นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 103
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 103
ราอนแตะฝักดาบและหันหน้าไปทางริมเมอร์ที่อยู่กลางลานฝึก
“จะสู้เหรอครับ? แต่อาจารย์ไม่เคยสนใจที่จะดูผมสู้ด้วยซ้ำ”
“ฉันก็ต้องออกแรงบ้างสิจะได้ไม่มีสนิมเกาะ แล้วก็นะ...”
ริมเมอร์ยิ้มและชักดาบของเขาออก
“ฉันรู้สึกเศร้าใจมากเลยที่เห็นลูกศิษย์ของฉันต้องนั่งหดหู่เพราะคู่ซ้อมหนีไปหมด...”
"งั้นก็ได้ครับ"
ราอนพยักหน้าและชักดาบออกมา
'เขาเป็นเอลฟ์ที่ดีมากจริงๆ'
ริมเมอร์ไม่ชอบเรื่องน่ารำคาญแต่เขาคงเป็นห่วงนักเรียนมากกว่า ดูเหมือนว่าเขาเตรียมจะช่วยราอนอยู่แล้ว
'นี่เป็นโอกาสที่จะเพิ่มความเชี่ยวชาญของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตอย่างมากในคราวเดียว'
ริมเมอร์อยู่ในระดับที่สูงกว่าเขามาก การต่อสู้กับริมเมอร์จะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสามารถของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตได้มากแต่ยังเพิ่มความสามารถโดยรวมของเขาอีกด้วย
“น่าเสียดายที่เรามีผู้ชมเพียงคนเดียว แต่มาเริ่มกันเลยดีไหม?”
"ครับ”
ทั้งสองมองไปที่รูนันซึ่งยืนอยู่ตรงกลาง
"เริ่มได้"
รูนันพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นแล้วลดลง
"ย้าก!”
ราอนกัดฟันและเตะพื้น เขาใช้หลักการของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตเพื่อแกว่งดาบของเขา
มันตัดผ่านบรรยากาศเหมือนเลื่อยตัดต้นไม้
“ว้าว เธอเก่งขึ้นมากนะ”
ริมเมอร์ชื่นชมเขาขณะที่ฟันดาบ พลังงานสีเขียวกระจายออกเป็นทรงกลม
แคร้ง!
การโจมตีที่รุนแรงของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตและพลังงานอันอ่อนโยนของริมเมอร์ปะทะกัน
'นี่มัน...'
รารอนหรี่ตาลง ริมเมอร์สยบพลังโจมตีของเขาโดยไม่ปัดออกหรือป้องกันมัน
มันน่าทึ่งจริงๆ ที่เขาหยุดการโจมตีอันดุร้ายของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตได้
"อยากรู้เหรอ?”
ริมเมอร์ควงดาบของเขาที่เรืองแสงเป็นสีเขียวเข้ม
“วิชาดาบอันนี้ควบคุมการโจมตีของคู่ต่อสู้โดยกระจายดาบออร่าบางๆ ออกมา มีหลายวิธีในการเผชิญหน้ากับดาบด้วยดาบ เธอสามารถหาวิธีการใช้ดาบของคู่ต่อสู้มาเป็นพลังของตัวเองได้”
"อย่างนี้นี่เอง"
ราอนพยักหน้าและลับดาบของเขาที่มีหลักการของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตให้คมยิ่งขึ้นและแทงเข้าไป
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับเทคนิคต่อไป มันเป็นรูปแบบที่ห้าของเขี้ยวแห่งความวิกลจริต, ทิ่มแทงลื่นไหล
การโจมตีอันทรงพลังหลายชุดมุ่งเป้าไปที่ริมเมอร์
เคร้ง! เคร้ง!
ริมเมอร์ลดท่าทางลงและถือดาบในแนวทแยงเพื่อมุ่งเน้นไปที่การป้องกัน
'เข้าทางฉันล่ะ’
ดวงตาของราอนเป็นประกาย เขี้ยวแห่งความวิกลจริตเก่งมากในการรับมือกับคู่ต่อสู้สายป้องกัน เขาจึงมีโอกาสที่จะชนะ
แคร้ง!
