บทที่ 27: [สำรวจอิสระ] ไร้นาม
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 27: [สำรวจอิสระ] ไร้นาม
ฟึบ!
แสงสว่างได้ผุดขึ้นมา เมื่อข้าเดินผ่านประตูไปก็พบว่าตัวข้ากำลังยืนอยู่บนท่าเรือที่อยู่ใกล้กับริมทะเลสาบ เบื้องหน้าข้า พื้นที่สีฟ้าเข้มของทะเลสาบกำลังกระพริบแสงออกมา
นี่คือบ้านเกิดของพวกสัตว์ประหลาด นรกที่พวยพ่นพวกปีศาจออกมา
ทะเลสาบสีดำซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโลก
ฟึบ! ฟึบ!
สมาชิกทีมเริ่มโผล่ออกมาจากประตู ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขณะที่พวกเขากำลังสำรวจทิวทัศน์โดยรอบที่น่าอัศจรรย์
“สถานที่แห่งนี้ … มันคือ ‘ทะเลสาบ’ นั้นจริงๆ ด้วย”
จูปิเตอร์พึมพำ เสียงของนางสั่นสะท้านขณะที่นางกำลังสำรวจพื้นผิวอันกว้างใหญ่ของทะเลสาบ ข้าเหลือบมองไปทางนาง
“เจ้าเคยเห็นที่นี่มาก่อนใช่ไหมจูปิเตอร์?”
"เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ยามที่กองกำลังจักรวรรดิยังประจำการในครอสโรด พวกเขาพยายามที่จะเติมดินในทะเลสาบแห่งนี้”
เติมดินในทะเลสาบขนาดมหึมานี้งั้นหรือ? ดูเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน ผู้บัญชาการจะปัญญาอ่อนก็เป็นเรื่องปกติสินะ
“พวกเขาสั่งให้กองนักเวททั้งหมดใช้เวทย์มนตร์เพื่อถมดินเข้าไปในทะเลสาบ แต่...”
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“มันไม่เคยเต็มเลย ไม่ว่าเราจะทิ้งดินและหินไปมากแค่ไหน ทะเลสาบก็กลืนมันลงไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด”
ความกลัวได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจูปิเตอร์ขณะที่นางหวนนึกถึงอดีต
“มีข่าวลือไปทั่วในหมู่กองทหารของจักรพรรดิยามนั้น กล่าวว่ามันเหมือนจะเป็นเส้นทางลงไปสู่ห้วงอเวจี”
“…”
“หนึ่งสัปดาห์หลังปฏิบัติการ พวกสัตว์ประหลาดเริ่มพุ่งออกมาเป็นฝูง ในที่สุดทั้งกองทัพทั้งหมดก็ต้องล่าถอยไป การดำเนินการนี้ถือว่าล้มเหลว”
จูปิเตอร์ดับซิการ์ลงและจ้องมองไปที่ทะเลสาบ
“นี่คือจุดที่ใกล้ที่สุดที่ข้าเคยเห็นแล้ว”
“ก็คงเป็นเช่นนั้น”
ข้าหันกลับไปมองสมาชิกทีมทุกคน
“แต่เรากำลังจะลงลึกไปอีก”
แม้จะมีบรรยากาศอันแปลกประหลาดตลบอบอวลทั่วทะเลสาบ แต่ภูมิทัศน์โดยรอบก็ค่อนข้างน่าทึ่งพอสมควร
ทว่าเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อชมวิวทิวทัศน์ ดังนั้นเลิกประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมได้แล้ว
“ไปกันเถอะ”
ข้ากล่าวพร้อมกับเดินนำทั้งทีมไป
ตรงประตูถัดจากทะเลสาบมีท่าเรือตั้งอยู่ แต่ที่นี่ไม่มีเรือ ขณะที่ข้าเดินไปที่ขอบท่าเรือนั้นเอง
[ท่านต้องการเข้าสู่ ’อาณาจักรทะเลสาบ’ หรือไม่?]
