1140 - ประหารราชาบรรพชน
1140 - ประหารราชาบรรพชน
“เจ้าก็รู้ว่านี่คือการกลั่นแกล้งหรือ แล้วเหตุใดเจ้ายังกล้าขอให้องค์ชายศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าต่อหน้าทุกคน? เจ้ามาที่นี่ก็เพราะต้องการสังหารองค์ชายศักดิ์สิทธิ์และทำให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้รับความอับอายใช่ไหม?!”
องค์หญิงเสิ่นฉานกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าของนางไม่ได้มีความเรียบเฉยอีกต่อไป
ทุกเผ่าพันธุ์โบราณทราบกันดีว่าองค์หญิงเสิ่นฉานคือคู่หมั้นของน้องชายจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ และจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คือคนที่นางให้ความเคารพมากที่สุด
“เขาเป็นเพียเด็กรุ่นหลัง แม้ว่าเขาจะเป็นองค์ชายศักดิ์สิทธิ์แต่หากให้เขาคุกเข่าขอโทษมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ราชาบรรพชนสตรีดากูกล่าว ความมั่นใจของนางสั่นคลอนอย่างรุนแรง
“เรื่องของเขาช่างเถอะ ตอนนี้เจ้าบอกทางเลือกของเจ้าได้แล้ว”
องค์หญิงเสิ่นฉานกล่าวอย่างสงบ และสิ่งมีชีวิตเล็กๆ บนไหล่ของนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ดวงตาที่กลมโตของมันจ้องมองราชาบรรพชนสตรีด้วยความคาดหวัง
“องค์หญิงท่านจะทำเกินไปแล้ว” ราชาโบราณอีกสองคนก้าวไปข้างหน้า
“พวกเจ้าสองคนไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้ หากยังดื้อด้านข้าจะให้พวกเจ้าคุกเข่าร่วมกับนาง”
ในขณะนี้องค์หญิงเสิ่นฉานแสดงให้เห็นถึงด้านที่แข็งแกร่งของนางแล้ว น้ำเสียงของนางยังคงแผ่วเบา แต่คำพูดนั้นทรงพลังจนทำให้ร่างกายของผู้คนสั่นสะท้าน
ยอดฝีมือจากทุกเผ่าพันธุ์ไม่กล้าอวดความเย่อหยิ่ง องค์หญิงเสิ่นฉานคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคโบราณอย่างแท้จริง สะใภ้ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จากอ่อนแอได้อย่างไร?
“เราเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิอมตะ ต่อให้เจ้ายิ่งใหญ่เพียงใดก็ไม่สามารถทำให้ข้าคุกเข่าได้” ราชาบรรพชนสตรีโบราณกล่าว
“อย่ายกอ้างชื่อของจักรพรรดิอมตะมาข่มขู่ข้า หากเจ้าไม่คุกเข่าวันนี้แม้แต่ทายาทของจักรพรรดิอมตะของเจ้าก็ไม่อาจรอดชีวิตได้!” องค์หญิงเสิ่นฉานยิ้มเยาะและเดินไปข้างหน้าทีละก้าว
สีหน้าของราชาบรรพชนสตรีโบราณเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ระดับสูงของเผ่าหนอนไหมสวรรค์ ตัวตนของนางช่างกระจ้อยร่อยนัก
ในขณะนี้เทียนหวงจื่อและหยวนกู่ต่างก็ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด พวกเขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้สามารถทำตามคำพูดของตัวเองได้อย่างแน่นอน และหากราชาบรรพชนสตรีไม่ยอมคุกเข่าบางทีพวกเขาอาจจะไม่สามารถรอดชีวิตออกจากที่นี่ก็ได้
“เจ้าไข่ เจ้าแตงโม พวกเจ้าตายแน่” ต้วนเต๋อจ้องมองเทียนหวงจื่อและหยวนกู่พร้อมกับตะโกนเสียงดัง
ทันทีที่ต้วนเต๋อพูดจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาไม่ได้ครอบครองร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณอีกแล้ว ดังนั้นความแค้นครั้งนี้อีกฝ่ายจะต้องครอบใส่ศีรษะของเขาอย่างแน่นอน
“ก่อนหน้านี้เจ้าบังคับให้องค์ชายศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าต่อหน้าผู้คนเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าตัวเจ้าจะมีวันนี้?” องค์หญิงเสิ่นฉานยิ้มเยาะ
“เจ้า...” ราชาบรรพชนสตรีคำรามด้วยความโกรธ
“บูม!”