เขาใช้ทุกเทคนิคของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตเพื่อเจาะทะลุการป้องกันของริมเมอร์
การโจมตีอันทรงพลังระเบิดราวกับหมาป่าตัวใหญ่แทะเหยื่อ แต่การป้องกันของริมเมอร์นั้นเหมือนกับกำแพงเหล็กที่ไม่มีวันแตกหัก
“เฮอะ!”
ราอนกัดริมฝีปาก เขาไม่สามารถหาช่องว่างใดๆ ได้แม้จะใช้ทุกเทคนิคแล้วก็ตาม
"ยอมแพ้แล้วเหรอ?”
เขามองเห็นรอยยิ้มของริมเมอร์ระหว่างช่องของดาบที่ปะทะกัน
“ดาบสัญชาตญาณที่เธอได้มานั้นทรงพลังมาก มันสามารถทะลุผ่านวิชาดาบอื่นๆ ได้อย่างง่ายดายแม้ว่าเธอจะมีทักษะต่ำก็ตาม แต่มันก็มีข้อเสียอยู่!”
"อึ่ก!”
ริมเมอร์บิดข้อมือของเขา แรงมหาศาลทำให้ราอนกระเด็นออกไป
“อืม…”
ราอนค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“ดาบสัญชาตญาณเป็นเทคนิคที่อาศัยเพียงสัญชาตญาณเหมือนกับชื่อของมัน แต่นั่นไม่ได้แปลว่าให้หยุดคิด เธอยังต้องคิดต่อไปในขณะใช้เทคนิคนั้น ลองคิดดูสิว่าทำไมมันถึงมีชื่อแบบนั้น”
"ชื่อเหรอครับ? หมายความว่าไงครับ?"
"ฉันบอกใบ้ให้เยอะแล้ว บอกมากกว่านี้ก็ไม่ดีสิ”
ริมเมอร์ยักไหล่
“เฮ้อ…”
ราอนถอนหายใจอย่างเซ็งๆ และพยักหน้า
'เขาพูดถูก’
หากเขาเอาแต่พึ่งพาอาจารย์ต่อไปเขาคงทำเองไม่เป็น เขาได้รับคำใบ้มาแล้วต่อไปเขาต้องคิดและค้นหามันด้วยตัวเอง
'ชื่อของมัน, ชื่อของมัน...'
แม้ว่าเขาจะรู้สึกแข็งแกร่งขึ้นหลังจากใช้เขี้ยวแห่งความวิกลจริต แต่เขาก็รู้สึกว่าความคิดของเขาค่อยๆ หายไป
เหลือเพียงความต้องการที่จะแทงดาบผ่านช่องโหว่ของคู่ต่อสู้
'เมื่อกี้ก็ด้วย'
ดาบของเขาแทงไปที่ช่องโหว่ที่ริมเมอร์จบจงใจสร้างขึ้น ก่อนที่เขาจะถูกหยุดไว้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่
"ผมคิดว่าผมต้องลองอีกหน่อย”
“โอเค เข้ามาได้เลย”
ริมเมอร์ยิ้มและกระดิกมือเรียกเขา
"ย้าก!”
เขาสูดลมหายใจลึกๆ และเตะพื้นดิน เขาแทงดาบไปที่ริมเมอร์ซึ่งยังตั้งท่าสำหรับการป้องกันไว้
แคร้ง!
เสียงเหล็กกระทบกันดังก้องไปทั่วสนามฝึกซ้อม
ซู่ว!
ราอนกระโดดกลับมาเล็กน้อยเพื่อฟันอีกครั้ง ดาบของริมเมอร์หันไปทางขวา มันเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามเจาะทะลุเหมือนก่อนหน้า
ราอนใช้วงแหวนไฟ วิชาดาบยังคงดุร้ายแต่จิตใจของเขาสงบลง
ทันใดนั้นราอนก็สังเกตเห็นเอวด้านซ้ายของริมเมอร์ มันไม่ใช่ช่องโหว่
'แต่ว่า...'
