ตอนที่ 625 เปิดเผยผนึกมังกร
ตอนที่ 625 เปิดเผยผนึกมังกร
พลังระเบิดอันรุนแรงจากการที่อสูรเทวะระเบิดร่างสร้างหายนะไปทั่วทั้งเกาะอสรพิษพิทักษ์อย่างฉับพลัน เซี่ยเฟย, หยูเจียง, หยูกู่ติงและขนอุยที่ถูกส่งออกไปภายใต้การคุ้มครองของบอลพลังงานก็ทำได้เพียงแต่เฝ้าดูโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นโดยไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย
“ท่านชิงเหมิง!!” หยูกู่ติงร้องโหยหวนขึ้นมาด้วยความเสียใจ
เขาอยู่กินร่วมกันกับสัตว์อสูรตัวนี้มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปีแล้ว การจากไปของชิงเหมิงจึงทำให้เขารู้สึกไม่ต่างไปจากการสูญเสียบรรพบุรุษของตัวเอง
ลูกบอลแสงมุ่งตรงไปยังทางทิศใต้อย่างรวดเร็วโดยอาศัยแรงระเบิดในการผลักดันมันออกไป ขณะเดียวกันแสงสว่างจากการระเบิดก็ส่องแสงสีขาวออกมาอย่างเจิดจ้า ทำให้ทุกชีวิตในบริเวณนั้นต้องเผชิญหน้ากับระเบิดพลังอันมหาศาลชนิดที่ยากจะต้านทานได้
แม้ว่าสถานการณ์นี้จะน่าหดหู่ใจไปสักหน่อย แต่เซี่ยเฟยก็ไม่มีเวลามานั่งเสียใจแม้แต่วินาทีเดียว เพราะชิงเหมิงยอมแลกชีวิตเพื่อสร้างโอกาสให้กับพวกเขา ชายหนุ่มจึงไม่สามารถที่จะพลาดโอกาสที่ดีในครั้งนี้ได้
ระหว่างหลบหนีเซี่ยเฟยได้หยิบน้ำยาเชื่อมกระดูกออกมาจากแหวนมิติ เนื่องมาจากว่าเขามักจะได้รับบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงพกน้ำยาเหล่านี้เตรียมเอาไว้ในแหวนมิติอยู่เสมอ ซึ่งน้ำยาเชื่อมกระดูกไม่เพียงแต่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บได้เท่านั้น แต่มันยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดภายในร่างของเขาได้อีกด้วย
ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเซี่ยเฟยก็เดินทางมาจนถึงม่านพลังทางทิศใต้ เซี่ยเฟยจึงเตรียมที่จะใช้พลังของกฎแห่งความโกลาหลเพื่อหลบหนีออกไปยังพื้นที่เกาะด้านนอก
ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ชายหนุ่มไม่คิดที่จะปกปิดพลังของกฎแห่งความโกลาหลอีกต่อไป เพราะการพยายามเอาชีวิตรอดคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นไม่ว่าผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นยังไง แต่สิ่งแรกที่เขาจำเป็นจะต้องทำคือการเอาชีวิตรอดไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้เสียก่อน
แต่ในทันใดนั้นลูกบอลพลังงานที่คลุมร่างของพวกเขาอยู่ก็ถูกบล็อกด้วยอากาศที่มองไม่เห็น และในพริบตาต่อมาลูกบอลพลังงานที่ครอบคลุมร่างกายของพวกเขาอยู่ก็หายไปอย่างฉับพลัน
“ศัตรูยังไม่ตายงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
อย่าลืมว่าปรากฏการณ์ในครั้งนี้คือการระเบิดร่างของอสูรเทวะ มันจึงเป็นระเบิดที่ก่อกำเนิดขึ้นมาจากพลังงานปริมาณมหาศาล แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมีศัตรูหลบหนีออกมาจากสถานที่เกิดเหตุได้สำเร็จ และยังตามมาขัดขวางพวกเขาอย่างรวดเร็วเกินไปอีกด้วย
คนที่สามารถทำแบบนี้ได้จะต้องมีทักษะที่น่าทึ่งมาก มันจึงทำให้หยูเจียงและหยูกู่ติงต่างก็หน้าซีดลงอย่างฉับพลัน
เมื่อแสงสว่างเจิดจ้าจางหายไปในที่สุดเซี่ยเฟยก็มองเห็นฝ่ามือของผู้มีอายุซึ่งเป็นมนุษย์ที่สวมใส่ชุดสีดำ บนใบหน้าถูกปิดบังด้วยหน้ากากที่มีรูปทรงอันแหลมคม และเขาคนนี้ก็คือผู้ที่ขัดขวางการหลบหนีของพวกเขาด้วยมือเดียว
ชิงเหมิงถึงกับยอมแลกชีวิตของมันเพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนี แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังมีคนมาขัดขวางเส้นทางการหลบหนีของพวกเขาเอาไว้
สิ้นหวัง!
ผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ย่อมมีระดับพลังที่สูงมากอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถึงแม้ว่าชิงเหมิงจะระเบิดพลังออกมาอย่างรุนแรง แต่ชุดสีดำของเขากลับยังคงเหมือนใหม่ คล้ายกับว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบจากพลังงานที่ระเบิดออกมาเลยแม้แต่น้อย
“แกเป็นใคร?” หยูเจียงส่งเสียงคำรามถามขึ้นมาอย่างสิ้นหวัง
ชายสวมหน้ากากไม่พูดเพียงแต่ยืนรออยู่อย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินเสียงร้องคำรามจากหยูเจียง
ฟุบ ๆ ๆ ๆ
หลังจากนั้นไม่นานมันก็มีร่างหลายร่างเคลื่อนที่ไล่ตามพวกเขามา และแน่นอนว่าร่างเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากพวกหยูฮัวและคนจากตระกูลไบร์ทซี
เมื่อคนจากตระกูลไบร์ทซีเห็นชายสวมหน้ากาก พวกเขาก็ตกใจก่อนจะรีบก้มหน้าลงอย่างอับอายโดยไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมาเพื่อสบสายตา
“ฮึ่ม! ตระกูลเฝิงกำลังเคลื่อนไหวแล้ว รีบจัดการเรื่องทุกอย่างที่นี่เดี๋ยวนี้!!” ชายสวมหน้ากากส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา ก่อนที่ร่างของเขาจะหายตัวไปราวกับว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อนเลย
เซี่ยเฟยรู้สึกขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะชายคนนี้สามารถเดินทางผ่านม่านพลังได้อย่างอิสระหรือว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิกฎในตำนาน!!
หากผู้มีพลังระดับนี้มาปรากฏตัวในตระกูลหยู มันก็แสดงให้เห็นว่าตระกูลหยูตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายตรงข้ามมาเป็นเวลานานแล้ว และถ้าหากว่าศัตรูมีจักรพรรดิกฎร่วมอยู่ด้วย มันก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะหลบรอดออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมคนของตระกูลเฝิงจะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ เซี่ยเฟยก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันเลวร้ายมากเกินไป สิ่งเดียวที่เขาพยายามคิดคือการพยายามหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้เสียก่อน
ในเวลาเดียวกันสภาพของหยูฮัวก็ไม่ได้ดูดีมากนัก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถรอดชีวิตมาจากการระเบิดพลังของชิงเหมิงได้ แต่มันก็ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน
ความเป็นจริงถ้าหากชิงเหมิงได้ระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่ คนพวกนี้ก็น่าจะเสียชีวิตไปเป็นเวลานานแล้ว แต่ท้ายที่สุดชิงเหมิงก็เลือกที่จะกักเก็บพลังงานส่วนหนึ่งเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเซี่ยเฟยได้รับอันตราย ความเสียหายที่เกิดจากการระเบิดจึงเกิดขึ้นมาเพียงแค่ประมาณครึ่งหนึ่งจากพลังที่ควรจะเป็น
