บทที่ 98 แม้ว่าข้าจะฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ข้าก็ยังเป็นคนดี!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 98 แม้ว่าข้าจะฉ้อราษฎร์บังหลวง แต่ข้าก็ยังเป็นคนดี!
หลังจากกลับมา หลินเป่ยฟานก็ได้บอกโม่หรูซวงถึงเรื่องนี้
“ด้วยความพยายามและการโน้มน้าวใจของข้า รวมเข้ากับเงินบางส่วนเพื่อจัดการสิ่งที่ขวางทาง ในที่สุดฝ่าบาทก็กลับใจและตกลงที่จะปล่อยคุณชายใหญ่แล้ว! กลับไปบอกท่านอ๋องให้เขาจ่ายเงินตามข้อตกลงเถอะ!”
โม่หรูซวงรู้สึกมีความสุขมาก “ขอบคุณมากเลยท่านหลิน!”
นางกลับไปเขียนจดหมายและรายงานเรื่องนี้ต่อท่านอ๋องอย่างมีความสุข
หลังจากนั้นไม่นาน ท่านอ๋องเหอเป่ยทางเหนือก็ได้รับจดหมายของโม่หรูซวงที่กล่าวถึงเรื่องในราชสำนัก
เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าคุณชายได้ถูกปล่อยตัวและกำลังจะถูกพาไปยังเหอเป่ยทางเหนือ
ท่านอ๋องดูมีความสุขมาก “หลินเป่ยฟานทำสำเร็จจริงๆ ด้วย! หรูซวงกล่าวว่าเมื่อเขาได้เงิน เขาเข้าไปยังราชสำนักเพียงครั้งเดียวและสามารถจัดการทุกอย่างได้ในทันที เป็นคนที่มากพรสวรรค์อย่างแท้จริง!
“ยินดีด้วยฝ่าบาท! ยินดีด้วยฝ่าบาท! คุณชายใหญ่ปลอดภัยและท่านยังได้คนที่มีความสามารถอีกด้วย!” จูกัดผู้เป็นกุนซือได้แสดงความยินดีกับเขาทันที
“ฮ่าฮ่า…” เจ้าชายหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขมาก
หลังจากหัวเราะแล้ว เขาก็มองไปยังจดหมายและได้แต่ขมวดคิ้ว “สิ่งที่ทำให้ข้าสงสัยคือ ทำไมราชสำนักถึงต้องการให้ข้าส่งคนไปพาลูกชายของข้ากลับมากัน? มันเป็นกลลวงหรือเปล่า?”
จูกัดมองไปที่จดหมายพลางลูบเคราของเขาและยิ้มออกมา “ตามจดหมาย ยามนี้ราชสำนักคงกำลังเผชิญกับปัญหาภายในและภายนอก ไม่มีทางที่จะส่งกองกำลังไปปกป้องคุณชายได้ อีกทั้งพวกเขายังไม่ต้องการทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคือง ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่จำใจต้องปล่อยคุณชายใหญ่ออกมา!” จูกัดกล่าวต่ออีกว่า
“ตัวตนของคุณชายใหญ่นั้นพิเศษมาก เขาอาจตกเป็นเป้าหมายของผู้ที่มีเจตนาไม่ดีได้ คงเลวร้ายแน่หากเกิดเรื่องขึ้น! มันอาจเป็นผลเสียทั้งต่อตัวฝ่าบาทและราชสำนัก! ดังนั้นทางราชสำนักจึงได้ขอให้เราส่งคนไปรับตัวคุณชาย เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้” จูกัดกล่าวอีก
ท่านอ๋องเมื่อได้ยินจึงพยักหน้า “สิ่งที่เจ้าพูดมาฟังดูถูกต้องนัก!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ก็ถูกประกาศออกมาแล้ว ไม่มีทางที่ราชสำนักจะกลับคำพูดของตนเองได้!” จูกัดหัวเราะ ออกมา“ฝ่าบาท ท่านสามารถส่งผู้ฝึกวรยุทธ์ออกเดินทางได้แล้ว รีบไปรับองค์คุณชายใหญ่กันเถิด!”