ราชาบรรพชนสตรีโบราณแสดงกฎศักดิ์สิทธิ์ทุกรูปแบบ ฝ่ามือขนาดใหญ่โตของนางพุ่งลงมาจากท้องฟ้าโดยมีเป้าหมายอยู่ที่องค์หญิงเสิ่นฉาน
“แคร็ก!”
ไม่มีใครมองเห็นความเคลื่อนไหวขององค์หญิงเสิ่นฉานอย่างชัดเจน พวกเขารู้เพียงว่าขาของราชาบรรพชนสตรีถูกตัดขาดและร่างกายของนางก็เผชิญกับความกดดันบีบบังคับจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น
“เจ้า…” นางคร่ำครวญด้วยความดุร้าย
องค์หญิงเสิ่นฉานโบกมือแล้วดึงวานรศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเพื่อให้ราชาบรรพชนสตรีขอขมาโดยตรง
“เจ้าทำกับข้าแบบนี้เจ้าไม่กลัวหรือว่าเมื่อบรรพชนโบราณของข้าตื่นขึ้นเขาจะตอบโต้สันเขาเสิ่นคานด้วยความโกรธเกรี้ยวหรือ?”
ราชาบรรพชนสตรีโบราณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป นางทำได้เพียงส่งเสียงร้องด้วยความสิ้นหวังเท่านั้น
องค์หญิงเสิ่นฉานยิ้ม ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางถูกเส้นผมสีม่วงปิดบังไว้ นางยื่นมือที่เรียวยาวและงดงามเหมือนหยกไปข้างหน้าแล้วกล่าวว่า
“ข้าไม่กลัว!”
“ปัง”
ฝ่ามือที่งดงามกดลงบนศีรษะของราชาบรรพชนสตรีอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ศีรษะของราชาบรรพชนสตรีแตกละเอียดเหมือนผลแตงโมถูกทุบ แม้แต่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนางก็ยังสูญสลายไปด้วย
ฉากนี้ทำให้ผู้คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ แม้แต่วานรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังประหลาดใจ การฆ่าราชาบรรพชนถือเป็นเรื่องใหญ่และอาจทำให้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ได้
ในขณะนี้องค์หญิงเสิ่นฉานเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังเทียนหวงจื่อและหยวนกู่ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคยสงบนิ่งของนาง
รอยยิ้มนี้ทำให้ราชาโบราณอีกสองคนสั่นสะท้าน พวกเขาใช้ร่างกายของตัวเองปิดบังเทียนหวงจื่อและหยวนกู่อย่างรวดเร็ว
“องค์หญิงโปรดสงบสติอารมณ์ลงก่อน ท่านได้สังหารราชาบรรพชนแห่งเขาจักรพรรดิไปแล้ว เราไม่ควรทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเผ่าพันธุ์เลวร้ายไปกว่านี้…” ราชาโบราณคนหนึ่งค้อมตัวลงด้วยความหวาดกลัว
ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดความหวาดกลัวอย่างยิ่ง ราชาบรรพชนสตรีเมื่อครู่นี้คือหนึ่งในราชาบรรพชนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายนางกลับเป็นเพียงมดแมลงเมื่อยืนอยู่ต่อหน้าองค์หญิงเสิ่นฉาน
ผู้คนจากทะเลสาบหยวนหู่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องหยวนกู่และแยกเขาออกจากเทียนหวงจื่อ เพราะกลัวว่าเขาจะถูกลากเข้าไปในความขัดแย้งระหว่างสันเขาเสิ่นคานกับภูเขาจักรพรรดิ
“องค์หญิงโปรดใจเย็นลงก่อน...” ราชาบรรพชนหลายคนก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อร้องขอไมตรี
