ตอนที่ 24 เตาหลอมม่วงจิ๋ว
เย่เฉาจงตกใจเล็กน้อย เขามองชายหนุ่มคนนั้น เขายิ้มเย็นชา
“อะไรกัน โจวอู๋เหิน? คนเขาทิศเหนืออย่างเจ้าคิดจะสู้เรอะ?”
มีมากกว่า 20 คนที่วิ่งมาข้างหลังเมื่อเขาพูด
โจวอู๋เหินยกสองมือขึ้น
“สู้เรอะ? คนของพวกเจ้าล้ำเส้นก่อน!”
จากนั้นคนข้างหลังก็โยนชายหนุ่มสองคนที่โดนอัดจนสลบไป ชายทั้งสองพูดเสียงค่อย
“พี่…พี่เย่ ข้าขอโทษ”
เย่เฉาจงพยักหน้ายิ้มอย่างเย็นชา
“ดี! ดียิ่งนัก! พวกเรา ฆ่ามันให้ตาย!”
การต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น เหล่าหญิงสาวหวาดกลัวเมื่อได้เห็น และจู่ ๆ ได้มีเสียงเย็นชาดังมาจากนอกกลุ่มคน
“พวกจ้าทำอะไรกัน?”
ชายหนุ่มชุดขาวเดินมายังที่เกิดเหตุ ทุกคนคารวะเขาด้วยความนับถือ
“ศิษย์พี่อู๋”
อู๋เยี่ยมองสองกลุ่มผู้นำและมองคนอื่น ๆ
“เด็กใหม่ จัดแถว!”
เด็กใหม่หลายสิบคนรีบตั้งแถวเป็นสี่แถว เสี่ยวเฉินคิด
“ประตูนอกก็แค่ประตูนอก ไม่มีอะไรนอกจากความวุ่นวายและบรรยากาศเลวร้าย ที่นี่ไม่เหมือนกับนิกายบ่มเพาะพลังแม้แต่น้อย เป็นแค่ที่รวมอันธพาล”
เขาส่ายหน้าถอนหายใจและเดินไปที่แถวกับสามองค์ชาย
“เอาล่ะ ตามข้าไปที่ศาลาสมบัติ พวกเจ้าทุกคนเลือกสมบัติหรือกระบี่ที่พวกเจ้าชอบได้หนึ่งชิ้น”
ด้วยการเป็นนิกายชั้นดี แม้แต่ศิษย์นอกของนิกายสามพิสุทธิ์ก็ไม่ถูกตระหนี่ ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินเขา
“เราจะได้เลือกสมบัติวิเศษ!”
หลังจากนั้น 30 นาที พวกเขาาถึงศาลาสมบัติ ชายชราชุดสีเทานั่งอยู่หน้าประตูสูบยาสูบด้วยกล้องสูบยาก้านยาว มีโต๊ะไม้จันทน์อยู่ที่หน้าเขา เตาหลอมโบราณสีม่วงเล็ก ๆ นั้นวางอยู่บนโต๊ะเพื่อเก็บเถ้ายาสูบ
ทุกคนตื่นเต้น อู๋เยี่ยเดินไปที่ประตู
“ผู้เฒ่าอู๋ ข้าพาศิษย์ใหม่มาแล้ว”
ผู้เฒ่าอู๋เงยหน้ามองอย่างรวดเร็ว
นอกจากห้าผู้เฒ่าหลักแล้วยังมีผู้เฒ่าอีกหลายคนในนิกายสามพิสุทธิ์ ที่ประตูในนั้นจะมีผู้เฒ่าห้องโอสถ ผู้เฒ่าหอคอยกระบี่ และผู้เฒ่าวิชาบ่มเพาะพลัง พวกเขาแทบจะไม่คู่ควรกับนาม ‘ผู้เฒ่า’ เสียด้วยซ้ำไป แต่ผู้เฒ่าที่ประตูนอกนั้นจำเป็นต้องมีเพื่อให้ศิษย์นอกเกรงอกเกรงใจ
องค์ชายฉีพูดเบา ๆ
“ผู้เฒ่าอู๋คงเก่งกาจน่าดู เขาดูทรงพลังนะ”
เสี่ยวเฉินยิ้ม
“ถ้าเจ้าอยู่ที่นี่ซักหลายสิบปี เจ้าก็จะได้นั่งเก้าอี้ตัวนั้น”
“จริงรึ?!”
องค์ชายจ้าวตื่นเต้นในทีแรก แต่เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่น่ากลัว ผ่านมาหลายสิบปีแล้วเขายังไม่ได้เป็นศิษย์ในอีกหรือ?
