ตอนที่ 631 ฐานของวานรหยกขาว
ตอนที่ 631 ฐานของวานรหยกขาว
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าเวลาได้ผ่านพ้นไปนานแค่ไหน ก่อนที่เขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องโดยสารของตัวยานด้วยความอ่อนเพลีย
“นายท่าน! ในที่สุดนายท่านก็ตื่นสักที นายท่านรู้ไหมว่านายท่านนอนหลับไป 3 วัน 3 คืน กระป๋องกังวลแทบตายแหนะ” กระป๋องกล่าวขึ้นมาอย่างดีใจเมื่อเซี่ยเฟยได้ลืมตาตื่นขึ้นมาเสียที
กระป๋องพยายามช่วยให้เซี่ยเฟยลุกขึ้นนั่งด้วยกำลังทั้งหมด เพื่อหวังว่าชายหนุ่มจะพักผ่อนอย่างสบายมากยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่ยานลำนี้มีพื้นที่เล็กเกินไปและโลหะภายในยานก็แข็งมากจนทำให้ไม่มีพื้นที่สบาย ๆ ให้ชายหนุ่มพักผ่อนเลย
“คราวนี้นายโชคดีมากที่แค่กระดูกซี่โครงหัก 7 ซี่, กระดูกหน้าแข้งข้างซ้ายหัก, กระดูกแขนขวาหักกับได้รับบาดเจ็บภายในอีกนิดหน่อย ฉันได้คิดสูตรน้ำยาเตรียมเอาไว้แล้ว แต่อย่างน้อยนายก็ควรจะต้องใช้เวลาพักฟื้นไม่น้อยกว่าครึ่งเดือน” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในเวลาเดียวกันขนอุยก็เข้ามาเลียคอเซี่ยเฟยอย่างออดอ้อน และเนื่องมาจากว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย กระป๋องผู้ตื่นตระหนกจึงพันร่างของขนอุยเอาไว้ด้วยผ้าพันแผล จนทำให้ทั่วทั้งร่างของเจ้าตัวน้อยเหลือช่องว่างเพียงแค่ดวงตากับปากเล็ก ๆ ของมันเท่านั้น
“ขนอุยไม่ได้เป็นอะไรหรอกมันแค่ขาดพลังงานเล็กน้อย หลังจากที่มันได้ดูดซับพลังงานเข้าไปร่างกายของมันก็ฟื้นฟูกลับมาเอง” อันธกล่าว
เมื่อมองเห็นคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 อันว่างเปล่าบนพื้นจำนวนหลายร้อยก้อน เซี่ยเฟยก็ทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมาด้วยความเจ็บปวด
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบคริสตัลต้นกำเนิดออกมาเพื่อฟื้นฟูพลังงานพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อพบกับกาแล็กซีอันมืดมิด
“ที่นี่คือที่ไหนงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
กระป๋องชะงักค้างไปอย่างฉับพลันก่อนที่มันจะรีบเอามือมาแตะหัวเซี่ยเฟยด้วยความกังวล
“นายท่าน! สมองของนายท่านกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่า? นายท่านเป็นคนตั้งพิกัดให้ยานเดินทางมาที่นี่เอง แต่นายท่านไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนงั้นเหรอ?”
เซี่ยเฟยจำไม่ได้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะสลบไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือสมองของเขาไม่ได้ผิดปกติอะไรแน่ ๆ
“ที่นี่คืออาณาเขตของเผ่ามาร” เสียงของโอโร่ดังขึ้นมาจากแหวนมิติอย่างกะทันหัน
“อาณาเขตของเผ่ามาร!”
“นี่นายจำไม่ได้จริง ๆ หรือยังไงว่าหลังจากที่นายขึ้นมาบนยานรบแล้วนายพยายามที่จะเดินทางกลับไปยังพันธมิตร แต่การเดินทางจากดินแดนกฎไปยังพันธมิตรจำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางนานหลายปี แม้ว่านายจะใช้ยานรบของเผ่ามารที่เร็วที่สุดก็ตาม”
“ฉันจึงบอกตำแหน่งพิกัดกับนายเพื่อให้นายเดินทางไปยังชายแดนของเผ่ามาร เพื่อลองดูว่านายพอจะหาเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียนแถวนี้ได้หรือเปล่า” โอโร่กล่าว
“ฉันพอจะจำได้คร่าว ๆ บ้างละ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็รีบดึงระบบเรดาร์แบล็คแบทออกมา และเมื่อเขาได้เห็นว่าข้อความของเขาถูกส่งออกไปแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาพยายามติดต่อไปยังแอวริลเขาก็ไม่สามารถที่จะติดต่อได้ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะพื้นที่ในบริเวณนี้อยู่ห่างไกลมากเกินไป หรืออาจจะมีคลื่นสัญญาณรบกวนอย่างรุนแรงในระหว่างทาง
“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด สาเหตุที่นายรีบออกมาจากตระกูลหยูขนาดนั้นมันคงเป็นเพราะว่านายไม่เชื่อใจคนในตระกูลหยู และนายก็ต้องการที่จะส่งสัญญาณนี้ออกไปใช่ไหม?” โอโร่ถาม
เซี่ยเฟยพยักหน้าเป็นคำตอบ
“สัญญาณนั้นส่งไปถึงใครคน? คนนั้นสำคัญกับนายมากหรือเปล่า?”
