ตอนที่ 632 ความลับของอาวุธมายา
ตอนที่ 632 ความลับของอาวุธมายา
นอกเหนือจากพฤติกรรมไม่สนโลกของเซี่ยเฟยแล้ว ชายหนุ่มก็เคยทำความดีขึ้นมาอย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่น เมื่อไม่นานมานี้เขาก็เคยช่วยชีวิตคุณหนูมู่ฟู่ผิงจากตระกูลมู่จนทำให้เธอรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขามาจนถึงปัจจุบัน
น่าเสียดายที่เรื่องดี ๆ มักไม่ค่อยถูกบอกต่อกันมากนัก แต่ในทางกลับกันหลังจากที่เขากลายเป็นผู้ต้องสงสัยที่ฆ่าผู้นำตระกูลหยูและถูกทางสมาคมออกตามล่า ชื่อของเซี่ยเฟยก็เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งดินแดนกฎในทันที
เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดมาก เพราะชีวิตของมู่ฟู่ผิงเป็นสิ่งที่ตระกูลหยูทั้งตระกูลไม่สามารถที่จะทดแทนได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าหากพูดตามหลักการและเหตุผลแล้วการที่เซี่ยเฟยช่วยชีวิตมู่ฟู่ผิงเอาไว้ย่อมมีค่ามากกว่าข่าวที่เขาสังหารหยูเจียงอย่างแน่นอน แต่เรื่องดี ๆ แบบนี้กลับไม่ถูกพูดถึงและมันก็ยังมีข่าวลือแพร่สะพัดออกไปต่าง ๆ นานาว่าเซี่ยเฟยคือคนทรยศทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้แตะต้องหยูเจียงเลยด้วยซ้ำ
—
ณ ตระกูลสโนว์ดริฟท์ซึ่งเป็นตระกูลที่ลึกลับที่สุดในบรรดาตระกูลชั้นยอดทั้งเก้า โดยทั้งตระกูลต่างก็ล้วนแล้วแต่ประกอบไปด้วยสมาชิกที่เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ปัจจุบันหญิงสาว 2 คนกำลังกอดกันด้วยความหงุดหงิด และพวกเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเซียวรั่วหยูกับจักจั่นขาวที่ข่าวคราวของเซี่ยเฟยกำลังทำให้เซียวรั่วหยูร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“พวกเรากำลังจะได้พบกันแล้วแท้ ๆ แต่... ทำไมมันถึงมีอุปสรรคมาขวางกั้นพวกเราอีกแล้ว” เซียวรั่วหยูพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์มาแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนว่าเซี่ยเฟยคือแม่เหล็กดึงดูดปัญหา และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ออกไปสร้างปัญหาด้วยตัวเอง แต่ปัญหาก็พร้อมที่จะวิ่งใส่เขาได้ทุกเวลา
จักจั่นขาวคอยปลอบเซียวรั่วหยูอยู่อย่างเงียบ ๆ และท่าทางของเธอมันก็ดูราวกับว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“คุณหนูกำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?” เซียวรั่วหยูกล่าวถามพร้อมกับเช็ดน้ำตา
“ฉันกำลังคิดว่าผู้หญิงที่อยู่กับเซี่ยเฟยได้จะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งมาก ๆ ไม่อย่างนั้นถ้าหากพวกเธอได้รู้ว่าเขามีปัญหาซ้ำ ๆ พวกเธอเหล่านั้นก็อาจจะทนรับความเสียใจไม่ไหว” จักจั่นขาวก่อนที่เธอจะทิ้งตัวลงไปนั่งกอดเข่าบนโซฟา
“ทุกครั้งที่เรากำลังจะพบกันมันมักจะมีปัญหามาขวางกั้นพวกเราเอาไว้เสมอจริง ๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าครั้งนี้พี่เซี่ยเฟยจะรอดพ้นจากอันตรายไปได้หรือเปล่า” เซียวรั่วหยูกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากนั้นหญิงสาวทั้งสองต่างก็กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง โดยเซียวรั่วหยูกำลังคิดถึงเรื่องที่เซี่ยเฟยหายตัวไป ขณะที่จักจั่นขาวกำลังให้ความสนใจกับเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง เพราะเมื่อเธอเติบโตขึ้นเธอก็เริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวเหล่านี้ จนยากที่จะสลัดทิ้งเรื่องของเซี่ยเฟยออกจากหัวของเธอได้