>ใช่
>ไม่
ข้อความระบบปรากฏขึ้นจากที่ไหนก็ไม่รู้
แน่นอนว่าต้องใช่อยู่แล้ว
[※ คำเตือน – ท่านจะกลับมาไม่ได้จนกว่าจะปลดล็อก ’จุดปลอดภัย’ ถัดไป ท่านยังต้องการดำเนินการต่อหรือไม่?]
>ใช่
>ไม่
มันยังโยนคำเตือนเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง
ข้าไม่สนใจและกด 'ใช่' อีกครั้ง พวกเขาคิดว่าข้าเป็นมือใหม่ในเกมนี้หรือไงกัน?
ฟูมม…!
น้ำในทะเลสาบแยกออกเป็นวงกลม เผยให้เห็นช่องว่างอยู่ตรงกลาง
หากประตูที่เราเดินผ่านไปก่อนหน้านี้นำเราไปยังทะเลสาบ นี่ต่างหากคือประตูจริงไปยังดันเจี้ยน
“เอาล่ะ ดำดิ่งลงไปกันเถอะ!”
ข้าไม่คิดอธิบายและเป็นคนแรกที่กระโดดลงไปในทะเลสาบ
สมาชิกทีมเดินตามหลังมาทีละคนด้วยความประหลาดใจ
ฟู้มม!
เมื่อลงไปในทะเลสาบสีดำสนิทที่ไม่มีเศษเสี้ยวของแสงทะลุผ่าน ข้าก็ถูกดึงเข้าไป
***
[กำลังโหลด…]
[เคล็ดลับ – สาเหตุหลักที่เกมจบส่วนใหญ่เกิดจาก ’ความประมาท’ จงอย่ามั่นใจเกินเหตุ เตรียมพร้อมรับทุกสถานกาณณ์!
***
ความมืด
นั่นคือสิ่งแรกที่รับรู้ ความมืออันไร้อนันต์
มากมายจนมองไม่เห็นมือที่กุมอยู่ตรงหน้า ความมืดที่จับต้องได้ ราวกับว่าใครจะจับมันก็ได้ถ้าพวกเขายื่นมือออกมา มันกำลังกลืนกินสิ่งรอบข้างของเรา
กึก กึก
เสียงดังก้องอยู่ในความมืด
เหล่าแมลงกำลังกัดแทะบางอย่าง
ครืด ครืด...
เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ความมืดกำลังคืบคลานเข้ามายิ่งรู้สึกมากขึ้น
บางทีมันอาจเป็นเพียงจิตใจของข้าคิดไปเอง แต่ข้าสาบานได้ว่าข้ารู้สึกถึงลมหายใจที่กระซิบกระซาบกับต้นคอของข้า
ความหนาวสั่นได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายข้า
“องค์ชาย?!”
จากนั้นเสียงอันตื่นตระหนกของลูคัสก็ดังขึ้น
ไม่สิ มันมาจากข้างหลังงั้นเหรอ? หรือด้านข้างกัน? ทิศทางไม่ชัดเจน ประสาทสัมผัสของข้าเหมือนจะผิดแปลกไปชั่วขณะ
“องค์ชาย? ท่านอยู่ที่ไหนองค์ชาย!”
"ตรงนี้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป"
ข้ากล่าวกับลูคัสที่กำลังกังวลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ทุกคนอยู่ในความสงบ จงทำให้พื้นที่สว่างขึ้นเสีย”
ช่วงเวลาต่อมา แสงก็เริ่มปรากฏขึ้น
ฟูมม ฟูมม
สมาชิกแต่ละคนของทีมจุดแสงและถือคบเพลิงที่พวกเขาพกติดตัวไว้
ลิลลี่เรียกคาถาเปลวไฟออกมาเพื่อปัดเป่าความมืดที่ห่อหุ้มอยู่ด้วยความเร่งรีบของนาง เนางคงต้องกลัวมากแน่ๆ
ครืดด ครืดด...
