บทที่ 95: โกงกินอย่างกระตือรือร้น คดโกงเพื่อบรรเทาความกังวล!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 95: โกงกินอย่างกระตือรือร้น คดโกงเพื่อบรรเทาความกังวล!
ทันทีที่นางเห็นเหล่าขุนนาง จักรพรรดินีก็ตัดบทและกล่าวถามออกมาตรงๆ “เราควรปล่อยหรือเก็บคุณชายใหญ่ผู้นี้ไว้ดี?”
เหล่าขุนนางมองหน้ากัน จากนั้นเสนาบดีชราคนหนึ่งก็โค้งคำนับและถามว่า “ฝ่าบาท เราได้ถามถึงจุดประสงค์ของคุณชายใหญ่ที่เสด็จมายังเมืองหลวงแล้วหรือไม่?”
องค์จักรพรรดินีพยักหน้า "ใช่ เราถามแล้ว เขาบอกว่านึกเบื่อจึงได้มาเล่นภายในเมืองหลวง แต่ยามนี้ด้วยสถานการณ์ตึงเครียดในปัจจุบัน การที่คุณชายอย่างเขามาด้วยสถานะพิเศษ มันจะไม่มีแรงจูงใจแอบแฝงได้เช่นไร? เห็นได้ชัดว่าเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่”
“ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยฐานะคุณชาย เขามีตำแหน่งที่ทรงเกียรติและไม่อาจลงโทษได้ เว้นเสียแต่เขาจะก่ออาชญากรรม ดังนั้นเราคงจะไม่ได้รับคำตอบใดจากเขา นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อหารือ!”
“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าเราควรปล่อยเขาออกมา!” เฉียนหยวนเซิน เสนาบดีกรมพระคลังลุกขึ้นยืนและกล่าวเสียงดัง “ปัจจุบัน อู๋หยิงเจี๋ยยังคงเป็นมกุฎราชกุมารและบิดาของเขาคืออ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือ เรายังไม่อาจทำลายความสัมพันธ์กับเขาได้ หากเรายังคงกักขังคุณชายใหญ่ต่อไป มันอาจทำให้ท่านอ๋องโกรธและนำไปสู่การจลาจลได้”
“ผลที่ตามมาของการกบฏนั้นย่อมคาดเดามิได้!”
“อาณาจักรของเราไม่เพียงแต่ต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องเหอเป่ยทางเหนือเท่านั้น แต่ยังรวมถึงท่านอ๋องคนอื่นๆ ที่กำลังรอโอกาสในการลอบโจมตีอยู่ อาณาจักรข้างเคียงของเราก็คงไม่พลาดโอกาสนี้เช่นกัน เรามีภาระมากเกินไปกว่าที่จะเสี่ยงได้!”
“ปัจจุบันสถานการณ์มีความซับซ้อน คงเป็นการดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรอย่างไม่ไตร่ตรอง ราชสำนักไม่สามารถรับความผิดพลาดเช่นนี้ได้!”
ขุนนางผู้อื่นก็เห็นด้วยกับวิธีของท่านเฉียน “ใช่แล้ว เราควรปล่อยเขาออกมา! การขังเขาเอาไว้มีแต่ผลเสียเกินไป!”
“ปล่อยเขาไปเพื่อเอาใจท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือ!”
“ราชสำนักของเราไม่อาจรับผลของการกระทำเช่นนี้ได้ อาณาจักรเราก็เช่นเดียวกัน!”
ในยามนั้นเอง เสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือน เกาเทียนเย่าได้ลุกขึ้นยืน
“ฝ่าบาท ข้าเชื่อว่าเราควรคุมตัวเขาเอาไว้!”