เขามีลางสังหรณ์ว่าเขาจะสร้างช่องจากตรงนั้นได้
ฟึ่บ!
ราอนฟันดาบของเขาในแนวทแยง ริมเมอร์ยืดไหล่ของเขาอย่างนุ่มนวลเพื่อรับมือกับการโจมตีที่รุนแรง
แคร้ง!
ทันทีที่ข้อมือของริมเมอร์ถูกปัดออกเนื่องจากดาบที่ปะทะกัน ช่องโหว่ก็ปรากฏขึ้นที่เอวซ้ายของริมเมอร์
ราอนหันข้อเท้าทันทีเพื่อเปลี่ยนวิถีดาบ เขาเหวี่ยงดาบโดยใช้การหมุนจากน่องขากับต้นขาแล้วเหวี่ยงดาบ
"เฮือก!”
ความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นในดวงตาของริมเมอร์เป็นครั้งแรก เขาก้าวถอยหลังและยกดาบของเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
แคร้ง!
เขาต้านทานการโจมตีอันทรงพลังของราอนไม่ได้และถอยหลังไปสามก้าว
“อ-อะไรกัน? เมื่อกี้เธอเปลี่ยนวิถีดาบ...”
"ผมเห็นมันแล้ว”
"เห็นเหรอ?”
"ครับ"
เขาสามารถมองเห็นช่องโหว่ของคู่ต่อสู้ได้แล้วหลังจากที่จิตใจของเขาเป็นอิสระจากเขี้ยวแห่งความวิกลจริต
ไม่สิ ไม่ใช่มองเห็นช่องโหว่ แต่เขาเห็นวิธีเปิดช่องโหว่ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเขาสามารถอ่านท่าถัดไปของคู่ต่อสู้ได้
"ได้ไงกัน?"
“ผมคงบอกไม่ได้ครับ”
ราอนยิ้มและตอบกลับแบบยอกย้อน
“ฉันไม่ได้สอนให้เธอพูดแบบนั้น”
“เด็กๆ เรียนรู้จากสิ่งที่เห็น”
ราอนใช้เท้าแตะพื้น จากนั้นพุ่งไปหาริมเมอร์ซึ่งยังไม่ตั้งท่า
"อีกรอบนะครับ!”
* * *
* * *
ริมเมอร์ผิวปากมองดูราอนที่พุ่งเข้ามาหาเขาและเหวี่ยงดาบขึ้น
“เธอยังมีหนทางอีกยาวไกล”
ในขณะที่เขาเตรียมการป้องกันอย่างสมบูรณ์ การเคลื่อนไหวของราอนก็เปลี่ยนไป เขายืดตัวขึ้นเพื่อจะป้องกันดาบที่เล็งไปที่ข้อมือซ้ายของเขา
'เฮ้ย!’
ริมเมอร์ขมวดคิ้วและหมุนตัว เขาสร้างออร่าที่ปลายดาบเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตอบโต้
แคร้ง!
แต่ดาบของราอนก็ถอยกลับไปแล้ว มันไม่ใช่แค่สัญชาตญาณ เขาดูเหมือนสัตว์ร้ายกำลังมองหาช่องของคู่ต่อสู้ผ่านประสบการณ์
'เด็กคนนี้...'
เขาบอกใบ้ไปเพียงเล็กน้อยแต่ราอนก็เริ่มตระหนักถึงรูปแบบที่แท้จริงของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตได้แล้ว เขาประหลาดใจมากจนขนลุก
ฟรึ่บ!
ริมเมอร์ฟันดาบของเขาอย่างรุนแรง พลังงานสีเขียวบนดาบของเขากระจายออกไปเพื่อปกป้องทุกทิศทางจากด้านหน้า ยกเว้นเพียงที่ดียว
ดวงตาขอราอนส่องแสงสีแดงเข้ม เขาบิดดาบอันดุร้ายเพื่อเล็งไปที่ช่องว่างอันโดดเด่นนั้น
'เขาทำได้แล้ว!’