“อืม สำคัญมาก” เซี่ยเฟยกล่าว
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ถอดชุดเกราะชาร์ปเลสออก และเนื่องมาจากความกังวลกระป๋องจึงนำผ้าพันแผลมาพันร่างของเขาอย่างแน่นหนาจนทำให้ร่างของเขาดูไม่ต่างไปจากมัมมี่
กระป๋องเป็นหุ่นยนต์บริการที่น่ายกย่องในหลาย ๆ เรื่อง แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีความรู้ทางการแพทย์มากนัก และการพันผ้าพันแผลก็เป็นสิ่งที่มันเรียนรู้มาจากคำบอกเล่าของโอโร่ สภาพของเซี่ยเฟยและขนอุยจึงดูไม่ต่างไปจากมัมมี่แบบนี้
ช่วงเวลาที่กระป๋องอยู่ในแหวนมิติมันก็เริ่มพูดคุยกับโอโร่จนพวกเขามีความสนิทสนมคุ้นเคยกันดีแล้ว น่าเสียดายที่เซี่ยเฟยสัมผัสถึงอันธได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถ้าหากกระป๋องสามารถเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์จากอันธได้ วิธีการรักษาของมันก็คงจะดีกว่าในตอนนี้มาก
เซี่ยเฟยใช้เวลาในการเตรียมน้ำยาตามสูตรของอันธเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เขาจะกระดกน้ำยาทั้งหมดเข้าไปเพื่อพยายามฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในของตัวเอง
โชคดีที่การบุกทำลายฐานทัพของอันธพาลในครั้งที่แล้วทำให้เขามีสมุนไพรเก็บอยู่ในแหวนมิติเป็นจำนวนมาก การพยายามปรุงยาพื้นฐานเพียงเท่านี้จึงยังไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา
ตอนแรกทักษะทางการแพทย์ของอันธก็จัดอยู่ในระดับที่สูงมากของพันธมิตรอยู่แล้ว และหลังจากที่เขาได้อัปเดตข้อมูลจากฐานข้อมูลของโซฟี ทักษะทางการแพทย์ของอันธก็สูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าอัศจรรย์
“โชคดีที่นายมียานของเผ่ามารลำนี้ ไม่อย่างงั้นอุปกรณ์ติดตามบนเข็มทิศมิติกับชุดเกราะชาร์ปเลสคงจะทำให้คนพวกนั้นหาตัวนายเจอตั้งนานแล้ว ท้ายที่สุดเผ่าเทพกับเผ่ามารก็ขัดแย้งกันมานานระบบหลาย ๆ อย่างจึงมีความขัดแย้งซึ่งกันและกัน”
“ดังนั้นตราบใดก็ตามที่นายยังคงอยู่ในยาน นายก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่านายจะถูกพบตัว แต่ระวังตัวด้วยว่าทันทีที่นายออกไปจากยานลำนี้ห้ามใช้ชุดเกราะชาร์ปเลสหรือเข็มทิศมิติเป็นอันขาด” โอโร่กล่าวเตือน
“ว่าแต่นายมีแผนจะทำยังไงต่อไป?”
“ผมจะหาเข็มทิศมิติที่ไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อเดินทางกลับไปยังพันธมิตร” เซี่ยเฟยตอบ
“นายจะไม่กลับมาที่ดินแดนกฎอีกแล้วงั้นเหรอ?”
