ตอนที่ 23 เย่เฉาจง
กระดิ่งลมสองชิ้นแขวนไว้ที่ชายคาบ้าน กระดิ่งนี้เหมือนกับกันกระดิ่งที่ห้อยรถม้าหญิงสาวคนนั้น
“นางเป็นใครกันแน่? เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ใยนางถึงได้ช่วยข้าเช่นนี้?”
เสี่ยวเฉินสับสน
“อย่างเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะศิษย์น้อง พรุ่งนี้ไปเข้าพิธีรับศิษย์ด้วยล่ะ”
ศิษย์ชุดเขียวกล่าว
เสี่ยวเฉินยิ้มและพยักหน้า
“ได้ ลาก่อนศิษย์พี่ชุดเขียว”
เขากระแอม
“ข้าไม่ได้ชื่อชุดเขียว ข้าชื่อฉิงฉี”
จากนั้นเขาจึงบินไปยังยอดเขาสูงด้วยแสงกระบี่
“หาว…”
เสี่ยวเฉินหาวและเหยียดตัว เขาจากบ้านมานานแล้ว และในที่สุดเขาก็จะได้ลงหลักปักฐานเสียที หลิวรั่วพูด
“ข้าจะไปต้มน้ำให้นะนายน้อย”
“ดีทีเดียว”
เสี่ยวเฉินพยักหน้าและกำลังจะเข้าบ้าน เขาได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากข้างนอก
“ไม่มีใครอยู่ที่นี่อยู่แล้ว อย่าทำให้เสียของล่ะ พวกเราสามพี่น้องมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าใครอยู่ที่นี่ ถ้ามีคนถามเราก็แค่บอกว่าพวกผู้เฒ่าจัดการให้”
“ดีเลยนี่นา องค์ชายอย่างข้าไปอยู่ในโรงไม้ไม่ได้หรอก”
เสี่ยวเฉินกระแอม
“ใครบอกว่าไม่มีคนอยู่ที่นี่?”
“นั่นมัน…เสียงศิษย์พี่เสี่ยวไม่ใช่รึ?”
สามองค์ชายรีบวิ่งมาหาเสี่ยวเฉินด้วยความดีใจ
“ศิษย์พี่เสี่ยว ศิษย์พี่จริง ๆ ด้วย! ทำไมถึงกลับมาล่ะ?”
เสี่ยวเฉินส่ายหน้าและยิ้มแหย
“ข้าคิดว่าข้าคงผูกพันอยู่กับพวกเจ้าสามคน พวกเราเป็นศิษย์ร่วมนิกายกันแล้ว”
“ยอดเยี่ยม ถ้ามีศิษย์พี่ เราจะรังแกใครก็ได้!”
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเจ้าสามคนกลับไปได้แล้ว ค่อยไปร่วมพิธีรับศิษย์กับข้าพรุ่งนี้”
สามองค์ชายเดินจากไปพร้อมกับเสี่ยวเฉินที่ส่ายหน้ายิ้ม หนึ่งในข้อดีของการอยู่ที่ประตูนอกนั้นคือเขาจะไม่ถูกชางก่วนหยานหลอกหลอน เขารู้สึกถึงสายลมรุนแรงที่ชั่วร้ายพัดมาที่ด้านหลัง เขารีบหันไปและโชคดีที่มันเป็นเพียงแค่ลม มิใช่ชางก่วนหยาน
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ถึงค่ำคืนและดวงดาราเปล่งแสง เสี่ยวเฉินนอนบนฟูก ชายหนุ่มผมสีเงินปรากฏในห้องของเขา
“รัตติกาล เจ้าออกมาเมื่อไหร่?”