"ดี!" ท่านอ๋องตะโกนเสียงดัง “ข้าจะส่งยอดฝีมือและทหารไปที่เมืองหลวงยามนี้เลย ไปนำตัวเจี๋ยเออร์กลับคืนมา! รวมทั้งไปจ่ายเงินที่ควรมอบให้กับหลินเป่ยฟานในสิ่งที่เขาทำด้วย!”
“ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องยิ่งนัก!” จูกัดยิ้มและโค้งคำนับ
ด้วยเหตุนี้ ท่านอ๋องจึงส่งยอดฝีมือและทหารไปรับคุณชายใหญ่ทันที
มีคนไม่มากนักที่ถูกส่งไป ไม่ถึงร้อยคน แต่หลายคนก็เป็นยอดฝีมือและยังมีอีกสองคนที่มีความสามารถระดับยอดฝีมือต้นกำเนิด
นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือระดับสูงอีกหลายคนที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงเพื่อช่วยเหลือคุณชายใหญ่ แต่พวกเขาไม่ได้แสดงตัวและปกป้องอีกฝ่ายอย่างลับๆ
การใช้คนจำนวนมากขนาดนี้เพียงเพื่อคนเดียวเรียกได้ว่าสิ้นเปลืองนัก
ในวันรับตัว คนจำนวนมากได้มามุงดูกัน
จักรพรรดินีได้แต่งตั้งขุนนางระดับสูงขึ้นมาเพื่อคอยดูแลคุณชายใหญ่เป็นการส่วนตัว
ในเวลาเดียวกัน นางก็ยังส่งสมบัติมากมายให้คุณชายนำกลับไปที่เหอเป่ยทางเหนือด้วย เพื่อแสดงความเอาใจใส่ของนาง
อาจกล่าวได้ว่าจักรพรรดินีได้ทำทุกอย่างที่ควรจะทำ ไม่มีผู้ใดสามารถมองออกได้เลยว่านางจงใจทำสิ่งใด
มันราวกับว่าคุณชายใหญ่เพียงออกมาเที่ยวที่เมืองหลวงและกำลังกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย
กระทั่งตัวคุณชายใหญ่เองก็ไม่อยากเชื่อว่าเขาได้รับการปล่อยตัวอย่างราบรื่นเช่นนี้
ทว่าหลังจากออกจากเมืองหลวงได้ไม่ถึงวัน คุณชายก็ถูกลอบสังหาร
แต่เนื่องจากมียอดฝีมือมากมาย อีกฝ่ายจึงไม่ประสบความสำเร็จและต้องหลบหนีไป
ซึ่งในกลุ่มคนของคุณชายมีมากกว่าสิบคนที่เสียชีวิต
วันรุ่งขึ้นเขาก็ถูกลอบโจมตีอีกครั้ง
ครั้งนี้ผู้โจมตีมีความดุร้ายมากยิ่งขึ้น มีผู้ฝึกวรยุทธ์หลายสิบคนและกระทั่งยอดฝีมือระดับต้นกำเนิดหนึ่งคน
ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่อาจทำได้สำเร็จและเหลือเพียงศพที่ถูกทิ้งไว้
ในวันที่สาม มีการลอบสังหารเกิดขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ผู้ลอบโจมตีทรงพลังมากยิ่งขึ้น มียอดฝีมือต้นกำเนิดสามคน
ว่ากันว่ายามนี้มีกระทั่งใบล่าค่าหัวของคุณชายใหญ่ที่มีราคาถึง 500,000 ตำลึง
จำนวนเงิน 500,000 ตำลึงเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลนัก!
มันเพียงพอที่จะสร้างทัพย่อมๆ ได้เลยด้วยซ้ำ
คนตายเพราะความมั่งคั่ง นกตายเพราะความตะกละ!
ยังมีผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายคนที่สวมหน้ากากและเข้าร่วมการล่าคุณชาย
การลอบสังหารเกิดขึ้นบ่อยครั้งและโหดร้ายมากยิ่งขึ้น!
