ตอนที่ 628 5 จักรพรรดิเคลื่อนไหว
ตอนที่ 628 5 จักรพรรดิเคลื่อนไหว
ณ สำนักงานมังกรฟ้า
“อะไรนะ! เซี่ยเฟยกำลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายในตระกูลหยูงั้นเหรอ?” บรูซถามขึ้นมาด้วยความสับสน โดยที่ข้าง ๆ เขามีเฝิงคูชานกับเฝิงซินเหนียนกำลังฟังรายงานจากสายลับผ่านทางหน้าจอติดต่อสื่อสารอยู่ด้วยกัน
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในข้อมูลถึงระบุว่าเซี่ยเฟยเป็นแม่เหล็กดูดปัญหา นี่หลังจากที่เขากลับไปตระกูลหยูเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับปัญหาของตระกูลแล้วงั้นเหรอ?” บรูซพึมพำขึ้นมาเบา ๆ คล้ายกับพูดกับตัวเอง
เหตุการณ์นี้ทำให้เฝิงคูชานขมวดคิ้ว เพราะเขากำลังคิดถึงผลกระทบจากการที่กลุ่มมังกรฟ้าเข้าไปแทรกแซงความวุ่นวายในตระกูลหยู ท้ายที่สุดตระกูลหยูก็เป็นเพียงแค่ตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่งภายในดินแดนกฎเท่านั้น และเมื่อมันมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมา คนที่สมควรจะลงไปดูแลจัดการเรื่องนี้ก็ควรจะเป็นคนจากสมาคมผู้คุมกฎไม่ใช่คนจากกลุ่มมังกรฟ้าอย่างพวกเขา
นอกจากนี้สายลับยังได้ระบุเอาไว้แล้วว่าคนของทางสมาคมได้เดินทางไปยังตระกูลหยูแล้วจริง ๆ แต่ทางตระกูลได้เชิญพวกเขากลับโดยให้เหตุผลว่าเรื่องราวครั้งนี้เป็นเรื่องราวภายในตระกูลที่พวกเขาจะจัดการเอง
เกาะอสรพิษพิทักษ์ของตระกูลหยูถูกล้อมด้วยม่านพลัง จนทำให้ไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเกาะได้ และถึงแม้ว่าสถานการณ์นอกเกาะจะดูเงียบสงบ แต่ไม่ว่าใครก็น่าจะดูออกอยู่แล้วว่าภายในของเกาะคงจะกำลังเกิดความวุ่นวายอยู่มากแน่ ๆ
“เมื่อไม่กี่นาทีก่อนคนของเราก็เพิ่งรายงานมาว่ามันมีพลังงานปริมาณมหาศาลระเบิดขึ้นไปบนท้องฟ้า และมันก็ไม่มีทางที่ใครจะปลดปล่อยพลังงานระดับนั้นออกมาได้เว้นแต่ว่าผู้อยู่ในเกาะจะมีพลังในระดับจักรพรรดิ”
“แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าในตระกูลหยูไม่มีจักรพรรดิกฎอยู่เลยแม้แต่คนเดียว มันก็หมายความว่าผู้ใช้พลังนี้จะต้องเป็นคนนอกอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นสายลับของเราก็ได้สำรวจดูทั่วทั้งนอกเกาะแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่พบร่องรอยของเซี่ยเฟยเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาได้เข้าไปพัวพันกับความวุ่นวายภายในเกาะด้วย” เฝิงซินเหนียนกล่าว
พลังงานปริมาณมหาศาลที่เฝิงซินเหนียนได้พูดถึงนั้นคือพลังที่เกิดขึ้นจากการระเบิดตัวเองของอสูรเทวะ และถึงแม้ว่าม่านพลังจะมีพลังป้องกันอยู่ในระดับที่น่ากลัว แต่ท้ายที่สุดพลังที่ระเบิดออกมาจากอสูรเทวะก็ยังคงหลุดรอดขึ้นไปบนท้องฟ้าให้คนนอกสัมผัสเห็นได้อยู่ดี
“เซี่ยเฟยอยู่ในเกาะงั้นเหรอ? เขาเป็นเพียงแค่อัศวินกฎขั้นที่ 4 เท่านั้นแล้วเขาจะผ่านม่านพลังที่แข็งแกร่งแบบนั้นเข้าไปได้ยังไง?” เฝิงคูชานถามอย่างสงสัย