เขาลุกขึ้นถาม
รัตติกาลเหลือบมองเขาและเดินไปที่หน้าต่าง เขามองดวงดาวที่เรียงราย รัตติกาลพูด
“ที่นี่มีพลังปราณหนาแน่น ดีกับการบ่มเพาะพลัง แต่เจ้าหนู อย่าได้ลืมเป้าหมายของเจ้า”
“ข้ารู้”
เสี่ยวเฉินพยักหน้า เขาแบกปริศนาหลายพันปีไว้บนบ่า เขาต้องไปให้ถึงขอบเขตตั้งฐานให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปยังตำหนักม่วง เพื่อที่จะไขปริศนาและหาอาจารย์ของเขาให้เจอ
“จงอย่ามีบ่วงกรรมกับคนที่นี่มากเกินไป สุดท้ายเจ้าจะต้องออกไปจากที่นี่ ถ้าหากเจ้าไปข้องเกี่ยวกับสตรีที่นี่ มันจะมีวิบัติเพิ่มขึ้นอีกในชาติหน้า”
“ข้ารู้…”
เช้าวันต่อมา เสี่ยวเฉินไปยังสถานที่รวมตัวของศิษย์ยอดเขาตะวันลับ พิธีรับศิษย์นั้นแทบจะโดนเมิน แต่งานหลักในวันนี้คือ ‘พิธีประเมิน’ ศิษย์นอกใหม่ 50 คน
ผู้เฒ่าห้าคนส่งศิษย์ของตัวเองมาที่ยอดเขาตะวันลับรวมถึงม่อหยู เหวิยชิงหยู ลั่วชางหยานและคนอื่น ๆ ศิษย์ยอดเขาตะวันลับหรือแม้แต่ผู้เฒ่าก็ให้ความนับถือต่อพวกเขา
ไม่บอกก็รู้ว่าศิษย์ส่วนใหญ่ไปที่แถวของม่อหยู เหวินชิงหยูดูไม่พอใจนัก อาจจะเพราะว่าอาจารย์นางแนะนำสามองค์ชายให้แต่นางกลับเย็นชาต่อพวกเขา ผลสุดท้ายนางจึงถูกอาจารย์ตำหนิ
ในตอนนี้ นางเห็นสามองค์ชายเดินมาและมองพวกเขาอย่างเย็นชา จากนั้นจึงพูดอย่างร้อนใจ
“เจ้าสามคนมาตรงนี้”
องค์ชายจ้าวมองนางและถอนหายใจแรง จากนั้นจึงเดินไปหาลั่วชางหยาน
“ศิษย์พี่ลั่ว ข้าขอฝากตัวด้วย!”
“นี่เจ้า!”
เหวินชิงหยูกัดฟันด้วยโทสะ
ไม่ต้องพบอกก็รู้ว่าเสี่ยวเฉินเดินไปหาลั่วชางหยาน นางตกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นเขา
หลังจากจบพิธีแล้ว ศิษย์ของผู้เฒ่าได้จากไปพร้อมกระบี่ ส่วนศิษย์นอกได้แต่ยืนมองพวกเขาจากไป จากนั้นศิษย์พี่หลายคนก็เริ่มบรรยายแก่ศิษย์ใหม่ พูดเรื่องอย่างการให้นับถืออาจารย์และศิษย์พี่ ศิษย์พี่เหล่านั้นได้วางรากฐานของตัวเองจากการพูดเช่นนั้น
พวกเขาเป็นศิษย์จากการรับเข้าครั้งที่แล้ว หรืออาจเป็นครั้งก่อนหน้าไปอีก พวกเขาจึงมีพลังบ่มเพาะที่เหนือกว่าและมีเส้นสายที่แข็งแกร่งกว่าหน้าใหม่ที่ทำได้แค่เงียบฟัง ถ้าหากมีหน้าใหม่คนใดไม่ยอมรับ เขาจะถูกศิษย์พี่เหล่านี้ตบหน้าโดยไม่มีทางสวนกลับ
แน่นอนว่าคนหน้าใหม่ที่เข้าร่วมกับกลุ่มม่อหยูนั้นมิได้ถูกใครแตะต้อง
เสี่ยวเฉินส่ายหน้า ‘ศิษย์พี่’ เหล่านี้เป็นเพียงแค่ขอบเขตชำระปราณขั้นสูง และโชคดีที่ไม่มีใครมาชี้แนะเขา
เมื่อเขาคิดแบบนี้ ชายหนุ่มสองคนเดินมาหาเขา เมื่อพวกเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างสามองค์ชายก็หยิบตราหยกขึ้นมา
“เจ้ามาจากแคว้นฉี แคว้นหยาน หรือว่าแคว้นจ้าว?”
“เอ่อ…”
ชายหนุ่มสองคนมองตราหยกและเดินจากไปมองหาคนอื่นชี้แนะ
องค์ชายฉีค่อนข้างภูมิใจและยกนิ้วโป้งขึ้น เขาชี้ไปที่เสี่ยวเฉิน
“ชายคนนี้คือศิษย์พี่ของข้า อย่ามายุ่งกับข้า ศิษย์พี่เสี่ยวเป็นขอบเขตชำระปราณขั้นหนึ่งแล้ว พวกสวะอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาชี้แนะข้า?”
เสียงของเขาค่อนข้างดัง ดังนั้นจึงมีหลายคนที่มองพวกเขา ศิษย์พี่หลายคนคิดว่าพวกเขาถูกท้าทายและล้อมรอบเสี่ยวเฉิน
“ขอบเขตชำระปราณขั้นหนึ่งรึ? ทำไมไม่บอกว่าขอบเขตตั้งฐานขั้นหนึ่งเล่า?”
สามองค์ชายมองอย่างเหยียดหยามและกำลังจะเถียง แต่เสี่ยวเฉินจ้องพวกเขาและพูดด้วยน่ากลัว
“หุบปาก! อย่าสร้างเรื่องให้ข้า!”