วิธีการที่น่ารังเกียจทุกชนิดได้ถูกใช้ มีตั้งแต่การวางกับดักและการใช้พิษ
ในที่สุดความสามารถของกลุ่มคุ้มกันก็ถึงขีดจำกัด หลังจากทนการลอบสังหารเป็นระลอกๆ ท้ายที่สุดพวกเขาก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและต้องขอความช่วยเหลือจากท่านอ๋อง
เมื่อได้รับข้อความ ท่านอ๋องก็ส่งกองกำลังและนักรบที่แข็งแกร่งไปเสริมทัพทันที ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเป็นเวลานาน มีการนองเลือดและซากศพไปตลอดทาง ว่ากันว่าเมื่อคุณชายใหญ่กลับไปที่เหอเป่ยทางเหนือ เขาสูญเสียทหารชั้นยอดสองพันนายและผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งหลายร้อยคน กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ยอดฝีมือต้นำเนิดก็ไม่อาจรอดไปได้
เสียทั้งเงินทองและทรัพยากรมนุษย์ มันยิ่งทำให้ท่านอ๋องโกรธยิ่งนัก เขาจึงกักขังคุณชายใหญ่เอาไว้ เพื่อผิดชอบต่อการสูญเสียและให้ทบทวนถึงความผิดพลาดที่ก่อขึ้น
คุณชายไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนโดยไม่ได้รับอนุญาต ทว่าหลินเป่ยฟานไม่มีทางรับรู้เรื่องนี้ได้หรอก ยามนี้เขากำลังยิ้มขณะนับตั๋วเงินที่เขาได้รับจากท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือ
“ทั้งหมด 1.5 ล้านตำลึง ไม่มากไปกว่านี้และไม่น้อยไปกว่านี้ ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือเป็นแกะอ้วนตัวใหญ่อย่างแท้จริง! ข้าเพียงพูดไม่กี่คำที่ราชสำนัก กลับได้รับเงินเช่นนี้อย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น! ในอนาคต ข้าจะถอนขนเขาให้มากขึ้นกว่านี้อีก ~!”
ความคิดชั่วร้ายในใจของเขาพลันพลุ่งพล่านขึ้นมา เขาสงสัยเหลือเกินว่าจะหาโอกาสใช้ประโยชน์จากท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือได้อีกหรือไม่
ทันใดนั้น ร่างสีขาวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา หลินเป่ยฟานที่คุ้นชินกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายก็พูดด้วยใจเย็นว่า “ท่านมาแล้วหรือ!” ไป๋ฉิงเสวียนมองไปยังตั๋วเงินในมือของหลินเป่ยฟานอย่างปวดเศียรยิ่ง “เจ้านี้มันจริงๆ เลย ยังมีหน้ามาจับปลาสองมืออีก! ไม่เพียงแต่จะได้รางวัลจากองค์จักรพรรดินี แต่เจ้ายังหาเงินจากอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนืออีก! หากกล่าวถึงขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่เลื่องชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว!”
“ขอบคุณสำหรับคำชม มันคือสิ่งที่ข้าสมควรได้รับอยู่แล้ว!” หลินเป่ยฟานน้อมรับด้วยความยินดี
“ข้ามีคำถามหนึ่งที่สงสัยมาโดยตลอด!”
“เชิญถาม!”
ไป๋ฉิงเสวียนจึงกล่าวถามออกมา “ข้าได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่ได้ถูกจับตัวและเปิดเผยตัวตนของเขาเพราะถูกโยนเข้าไปในกับดักโดยผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ทราบได้ เป็นเจ้าหรือไม่?”
หลินเป่ยฟานตกใจและชี้ไปที่จมูกของเขาเอง “ท่านไป๋กวนอิม ตัวข้าเป็นขุนนางระดับสูงคนใหม่ อีกทั้งยังเป็นผู้อำนวยการสถาบันจักรพรรดิ ข้าจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” ไป๋ฉิงเสวียนจึงกล่าวสวนกลับไป “เจ้าเคยทำสิ่งที่น่ารังเกียจน้อยกว่านี้ด้วยหรือ?” หลินเป่ยฟานถึงกับพูดไม่ออก
“การยักยอก การหลอกลวงราษฎร การเรียกร้องสินบนอย่างโจ่งแจ้ง การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวผ่านอำนาจ…ข้าสามารถไล่เรียงเรื่องทีละเรื่องจนเจ้าจะมีกี่ศีรษะก็ไม่พอให้ตัดด้วยซ้ำ!” หลินเป่ยฟานเงียบไป
ไป๋ฉิงเสวียนจ้องมาที่เขา แม้ว่าจะยากที่จะมองเห็น แต่มันก็คล้ายปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาในแววตาของเขา
“หลินเป่ยฟาน นี่ข้าจำเป็นต้องพูดให้เจ้าฟังใช่ไหม?”