ผู้เฒ่าอู๋เคาะเถ้ายาสูบในเตาหลอมจิ๋ว เขากระแอม
“เอาล่ะ นิกายสามพิสุทธิ์แสดงความใจกว้างโดยการให้สมบัติวิเศษเจ้าแล้ว เข้ามาเข้ามา เลือกไปคนละชิ้น อย่าได้คิดขโมย เข้าไปได้แล้ว”
พวกเขาหลายสิบคนรีบเข้าไปในห้องทันที แต่พวกเขาต่างผิดหวังและพร่ำบ่น
“บ้าจริง…นี่มันอะไรกัน?”
มันเป็นเพียงห้องเล็ก ๆ ที่มีกระบี่ หอก ดาบ และง้าวกระจัดกระจาย บางชิ้นนั้นหักและขึ้นสนิม ยังมีกระจกที่แตก ธงที่ชาติ และพัดที่ขาดตรงมุม ของเหล่านี้คือสมบัติรึ? พวกเขาหยุดบ่นไม่ได้
เสี่ยวเฉินหัวเราะ
“นี่รึศาลาสมบัติของที่นี่? ก็แค่ที่เก็บขยะ”
องค์ชายจ้าวบ่น
“ท่านผู้เฒ่า ขยะพวกนี้มันอะไรกัน? นิกายวายุนภาให้สมบัติชั้นจิตเลยนะ เราไม่ได้ขอสมบัติชั้นจิต แต่อย่างน้อยก็ให้สมบัติชั้นธรรมดากับเราเถอะ”
“ใช่! ข้าได้ยินว่านิกายกระบี่คลื่นเย็นให้สมบัติชั้นดีเลยนะ”
มีคนพูดตาม
สมบัติวิเศษหรือกระบี่นั้นจะจำแนกตามคุณสมบัติเป็นอันดับ จากต่ำไปสูงตั้งแต่ธรรมดา ชั้นดี ชั้นจิต ชั้นศักดิ์สิทธิ์ ชั้นเซียน ชั้นเทพ ชั้นบรรพกาล เป็นต้น ไร้มลทินซึ่งเป็นกระบี่เซียนของเสี่ยวเฉินนั้นอย่างน้อยก็เป็นสมบัติชั้นเซียน
ทุกคนพูดคุยกันว่านิกายวายุนภาและนิกายกระบี่คลื่นเย็นนั้นดีเพียงใดและไม่สังเกตเห็นสีหน้าผู้เฒ่าอู๋ที่แย่ลง สุดท้ายเขาก็เคาะเตาหลอมด้วยกล้องยาสูบ และกล้องยาสูบของเขาแตก
“นิกายวายุนภาก็ดี นิกายกระบี่คลื่นเย็นก็ดี แล้วทำไมเจ้าไม่ไปที่นั่นเล่า? พวกเจ้ามาทำอะไรที่นิกายสามพิสุทธิ์? ถ้าจะเลือกอะไรก็เลือกไป ถ้าไม่ชอบก็หุบปากแล้วไสหัวไปให้พ้น! ไม่มีใครขอร้องให้้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ นิกายยังอยู่ได้ต่อให้ไม่มีพวกเจ้า!”
“เฮ่อ…ช่างเถอะ เลือกอะไรติดมือไปก็แล้วกัน หน้าร้อนใกล้เข้าาแล้ว อย่างน้อยก็หาอะไรไปตบยุงแล้วกัน”
องค์ชายจ้าวพูดด้วยความเศร้า
“ถ้าข้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ข้าคงเอากระบี่ชางฟางของท่านพ่อติดตัวมาด้วย”
จากนั้นเขาจึงหยิบของประหลาดแปลก ๆ มา
“นี่มันอะไรกัน? กระบี่หัวใหญ่ขึ้นสนิมรึ? ข้าใช้มันฟันแทงได้ไหม? อันนี้มีไว้ใช้ทำอะไรรึ?”
ผู้เฒ่าอู๋พูดด้วยโทสะ
“นั่นมันไม้พายทำกับข้าวของข้า! วางลงเดี๋ยวนี้!”