“อย่างที่ท่านเฉียนกล่าว มันคงมีปัญหาไม่มีที่สิ้นสุดถ้าเราไม่ปล่อยตัวคุณชายใหญ่ไป แต่ถ้าเราปล่อยเขาไป นั่นจะช่วยดับความทะเยอทะยานของท่านอ๋องได้หรือไม่? เป็นไปไม่ได้เลย! ท่านอ๋องวางแผนมานานกว่ายี่สิบปี คงไม่ละทิ้งความทะเยอทะยานเพียงเพราะมกุฎราชกุมารองค์เดียว สงครามคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่!”
“การคุมตัวคุณชายใหญ่จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในยามนี้!”
“การทำให้เขามีชีวิตอยู่ อย่างน้อยเราก็สามารถทำให้ท่านอ๋องรู้สึกลังเลได้ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่เราคุมตัวคุณชายไว้ ก็มีโอกาสที่จะขุดคุ้ยข้อมูลเพิ่มเติมของท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยตอนเหนือได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเตรียมการสำหรับสงครามของเรา!”
เหล่าขุนนางจากฝั่งท่านเกาก็ได้กล่าวให้การสนับสนุน “ถูกต้องขอรับ การคุมตัวคุณชายใหญ่ไว้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!”
“สิ่งนี้สามารถทำให้ท่านอ๋องเหอเป่ยทางเหนือกลัวเรา และให้เวลาเราได้เตรียมตัวมากขึ้น!”
“นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดในยามนี้แล้ว!”
ทุกคนต่างออกความเห็นของตนออกมา สิ่งที่พวกเขากล่าวมาทั้งหมดล้วนมีเหตุผล
จักรพรรดินีลังเลและตัดสินใจไม่ได้ จึงถามไถ่ความเห็นจากทุกคน ทว่าพวกเขาไม่สามารถหาทางออกที่ดีได้
ในยามนั้น นางคิดถึงใครบางคนที่มักจะทำให้นางประหลาดใจอยู่เสมอ
นางมองไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลิน ทุกคนต่างมีความเห็นกันทั้งนั้น แล้วท่านมีความคิดเช่นไร? ไหนลองพูดให้ข้าฟังที!”
หลินเป่ยฟานที่กำลังบิดขี้เกียจก็ถึงกับตกตะลึง ข้าขอขี้เกียจหน่อยไม่ได้หรือไง?
ยามนั้นเอง ขุนนางทุกคนก็เงียบลงพลางมองไปที่หลินเป่ยฟาน เพื่อดูว่าเขาจะกล่าวอะไรออกมา
หลินเป่ยฟานลุกขึ้นยืนและกล่าวตอบไปว่า “ฝ่าบาท ข้าเชื่อว่าการคำพูดของเสนาบดีเฉียนนั้นถูกต้องแล้ว ตัวตนของคุณชายใหญ่นั้นอ่อนไหวเกินไป ถ้าเราเก็บเขาไว้มันอาจทำให้ท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยทางเหนือโกรธและทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง นำไปสู่ความโกลาหลทั้งในราชสำนักและอาณาจักร ยามนี้อู๋หยิงเจี๋ยกำลังเผชิญกับปัญหามาก เขาก็คงรู้ดีว่ามิควรสร้างเรื่องให้มากกว่านี้”
เสนาบดีเฉียนยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบาและกล่าวไปว่า “ความเห็นของท่านหลินนั้นถูกต้อง ไม่น่าแปลกใจที่เขาเป็นขุนนางที่ทำคะแนนได้สูงสุดในการสอบของจักรพรรดิ!”