—
เขตแดนของเผ่ามาร
หลังจากที่เซี่ยเฟยวางคริสตัลต้นกำเนิดลงบนลิงหยกขาวที่ประกอบเข้ากับตัวฐานแล้ว เส้นใยพลังงานอันอ่อนโยนก็ถูกดูดซับเข้าไปยังพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขา ซึ่งเส้นใยพลังงานนี้ดูดซึมได้ง่ายมากและมันก็เป็นพลังงานที่เหมาะสมสำหรับการฝึกฝนมากที่สุด
‘หลังจากลิงหยกขาวถูกประกอบอย่างสมบูรณ์ ความสามารถของมันก็เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ฉันเหมือนกับได้รับรางวัล 2 เท่าโดยการใช้ความพยายามเพียงแค่ครึ่งเดียวเลย’ เซี่ยเฟยคิดในใจอย่างมีความสุข
การพยายามควบคุมพลังงานเพื่อฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานเป็นกระบวนการที่ยากลำบากมาก ซึ่งโดยปกติผู้ฝึกจะต้องได้รับคำชี้แนะจากปรมาจารย์ พวกเขาจึงจะสามารถฝึกฝนกฎอันยากลำบากกฎนี้ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตามเมื่อพลังงานได้ไหลผ่านลิงหยกขาว มันก็สามารถที่จะแก้ไขเรื่องการควบคุมพลังงานอย่างยากลำบากไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีปรมาจารย์มาคอยชี้แนะ แต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานได้ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาฝึกกฎแห่งการกลั่นพลังงาน และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาจะต้องแอบเข้าไปในดินแดนของเผ่ามารเพื่อหาซื้อเข็มทิศมิติระดับสูงที่ไม่ได้ลงทะเบียน จากนั้นเขาก็จะเดินทางกลับไปยังพันธมิตรแล้วค่อยเริ่มทำการฝึกฝนในตอนนั้นมันก็ยังไม่สาย
เซี่ยเฟยเก็บลิงหยกขาวเข้าไปไว้ในแหวนมิติพร้อมกับมองไปยังต้นพลัมเก้าราตรีที่อยู่ตรงหน้า และเนื่องมาจากว่ายานอวกาศลำนี้เป็นยานขนาดเล็กมาก ดังนั้นหลังจากที่เขานำมันออกมาจากแหวนมิติขนาดของต้นพลัมเก้าราตรีจึงเกือบจะเต็มห้องโดยสารทั้งหมด
“นายรู้ไหมว่าทำไมคนพวกนั้นถึงพยายามจะมาแย่งชิงอาวุธมายา ไม่ว่าพวกเขาจะต้องใช้วิธีอะไรก็ตาม?” โอโร่กล่าว
“เพราะว่าพวกมันเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งมาก!?” เซี่ยเฟยตอบ
“8 โลหะแห่งพื้นพิภพ, 6 วารีแห่งบ่อเกิด, 4 ศิลาแห่งดาวใต้, 5 เปลวไฟแห่งห้วงดาราและ 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆ อาวุธมายาทั้ง 30 ชนิดแบ่งออกเป็น 5 ธาตุคือ โลหะ, น้ำ, ดิน, ไฟ, พืช โดยธาตุโลหะเป็นตัวแทนของความแหลมคม, ธาตุน้ำเป็นตัวแทนของความอดทน, ธาตุดินเป็นตัวแทนของการป้องกัน, ธาตุไฟเป็นตัวแทนของการโจมตีและธาตุพืชที่เป็นตัวแทนของความดื้อรั้น”
“ธาตุแต่ละธาตุต่างก็ล้วนแล้วแต่มีคุณลักษณะเด่นเป็นของตัวเอง และพวกมันก็มีการขัดแย้งและส่งเสริมกันเพื่อสร้างวัฏจักรของจักรวาลก่อกำเนิดและดับสูญวนเวียนกันไป”