“โอ้ นี่เป็นไม้พายในตำนานสินะ”
องค์ชายจ้าวโยนมันทิ้งและหยิบของบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง เขาพูดเสียงดัง
“โอ้! นี่มันอะไรกัน? มีโคลนเปื้อนอยู่ด้วย อย่าบอกข้านะว่าใช้ทำกับข้า! หรือจะใช้เจ้านี่ทำกับข้าวให้ข้าดู”
ผู้เฒ่าอู๋หงุดหงิดจนหน้าเปลี่ยนสี เขาตะโกนลั่น
“นั่นมันจอบขุดผักของข้า! เจ้า…”
เขาเตะไล่องค์ชายจ้าวด้วยความโกรธ
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะ องค์ชายจ้าวยืนนิ่งไม่กล้าแตะต้องอะไรอีก
จากนั้นทุกคนจึงเลือกบางอย่างที่พวกเขา ‘ชอบ’ ด้วยความ ‘ปลื้มปิติ’ เสี่ยวเฉินเดินไปหาผู้เฒ่าอู่ เขามองเตาหลอมสีม่วงขนาดจิ๋ว
“ผู้เฒ่าอู๋ ข้าขอสิ่งนี้ได้หรือไม่?”
ผู้เฒ่าอู๋มองเตาหลอมจิ๋วที่เต็มไปด้วยเถ้ายาสูบ
“มันก็แค่ที่ทิ้งยาสูบข้า เจ้าอยากได้รึ?”
เสี่ยวเฉินพยักหน้า
“เฮ่อ เอาเถอะ กล้องสูบข้าพังไปแล้วด้วย ข้าค่อยไปซื้อชุดสูบใหม่ เจ้าเอาเจ้านี่ไป เอาฝาปิดไปด้วย”
ผู้เฒ่าอู๋หยิบฝากลมสีม่วงจากชั้นวางของใกล้ตัว มันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับเตาหลอมแต่แรก
เสี่ยวเฉินพยักหน้ายิ้ม
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่ายิ่งนัก”
เขารับเตาหลอมจิ๋วมา ทุกคนหัวเราะใส่เขา
“กระบี่กระจอก ๆ ยังดีกว่าเจ้านั่นเลย เจ้าโง่รึเปล่า?”
ในจังหวะที่เสียงเอะอะที่สุดนั้น ชายชุดขาวเดินเข้ามา เขามีบรรจุภัณฑ์ใหญ่สามชิ้นมาด้วย มีกลิ่นสมุนไพรคลุ้งออกมา
ผู้เฒ่าอู๋ยกมือบอกให้พวกเขาเงียบทันที เขายิ้มให้ชายหนุ่มชุดขาวและพูดด้วยความนับถือ
“มีอะไรรึ?”
ชายหนุ่มดูสีหน้าหม่นหมอง
“ผู้เฒ่าหลิวกับผู้เฒ่าซงอยู่ไหน? ทำไมกลางวันแบบนี้ข้าถึงไม่เห็นพวกเขา?”
ผู้เฒ่าอู๋เหงื่อทะลัก เขายิ้ม
“เอ่อ…บางที…พวกเขาอาจจะ…”
“ฮื่ม!”
ชายหนุ่มโยนบรรจุภัณฑ์ทั้งสามบนโต๊ะ
“หลอมวัตถุดิบโอสถพวกนี้ในเดือนนี้ ผู้เฒ่าห้องโอสถต้องการใช้เดือนหน้า ทำให้เร็วที่สุด! เข้าใจไหม?”
ผู้เฒ่าอู๋สีหน้าทุกข์ใจ
“เอ่อ…เดือนที่แล้ว พวกข้าเพิ่งจะ…”
“ว่าไงนะ?”
ชายหนุ่มจ้องเขา
“ไม่มีอะไร สบายใจได้เลย พวกข้าจะชำระมันในเดือนนี้”
“ฮื่ม!”
ชายหนุ่มสะบัดชายเสื้อและมองคนรอบ ๆ ก่อนจะบินกระบี่ไป
ผู้เฒ่าอู๋ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อชายคนนั้นจากไป เขาส่ายหน้ามองบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ทั้งสาม ไม่มีใครกล้าพูดอะไรและพากันออกจากห้อง
“เอาล่ะ พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว วันนี้พอแค่นี้ พวกเจ้ามีเรียนพรุ่งนี้ และทุกคนต้องเข้าเรียน”
ผู้เฒ่าอู๋โบกมือพูดเบา ๆ
องค์ชายจ้าวพูดในตอนเที่ยง
“ข้าหิว ไปกันเถอะ วันนี้น่าจะมีของขายนะ”
เหล่าศิษย์เดินไปยังโรงอาหารของยอดเขาตะวันลับ ที่นี่สะอาดและเป็นระเบียบอยู่ภายใน อาหารเองก็ไม่เลวร้าย พวกเขาพอใจกับที่นี่ แต่ไม่นานต่อมานั้น…
“ว่าไงนะ? เศษมันฝรั่ง 20 ตำลึงเงินเรอะ? ล้อกันเล่นหรือ?”