“สาเหตุที่ผมกับอาบรูซเลือกเซี่ยเฟยนั่นก็เพราะว่าเขาไม่เพียงแต่จะมีจิตใจที่เข้มแข็งและมีทักษะการวิเคราะห์ที่ดีเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือเขายังเป็นผู้ทำพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์”
“นอกจากนี้พลังของเขายังให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก เพราะไม่เพียงแต่กฎแห่งมิติที่เขาปลดปล่อยออกมาจะรุนแรงกว่าคนอื่น แต่มันยังมีพลังที่สามารถลบล้างพลังของคนอื่นได้อีกด้วย”
“ผมเดาว่าสาเหตุที่พลังของเขาแปลกไปแบบนั้นนั่นก็เพราะว่าเขาตีความกฎแห่งมิติแตกต่างไปจากคนอื่น นักรบที่สามารถตีความพลังในรูปแบบของตัวเองได้ทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะ แล้วเขายังมีอาวุธแปลก ๆ ที่สามารถดูดเลือดของนักรบคนอื่น และทำให้ร่างของนักรบคนนั้นกลายเป็นมัมมี่ได้”
“ที่สำคัญที่สุดคือเขาอาจจะเป็นสมาชิกของตระกูลสกายวิง หมายความว่าเบื้องหลังของเขาก็มีความยิ่งใหญ่มากพอสำหรับกลุ่มมังกรฟ้าของเรา”
“ความจริงแล้วมันยังมีรายละเอียดอีกหลาย ๆ เรื่องที่ผมไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ผมคิดว่าพ่อคงไม่เคยเห็นผู้สมัครคนไหนที่มีคุณสมบัติมากมายขนาดนี้เลยใช่ไหมล่ะ” เฝิงซินเหนียนกล่าว
บรูซพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเฝิงซินเหนียน เพราะในสายตาของพวกเขาระดับพลังไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือเซี่ยเฟยได้ซ่อนความลับเอาไว้เป็นจำนวนมาก และถ้าหากว่าพวกเขารู้ว่าในแขนขวาของชายหนุ่มมีอาวุธมายาหงส์ครามอยู่ด้วย พวกเขาก็คงจะรู้สึกตกใจมากกว่านี้อีกหลายสิบเท่า
แม้ว่าจะถูกโน้มน้าวจากลูกชายและลูกน้อง แต่เฝิงคูชานก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง ท้ายที่สุดกลุ่มมังกรฟ้าก็มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนกฎ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องพิจารณาทุกการเคลื่อนไหวของกลุ่มอย่างรอบคอบ
“ความวุ่นวายของตระกูลหยูอาจจะเกี่ยวข้องกับอาวุธมายาที่พวกเขาได้เก็บซ่อนเอาไว้ในตระกูลหรือเปล่าครับ?” บรูซกล่าวถาม
“ฉันก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาอยู่บ้างเหมือนกันว่ามันมีอาวุธมายาบางชิ้นหลงอยู่ภายในดินแดนกฎของเรา สมมุติว่าตระกูลหยูได้ถึงครองอาวุธมายาอยู่จริง ๆ มันก็คงจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่จะมีใครสักคนบุกเข้าไปชิงอาวุธมายาชิ้นนั้นมาในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังอ่อนแอ” เฝิงคูชานกล่าว
ทันใดนั้นเครื่องส่งสัญญาณบนโต๊ะของเฝิงคูชานก็ส่องแสงกระพริบ เขาจึงยื่นมือออกไปเพื่อกดมือลงบนเครื่อง โดยเครื่องมือส่งสัญญาณนี้เป็นเครื่องมือส่งสัญญาณลับแบบเข้ารหัส โดยมีเพียงเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถตีความสัญญาณที่ถูกส่งมาจากอีกฟากหนึ่งได้