เป็นครั้งแรกที่หลินเป่ยฟานได้รับการยกย่องเช่นนี้
“แต่ข้อโต้แย้งของเสนาบดีเกาก็ถูกต้องเช่นกัน” หลินเป่ยฟานกล่าวต่อ “ท่านอ๋องเหอเป่ยทางเหนือมีแผนทะเยอทะยาน ไม่ว่าเราจะปล่อยหรือเก็บคุณชายใหญ่เอาไว้ เขาก็คงเริ่มทำสงครามอยู่ดี ด้วยการคุมตัวคุณชายใหญ่ เราก็จะสามารถใช้เขาเป็นตัวประกันเพื่อทำให้ท่านอ๋องลังเลและยังสามารถสืบค้นข้อมู,จากเขาได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสนาบดีเฉียนพลันเลือนหายไปและเสนาบดีเกาก็ดูจะไม่พอใจเช่นกัน
ทุกคนต่างไม่พอใจหลินเป่ยฟาน
“ท่านหลิน ท่านอยู่ข้างไหนกัน?”
“ท่านจะกลับคำกล่าวไปมาทำไมกัน! ท่านกำลังทำให้ทุกคนสับสนอยู่นะ!”
“ที่ท่านกล่าวมามันหมายความว่าเช่นไรหรือ?”
หลินเป่ยฟานยังคงนิ่งและกล่าวออกมาอย่างเสียงดัง “ทั้งการปล่อยและการคุมตัวล้วนมีข้อดี ฝ่าบาททรงฉลาดและรอบรู้ ข้าเชื่อว่าท่านมีวิธีภายในใจอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าจึงไม่ได้กังวลเลย ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจเช่นไร ข้าพร้อมจะสนับสนุนมันอย่างเต็มที่!”
ทุกคนได้แต่คิดในใจ ไอ้บัดซบนี้มันแค่พูดจาไร้สาระเท่านั้น! แถมยังยกยอองค์จักรพรรดินีอีก!
เป็นสุนัขจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์อะไรเช่นนี้!
เนื่องจากว่าพวกเขาไม่สามารถหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้ พวกเขาจึงยังไม่ได้ตัดสินใจกันไป เพียงแค่ปฏิบัติต่ออู๋หยิงเจี๋ยอย่างดีและคุมขังเขาไว้ในพระราชวัง พวกเขาเฝ้าดูปฏิกิริยาของคุณชายแห่งเหอเป่ยทางเหนือและรอเวลาที่เหมาะสมที่สุด
หลังจากการประชุม หลินเป่ยฟานก็กลับไปที่คฤหาสน์ของเขา ซึ่งโม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยรีบเข้ามาถามด้วยความกังวลว่า “จริงหรือไม่ที่คุณชายใหญ่ถูกจักรพรรดินีจับตัวไป?”
..
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในเมือง แทบทุกคนรับรู้เรื่องนี้แล้ว
หลินเป่ยฟานไม่ได้ปิดบังอะไรและพยักหน้า "ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องจริง"
“นี่มันเป็นปัญหาแล้วสิ” ทั้งสองดูกังวลมาก กัวเส้าส้วยรีบกล่าวถามออกมา “ถ้าคุณชายใหญ่ถูกจับไป เช่นนั้นเราจะอธิบายให้ท่านอ๋องฟังอย่างไรกัน?”
หลินเป่ยฟานหัวเราะและกล่าวว่า “นี่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้า? ไม่ใช่ว่าเขาถูกจับได้เพราะเจ้าสักหน่อย!”
กัวเส้าส้วยลังเลและกล่าวว่า “นั่นก็ถูกต้อง แต่ว่า…”
หลินเป่ยฟานขัดเขาพร้อมกับกล่าวไปว่า “ถ้าเจ้าถามข้า มันก็คงเป็นความผิดของเขาเอง! เขารู้ว่าตัวตนของเขามันอ่อนไหว ควรอยู่เพียงแค่ในมณฑลเหอเป่ยทางเหนือของตน แต่ไฉนเขากลับมาที่เมืองหลวง เปิดเผยตัวตนของเขาให้ทุกคนได้ประจักษ์ เขาคิดอะไรอยู่กัน? ถ้าข้าเป็นท่านอ๋องเหอเป่ยทางเหนือ ข้าคงโกรธมากจนตบเขาเข้ากำแพงแน่!”