จนถึงตอนนี้ ชายชุดแดงที่เอนกายกับต้นไม้ใหญ่หรี่ตากอดอก เขาพ่นใบหญ้าในปากและพูดกับสองคนข้าง ๆ เขา
“ไปถามชื่อเขา”
ชายสองคนพยักหน้าด้วยความนับถือและเดินไปหาเสี่ยวเฉินทันที คนอื่นหลีกทางให้เมื่อสองคนนี้เดินเข้ามา
หนึ่งในชายทั้งสองเดินไปที่หน้าเสี่ยวเฉินพร้อมกับจ้องมองเขา เขาพูดเสียงดัง
“เฮ้ย! เจ้าชื่ออะไร?”
องค์ชายฉีเดินเข้ามาและยกนิ้วโป้ง
“ศิษย์พี่เสี่ยวเฉินของข้าเอง จงจำไว้ให้ดี”
เขาพยักหน้า
“เสี่ยวเฉินรึ? เดี๋ยวเจ้ากลับไปที่ภูเขาด้วย”
จากนั้นจึงเอียงคอให้คนอื่นเดินไป
“ขออภัย ข้าไม่มีเวลา”
เขาหยุดเดิน เขาหันมาช้า ๆ
“เจ้าว่าไงนะ?”
องค์ชายจ้าวเชิดหน้า
“ศิษย์พี่ข้าบอกว่าไม่มีเวลาไง! เจ้าได้ยินหรือไ…?”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาก็กระเด็นลอยไปด้วยลูกเตะไร้เงา
องค์ชายฉีและองค์ชายหยานรีบไปพยุง องค์ชายจ้าวกุมอกและพูดด้วยความชิงชัง
“ศิษย์พี่ มันกล้าทำร้ายข้า…”
เสี่ยวเฉินจ้องเขา
“เจ้าสมควรโดนแล้ว! ข้าคิดว่ามันไม่แรงพอด้วยซ้ำ!”
“ยังไม่แรงพอรึ?”
ชายคนนั้นหรี่ตาและซัดองค์ชายจ้าวใบพริบตา การเคลื่อนไหวของเขาสร้างสายลมพัดคนใกล้ ๆ จนถอยหนี
หมัดของเขาอ่อนแอ อ่อนแอยิ่งกว่าเสี่ยวหยวน เสี่ยวเฉินยกมือเกี่ยวแขนเขาและใช้จังหวะนี้โยนเขาออกไปไกลห้าสิบศอกจนฝุ่นกระจาย นี่คือวิชาของตระกูลเสี่ยว เป็นการสะท้อนแรงมหาศาลด้วยพลังเพียงเล็กน้อย
ผู้คนอุทานเมื่อได้เห็น ชายอีกจ้องพุ่งเข้าใส่เสี่ยวเฉินอย่างดุร้ายและถูกโยนกระเด็นกลับไปแบบเดียวกัน
ผู้คนแตกตื่น พวกเขามิได้นับถือในวิชาของเสี่ยวเฉิน แต่เป็นการที่เขากล้าแตะต้องชายสองคนนั้น
“ดูเหมือนว่าหน้าใหม่ปีนี้จะมีอะไรอยู่บ้าง”
เสียงดังขึ้น ชายชุดแดงจู่โจมเสี่ยวเฉินจากด้านหลัง สัมผัสเทพของเสี่ยวเฉินรวดเร็วพอที่จะเจอเขาและรีบหันกลับมาปล่อยหมัด การโจมตีทั้งสองปะทะกัน ฝุ่นดินกระจัดกระจายภายใต้การปะทะ ต้นไม้ใหญ่สองต้นสั่นสะเทือนและหลายคนกระเด็นออกไป
หลายคนอุทาน
“เขาแลกหมัดกับศิษย์พี่เย่!”
เสี่ยวเฉินดึงมือกลับ เขาดูไม่เป็นไรที่ภายนอก แต่พลังปราณในตัวเขานั้นปั่นป่วนอย่างมาก เขาบอกได้เลยว่าชายคนนี้มีพลังถึงขอบเขตชำระปราณขั้นสองแล้ว
ชายชุดแดงหรี่ตา
“ไม่เลว แต่จงจำเอาไว้ ข้าชื่อเย่เฉาจง ในยอดเขาตะวันลับแห่งนี้ ถ้าข้าอยากให้เจ้าตายตอนตี 1 แล้วจะหมดลมหายใจตอนตี 5 ถ้าเจ้าอยากตาย ข้าจะทำให้ตามที่ต้องการ”
“หึหึ เย่จงชาง เจ้าทำอะไรไม่เป็นนอกจากรังแกเด็กใหม่รึ?”
ถึงตรงนี้ ชายชุดเขียวเดินมาแต่ไกลพร้อมกับสิบคนที่เดินตามหลังเขาเข้ามา