“ไม่ต้อง เก็บมันไว้ในใจท่านเถิด!”
“แม้ว่าข้าจะยักยอกเงิน หลอกลวงราษฎร เรียกร้องสินบนอย่างโจ่งแจ้งและแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวด้วยอำนาจ…แต่ตัวข้าเป็นคนดี!” ใบหน้าของหลินเป่ยฟานพลันกลับกลายเป็นเคร่งขรึม “แม้ว่าข้าจะอยู่ในความมืด แต่หัวใจของข้ามุ่งสู่ความสว่าง!”
“ข้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง!” ไป๋ฉิงเสวียนพยักหน้า
"เห็นไหมเล่า?" หลินเป่ยฟานยิ้ม
“แต่ถึงเจ้าจะมีจิตใจที่ดีงาม ทว่าวิธีการของเจ้าไม่ได้มีเกียรติเลยสักนิดเดียว!” ไป๋ฉิงเสวียนส่ายศีรษะ
หลินเป่ยฟานได้แต่เงียบกริบกับคำพูดของนาง
“ท่านมาที่นี่เพื่อทำให้ข้ารู้สึกหดหู่หรือไงกัน?” หลินเป่ยฟานกล่าว
ไป๋ฉิงเสวียนส่ายศีรษะตอบ "ไม่ใช่เช่นนั้น! ข้าเพียงแค่เบื่อจึงอยากคุยกับใครสักคน ดังนั้นข้าจึงได้มาที่นี่…และทำให้เจ้ารู้สึกกลุ้มใจสักหน่อย! พอเห็นเจ้าไม่มีความสุข มันก็ทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้นยิ่งนัก!”
หลินเป่ยฟานถึงกับเงียบกริบกับคำพูดของนางไปอีกครา
จากนั้นเอง ไป๋ฉิงเสวียนก็หยิบตั๋วเงินจากมือของหลินเป่ยฟาน
“ข้าคุยเสร็จแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวไปพร้อมกับเงินนี้แล้วกัน!”
เมื่อกล่าวจบ นางก็พลันหายตัวไปทันที!
หลินเป่ยฟานพลันรู้สึกสับสนยิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอดล้วนเป็นเช่นนี้กันหมดเลยหรือไง?
ในขณะเดียวกัน ณ พระราชวังหลวง
ตั๋วเงิน 1.5 ล้านตำลึงของหลินเป่ยฟานได้มาถึงมือของจักรพรรดินีแล้ว
จักรพรรดินีพึงพอใจมาก “หลินเป่ยฟานผู้นี้มีความสามารถจริงแท้! ในขณะที่ปกป้องผลประโยชน์ของราชสำนัก เขาก็ไม่เพียงแต่ยักยอกเงิน 1.5 ล้านจากอ๋องเหอเป่ยทางเหนือ แต่ยังทำให้อีกฝ่ายสูญเสียทั้งทหารและม้าไปด้วย!”
“เขาเป็นคนเก่งมากจริงๆ!” ไป๋ฉิงเสวียนก็กล่าวชื่นชม
“โชคดีที่คนที่มีความสามารถอย่างเขามีความตั้งใจ ทั้งยังสามารถยับยั้งชั่งใจในตนเองได้! มิฉะนั้นการกระทำของเขาคงจะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่บนโลกนี้ นำพาไปสู่ความทุกข์ทรมานของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง!”
จักรพรรดินีพยักหน้าเห็นด้วย “พี่สาวฉิงเสวียน ท่านพูดถูก! หากคนที่มีความสามารถเช่นนี้มีเจตนาดี พวกเขาย่อมเป็นประโยชน์ต่อโลก! ทว่าหากพวกเขามีเจตนาชั่วร้าย พวกเขาย่อมทำให้เกิดความทุกข์ทรมานและผลเสียอย่างกว้างขวาง! โชคดีที่เขาเป็นคนของข้า!”