“เมื่อถึงเวลาผมย่อมจะต้องเดินทางกลับมาที่นี่แน่นอน ถึงยังไงหยูฮัวมันก็ยังไม่ตาย สักวันหนึ่งผมจะต้องกลับมาจัดการมันด้วยมือของตัวเองให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย
นี่คืออุดมการณ์ที่เซี่ยเฟยยึดมั่นมาโดยตลอดว่าใครก็ตามที่กล้าเป็นศัตรูของเขาจะต้องถูกกำจัดในทันทีที่เขามีโอกาส
“เรื่องจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก อย่าลืมนะว่านายรีบหลบหนีมาหลังจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับตระกูลหยู ไม่ว่าจะมองยังไงมันจะต้องมีคนเชื่อมโยงตัวนายเข้ากับเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างแน่นอน ดีไม่ดีตอนนี้นายอาจจะถูกตามล่าตัวแล้วด้วยซ้ำ” โอโร่กล่าว
“ถ้าผมไม่หนีมาผมก็คงจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเหมือนกัน เห็นได้ชัดเลยว่าแผนการในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการร่วมมือระหว่างหยูฮัว, หยูจินและหยูเผิงซึ่งเป็นสมาชิกหลัก 3 คนของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังของพวกเขายังเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งถึงขนาดที่มีจักรพรรดิกฎเข้าร่วมปฎิบัติการในครั้งที่ผ่านมาด้วย”
“คนพวกนี้คงจะไม่ลงมือถ้าหากว่าไม่ได้เตรียมทางออกของเหตุการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ้าหากว่าผมยังคงอยู่ที่นั่นต่อไปและเปิดเผยเรื่องทุกอย่าง คุณคิดว่าพวกเขาจะเชื่อนักรบตัวเล็ก ๆ อย่างผมหรือจะเชื่อคนจากตระกูลชั้นยอดล่ะ?” เซี่ยเฟยพยายามวิเคราะห์สถานการณ์
หลังจากรับฟังเหตุผลโอโร่ก็นิ่งเงียบไปโดยไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัวคนเดียวและถ้าหากว่าเขายังคงอยู่ในตระกูลหยู เขาก็เหมือนกับจะต้องตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นเบื้องหลังของพวกหยูฮัวยังทรงพลังมาก เพราะมันเป็นถึงคนจากเก้าตระกูลชั้นยอด
“นอกจากนี้ผมยังไม่รู้ว่าเบื้องหลังของหยูฮัวมีใครอยู่บ้าง เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับตระกูลเรคแดนซ์ดูเป็นเพียงความสัมพันธ์ผิวเผินเท่านั้น แต่มันอาจจะมีใครที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อยู่อีกก็ได้ ผมเลยคิดที่จะหาโอกาสสืบสวนเรื่องทุกอย่างอย่างลับ ๆ และอย่างน้อยการที่ผมหนีออกมามันก็ทำให้โชคชะตาทุกอย่างอยู่ในมือของผมเอง”
โอโร่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเซี่ยเฟยและเขาก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มคนนี้สามารถที่จะคิดวิเคราะห์สถานการณ์ทุกอย่างได้อย่างรวดเร็วจริง ๆ
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นายจะสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ทุกอย่างได้อย่างรอบคอบในระหว่างที่ชีวิตของนายกำลังเผชิญหน้ากับอันตราย นอกจากนี้ก่อนหลบหนีมานายยังขโมยอาวุธดาร์คเมทัลมาจากหยูฮัว 2 ชิ้นและยังได้ต้นพลัมเก้าราตรีของตระกูลหยูมาด้วย ดังนั้นอย่างน้อยฉันก็คิดว่าเหตุการณ์นี้นายไม่ใช่ฝ่ายที่ขาดทุน”
“ดาร์คเมทัลมีราคาแพงมากและเพียงแค่การแลกเปลี่ยนอาวุธชิ้นหนึ่งในสองชิ้นนั้นก็มากพอที่จะ ทำให้นายซื้อเข็มทิศมิติระดับสูงได้ ขณะเดียวกันเข็มทิศมิติของเผ่ามารแตกต่างจากเข็มทิศมิติของเผ่าเทพโดยสิ้นเชิง แล้วตราบใดก็ตามที่นายระมัดระวังตัวมากเพียงพอ มันก็จะไม่มีใครสามารถตรวจหาร่องรอยของนายได้ และการกลับไปล้างแค้นหยูฮัวในภายหลังมันก็ยังไม่ใช่เรื่องที่สายเกินไป”
เมื่อโอโร่พูดถึงอาวุธดาร์คเมทัล เซี่ยเฟยก็หยิบอาวุธทั้งสองชิ้นที่เขาขโมยมาจากหยูฮัวขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
นอกจากนี้มันยังมีของที่อยู่ภายในกล่องของตาเฒ่าวูดที่เซี่ยเฟยยังไม่ทันได้เปิดออกดู เพราะเขาได้เข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายของตระกูลหยูเข้าเสียก่อน เขาจึงยังไม่ทันได้มีโอกาสพิจารณาของที่อยู่ภายในกล่องด้วยซ้ำ