เมื่อแสงไล่ความมืดกลับไป เสียงกัดแทะของแมลงก็ได้เงียบหายลง
ข้าเองก็ดึงแหล่งกำเนิดแสงจากกระเป๋าของข้าออกมาเช่นกัน
โคมไฟที่ข้านำมามีโครงที่แข็งแรงมาก ดูเหมือนว่าไอเดอร์จะเลือกเจ้าสิ่งนี้ด้วยความระมัดระวังพอสมควร
วู้บบ-
เมื่อจุดตะเกียงและยกขึ้นสูง พื้นที่โดยรอบก็กลายเป็นจุดสนใจ
“นี่มันอะไรกัน...?!”
“โอ้ พระเจ้า นี่มันอะไรเนี่ย?”
เสียงที่ตกตะลึงของสมาชิกในทีมของข้าดังก้องอยู่ในพื้นที่กว้างใหญ่ของถ้ำ ข้ากลืนก้อนน้ำลายแห่งความหวาดกลัวขณะที่สายตาของข้ามองไปโดยรอบ
เมืองศิลาที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยบรรยากาศคล้ายกับมันเพิ่งจะผ่านหายนะมา
เมืองที่ยิ่งใหญ่นี้จมอยู่ใต้ก้นทะเลสาบที่มืดมิดและเรากำลังยืนอยู่ที่ประตูทางเหนือ
ประตูเหล็กเคลือบสนิมได้ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนา
ครืด ครืดด...
บรรยากาศเป็นลางไม่ดีได้ล่องลอยมาจากในเมือง ลูคัสกลืนน้ำลายอย่างแรงมองมาที่ข้า สีหน้าของเขาตึงเครียดและรู้สึกไม่สบายใจยิ่ง
“องค์ชาย ที่ไหนในโลกมันจะ…”
“นี่คืออาณาจักรทะเลสาบที่จมอยู่ใต้น้ำ มันคือดันเจี้ยนใต้เกลียวคลื่น”
เมื่อมองไปยังประตูเมืองที่ปิดสนิท ข้าก็หัวเราะออกมาอย่างประหลาด
“มันเป็นรังของพวกสัตว์ประหลาดที่เราจะต้องกวาดล้างมัน”
เสียงหัวเราะของข้าเต็มไปด้วยความกังวล เหงื่อเย็นเหยียบได้เกิดขึ้นที่หลังคอของข้า
มันดูน่าขนลุกเล็กน้อยเมื่อมองจากในเกม แต่พอมายืนอยู่ที่นี่ในโลกความเป็นจริงแล้ว มันช่างน่าสะพรึงโดยแท้
รู้สึกราวกับว่าพลังงานที่ชั่วร้ายกำลังไหลออกมาจากในเมือง
เวทมนตร์โบราณห่อหุ้มเมืองไว้ในโดม สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมือนกันกับโลกพื้นผิวเอาไว้ เราหายใจได้และไม่มีอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของเรา
ทว่าจงอย่าลืมว่าเรากำลังอยู่ในน้ำกัน พื้นผิวที่เป็นลูกคลื่นของน้ำสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มีเพียงแสงบางเบาเท่านั้นที่ส่องลงมาจากด้าน
ลิลลี่ตะลึงงันจนถึงกับพูดติดอ่าง
“เมืองอันยิ่งใหญ่เช่นนี้จะมาซ่อนอยู่ใต้ทะเลสาบได้ยังไงกัน? แล้วทำไมเราถึงเคลื่อนไหวแบบนี้ได้…”
"เงียบ!"
ทันใดนั้น ลูคัสก็รีบหยุดลิลลี่อย่างเร่งรีบ
“มีคนกำลังเข้ามาใกล้”
สายตาของทุกคนหันไปในทิศทางที่เขาบอก
ตุ้บ ตุ้บ
ที่ไหนสักแห่งในความมืดที่ห่างไกล เสียงแผ่วเบาของเท้าได้ดังก้อง
ลูคัสปลดดาบของเขาออกมา เดเมี่ยนเตรียมหน้าไม้และจูปิเตอร์ก็รวมพลังสายฟ้าไว้ที่ถุงมือ
“กึก!”
