บทที่ 251: จุดเริ่มต้นของการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่!
หลังจากยิงปลาอ้วนหายากไปได้หลายตัวถังเจิ้นก็ยื่นธนูให้ชายรูปร่างบึกบึนข้าง ๆ
หมอนี่เป็นหนึ่งในผู้พเนจรที่ถังเจินเคยช่วยเหลือจากรังของพวกโจรแมลงในครั้งก่อน และตอนนี้ด้วยความสามารถของเจ้าตัวได้ทำให้ไต่เต้าขึ้นมารับตำแหน่งสำคัญในกองทัพของเมืองเชิ่งหลงได้แล้ว
ถังเจิ้นเดินเหยียบก้อนกรวดเม็ดละเอียดตรงไปยิบเนื้อย่างที่เสียบไม้ที่โม่รึ่นย่างอยู่ขึ้นมาลองชิม
“ฝีมือดีหนิ!”
ถังเจิ้นยื่นนิ้วโป้งให้โม่รึ่น
โม่รึ่นยิ้มรับพลางจิบชาและพูดกับถังเจิ้นว่า “ไม่กล้ารับหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็เพราะมีวัตถุดิบครบน่ะ”
ถังเจิ้นหยิบอีกไม้ขึ้นมาแต่ยังไม่ได้กิน เขาพูดกับโม่รึ่นก่อนว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเด็กทุกคนที่ตรงตามมาตรฐานจะเริ่มเข้ารับการฝึกสอนกับคุณ ขอบคุณที่เหนี่อยล่วงหน้านะ!”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโมรึ่นก็นั่นตัวตรง ๆ และบอกกับถังเจิ้นว่า “เป็นงานของผมอยู่แล้ว ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องมากมารยาทก็ได้ครับ!”
ถังเจิ้นส่ายหน้าแล้วมองไปที่เด็ก ๆ ที่เล่นกันอยู่ริมแม่น้ำและพูดเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มว่า “คุณโม่รึ่นมีประสบการณ์มากมายแถมยังสั่งสอนศิษย์มาแล้วก็ไม่น้อย ผมเชื่อว่าคุณต้องเข้าใจถึงความสำคัญของการฝึกฝนนักรบดีกว่าตัวผมเองซะอีก
สถานการณ์ในตอนนี้เมืองเชิ่งหลงเรามีทหารกล้าม้าแกร่งจึงได้ไร้เทียมทานในบริเวณแถบนี้ แต่... ถ้าออกจากบริเวณแถบนี้ล่ะมันจะเป็นยังไง
เมืองเชิ่งหลงไม่เหมือนเมืองเฮยเหยี่ยน เราจะไม่จมปลักอยู่กับมุมอับนี้ต่อไปแน่ ๆ และการขยายกองกำลังก็เป็นวิธีที่ต้องใช้มากที่สุด!
ผมกล้ายืนยันด้วยซ้ำว่าเมื่อโหลวเฉิงพัฒนาถึงระดับหนึ่งแม้ฝ่ายทหารที่ตอนนี้มีคนธรรมดาเป็นตัวหลักจะถูกแทนที่ด้วยนักรบทั้งหมด คนธรรมดาทั้งหลายจะค่อย ๆ หายไป!”
หลังจากพูดถึงตรงนี้ถังเจิ้นก็หันมองโม่รึ่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก “คุณอาจจะไม่เข้าใจว่าหน้าที่ของคุณสำคัญขนาดไหน
แต่ผมจะบอกให้ฟังล่วงหน้าเลยว่าอย่างเร็วหนึ่งปีอย่างช้าสามปี หรืออาจจะสั้นกว่านั้นเมืองเชิ่งหลงเราจะมีพลเมืองใหม่จำนวนมากเข้ามา
หลังจากที่ชาวเมืองพวกนั้นมาถึงจะมีมากมายที่ได้กลายเป็นลูกศิษย์คุณและเข้ารับการฝึกทักษะขั้นพื้นฐานที่นักรบพึงมี!
ดังนั้นคุณหน้าที่ของคุณสำคัญอย่างใหญ่หลวงและต้องเตรียมตัวรับมือให้ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ”
โม่รึ่นฟังอย่างตั้งใจและถามอย่างเป็นหันเองว่า “แล้วพลเมืองที่ท่านว่ามีเท่าไหร่ล่ะคร้าบ หมื่นคน? หรือมากกว่า?”