“32 ตำลึงเงินกับจานผักหรือ? นี่พวกเจ้าจนจนต้องมาปล้นศิษย์รึไง?”
พวกเขามองจานไม้เล็ก ๆ ที่ห้อยอยู่บนชายคา พวกเขารู้สึกหมดหวัง
คนครัวยิ้ม
“ไม่มีใครบังคับเจ้าให้ซื้ออาหารของเรา ผักบนยอดเขาตะวันลับอุดมไปด้วยพลังปราณ เจ้ากินแล้วจะอายุยืนขึ้นนะ”
“ทำไมไม่บอกว่าพวกข้ากินแล้วจะกลายเป็นเซียนไปเลยเล่า?”
พวกเขายังคงไม่คิดซื้อกิน พวกเขาจะปล่อยให้ถูกรังแกเพียงเพราะเป็นศิษย์นอกไม่ได้ พวกเขาคิดราคานี้กับศิษย์ในด้วยหรือเปล่านะ?
จนถึงตอนนี้ คนแต่งกายดีสามคนเดินโอ่อ่าเข้ามา
“ไม่มีเงินรึ? พวกเจ้าจะบ่มเพาะพลังได้ยังไงถ้าไม่มีเงิน? ข้าเอาเนื้อหั่นน้ำมันพริก ปลาย่างซอสแดง กุ้งลวก ไก่อบ ปี่แปะทอดกับก๋วยเตี๋ยว…”
ทุกคนอ้าปากค้างมองเขา
“เจ้ากินหมดรึ?”
“ถ้าข้ากินไม่หมดก็แค่ทิ้งไป! แคว้นจ้าวมีดินแดนกว้างใหญ่ ทรัพยากรมากมาย พวกเราร่ำรวยพอที่จะทำแบบนี้ได้”
จากนั้นเขาจึงนั่งบนม้านั่ง แต่ก่อนที่ก้นจะได้ถึงม้านั่งเขาก็รีบลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ศิษย์พี่เสี่ยวสั่งก่อนสิ”
ชายคนใกล้ ๆ ถอนหายใจแรง
“มีคนอย่างเจ้าเป็นองค์ชาย คนแคว้นจ้าวคงยากจนอดตายจนศพเกลื่อนแคว้นเจ้า”
“เจ้ากล้าดียังไง!”
องค์ชายจ้าวตบโต๊ะลุกขึ้นอีกครั้ง
เสี่ยวเฉินกระแอม เขาเคาะโต๊ะด้วยตะเกียบ
“ผู้ที่ไม่ทะเลาะกับผู้ใดย่อมไม่มีวันทำพลาด นี่คือสิ่งแรกของการบ่มเพาะพลัง จงจำเอาไว้”
“หึหึ ศิษย์พี่พูดถูก”
ต่อมา พนักงานได้นำจานของประหลาดมาให้เขา องค์ชายจ้าวมองและถาม
“ทำไมมีแค่ปี่แปะทอดล่ะ? ก๋วยเตี๋ยวอยู่ไหน?”
พนักงานมองเขา
“ก๋วยเตี๋ยวรึ? พวกข้าไม่มีก๋วยเตี๋ยว วัตถุดิบทำอาหารยังไม่มาส่ง เรามีอยู่แค่นี้”
จากนั้นเขาจึงเดินกลับ
“แค่ก แค่ก เจ้ากินให้อร่อยล่ะ ข้ากลับแล้ว”
หลังพูดจบ เสี่ยวเฉินเดินจากไป โชคดีที่พอเขากลับมาที่สวน หลิวรั่วก็เตรียมอาหารเต็มโต๊ะให้เขาแล้ว
เสี่ยวเฉินถามด้วยความแปลกใจ
“เจ้าไปเอาหม้อ ชาม กับจานพวกนี้มาจากไหน?”
“ฮี่ฮี่ ข้ายืมผู้เฒ่าอู๋มาเมื่อเช้านี้น่ะ”
“งั้นรึ”
เสี่ยวเฉินขยับตะเกียบพลางคิด
“ถึงผู้เฒ่าอู๋จะดูใจร้าย แต่เขาก็เป็นคนดี”
จากนั้นเขาจึงคิดถึงเตาหลอมม่วงจิ๋วและหยิบออกมาจากอก เขาวางบนโต๊ะ แสงสาดเข้ามาผ่านหน้าต่างพอดี ควันสีม่วงโชยออกมาจากเตาหลอมจิ๋วอย่างไม่คาดคิด