จักรพรรดินีพอใจมาก
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิ่งที่นางภูมิใจที่สุดคือการได้พานพบกับพรสวรรค์ของหลินเป่ยฟานและทำให้เขาเป็นคนของนาง
ตั้งแต่มีเขา หลายสิ่งหลายอย่างก็ราบรื่นขึ้นมาก
กระทั่งเรื่องของอาณาจักรดาร์โรก็สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย กระทั่งในราชสำนัก เหล่าขุนนางพลเรือนและทหารก็ไม่กล้าทำการใดโดยประมาทอีก พวกเขากลัวว่าจะถูกคุกคามโดยหลินเป่ยฟานและกลัวว่าเขาจะไปทำร้ายลูกๆ ของตนเอง
สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดคือความสามารถในการต่อสู้ของเขา และฝีมือที่พัฒนารุดหน้าไปไกลได้อย่างรวดเร็ว
“ด้วยเงิน 1.5 ล้านตำลึงนี้ ข้าก็จะสามารถเพิ่มพูนอำนาจของข้าได้มากยิ่งขึ้น! อีกทั้งการที่อ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือสูญเสียเงินมหาศาล ทหารชั้นยอดและผู้ฝึกวรยุทธ์ไปจำนวนมาก พลังของเขาคงอ่อนแอลงพอสมควร!”
จักรพรรดินียิ้มออกมาอย่างมีชัย “ท่านลุง ครานี้ข้าชนะแล้ว!”
เนื่องจากจักรพรรดินีอารมณ์ดีมาก นางจึงได้ให้รางวัลหลินเป่ยฟานอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นที่ราชสำนัก
ความเอื้อเฟือดั่งเทพธิดาของนางได้ปรากฏอีกครั้ง!
หลินเป่ยฟานรู้สึกสับสน เหล่าขุนนางก็เช่นกัน!
นี่มันกี่ครั้งแล้ว?
ทำไมมันถึงเกิดขึ้นบ่อยขนาดนี้?
จักรพรรดินีบ้าไปแล้วหรือไงกัน?
“ฝ่าบาท ได้โปรดหยุดเถิด อย่าให้รางวัลข้าอีกเลย!” หลินเป่ยฟานรู้สึกหวาดกลัวมาก
“ท่าน ไม่ต้องห่วง ข้ายังให้รางวัลท่านได้อีก!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
“ไม่จำเป็นเลยฝ่าบาท! หากท่านยืนยันที่จะให้รางวัลข้า ได้โปรดให้เวลาข้าหยุดสักสองสามวันเถิด ข้าต้องการพักผ่อนมากกว่า!” หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างเหนียมอาย
"พักหรือ? ท่านหลิน สุขภาพของท่านไม่ดีหรือ?" จักรพรรดินีถามด้วยความเป็นห่วง
หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะและกล่าวทั้งที่หน้าแดง “ไม่เลยฝ่าบาท! ด้วยวันหยุดพักผ่อนสองสามวัน ข้าจะได้ไม่ต้องมาที่ราชสำนักช่วงรุ่งสางและฝ่าบาทก็จะไม่ต้องให้รางวัลข้าเพิ่มอีก!”
เมื่อได้ยินคำพูดที่พลิกตลบไปมาเช่นนี้ จิตใจของเหล่าขุนนางทุกคนที่นี่คล้ายกับได้รับความบอบช้ำอย่างรุนแรง!
หลังจากได้รับวันหยุดสามวันจากจักรพรรดินี หลินเป่ยฟานก็จากไปอย่างมีความสุข
ในสมัยโบราณความบันเทิงนั้นเป็นสิ่งที่มีน้อย ดังนั้นหลินเป่ยฟานจึงวางแผนที่จะพาครอบครัวของเขาไปยังอารามร้อยเมฆเพื่อออกท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาสั้นๆ
ว่ากันว่าทิวทัศน์ที่นั่นดีมาก มีเมฆหมอกปกคลุมราวกับเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย
เขาต้องการจะหนีห่างจากเมืองหลวง เพื่อไปเพลิดเพลินกับภาพอันงดงามเช่นนั้น