“ว่ากันว่าอาวุธมายาถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับจักรวาล อาวุธแต่ละชิ้นจึงทรงพลังและมีคุณค่ามากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะสามารถครอบครองได้ และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงผู้ที่สามารถปราบปรามอาวุธมายาเหล่านี้ให้มาอยู่ภายใต้การครอบครองได้เลย”
“ตอนนี้นายมีหงส์ครามซึ่งเป็นวัชพืชที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาลอยู่แล้ว และไม่ว่าต้นพลัมเก้าราตรีจะทรงพลังเพียงใดแต่นายก็ไม่มีทางที่จะพิชิตมันได้ เพราะนักรบคนหนึ่งสามารถที่จะพิชิตอาวุธมายาได้เพียงแค่ชิ้นเดียวทั่วทั้งชีวิตของนักรบคนนั้นเท่านั้น” โอโร่กล่าวอธิบาย
“คุณกำลังจะบอกว่าต้นพลัมเก้าราตรีไม่มีประโยชน์อะไรกับผมใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างผิดหวัง
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีอาวุธดี ๆ อยู่ในครอบครองอย่างมากมาย แต่การมีอาวุธมายาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้นมันก็ย่อมดีกว่าการมีอาวุธมายาเพียงชิ้นเดียวไม่ใช่เหรอ และถ้าหากว่าเขามีโอกาสเขาก็อยากจะเก็บสะสมอาวุธมายาให้ครบทั้ง 30 ชิ้นอยู่เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้เองเมื่อเขาได้รู้ว่าอาวุธมายาที่เขาเสี่ยงชีวิตไปเอามันมาเป็นอาวุธที่เขาไม่สามารถใช้การได้ มันจึงทำให้บาดแผลภายในร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกที่จะเจ็บแปล๊บขึ้นมาอีกครั้ง
“หากเป็นวิธีการปกตินายย่อมไม่สามารถครอบครองอาวุธมายาทั้งสองชิ้นได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากทำตามวิธีของเผ่ามารมันก็ยังพอจะมีวิธีอยู่บ้าง” โอโร่กล่าวอย่างมีเลศนัยหลังจากที่เขาได้เห็นว่าเซี่ยเฟยเริ่มสนใจเรื่องนี้แล้ว
“วิธีของเผ่ามาร?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสับสน แต่ท้ายที่สุดมันก็ต้องอย่าลืมว่าเผ่าเทพและเผ่ามารคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล วิธีของเผ่ามารย่อมจะต้องเป็นวิธีที่น่าอัศจรรย์มากแน่นอน
“ตามตำนานในเผ่ามาร อาวุธมายาเหล่านี้คือตัวแทนของธาตุทั้งห้าที่ครั้งหนึ่งพวกมันเคยเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปพวกมันก็แตกแยกออกเป็นอาวุธมายาทั้ง 30 ชิ้น”
“หงส์ครามที่นายมีอยู่ในตอนนี้สามารถนำมาใช้เป็นฐานเพื่อหลอมรวมกับใบไม้แห่งขุนเขา, ต้นสนไร้วันสลาย, ดอกบัวห้วงสมุทร, เบญจมาศดาวกระจาย, ต้นพลัมเก้าราตรีและไม้จันทร์กระซิบได้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่นายสามารถรวบรวมอาวุธธาตุไม้ทั้งเจ็ดชนิดได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อนั้นนายก็จะได้รับอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด 1 ใน 5 ของจักรวาล”
เซี่ยเฟยถูกดึงดูดด้วยคำพูดของโอโร่โดยสมบูรณ์ เพราะในปัจจุบันหงส์ครามเพิ่งจะงอกใบหญ้าขึ้นมาเพียงแค่ 2 ใบเท่านั้น เขาจึงไม่รู้จริง ๆ ว่าถ้ามันงอกใบหญ้าขึ้นมาได้ครบทั้ง 13 ใบ และได้หลอมรวมกันกับอาวุธมายาธาตุพืชอีกหกชนิดที่เหลือมันจะกลายเป็นอาวุธที่น่าอัศจรรย์มากขนาดไหน
“ในบรรดาอาวุธทั้งห้าธาตุ อาวุธธาตุพืชถือได้ว่าหลอมรวมยากที่สุดเป็นอันดับ 2 เนื่องมาจากอาวุธธาตุพืชถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิดที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาล และอาวุธบางชิ้นก็ถูกเก็บไว้ในตระกูลขนาดใหญ่ ดังนั้นถ้าหากว่านายต้องการที่จะหลอมรวมอาวุธธาตุพืชให้สมบูรณ์ นายก็จะต้องเผชิญกับความยากลำบากที่ยากจะจินตนาการได้”