แต่ถึงแม้ว่าความเสียหายจะลดลงไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้ว มันก็ยังทำให้ราชากฎทั้งเก้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งมันก็ต้องยอมรับว่าอสูรเทวะสมควรแล้วที่จะถูกยกย่องให้เป็นอสูรที่มีความแข็งแกร่งเป็นรองเพียงแค่อสูรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ถ้าการระเบิดพลังเมื่อสักครู่นี้เกิดขึ้นจากการระเบิดพลังของขนอุย ยานอวกาศซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของตระกูลหยูแห่งนี้ก็คงจะถูกระเบิดหายไปทั้งหมด
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” จู่ ๆ หยูเจียงก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหันคล้ายกับว่าเขาได้เสียสติไปแล้ว
“หยูฮัว! นายอยากจะขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแทนที่ฉันใช่ไหม?” หยูเจียงถามอย่างเย็นชา
หยูฮัวก้มหน้าลงเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร เพราะท้ายที่สุดการทรยศต่อตระกูลของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายกย่อง และถึงแม้ว่าเขาจะตัดสินใจทำเรื่องทุกอย่างดีแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะมองหน้าหยูเจียงในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตได้
“วันนี้ฉันจะแสดงให้นายได้เห็นเองว่าความรับผิดชอบของหัวหน้าตระกูลคืออะไร ใช่แล้ว! ต้นพลัมเก้าราตรีอยู่ที่ฉันเอง ถ้าพวกนายมีความสามารถก็เข้ามาเอามันไปเลย” หยูเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ภาคภูมิใจ
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขารู้แล้วว่าวันนี้เขาไม่มีทางหลบหนีออกไปได้ เขาจึงตัดสินใจที่จะตายลงตรงนี้
เซี่ยเฟยไม่ได้ยินเสียงของหยูเจียงชัดเจนนัก เพราะในระหว่างที่ชายชรากำลังประกาศออกไปอย่างภาคภูมิใจ มันก็มีของสิ่งหนึ่งถูกยัดเข้าไปภายในแหวนมิติของเขา
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะยังไม่ทันได้สังเกตแต่เขาก็สามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องเดาว่าของสิ่งนี้จะต้องเป็นต้นพลัมเก้าราตรีอย่างแน่นอน
ทำไม?
ทำไมหยูเจียงถึงมอบต้นพลัมเก้าราตรีให้กับเขาแทนที่จะเป็นหยูกู่ติง!?
เซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่คนนอกและเป็นคนที่ชอบดึงปัญหาเข้ามาให้กับตระกูล การที่หยูเจียงตัดสินใจแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลมากนัก
ระหว่างดึงมือกลับนิ้วของหยูเจียงก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาสัมผัสได้ถึงพลังของโอโร่ในแหวนมิติของชายหนุ่ม
‘นี่มันพลังของเผ่ามาร! ทำไมมันถึงมาอยู่ในพื้นที่ของเผ่าเทพได้!!’