ใบหน้าของโม่หรูซวงดูผิดธรรมชาติเล็กน้อย นางรู้สึกอย่างคลุมเครือว่าคุณชายใหญ่มาที่เมืองหลวงเพราะนาง
“คือว่าท่านหลิน คุณชายถูกจับได้เช่นไรหรือ?” โม่หรูซวงเอ่ยถาม
“เจ้าไม่รู้หรือ? เรื่องนี้มันถูกแพร่กระจายออกไปทั่วแล้ว!” หลินเป่ยฟานกะพริบตาปริบๆ
“ตามข่าวลือ คุณชายใหญ่ถูกจับเพราะเขาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินหลังจากว่าจ้างนางโลมมา ดังนั้นเขาจึงถูกรายงานเรื่องให้ผู้ว่าการศาล แต่นี่เป็นไปไม่ได้เลย คุณชายใหญ่มีเกียรติและมีมาตรฐานสูง เขาจะตกหลุมรักนางโลมได้เช่นไรกัน? สตรีเหล่านั้นทั้งแก่ น่าเกลียดและอ้วน มันเป็นไปไม่ได้สักนิดเดียว!” กัวเส้าส้วยกล่าวอย่างกังวล
“แม้ว่ามันจะยากที่จะเชื่อ แต่มันก็เป็นความจริง!” หลินเป่ยฟานกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
โม่หรูซวงและศิษย์น้องของนางได้แต่ถอนหายใจออกมา
“ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นกัน คุณชายอย่างเขาจะตกหลุมพรางนางโลมที่ชราและน่าเกลียดเช่นนั้นได้อย่างไร? ข้าคิดว่าเขาคงกินของอร่อยมากเกินไป จึงอยากลองผักป่าจากชนบท! โลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งอัศจรรย์นัก!” หลินเป่ยฟานได้แต่ส่ายศีรษะของเขาไปมา
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยถึงกับตัวสั่นเมื่อพวกเขาคิดภาพคุณชายใหญ่กำลังทำตัวสนิทสนมกับสตรีอ้วนชราเหล่านั้น มันน่าขยะแขยงมากเกินไปจริงๆ!
ทางด้านโม่หรูซวงยิ่งรู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย นางได้แต่ตัดสินใจว่าในอนาคตจะอยู่ให้ห่างจากคุณชายมากที่สุด
“ท่านหลิน ท่านเป็นผู้ที่ชาญฉลาดมาก ท่านพอจะช่วยคุณชายใหญ่ได้หรืออไม่? เพราะยังไงเขาก็คือบุตรชายของท่านอ๋อง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณชาย ท่านอ๋องคงจะโกรธเกรี้ยวมากแน่ และมันอาจจะส่งผลกระทบต่ออนาคต …” โม่หรูซวงถามออกมา
หลินเป่ยฟานถอนหายใจและกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ข้าจะทำให้ดีที่สุด แต่โอกาสมีน้อยมาก! เจ้าควรบอกท่านอ๋องถึงเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด ดูว่าเขาจะทำอะไรได้บ้าง!”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยพยักหน้าอย่างหนักหน่วงด้วยหัวใจที่หนักแน่น
ข่าวนี้ได้ถูกส่งไปถึงท่านอ๋องแห่งทางเหนืออย่างรวดเร็ว
ท่านอ๋องโกรธมาก “ข้าบอกเขาไปก่อนแล้วว่าอย่าทำให้เรื่องมันเป็นเช่นนี้ แต่เขากลับไม่คิดจะฟัง! ยามนี้เขาอยู่ในมือของสตรีผู้นั้น ข้ามีแต่ต้องถูกบังคับให้หยุดไปก่อน! บัดซบ!”