“นอกจากนี้การหลอมรวมอาวุธมายายังเป็นกระบวนการที่ยุ่งยากมาก เพราะมันจำเป็นจะต้องใช้อาวุธชิ้นหนึ่งเพื่อกลืนกินอาวุธอีกชิ้นหนึ่งเข้าไป และการหลอมรวมหนึ่งครั้งมันก็หมายถึงการเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน”
คำอธิบายเหล่านี้ทำให้ทั้งเซี่ยเฟยและอันธต่างก็รู้สึกตกตะลึง เพราะมันไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าอาวุธมายาอันทรงพลังจะสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้
“มันมีใครเคยหลอมรวมอาวุธพวกนี้สำเร็จหรือเปล่าครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างระมัดระวัง
“มีสิ ครั้งหนึ่งจอมมารผู้ทรงพลังจากเผ่ามารสามารถที่จะรวบรวมศิลาแห่งดาวใต้ทั้งสี่ก้อนเข้าด้วยกันสำเร็จ จนทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วทั้งจักรวาล”
“น่าเสียดายที่หลังจากจอมมารคนนั้นสิ้นชีวิตลง อาวุธมายาก็ได้แตกแยกออกจากกันอีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดอาวุธมายาจะจดจำเพียงแค่เจ้าของของมัน และเมื่อเจ้าของของพวกมันตายพวกมันก็จะหวนคืนกลับสู่จักรวาลเพื่อรอคอยบุคคลที่พวกมันยอมรับมาค้นพบพวกมันอีกครั้งหนึ่ง”
“นี่คุณพูดเรื่องจริงเหรอ?!” เซี่ยเฟยถามด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“จริงสิ เพราะจอมมารที่ฉันพูดถึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูลไลอ้อนฮาร์ทของฉันเอง”
“น่าเสียดายที่ถึงแม้บรรพบุรุษของเราจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตระกูลของเราอย่างยิ่งใหญ่ แต่คนรุ่นหลังในตระกูลกลับไม่สามารถสร้างความรุ่งโรจน์ดั่งในอดีตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งได้” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
คำยืนยันจากโอโร่ทำให้เซี่ยเฟยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เพราะถ้าหากนักรบคนใดสามารถใช้อาวุธมายา 2 ชิ้นในเวลาเดียวกันได้ มันย่อมสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างน่าทึ่งมากแน่นอน และถ้าหากว่าเขาสามารถรวบรวมอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชนิดเข้าด้วยกันได้สำเร็จ มันก็จะกลายเป็นสุดยอดอาวุธเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นในจักรวาล ซึ่งแน่นอนว่าผู้ซึ่งหลงใหลการผจญภัยอย่างเซี่ยเฟยย่อมรู้สึกสนใจเรื่องนี้มากกว่าคนอื่นหลายสิบเท่า
“ผมจะหลอมรวมหงส์ครามเข้ากับต้นพลัมเก้าราตรีได้ยังไง? ผมอยากจะลองดู” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
—
ในที่สุดยานรบลำเล็กของเซี่ยเฟยก็ลงจอดยังพื้นที่ปลอดภัยบนดวงดาวอันรกร้าง ก่อนที่ชายหนุ่มจะสวมเสื้อคลุมสีดำที่ปกปิดตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินลงมาจากยานอวกาศ
“คุณแน่ใจนะว่ามันจะไม่มีปัญหา?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างกังวล เพราะท้ายที่สุดที่นี่ก็คือดินแดนของเผ่ามาร ขณะที่มนุษย์แบบเขาคือเผ่าพันธุ์ที่อยู่ทางฝั่งเทพ ชายหนุ่มจึงรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเมื่อต้องแอบเข้าไปในเผ่ามารเพียงลำพัง