ถังเจิ้นส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและชูนิ้วชี้ขึ้นมา
สีหน้าของโม่รึ่นเปลี่ยนเป็นจริงจังก่อนจะโค้งคำนับให้ถังเจิ้นเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “ช่วยบอกจำนวนที่แน่นอนมาเถอะครับ ผมจะได้เตรียมตัวถูก!”
ถังเจิ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งและให้ตัวเลขที่กะ ๆ ไว้ “หนึ่งล้าน!”
โม่รึ่นถึงกับขนลุกซู่กับตัวเลขที่ได้ยิน ถ้าคนที่พูดประโยคนี้ออกมาไม่ใช่ถังเจิ้นล่ะก็เขาย่อมคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพูดเรื่องโง่มโนเรื่องควายให้ฟังอยู่อย่างแน่นอน!
นักรบ 1 ล้านคน มันจะมากมายบ้าบออะไรขนาดนั้น!
ยังไม่ได้พูดถึงจำนวนทรัพยากรที่จะใช้ฝึกอมรมคนเหล่านั้นเลยนะ ต้องคัดเลือกนักเรียนที่มีความสามารถระดับนักรบ 1 ล้านคนจากเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายร้อยล้านคน!
แปลว่าอัตราส่วนคร่าว ๆ คือ 1%
แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวโมรึ่นก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าที่ไหนน้อมันจะมีมนุษย์มากมายถึงหลายร้อยล้านให้เลือกสรร เท่าที่ตนเองเคยเห็นที่ที่มีมนุษย์อยู่มากที่สุดก็แค่ประมาณ 100,000 คนเท่านั้น
แม้แต่โหลวเฉิงเผ่ามนุษย์ที่สืบทอดกันมานับพัน ๆ ปีก็มีพลเมืองอยู่แค่หลัก 10 ล้านเท่านั้นเอง ส่วนจำนวนนักรบก็อยู่ที่ประมาณ 100,000!
นักรบล้านคนที่ท่านเจ้าเมืองว่านั่นมันมาจากไหนกัน?
โม่รึ่นยังคงงงงวย แต่ก็น่าเสียดายที่ถังเจิ้นไม่ได้บอกข้อมูลเพิ่มเติมบอกแค่ว่าให้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็มารวมตัวกัน บาร์บีคิวแสนอร่อยพร้อมกับเครื่องดื่มทุกชนิดถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร
ด้วยไวน์ชั้นดีและอาหารในมือ ทุกคนต่างคึกคักชนแก้วกันไม่หยุด
ถังเจิ้นถือแก้วเหล้ากับปลาย่างแสนอร่อยไว้ในมือ ลิ้มรสชาติและกลิ่นหอมของอาหารด้วยใบหน้าที่เพลิดเพลิน
ไทสันหลังจากดื่มกับเฉียนหลงแล้วก็เข้ามาหาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดูจากสภาพแล้วคงดื่มแข่งกับเฉียนหลงอีกแล้วล่ะสิ
ซึ่งผลคือเรื่องนี้เฉียนหลงไม่เคยชนะ
ทั้งสองหยิบปลาย่างเสียบไม้ขึ้นมาแล้วนั่งคู่กันบนเก้าอี้ริมน้ำ ไทสันได้บอกกับถังเจิ้นขณะที่กินไปด้วยว่า “เรียนท่านเจ้าเมือง กองทหารเราพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เราจะเริ่มออกปฏิบัติการกันเลย!”
ขณะที่พูดไทสันกลับจริงจังมากไม่มีวี่แววของความเมาเหล้าเหลืออยู่เลย
ถังเจิ้นจิบเหล้าโดยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับไทสันว่า “จำสิ่งที่ฉันพูดไว้ให้ดี เมืองเชิ่งหลงเราไม่ต้องการพลเมืองที่มีสองจิตสองใจ ตั้งไว้เป็นมาตรฐานไปเลย!”
ไทสันพยักหน้าตอบโดยในแววตาแฝงความเย็นชาอย่างสุดขีด
ด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากรของเมืองเชิ่งหลงความยากลำบากในการจัดการก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นพวกที่คิดต่างจะต้องถูกกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุด
เขื่อนยาวพันไมล์ถูกทำลายโดยรังมด เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องสำคัญถึงขั้นเป็นตายเช่นนี้จะต้องเป็นคนโหดเหี้ยมเท่านั้น ไม่มีที่ให้ประณีประนอม
หลังจากได้รับโหลวเฉิงทั้ง 4 มาแล้วถังเจิ้นจะใช้เวลาอีกซักพักในการย่อยทรัพยากร และจะอาศัยจังหวะนี้เลื่อนระดับเมืองเชิ่งหลงขึ้นเป็นเลเวล 3!