เขาทำได้เพียงหัวเราะกับความไร้สาระของสถานการณ์ ราอนสามารถเข้าใจ 'เขี้ยวแห่งความวิกลจริต' ที่แท้จริงในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ซ้อมกับริมเมอร์
'ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยให้เขาไปได้เร็วกว่าอาจารย์ของเขา'
แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เป็นอาจารย์แต่มันก็สนุกสนานในทุกช่วงเวลาเพราะราอนและเด็กฝึกหัดคนอื่นๆ
“เอาล่ะ เข้ามาอีกสิ!”
ริมเมอร์เหวี่ยงดาบของเขาอย่างต่อเนื่องและสร้างช่องโหว่เฉพาะที่ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะค้นพบได้
และราอนก็แทงเข้ามาในช่องเล็กๆ นั้นอย่างโหดร้าย ราวกับว่าเขาอ่านใจได้
'บ้าไปแล้ว!'
เขาไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้หอบ การโจมตีที่รุนแรงนั้นมาจากวิถีที่สลับซับซ้อน เมื่อเขาสำเร็จวิชาดาบอันนี้แล้ว นักรบธรรมดาๆ ก็คงไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้
“ถ้ามันง่ายเกินไปก็ไม่สนุกสิ”
ริมเมอร์ลบช่องโหว่ออกไป เขาเหวี่ยงดาบไปในทางที่ราอนไม่สามารถเจาะทะลุได้ในสภาพปัจจุบันเพื่อกดดันเขา
เขาเหนือกว่าทั้งในด้านพลังและความแม่นยำ แต่ราอนก็ไม่ยอมแพ้
ราอนแกว่งดาบพร้อมสายตาที่ดุร้าย เลิกมองหาและเริ่มสร้างช่องโหว่ให้ริมเมอร์เอง
'ใช่แล้วล่ะ'
ริมเมอร์พยักหน้า ศัตรูในสนามรบไม่ได้สร้างช่องโหว่ให้ เราต้องค้นหามันเอง และเขี้ยวแห่งความวิกลจริตเป็นวิชาดาบที่เหมาะที่สุดในการสร้างช่องโหว่ขึ้นมา
เคร้ง! เคร้ง!
ริมเมอร์และราอนเหวี่ยงดาบเข้าหากันอย่างไม่หยุดยั้ง
'เขากำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ'
การโจมตีเริ่มแข็งแกร่งขึ้นและการเคลื่อนไหวของเขาไม่มีช่องโหว่อีกต่อไป ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมาก
"ย้าก!”
ราอนเหวี่ยงดาบพร้อมกับกู่ร้อง ทันทีที่เขาตั้งท่าป้องกัน ราอนก็พยายามบิดเบือนการป้องกันของเขา มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วจนน่ากลัว
'เขาเป็นใครกัน...'
ขาแทงทะลุแนวป้องกันครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะปล่อยให้ราอนได้สัมผัสกับชัยชนะ
“ไว้โตกว่านี้ก่อนนะ!”
ริมเมอร์ล้อมรอบดาบของเขาด้วยลมพายุและยิงออร่าไปที่ดาบ มันเป็นเทคนิคที่ขั้นสูงของเขา, ทิ่มแทงจิตวิญญาณลม
'ทีนี้จะทำยังไงล่ะ?'
เทคนิคนี้ยังทรงพลังเกินไปสำหรับราอน ริมเมอร์เลียริมฝีปากด้วยความคาดหวังว่าราอนจะจัดการกับมันอย่างไร
ฟรึ่บ!
ราอนวิ่งเข้ามาหาเขาพร้อมดาบ เขาเหวี่ยงดาบโดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าของเขาจะขาดออกจากกันเพราะลมจากจากพลังของเขา
เคร้ง!