ส่วนของชิ้นสุดท้ายคือต้นพลัมเก้าราตรีที่ถูกปิดผนึกเอาไว้ภายในภาชนะเพาะเลี้ยงโปร่งใส โดยมันเป็นต้นไม้สีขาวใสราวกับคริสตัลที่มีดอกสีดำและมีผลพลัม 9 ลูกที่ดูแปลกตา
ต้นไม้ต้นนี้มีความสูงมากกว่า 2 เมตรและความรู้สึกที่มันแผ่ออกมาก็เป็นทั้งความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่และสง่างามมาก
ต้นพลัมเก้าราตรีถือว่าเป็นอาวุธมายาที่แตกต่างจากหงส์ครามโดยสิ้นเชิง เพราะหงส์ครามให้ความรู้สึกที่ติดดินและไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ต้นพลัมเก้าราตรีกลับมีรัศมีที่โอ่อ่าราวกับพยายามจะบอกว่ามันคืออาวุธมายาในตำนาน
ต้นพลัมเก้าราตรีคืออาวุธมายาที่มีส่วนผสมระหว่างธาตุพืชและธาตุมืด มันคืออาวุธมายาที่มีพิษร้ายแรงมากที่สุดภายในอาวุธมายาธาตุพืชทั้งเจ็ดชิ้นแห่งทะเลเมฆ โชคดีที่ภาชนะชุดนี้กักเก็บพิษของมันเอาไว้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าแก๊สพิษของมันรั่วไหลออกมามันคงจะก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่
“หากคำจำกัดความของหงส์ครามคืออาวุธที่ทรหดที่สุด คำจำกัดความของต้นพลัมเก้าราตรีก็คงจะเป็นอาวุธที่ทรมานศัตรูมากที่สุดล่ะมั้ง” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับจ้องมองไปยังต้นไม้คริสตัลตรงหน้าอย่างพิจารณา แต่น่าเสียดายที่ผลพลัมสีดำบนต้นมีพิษร้ายแรง ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะใช้งานมัน เขาก็คงจะต้องพบเจอกับปัญหามากมายด้วยเช่นกัน
เมื่อเซี่ยเฟยเปิดกล่องของขวัญที่ตาเฒ่าวูดได้มอบให้ เขาก็ได้พบกับฐานหยกสีขาวที่อยู่ด้านใน ซึ่งมันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีช่องอยู่ด้านบนคล้ายกับว่ามันมีเอาไว้สำหรับติดตั้งของบางอย่าง
“ทำไมมันถึงเป็นหยก! เขาขี้งกมากเกินไปหรือเปล่า? นี่คือของรางวัลจากปริศนาที่ไม่มีใครสามารถไขปัญหาได้เลยนะ…”
“เดี๋ยวก่อน!!”
ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังบ่นและใส่ฐานหยกที่ไร้ประโยชน์เก็บเข้าไปในแหวนมิติอยู่นั่นเอง จู่ ๆ โอโร่ก็ส่งเสียงตะโกนดังออกมา
“มันไม่ใช่หยกธรรมดา! ถ้าฉันจำไม่ผิดนายมีลิงหยกขาวที่ทำขึ้นมาจากหยกขาวชนิดเดียวกันกับของรางวัลในครั้งนี้”
เมื่อได้ยินคำเตือนจากโอโร่ เซี่ยเฟยก็ชะงักค้างไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหยิบลิงหยกขาวออกมาจากแหวนมิติ และเขาก็ได้พบว่าหยกที่แกะสลักทั้งลิงหยกขาวและหยกรูปสี่เหลี่ยมนี้ให้ความรู้สึกที่เหมือนกันจริง ๆ
“หรือว่า…” เซี่ยเฟยพยายามนำหยกทั้งสองชนิดเข้าไปเชื่อมต่อกัน
กิ๊ก!
“พวกมัน... คือของชิ้นเดียวกันงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อลิงหยกขาวสามารถนำไปวางเอาไว้บนฐานได้พอดิบพอดี
ลิงหยกขาวสามารถกลั่นพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้นกว่าเดิม และถ้าหากว่ามันถูกติดตั้งฐานเข้าไป ชายหนุ่มก็สันนิษฐานว่าพลังงานที่ถูกกลั่นออกมานั้นย่อมจะต้องมีคุณภาพมากกว่าเดิมไม่น้อยไปกว่า 2 เท่าแน่ ๆ
“ฉันเข้าใจแล้ว ของชิ้นนี้น่าจะคล้ายกับมังกรดินลุ่มหลงในเผ่ามารของเรา ที่มันจะมีการแบ่งวัตถุดิบชำระล้างเป็น 2 ชิ้นเพื่อเสริมผลของการชำระพลังงานซึ่งกันและกัน สิ่งที่ตาเฒ่าวูดให้นายมาคือฐานของลิงหยกตัวนั้น เมื่อนายประกอบมันเข้าด้วยกันนายก็จะได้รับอุปกรณ์กลั่นพลังงานที่สมบูรณ์” โอโร่กล่าวอย่างตื่นเต้น
ชายหนุ่มทดลองนำคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 ไปวางไว้บนตักของลิงหยกขาวอย่างสงสัย และทันใดนั้นกระแสพลังงานบริสุทธิ์ราวกับเส้นไหมก็ได้ไหลเข้าสู่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟย
***************
ได้ของดีมากอีกแล้ว!!