‘ช่างมันเถอะ! นี่คงเป็นชะตากรรมของฉันสินะ’ หยูเจียงพึมพำพร้อมกับถอนหายใจ
คำพูดเหล่านี้อาจจะฟังดูเหมือนเป็นคำคร่ำครวญที่เขาได้พูดบอกตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นคำที่เขากำลังพูดบอกกับเซี่ยเฟยต่างหาก
ใครจะไปรู้ว่าผู้ที่เขาตัดสินใจมอบต้นพลัมเก้าราตรีให้จะเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร แต่กว่าที่เขาจะรู้ตัวเขาก็ได้มอบของสำคัญให้กับอีกฝ่ายหนึ่งไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและบ่นพึมพำเพียงคนเดียวเท่านั้น
เบื้องหลังของเซี่ยเฟยมีความลับอยู่อย่างมากมายจึงทำให้หยูเจียงอดที่จะส่ายหัวขึ้นมาไม่ได้ เพราะเขาไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิดกันแน่
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่แน่นอนเป็นจำนวนมาก การส่งมอบสมบัติชิ้นนี้ก็ยังทำให้หยูเจียงพอทำใจได้ เพราะท้ายที่สุดการส่งมอบมันให้กับเซี่ยเฟยย่อมดีกว่าการส่งมอบมันให้กับศัตรู
หยูกู่ติงเติบโตขึ้นมาบนเกาะอสรพิษพิทักษ์มาโดยตลอด มันจึงให้ชายหนุ่มคนนี้แทบที่จะไม่มีประสบการณ์ชีวิตในโลกภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยเป็นคนใจเย็นและมีไหวพริบมาก แล้วเบื้องหลังของเขาก็มีความลับอยู่อย่างมากมาย และเขาก็ได้ครอบครองแม้กระทั่งอาวุธมายาและอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากมากแม้แต่ภายในเก้าตระกูลชั้นยอดก็ตาม
ถึงยังไงตัวเขาก็จะต้องเสียชีวิตที่นี่อยู่แล้วและระหว่างหยูกู่ติงกับเซี่ยเฟย เขาก็คิดว่าเซี่ยเฟยมีโอกาสที่จะหลบรอดออกไปได้มากกว่า
พลังเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะนำไปตัดสินใจเรื่องราวได้ทุกสิ่ง แล้วเขาก็รู้ดีว่าหลานชายของตัวเองโง่เขลามากแค่ไหน และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจมอบต้นพลัมเก้าราตรีให้กับเซี่ยเฟย
เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธมายาตกไปอยู่ในมือของศัตรู หยูเจียงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องตัดสินใจแบบนี้ แล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นคนดีมากนัก แต่หลังจากที่ใช้ชีวิตมาหลายร้อยปีอย่างน้อยเขาก็ยังคงภูมิใจในสายตาที่ดีของเขามาโดยตลอด
ชายผมสั้นพยักหน้าให้สัญญาณทำให้ราชากฎทั้งเก้าล้อมรอบพวกเซี่ยเฟยเอาไว้และตัดสินใจที่จะลงมือพร้อมกัน
ในระหว่างนั้นหยูเจียงก็รีบขยับมือด้วยความรวดเร็ว ราวกับว่าเขากำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ของเขาอย่างฉับพลัน
การพยายามเพิ่มพลังการต่อสู้อย่างฉับพลันเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงมาก เพราะถึงแม้ว่ามันจะทำให้เขาได้รับชัยชนะ แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมันก็จะนำมาซึ่งบาดแผลที่ไม่สามารถจะรักษาได้อยู่ดี
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังหยูเจียงก็ไม่สนใจผลลัพธ์หลังจากนั้นอีกต่อไป เพราะในวันนี้เขาได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าเขาจะทำหน้าที่สุดท้ายในฐานะที่เขาเป็นผู้นำตระกูล
ปัจจุบันอสูรพิทักษ์ตระกูลหยูได้เสียชีวิตลงไปแล้ว และถ้าหากว่าเขาผู้ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันยังไม่สามารถปกป้องสมบัติของตระกูลได้ แล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับบรรพบุรุษที่รอเขาอยู่ในโลกหลังความตาย
ตูม!
