากเท่าไหร่นักก็ตาม
เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยกินอาหารจานถูกหลายจานติดต่อกัน พนักงานคนอื่นก็ยิ่งมองมายังชายหนุ่มอย่างดูถูกมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เขากินอาหารจนหมดเขาก็เรียกชายอ้วนมายืนใกล้ ๆ จากนั้นเขาก็หยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 3 มาจ่ายเงินให้กับชายอ้วนไป 3 ชิ้น
“แค่ชิ้นเดียวก็พอแล้วครับ อาหารพวกนั้นมันมีราคาถูกมาก” ชายอ้วนพูดอย่างตะกุกตะกัก
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่เงินส่วนที่เหลือฉันให้เป็นทิปของนาย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทิป!!
ทิปที่เซี่ยเฟยให้มีมูลค่ามากกว่าเงินเดือนของพวกเขาทั้งปี หรือมันก็หมายความว่าการที่ชายอ้วนคนนี้ได้ให้บริการเซี่ยเฟย มันก็ทำให้เขาสามารถนอนอยู่เฉย ๆ ได้ทั้งปีโดยไม่ต้องทำงาน
พนักงานเสิร์ฟคนอื่นมองไปยังชายอ้วนด้วยความริษยา และพวกเขาก็เพิ่งตระหนักในวันนี้เองว่าสุภาษิตผ้าขี้ริ้วห่อทองในความเป็นจริงมันมีหน้าตาเป็นยังไง
—
หลังจากเดินไปตามท้องถนนเซี่ยเฟยก็ได้พบกับร้านโซโลมอนในที่สุด ซึ่งร้านค้าร้านนี้หาได้ไม่ยากเพราะมันเป็นร้านค้าขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นจากระยะไกลได้เป็นกิโล
เซี่ยเฟยเดินเข้าไปภายในร้านและเดินมองดูสินค้าอย่างสบาย ๆ ซึ่งสินค้าที่วางขายมันก็เป็นดังที่ชายอ้วนในร้านอาหารได้บอกเอาไว้ว่ามันมีสินค้ามากมายและราคาก็ไม่ได้สูงมากจนเกินไป
ภายในร้านมีโต๊ะเก้าอี้ให้ลูกค้าได้นั่งพูดคุยและสอบถาม โดยจะมีพนักงานเข้ามาคอยให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึง
“ฉันขอพบผู้จัดการร้านหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากนั่งลงบนโต๊ะ
แม้ว่าพนักงานจะค่อนข้างสงสัยว่าเซี่ยเฟยถามหาผู้จัดการร้านทำไม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเลือกเดินเข้าไปตามผู้จัดการร้านมาให้ชายหนุ่มอยู่ดี
ไม่กี่นาทีต่อมาชายชาวไลอ้อนฮาร์ทก็เดินออกมาจากพื้นที่หลังร้าน โดยชายคนนี้มีความสูงเพียงแค่ประมาณ 2.5 เมตรซึ่งน้อยกว่าโอโร่ และด้วยผมสีทองที่ปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้าชายหนุ่มจึงไม่สามารถคิดคำนวณอายุของชายคนนี้ได้
เซี่ยเฟยพยายามบอกถึงสินค้าที่เขากำลังหาอย่างระมัดระวัง เพราะท้ายที่สุดเข็มทิศมิติระดับสูงที่ไม่ได้ลงทะเบียนก็ถือว่าเป็นสินค้าที่หาได้ยากมาก และมันยังถือว่าเป็นสินค้าที่ผิดกฎของทางฝั่งเผ่าเทพอีกด้วย
อย่างไรก็ตามผู้จัดการร้านชาวไลอ้อนฮาร์ทก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าการแลกเปลี่ยนสินค้าสกปรกเป็นเรื่องปกติในเมืองแบล็กไลออน
จากนั้นมันก็ได้มีภาพโฮโลแกรมปรากฏขึ้นตรงหน้าเซี่ยเฟย ซึ่งมันเป็นเข็มทิศมิติสีดำเข้มที่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา
“เข็มทิศมิติที่คุณต้องการมีราคาแพงมากและมันก็ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิรภัยที่ไม่สามารถนำมาแสดงให้ลูกค้าดูได้ เชิญคุณตรวจสอบสภาพสินค้าและคุณสมบัติของมันตามข้อมูลเหล่านี้ได้เลย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดสินใจจะซื้อ ฉันจะให้คนไปนำมันออกจากห้องนิรภัยมาในทันที” ผู้จัดการร้านกล่าวอย่างสุภาพ
รายละเอียดภาพที่ฉายบนหน้าจอสูงมากจนทำให้เซี่ยเฟยสามารถพบรอยขีดข่วนเล็ก ๆ บนตัวเข็มทิศมิติได้ด้วยซ้ำ ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มพิจารณาสภาพเข็มทิศจนทั่ว เขาก็กล่าวถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ทำไมเข็มทิศมิติของบริษัทฟิกส์ที่อยู่ในเขตของเผ่าเทพถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
***************