และเมื่อถึงตอนนั้นเขาก็จะสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเมืองเชิ่งหลงให้ทุกเผ่าในแดนทุรกันดารได้เป็นที่ประจักษ์!
****************
ในเช้าตรู่ของวันถัดไป รถศึกสไตล์แดนร้างนับสิบคันได้มาจอดเรียงรายกันในจัตุรัสเชิ่งหลง
ผู้รอดชีวิตจากเมืองเฮยเหยี่ยนที่เดินผ่านไปมาก็ชี้แล้วชี้อีก ส่วนพวกเชลยที่เห็นต่างก็มีสีหน้าซับซ้อนเพราะรู้ดีถึงความหมายที่รถศึกพวกนี้วิ่งออกจากถ้ำ
นี่คือเครื่องจักรสงคราม เมื่อมันปรากฏขึ้นก็หมายความว่าดาบแห่งเมืองเชิ่งหลงได้ถูกชักออกจากฝักอีกครั้ง
ไม่ต้องคิดมันก็รู้เองได้เลยว่าเมืองเชิ่งหลงจะส่งทหารออกไปรับทรัพย์สมบัติและเสบียงจากโหลวเฉิงที่พ่ายแพ้
‘หวังว่าพวกนั้นจะเมตตารับชาวเมืองโหลวเฉิงของเราไว้นะ ครอบครัวเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้าซักที!’
นักโทษหลายคนแอบสวดอ้อนวอนอยู่ในใจ เพราะยังไงก็ตามสิ่งที่คนเหล่านี้กังวลมีเพียงอย่างเดียวก็คือครอบครัวของตน
เสียงการออกคำสั่งยังคงดังต่อไปเรื่อย ๆ โดยนอกจากกองทหารเชิ่งหลงเดิมแล้วยังมีกองทัพที่สองที่จัดพึ่งจะตั้งขึ้นใหม่ก็พึ่งเสร็จสิ้นการประชุมเช่นกัน
โดยกองทัพที่สองจะทำหน้าที่เป็นกำลังเสริมคอยช่วยกำลังหลักออกปฏิบัติการร่วมกัน
เมื่อไทสันออกคำสั่งขบวนรถก็ค่อย ๆ ขับออกจากเมืองเชิ่งหลงมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของเมืองจู้กู๋ (กระดูกยักษ์) และเมืองไป่ฮวากู่ (หุบเขาผกาขาว)
ส่วนโหลวเฉิงอีก 2 แห่งนั้นต้องดูสถานการณ์ก่อนว่าเส้นทางจะโดนแม่น้ำขวางไว้หรือไม่
ถังเจิ้นมองดูขบวนรถเชิ่งหลงพุ่งออกไปผ่านผ่านมุมมองแผนที่ จากนั้นก็หันสายตาออกจากแผนที่ตรงหน้า
ปฏิบัติการของไทสันจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน ซึ่งในช่วงเวลานี้เขาสามารถติดต่อมายังเมืองเชิ่งหลงเพื่อขอรับการสนับทางอากาศจากเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธได้ตลอดเวลา
ตามความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธจะใช้เวลาไปถึงเป้าหมายไม่ถึง 1 หนึ่งชั่วโมง
ด้วยวิธีนี้ถังเจิ้นสามารถรับประกันได้ว่าจะสามารถเข้าปกครองพื้นที่ในระยะ 100 กิโลเมตรได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่เหลือที่ว่างให้พวกมอนสเตอร์หรือโจร!
นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถังเจิ้นต้องทำ ต้องจัดการเคลียร์พื้นที่ภายในระยะ 100 กิโลเมตรให้เป็นดินแดนที่สะอาดปลอดภัย
สาเหตุที่ถังเจิ้นต้องจัดการเคลียร์พื้นที่ที่กว้างใหญ่ขนาดนี้สาเหตุก็เพราะว่าเขาต้องการความปลอดภัยให้แก่กลุ่มพ่อค้าที่จะเข้ามาทำธุรกิจกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่เขากำลังจะสร้าง
ตามแผนการคือหลังจากที่อัปเกรดโหลวเฉิงขึ้นเป็นเลเวล 3 แล้วซูเปอร์มาร์เก็ตเชิ่งหลงเองก็จะเปิดทำการอย่างเป็นทางการด้วยเช่นกัน!