พริบตาต่อมาพลังงานปริมาณมหาศาลก็พุ่งออกมาจากร่างของหยูเจียงอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับพลังงานทั้งหมดที่เขาสะสมมาหลายร้อยปีถูกปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว
“เขากำลังใช้วิชาปลดผนึกมังกรสวรรค์กับตัวเอง เขาตั้งใจที่จะแลกชีวิตกับพวกเรา!” หยูฮัวตะโกนเตือนพวกพ้อง
วิชาปลดผนึกมังกรสวรรค์ถือว่าเป็นวิชาลับของตระกูลหยู ซึ่งโดยปกติแล้ววิชานี้จะใช้เพื่อปลดผนึกหุ่นกลของตระกูลให้ออกมาจัดการกับคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ แต่ในกรณีที่พวกเขานำวิชานี้มาใช้กับร่างของตัวเอง มันก็เป็นวิชาที่จะปลดผนึกศักยภาพทั้งหมดของตัวเองออกมา โดยแลกกับพลังชีวิตที่จะสูญเสียไปในทุกวินาที
หยูเจียงคิดเอาไว้ในใจตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะพยายามสร้างโอกาสให้เซี่ยเฟยหลบหนีไป และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงมอบต้นพลัมเก้าราตรีให้กับเซี่ยเฟยก่อน เพราะชายหนุ่มคือคนที่มีโอกาสรอดชีวิตไปจากสถานที่แห่งนี้มากที่สุด
การปลดปล่อยพลังของชายชราทำให้สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียดอย่างฉับพลัน เพราะในตอนแรกหยูเจียงก็มีพลังอยู่ในระดับราชากฎขั้นสูงสุดอยู่แล้ว การที่เขาได้ปลดศักยภาพของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ มันก็ทำให้ชายชราคนนี้มีพลังเทียบเท่าได้กับจักรพรรดิกฎในตำนาน
“รีบฆ่ามันเร็ว ๆ เข้า!” ชายผมสั้นตะโกนสั่งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หยูเจียง
“ไปซะ!!” หยูเจียงโบกมือผลักร่างของเซี่ยเฟยกับหยูกู่ติงออกไป
“มันเป็นกลลวง! ต้นพลัมเก้าราตรีอาจจะไม่ได้อยู่กับเขา แต่เขากำลังสร้างโอกาสให้เซี่ยเฟยกับหยูกู่ติงพยายามหลบหนี”
ในพริบตาเดียวราชากฎตั้งเก้าก็แบ่งแยกออกเป็นสามกลุ่ม โดยมีกลุ่มหนึ่งไล่ตามเซี่ยเฟยไป กลุ่มหนึ่งไล่ตามหยูกู่ติงไป ขณะที่ราชากฎอีกสามคนจากตระกูลไบร์ทซีคอยปิดล้อมเพื่อลงมือสังหารหยูเจียง
เก้ามังกรแยกฟ้า!!
หากว่าวิชาเจ็ดมังกรแยกฟ้าของหยูฮัวเป็นการจู่โจมที่ทรงพลังแล้ว วิชาเก้ามังกรแยกฟ้าของหยูเจียงก็มีพลังทำลายที่น่าสะพรึงมากยิ่งกว่า แล้วมันก็เป็นพลังทำลายที่มากกว่าการจู่โจมของหยูฮัวหลายสิบเท่า
รอยแยกมิติแตกระแหงออกไปในระยะมากกว่า 10 กิโลเมตร คล้ายกับมังกรที่พยายามฉีกกระชากทุกสิ่งออกจากกัน
ค่ายกลระบำดารา!
นักรบทั้งสามจากตระกูลไบร์ทซีร่วมกันลงมืออีกครั้ง และเนื่องมาจากพวกเขาถูกฝึกฝนร่วมกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ การประสานงานระหว่างพวกเขาจึงจัดอยู่ในระดับที่เรียกว่าไร้ที่ติ
ร่างของชายทั้งสามเคลื่อนที่ราวกับดาวตกที่พุ่งเข้าใส่ชายชรา ขณะที่รอยแยกมิติทั้งเก้าก็กำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของชายทั้งสามจากตระกูลไบร์ทซีเช่นเดียวกัน
3 ต่อ 1!
ตระกูลหยูเชี่ยวชาญการใช้กฎแห่งมิติเพื่อฉีกกระชากมิติออกจากกัน ขณะที่ตระกูลไบร์ทซีเชี่ยวชาญการควบแน่นพลังมิติ
นี่คือการประลองพลังของกฎแห่งมิติที่มีการตีความหมายแตกต่างกันออกไปตามแต่ละแนวทางของตระกูล
***************
โอ๊ยยย ลุ้นใจจะขาดแล้ว!!