“ตอนนี้ตระกูลมูนวอร์ดกับตระกูลแอจจิเททกำลังส่งคนไปที่ตระกูลหยูเหมือนกัน” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“เรื่องนี้มันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไรนี่ครับ ตระกูลหยูจ่ายส่วยให้กับตระกูลมูนวอร์ดกับตระกูลแอจจิเทททุกปี ถ้ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลหยูมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะเริ่มมีการเคลื่อนไหว” บรูซกล่าว
“ถ้าพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแต่แรกมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่นี่เหตุการณ์มันผ่านพ้นไปคืนหนึ่งแล้วหลังจากที่มันเริ่มมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมา การที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวตอนนี้มันไม่ดูช้าเกินไปหน่อยเหรอ” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“พวกนายรู้ไหมว่าใครเป็นคนนำทีม?” เฝิงคูชานกล่าวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เขาหยุดคิดไปครู่หนึ่ง
“ใครครับ?” ทั้งบรูซและเฝิงซินเหนียนถามขึ้นมาพร้อมพร้อมกัน
“เซียงจินเฉินกับจิ่วหยานโจว”
“2 จักรพรรดิกฎงั้นเหรอครับ!!” ทั้งเฝิงซินเหนียนและบรูซต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“เซียงจินเฉิงและจิ่วหยานโจวต่างก็เป็นนักรบชั้นยอดที่มีอายุหลายร้อยปี ปกติพวกเขาไม่ค่อยเคลื่อนไหวออกจากตระกูลไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคราวนี้พวกเขาถึงออกเดินทางไปยังตระกูลหยูพร้อมกันแบบนี้”
“หากดูผิวเผินผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้ก็อาจจะออกเดินทางไปปกป้องตระกูลหยู แต่สิ่งที่พ่อพูดมาก็มีเหตุผลพวกเขาไม่เคลื่อนไหวช้าเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?” เฝิงซินเหนียนกล่าวขึ้นมาอย่างสงสัย
“เฝิงซินเหนียน นายกำลังคิดว่าอะไร?” บรูซถามอย่างเร่งรีบ
“ผมกำลังคิดว่าเซียงจินเฉินกับจิ่วหยานโจวน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลหยู แล้วเหตุผลที่พวกเขาเพิ่งเคลื่อนไหวในตอนนี้นั่นก็เพราะพวกเขาต้องการจะไปเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสงครามและลบร่องรอยทุกอย่างให้หายไป”
“นายกำลังบอกว่าตระกูลชั้นยอดกำลังสมคบคิดกันจัดการกับตระกูลหยูงั้นเหรอ?!” บรูซอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เฝิงซินเหนียนไม่ตอบคำถามแต่จ้องมองไปยังบิดาของเขา เพราะทุกสิ่งที่เขาพูดเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ส่วนกลุ่มมังกรฟ้าจะเคลื่อนไหวยังไงทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเฝิงคูชาน
“แม้ว่าภาพภายนอกกลุ่มมังกรฟ้าจะถูกควบคุมโดยตระกูลเฝิงของคุณ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเผ่าพันธุ์มนุษย์ภายในกลุ่มก็ค่อย ๆ ลดลงทุกปี จนในตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์เหลือจำนวนอยู่น้อยกว่าเผ่าพันธุ์อื่น ๆ หมดแล้ว” บรูซกล่าว
“นายกำลังหมายความว่ายังไง?” เฝิงคูชานถาม