ทิ่มแทงจิตวิญญาณลมยังไม่สูฐสลายไปแม้จะเจอการฟันอันทรงพลังก็ตาม แต่ราอนไม่ได้หยุด เขาใช้จังหวะเท้าเพื่อถอยหลังและแกว่งดาบต่อไป
รอยแตกปรากฏขึ้นในทิ่มแทงจิตวิญญาณลมทีละน้อยและในที่สุดมันก็เริ่มพังทลายลง และเปิดช่องโหว่ขึ้นมา
เคร้ง!
ราอนหายใจออกยาวขณะที่เหวี่ยงดาบ แสงสีแดงสาดส่องราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดจ้า และทิ่มแทงจิตวิญญาณลมก็ละลายหายไปในอากาศ
“ห๊า!”
ริมเมอร์อ้าปากค้าง
'เมื่อกี้เขาทำอะไร?’
เขาแค่อยากให้ราอนพัฒนาเขี้ยวแห่งความวิกลจริตจากการได้เห็นทิ่มแทงจิตวิญญาณลมของเขา แต่จริงๆ แล้วราอนสามารถกลับทำลายมันได้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าราอนบ้าแค่ไหน
ฟรึ่บ!
ราอนยืนอยู่อย่างมั่นใจตรงกลางลานฝึกซ้อม ซึ่งมีฝุ่นฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ
"เฮ้ เธอ..."
"อย่าเข้าไปนะคะ”
ขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้ราอน รูนันก็มาคว้าแขนของเขาเอาไว้
"ฮะ?"
"อย่าพึ่งเข้าไปค่ะ”
ริมเมอร์มองไปข้างหน้าและสังเกตเห็นว่ารูม่านตาของราอนขยายออก
'อยู่ในภวังค์เหรอ?’
ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจแก่นแท้ของมันในขณะที่ต่อสู้กับทิ่มแทงจิตวิญญาณลม
'อะไรกัน...?'
ไม่รู้ว่าเขาทำได้บ่อยขนาดนี้ได้ยังไงในเมื่อเป็นสิ่งที่เราควรทำได้เพียงหนึ่งหรือสองครั้งเท่านั้น
รูนันปล่อยมือของริมเมอร์และเดินออกนอกสนามฝึก ดูเหมือนว่าเธอจะไปหยุดคนอื่นๆ ไม่ให้เข้ามา
'เธอสังเกตด้วยเหรอ?’
ริมเมอร์เองยังไม่สังเกตเห็นภวังค์ของราอนเลย เขาไม่รู้ว่ารูนันสังเกตเห็นได้ยังในเมื่ออยู่ไกลขนาดนั้น
“ช่างเป็นเด็กที่โชคดีอะไรขนาดนี้”
ริมเมอร์ส่ายหัวของเขาและนั่งลง ดูเหมือนว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปกป้องราอน
“ฉันต้องรีบไปดื่มซะด้วยสิ”
เขาเลียริมฝีปากและมองดูพระอาทิตย์กำลังตก
***
"เฮ้อ..."
ราอนลืมตาขึ้น รอบข้างมืดไปหมด ดวงอาทิตย์ที่เคยอยู่บนท้องฟ้ากลายเป็นดวงจันทร์ แต่เขาก็ไม่แปลกใจมากนัก
'ฉันตกอยู่ในภวังค์สินะ’
เขาได้ตกอยู่ในภวังค์ของการรู้แจ้งเมื่อเผชิญหน้ากับดาบอันทรงพลังของริมเมอร์ในตอนท้าย
เขาต้องเลือกระหว่างการรู้แจ้งอันใหม่หรือรักษาอันเก่าไว้ เขาจึงตัดสินใจทำมันไปพร้อมๆ กันเพื่อที่จะได้รับการรู้แจ้งที่สุดยอดยิ่งกว่าเดิม
"ผลลัพธ์ออกมาดีสินะ”
ริมเมอร์นอนอยู่บนพื้นและขมวดคิ้ว
“ขอบคุณนะครับ”
ราอนเก็บดาบเข้าฝักและโค้งคำนับอย่างสุภาพ
แม้ว่าเขาจะดูผ่อนคลาย แต่พลังของริมเมอร์ก็ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เขาคงอยู่เฝ้าเขามาจนถึงตอนนี้
"ควรไปขอบคุณเธอด้วย”
ริมเมอร์ชี้ไปทางด้านหลัง ผมสีเงินปลิวไสวอยู่ข้างประตูสนามฝึกซ้อม
"เสร็จแล้วเหรอ?"