มีเพียงลิลลี่ที่สั่นกลัว นางพยายามถอยกลับด้วยรถเข็นของนาง
เดี๋ยวก่อน นี่เจ้ากำลังคิดจะหนีไหนกัน? ข้าคว้าที่จับรถเข็นของลิลลี่เพื่อหยุดนางเอาไว้
“ทุกคนใจเย็นก่อน คนผู้นี้ไม่น่าใช่ศัตรู”
ตุ้บ ตุ้บ
ตามที่คาดไว้ ร่างที่ใกล้เข้ามาไม่ใช่สัตว์ประหลาดแต่เป็นมนุษย์
ผู้หญิงคนหนึ่งได้ดึงผ้าคลุมศีรษะที่เก่าไปตามอายุของมันขึ้นไป นางเดินเข้ามาหาเรา สายตาของนางประเมินกลุ่มของเราโดยไม่กังวลอะไร
“เจ้าเป็นผู้แสวงหาสมบัติภายในอาณาจักรทะเลสาบอย่างกล้าหาญงั้นหรือ?”
น้ำเสียงของนางชัดเจนและมีชีวิตชีวา น้ำเสียงนั้นดูอ่อนเยาว์อย่างไม่น่าเชื่อ
“ที่นี่ไม่มีอะไรให้พวกเจ้า จงถอยกลับไปสู่ผิวน้ำในขณะที่เจ้ายังหายใจอยู่”
ในห้วงอเวจีนี้ มันช่างน่าแปลกที่เราได้พบกับผู้ที่ยังมีชีวิต
ทั้งทีมชะงักไปแล้ว แต่ข้าก็ยังตั้งสติได้
นี่เป็นกิจกรรมการสอนทั่วไปที่ออกแบบมาเพื่อแนะนำผู้เล่นที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ดันเจี้ยน
’ในดันเจี้ยนแรกจะมี NPC คอยนำทางอยู่’
NPC
ในดันเจี้ยนใต้ทะเลสาบแห่งนี้ ยังมีผู้ที่ไม่ยอมจำนนและยืนหยัดอยู่
บางครั้งก็ช่วยในการสำรวจดันเจี้ยน บางครั้งก็ขัดขวาง
พวกเขาอาจเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นชั่วขณะ อาจกลายเป็นตัวละครฮีโร่ให้ได้ หรือบางทีอาจกลายเป็นปฏิปักษ์ก็ได้เช่นกัน
NPC เช่นนี้กว่าร้อยคนกำลังอาศัยอยู่ในดันเจี้ยนนี้ มีโอกาสแบบสุ่มด้วยที่จะพาทีมผู้เล่นไปยังฐานแรกของพวกเขา
’แต่หน้าตาของนางดูไม่คุ้นเคยเลย’
แม้ว่าจะเล่นเกมมาแล้ว 742 ครั้ง แต่ข้าก็ไม่เคยเจอนางมาก่อนเลย
’เกมนี้มี NPC แบบนี้ด้วยเหรอ?'