พลังภายในอันทรงพลังของเขาได้ปะทุขึ้น ทำให้โต๊ะและเก้าอี้รอบๆ ตัวพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ
จูกัด กุนซือของเขาได้กล่าวอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง เป็นไปได้ไหมว่าคุณชายใหญ่กำลังตกเป็นเหยื่อของใครบางคนอยู่! ว่ากันว่าคุณชายใหญ่กำลังพักผ่อนอยู่ในห้องของเขาในยามนั้น อีกทั้งมีองครักษ์มากมายอยู่ภายนอก! ทว่าเขากลับถูกลักพาตัวโดยไม่มีใครสังเกตเห็นและยังทำการซื้อขายกับนางโลม ส่งผลให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น!”
ท่านอ๋องยังคงถามต่อไปด้วยความโกรธ “เจ้าพยายามปกป้องเขาหรือ? ถ้าเขาไม่ได้ไปที่เมืองหลวง เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่? ข้าควรจะฉลาดมากกว่านี้ เหตุใดข้าถึงให้กำเนิดเศษสวะเช่นนี้ขึ้นมา?”
แม้แต่คำว่า “เศษสวะ” ก็ยังถูกยกออกมา แสดงให้เห็นเลยว่าเขาโกรธเกรี้ยวเพียงใด
“ท่านอ๋อง ท่านจะช่วยคุณชายหรือไม่?” จูกัดถาม
“เขาเป็นลูกชายของข้า ข้าก็ต้องช่วยอยู่แล้ว!” ท่านอ๋องกำหมัดแน่น
สองวันต่อมา จู่ๆ ยอดฝีมือชุดดำกลุ่มใหญ่ก็บุกเข้าไปในที่พำนักของคุณชายใหญ่
"ช่วยด้วย! มีคนพยายามลอบสังหารคุณชายใหญ่!”
"พลธนู เตรียมพร้อม! ยิงได้!"
“อย่าปล่อยให้นักฆ่าหนีไป!”
…
พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือดตลอดทั้งคืน แต่กลุ่มยอดฝีมือชุดดำกลับไม่สามารถทำอะไรได้และต้องล่าถอยไป สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในคืนถัดมาและคืนหลังจากนั้น
พวกเขาไม่มีทางทำอะไรได้เลย เพราะจักรพรรดินีได้เตรียมกองทัพทหาร 2,000 นายที่มีอุปกรณ์เพียบพร้อม เพื่อปกป้องคุณชายใหญ่ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อป้องกันไม่ให้เขาถูกนำตัวไป
แม้ว่าผู้ฝึกวรยุทธ์ชุดดำเหล่านี้ทรงพลังมาก แต่การเผชิญหน้ากับกองทัพที่มีอาวุธครบครันเช่นนี้ มีแต่จะทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
คนผู้หนึ่งสามารถต่อสู้กับทหารได้หลายสิบคน แต่ถ้ามีเป็นหลายร้อยหรือหลายพันเล่า? ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้กลุ่มของพวกเขาทั้งหมดถูกกวาดล้าง เพราะจำนวนทหารที่มีมากเกินไปเช่นนี้
นอกจากนี้ จักรพรรดินียังได้จัดให้มีผู้ฝึกวรยุทธ์ที่ทรงพลังหลายสิบคน รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ที่มีพลังถึงขั้นต้นกำเนิดมาร่วมด้วย มันมากเกินไปด้วยซ้ำ
ด้วยข้อได้เปรียบทั้งด้านของระยะเวลาและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ราชสำนักจึงสามารถส่งกองกำลังไปสนับสนุนได้ตลอดเวลา ดังนั้นยอดฝีมือเหล่านี้จึงได้แต่ล่าถอยไป ทั้งไม่อาจทำภารกิจได้สำเร็จและยังต้องสูญเสียกำลังคนไปด้วย
มีคนที่ต้องเสียสละมากเกินไป ท่านอ๋องเหอเป่ยทางเหนือจึงไม่กล้าส่งคนเข้าไปอีก ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้หันไปขอความช่วยเหลือจากหลินเป่ยฟาน