รูนันเปิดประตูเข้ามา
“เธอสังเกตเห็นก่อนฉันซะอีก”
ราอนพยักหน้าและยืนอยู่หน้ารูนัน
“ขอบคุณนะ”
“นายแข็งแกร่งขึ้นหรือเปล่า?”
"ใช่"
“งั้น...เราไม่ต้องสู้กันอีกใช่ไหม?”
ราอนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วสีหน้าของรูนันก็สดใสขึ้นเล็กน้อย
“เธอคงได้รับการรู้แจ้งที่ดีสินะ เธอพูดว่าแข็งแกร่งขึ้นอย่างมั่นใจเลย”
ริมเมอร์ลุกขึ้นยืนและปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของเขา
"ใช่ เขี้ยวแห่งความวิกลจริตอาจเป็นเขี้ยวของอสูรร้าย แต่ก็สามารถเกิดการรู้แจ้งได้เช่นกัน แท้จริงแล้วเขี้ยวแห่งความวิกลจริตคืออสูรที่มีจิตใจที่สงบ”
เขี้ยวแห่งความวิกลจริต ไม่ใช่ดาบสัญชาตญาณที่มีลักษณะเฉพาะคือความดุร้ายและความรุนแรง มันเป็นวิชาดาบพิเศษที่ใช้ประสบการณ์และจิตใจในการสร้างช่องโหว่ในคู่ต่อสู้
หนทางอีกยาวไกล แต่เขารู้สึกเหมือนอยู่ที่ขั้นแรกของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตที่แท้จริงแล้ว
"ถือว่าคุ้มค่าเวลาของฉัน วันนี้เหล้าคงอร่อยน่าดู”
ริมเมอร์ยิ้มและเริ่มเดินไปที่ทางออกของสนามฝึก
“ขอบคุณครับ”
ราอนแสดงความขอบคุณอีกครั้ง ริมเมอร์โบกมือและออกจากสนามฝึกซ้อม
"ราอน, มาฝึกกันเถอะ”
เธอเข้ามาใกล้เขาแล้วชักดาบออกมา เธอไม่ได้พูดถึงการต่อสู้แต่เป็นการฝึกดาบของตัวเอง
"โอเค”
เขาเป็นหนี้บุญคุณรูนันอีกครั้ง เขายินดีช่วยเธอฝึกได้มากเท่าที่เธอต้องการ
ราอนสังเกตทักษะดาบของรูนัน ต้องขอบคุณที่ได้เรียนรู้เขี้ยวแห่งความวิกลจริต ทำให้เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเธอขาดอะไร
“ในระหว่างเทคนิคที่สอง ให้เหยียดเท้าออกประมาณหนึ่งข้อนิ้ว และเหยียดเข่าให้ตรงขึ้นอีกนิดหน่อย”
“อึ้ม”
ดาบของรูนันคมขึ้นและซับซ้อนมากขึ้น พรสวรรค์ของเธอคงอยู่ในระดับทวีป เธอสามารถปรับปรุงให้ถูกต้องจากคำแนะนำเพียงครั้งเดียว
ราอนให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับเธออีกสองสามข้อก่อนจะเงยหน้าขึ้น เขาพยักหน้าเล็กน้อยและมองดูพระจันทร์ดวงใหญ่ที่ส่องแสงบนสนามฝึก
'เตรียมพร้อมเกือบหมดแล้ว'
เหลือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น