“คราวนี้มันได้มีต้นกล้าที่ดีถือกำเนิดขึ้นมาในเผ่าพันธุ์มนุษย์ในรอบหลายสิบปี และเซี่ยเฟยก็เป็นหนึ่งในต้นกล้าดี ๆ ที่ผมกำลังพูดถึง ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ต้องการจะสนับสนุนเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ไม่ว่าเรื่องนี้มันจะเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างตระกูลชั้นยอดหรือเปล่าเรื่องนั้นผมไม่สนใจ แต่ผมไม่อยากให้เซี่ยเฟยถูกกำจัดไปก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้เข้าร่วมกลุ่มของเรา”
เฝิงคูชานชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่เครื่องส่งสัญญาณบนโต๊ะของเขาจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจจริง ๆ ตอนนี้ทั้งอู๋เซ็นไป๋จากตระกูลเรคแดนซ์และมู่ฉีหยุนจากตระกูลวิทเทอร์ ที่ไม่เคยปรากฏตัวมาหลายสิบปีก็เริ่มเคลื่อนไหว ซึ่งฉันก็เดาว่าพวกเขาน่าจะกำลังมุ่งหน้าไปที่ตระกูลหยูด้วย” เฝิงคูชานกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะหลังจากที่เขาได้รับข้อความใหม่
"4 จักรพรรดิกฎงั้นเหรอครับ?!” เฝิงซินเหนียนกล่าวพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
ทุกคนต่างก็รู้จักชื่อเสียงของผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาเป็นเพียงนักรบไม่กี่คนที่สามารถทะลวงผ่านด่านจักรพรรดิกฎได้สำเร็จ
แต่การที่จู่ ๆ จักรพรรดิกฎจากตระกูลชั้นยอดได้เคลื่อนไหวพร้อมกัน มันก็เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะมองจากมุมไหนเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เหตุการณ์ปกติแน่ ๆ
เฝิงคูชานลุกยืนขึ้นพร้อมกับเดินไปเดินมาภายในห้องอย่างใช้ความคิด
“ตอนนี้ตระกูลชั้นยอดเริ่มเคลื่อนไหว 4 ตระกูลแล้ว สาเหตุที่พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวพร้อมกันมันคืออะไรกันแน่?” เฝิงคูชานพึมพำกับตัวเอง
ในระหว่างนี้บรูซกับเฝิงซินเหนียนก็ทำได้เพียงแต่ระงับความกระวนกระวายภายในใจของตัวเองอย่างเงียบ ๆ เพราะท้ายที่สุดทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเฝิงคูชาน
“เอาล่ะในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมนายไม่ไปด้วยอีกคนล่ะบรูซ จะได้เป็นการรวมตัวของ 5 จักรพรรดิกฎไปเลย!”
บรูซลุกยืนขึ้นและพยักหน้ารับคำสั่งอย่างหนักแน่น
การที่จักรพรรดิกฎ 5 คนได้เดินทางไปยังตระกูลหยูย่อมเป็นภาพที่หาได้ยากอย่างแน่นอน และทุกคนต่างก็ต้องมีจุดประสงค์ของตัวเอง พวกเขาจึงต้องการที่จะรู้ว่าคนพวกนี้กำลังเคลื่อนไหวเพราะอะไรกันแน่
แต่ก่อนที่บรูซจะออกไปรวบรวมกองกำลัง เครื่องสื่อสารของเฝิงซินเหนียนก็ได้ดังขึ้นเสียก่อน
“นายน้อยแย่แล้วครับ! ตอนนี้มันไม่รู้ว่ามีใครใช้รอยแยกมิติบนเกาะอสรพิษพิทักษ์ของตระกูลหยู และรอยแยกก็กำลังขยายขนาดเกินกว่าจะควบคุมได้แล้ว ทางตระกูลหยูจึงติดต่อขอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้คุมกฎอย่างเร่งด่วน” เสียงสายลับกล่าวรายงาน
—
ณ เกาะอสรพิษพิทักษ์
เซี่ยเฟยหยุดนิ่งอยู่กับที่พร้อมกับจ้องมองไปยังชายสวมหน้ากากที่อยู่ห่างออกไป
นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เขาคนนั้นสามารถหยุดช่องว่างมิติที่กำลังขยายตัวเพียงลำพังได้ยังไง?!