“ไม่ต้องห่วง ตราบใดก็ตามที่นายไม่เดินทางลึกเข้าไปในเขตแดนของเผ่ามาร มันยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับนายอย่างแน่นอน”
“นอกจากนี้นายไม่ใช่มนุษย์คนเดียวที่อยู่ที่นี่ เพราะผู้คนเป็นจำนวนมากที่หลบหนีออกมาจากเผ่าเทพก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นตราบใดก็ตามที่นายทำตามที่ฉันบอก มันย่อมไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับนาย” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย เพราะในที่สุดเขาก็ได้กลับมายังดินแดนของเผ่ามารหลังจากที่ไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานหลายแสนปี
“มันมีมนุษย์อาศัยอยู่ในเผ่ามารด้วยงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“มันมีคนเป็นจำนวนมากที่พยายามหลบหนีมายังเผ่ามารเพื่อเอาชีวิตรอด เพราะท้ายที่สุดถึงแม้ว่าเผ่าเทพกับเผ่ามารจะขัดแย้งกัน แต่มันก็ไม่ได้จะเกิดการต่อสู้ระหว่างกันขึ้นมาง่าย ๆ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้วการอยู่ที่นี่จึงปลอดภัยกว่าการอยู่ในเผ่าเทพต่อไปเสียอีก”
“พื้นที่บริเวณนี้คือพรมแดนระหว่างเผ่าเทพกับเผ่ามารที่ผู้อยู่อาศัยไม่ค่อยจะสนใจเรื่องเผ่าพันธุ์มาเป็นเวลานานแล้ว ตราบใดก็ตามที่นายไม่ทำอะไรโดดเด่นมากจนเกินไป มันก็ไม่มีใครมาสนใจตัวตนของนายหรอก เพราะสำหรับทุกคนที่อยู่ที่นี่การพยายามเอาชีวิตรอดสำคัญมากกว่าสถานะพวกนั้นมาก”
“หากนายยังไม่สบายใจฉันจะบอกนายให้ก็ได้ว่าตลาดมืดที่นี่ถูกจัดการโดยตระกูลไลอ้อนฮาร์ทของฉันเอง ครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นผู้ปกครองกาแล็กซีแห่งนี้ฉันเลยรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี แม้แต่กฎเกณฑ์บนดาวมันก็เป็นฉันนี่แหละที่เป็นผู้บัญญัติกฎเกณฑ์พวกนั้นขึ้นมา” โอโร่กล่าวอย่างภูมิใจ
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็พยักหน้ารับ เพราะถ้าหากว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของโอโร่ มันก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้โอโร่ยังถูกขังอยู่ในโลงศพที่เต็มไปด้วยกฎแห่งแสงเพื่อรอคอยให้เซี่ยเฟยสังหารเขาในวันหนึ่ง ดังนั้นการพยายามหลอกลวงเซี่ยเฟยย่อมไม่ใช่ผลดีต่อตัวโอโร่เองด้วยเช่นกัน
บนดาวเคราะห์อันแห้งแล้งแห่งนี้มีพืชพรรณที่ไม่รู้จักเติบโตขึ้นบนพื้นดินอย่างมากมาย และถึงแม้ว่าโอโร่จะเคยเป็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเขาไม่ได้กลับมายังบ้านเกิดเป็นเวลาหลายแสนปี เขาจึงมองไปยังดินแดนแห่งนี้ด้วยความคิดถึง
ทันใดนั่นเองมันก็มีเสียงร้องไห้และเสียงดังโวยวายขึ้นมาจากด้านหน้า เซี่ยเฟยจึงรีบเดินเข้าไปดูความวุ่นวายอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะได้พบกับนักรบผิวสีเขียวหน้าตาแปลก ๆ ที่กำลังล้อมคนคนหนึ่งเอาไว้
ผู้ที่กำลังโดนล้อมมีผมสีทองและมีหัวเหมือนกับสิงโต ซึ่งมันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคนคนนี้คือคนจากตระกูลไลอ้อนฮาร์ท
***************
นี่ไงมีลูกหลานโอโร่มาต้อนรับรอเลย 5555