ข้ามองร่างตรงหน้าด้วยความสนใจ
นางเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก
ให้เรียกสภาพนางว่าผ้าขี้ริ้วคงจะดีเกินไปด้วยซ้ำ ตัวนางถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมที่ฉีกขาดคล้ายกับกระสอบ
ใบหน้าของนางถูกปกปิดภายใต้ผ้าคลุมหน้าที่ติดอยู่กับเสื้อคลุมของนาง เรือนผมสีขาวของนางถูกผูกปมและลากไปทั่วพื้น
เท้าของนางเปลือยเปล่า เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและคราบสกปรก ห่างไกลจากรูปลักษณ์ที่สะอาดของนางเป็นอย่างมาก
และบนหลังของนางมีดาบยาวเล่มหนึ่ง
อาวุธของนางน่าสงสัยยิ่ง เพราะมันอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชมาก
ใน ’ปกป้องอาณาจักร’ รอบที่ 742 ข้าคิดว่าข้าได้พบกับ NPC แทบทุกคนที่อาจพบในดันเจี้ยนได้แล้ว
แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ข้าเพิ่งเคยพบมา
ด้วยความไม่สบายใจ ข้าก้าวไปข้างหน้าและพูดกับผู้หญิงคนนั้น
“เรามาจากผิวน้ำ ภารกิจของเราคือการกำจัดแหล่งที่มาของสัตว์ประหลาดที่โผล่ออกมาที่นี่”
“…”
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมาที่ข้า แม้ว่าจะถูกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าและผมอันยุ่งเหยิง แต่ข้าก็รู้สึกถึงความรุนแรงของสายตาที่จ้องมองมา
“โลกพื้นผิวต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้การโจมตีของสัตว์ประหลาดที่ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ เรามาที่นี่เพื่อทำให้เรื่องนี้จบลง”
“…ฝันร้ายของอาณาจักรทะเลสาบยังคงนิทรา ไม่มีผู้ใดสามารถปลุกมันให้ตื่นขึ้นได้ ไม่เคยมี”
หญิงสาวค่อยๆ ส่ายศีรษะไปมา
“นักรบผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากและวีรบุรุษจำนวนนับไม่ถ้วนได้พยายามที่จะทำลายคำสาปของสถานที่แห่งนี้ แต่ทุกคนล้วนร่วงโรยไป เจ้าก็คงจะไม่แตกต่างกัน”
“…”
“จงอย่าเหยียบเข้าไปในความมืดของที่แห่งนี้ ถอยกลับไปบนพื้นผิวในขณะที่เจ้ายังสามารถทำได้ ก่อนที่ขุมนรกจะกลืนกินเจ้า ก่อนที่ความเสียใจจะทำให้เจ้ากลายเป็นบ้า…”
หากเราคล้อยตามคำเตือนเช่นนี้ เราคงกลับไปแล้ว
แต่แทนที่จะถอยกลับไป ข้าก้าวเข้าไปใกล้นาง
“ข้าคือเจ้าเมืองครอสโรด เมืองป้อมปราการที่ต่อต้านสัตว์ประหลาด มันเป็นหน้าที่ของข้าที่จะปกป้องเมืองของข้า ไม่สิ เหล่ามนุษยชาติจากสัตว์ประหลาดพวกนี้”
“…”
“ข้าไม่กลัวความมืด เราต้องเข้าไปในเมืองนี้และกำจัดแหล่งที่มาของพวกสัตว์ประหลาด”
ข้าชี้ไปยังทางประตูที่ถูกปิดผนึกไว้แน่น
“นั่นคือเหตุผลที่เรามาที่นี่ แต่ประตูที่ถูกล็อคอยู่ปิดกั้นทางเข้าของเราเอาไว้”
“…”
“ถ้ามีเส้นทางอื่น เจ้าช่วยชี้ทางให้เราหน่อยได้ไหม?”
หญิงสาวลอบมองข้าอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็พยักหน้าตอบกลับมา
“น่าสนใจ ไม่อาจแยกแยะได้เลยว่าคำพูดของเจ้าเกิดจากความกล้าหาญอย่างแท้จริงหรือความประมาทอันบริสุทธิ์กันแน่”
ทันใดนั้นหญิงสาวจึงหันไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
"ตามข้ามา ทางเข้าเมืองอยู่ทางนี้”
เมื่อนางเดินหายตัวไปในเงามืดอย่างมั่นใจ ข้าก็เรียกเธอ
“ข้าควรเรียกเจ้าว่าเช่นไร? เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
ข้าหวังว่าจะรวบรวมเบาะแสเกี่ยวกับตัวตนของนางหากข้ารู้ชื่อของนาง
ทว่าคำตอบของนางทำให้ข้าไม่ทันตั้งตัวสักนิดเดียว
“ข้าลืมนามของข้าไปแล้ว”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“ถ้าเจ้าต้องการ...ก็จงเรียกข้าว่าไร้นาม”