ที่สำคัญไปกว่านั้นจักรพรรดิกฎคนนี้ยังเป็นศัตรูของเขาอีกด้วย ซึ่งถ้าหากชายคนนี้จัดการกับรอยแยกมิติได้แล้วเป้าหมายต่อไปย่อมเป็นเขาอย่างแน่นอน
“รีบหนีไปเดี๋ยวนี้! ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่นายจะหนีไปได้!!” โอโร่ตะโกนเตือนด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
ถ้าหากเซี่ยเฟยตายตัวตนของเขาจะต้องถูกเปิดโปงอย่างแน่นอน ซึ่งเรื่องนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องที่โอโร่ต้องการ
ตูม!
โครงกระดูกสีทองเริ่มจู่โจมอีกครั้งโดยไม่สนใจว่าฝ่ายไหนคือมิตรหรือศัตรู
เซี่ยเฟยลุกขึ้นจากพื้นด้วยสภาพร่างกายที่แทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว โดยพยายามหลบเลี่ยงและหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
หยูฮัวส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับจู่โจมเข้าใส่โครงกระดูกสีทองตรงหน้า และถึงแม้ว่าเขาอยากจะฆ่าเซี่ยเฟยเสียเดี๋ยวนี้ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าเขาไม่สามารถจัดการชายหนุ่มในระหว่างที่ต้องเผชิญหน้ากับโครงกระดูกสีทองได้
ชายผู้สวมหน้ากากยังคงนิ่งเงียบขณะที่เขาพยายามปิดช่องว่างมิติอย่างรวดเร็ว และเมื่อพิจารณาจากขนาดของช่องว่างมิติที่กำลังปิดตัวลงแล้ว อีกไม่กี่นาทีชายคนนี้ก็คงจะปิดช่องว่างมิติได้จนเสร็จ
ฟู่!
ไอพ่นของชุดเกราะชาร์ปเลสพ่นพลังงานออกมาอย่างสุดกำลัง ส่งร่างของเซี่ยเฟยพุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า
“จับมันเอาไว้เร็ว ๆ เข้า! ต้นพลัมเก้าราตรีไม่ได้อยู่ที่หยูกู่ติง!!”
ราชากฎชุดดำรีบร้องตะโกนออกมาหลังจากที่พวกเขาเห็นว่าเซี่ยเฟยกำลังจะหนีไป
ถ้าหากว่าต้นพลัมเก้าราตรีไม่ได้อยู่ที่หยูกู่ติง มันก็หมายความว่าสมบัติชิ้นนั้นจะต้องอยู่ที่เซี่ยเฟยอย่างแน่นอน
เทเลพอร์ต!
ชายชุดดำ 2 คนปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของเซี่ยเฟยเพื่อขัดขวางเส้นทางการหลบหนีของชายคนนี้เอาไว้
มือทั้งสี่ของพวกเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เปล่งประกายด้วยแสงสีขาว โดยพวกเขาตั้งใจที่จะร่วมมือกันสังหารชายหนุ่มอย่างรวดเร็วที่สุด
ภายใต้สถานการณ์อันเลวร้ายนี้เซี่ยเฟยไม่เหลือเส้นทางสำหรับการถอยหนีอีกต่อไปแล้ว และถึงแม้ว่าเบื้องหน้าของเขาจะเป็นราชากฎที่ทรงพลังถึงสองคน แต่บนพื้นมันก็มีสิ่งที่น่ากลัวกว่ากำลังรอคอยเขาอยู่
เมื่อชายหนุ่มตกอยู่ในสภาวะวิกฤต เขาก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่เขาไม่เคยคิดจะทำมาก่อน
โพละ!
ลูกบอลแสงหลากสีภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาระเบิดออกในพริบตา
“ไม่!!” อันธส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างกังวลใจ แต่น่าเสียดายที่เสียงของเขาไม่สามารถที่จะหยุดเซี่ยเฟยเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
***************