พลังขององค์หญิงเสิ่นฉานน่าสะพึงกลัวมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้ ก่อนหน้านี้พวกเขายังเชื่อว่าราชาบรรพชนสตรีจะสามารถต่อต้านได้สักหลายพันกระบวนท่า แต่สุดท้ายนางกลับไม่อาจต้านทานได้แม้แต่การโจมตีเพียงครั้งเดียว
ในแต่ละเผ่าพันธุ์จะมีราชาบรรพชนกี่คน? สถานะนี้จะได้รับก็ต่อเมื่อการดำรงอยู่เจ้ามีความเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของเผ่าพันธุ์เท่านั้น การเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะนั้นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเป็นราชาบรรพชนได้
แต่องค์หญิงเสิ่นฉานเพียงยกมือขึ้นก็สังหารราชาบรรพชนสตรีโดยไม่ลังเลใดๆ การกระทำของนางเห็นได้ชัดว่าไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขาจักรพรรดิจะตอบโต้กลับมาหรือไม่
“องค์หญิงโปรดใจเย็นก่อน” ในเวลานี้ราชวงศ์จากถ้ำโหวหลินเอ่ยคำวิงวอนด้วยตัวเอง
“ตอนนี้องค์หญิงได้ระบายความโกรธของตัวเองออกไปบ้างแล้วจะไม่ดีกว่าหรือหากเราจบความขัดแย้งเพียงเท่านี้” ผู้คนจากภูเขาหงส์เพลิงร่วงหล่นก็สอดแทรกเข้ามาเช่นกัน
เส้นผมสีม่วงขององค์หญิงเสิ่นฉานร่วงลงมาปกคลุมใบหน้าที่งดงามของนางครึ่งหนึ่ง มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย ดูเย็นชาและเย่อหยิ่งอย่างมาก นางจ้องมองเทียนหวงจื่อและหยวนกู่พร้อมกับกล่าวว่า
“เจ้าคิดว่าสถานะของตัวเองสูงส่งเพียงเพราะพวกเจ้าเป็นทายาทของจักรพรรดิหรือ ในสายตาของข้าพวกเจ้าไม่แตกต่างอะไรจากมดปลวกเท่านั้น!”
เทียนหวงจื่อได้รับผลกระทบอย่างหนัก เพียงความกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างขององค์หญิงเสิ่นฉานก็สามารถทำลายวงแหวนศักดิ์สิทธิ์ที่โอบล้อมอยู่รอบตัวของเขาให้พังทลายลงทันที
สถานการณ์ของหยวนกู่ยิ่งเลวร้ายกว่ามาก ดวงอาทิตย์สีดำและดวงจันทร์สีแดงในดวงตาทั้งสองข้างของเขาถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุดและล้มลงกับพื้นโดยไม่อาจควบคุมตัวเองได้
“องค์หญิง…”
ในขณะนี้ผู้คนจากสันเขาเสิ่นคานก็ก้าวออกมาข้างหน้าและร้องขอความเมตตาด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าการตื่นขึ้นขององค์หญิงเสิ่นฉานซึ่งเป็นบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาย่อมทำให้ทุกคนตื่นเต้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามหากนางสังหารองค์ชายทั้งสอง สันเขาเสิ่นคานจะต้องเผชิญกับการตอบโต้ของภูเขาจักรพรรดิและทะเลสาบหยวนหู่ไปอีกยาวนานหลายร้อยปี ความทุกข์ทรมานเช่นนั้นไม่มีผู้ใดยินดีที่จะแบกรับ
องค์หญิงเสิ่นฉานเหลือบมองพวกเขาและไม่มีความตั้งใจที่จะดำเนินการอีก สิ่งนี้ทำให้คนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดสถานการณ์อันเลวร้ายของเผ่าพันธุ์โบราณก็จบลงสักที
พายุผ่านไปแล้ว ผู้คนต่างมีความคิดเห็นอยู่ในใจ แม้ว่าสายเลือดวานรศักดิ์สิทธิ์เกือบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว ตราบใดที่หนึ่งในนั้นพิสูจน์เต๋าได้สำเร็จความแข็งแกร่งของพวกเขาก็เพียงพอที่จะเขย่าโลกทั้งใบได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันเมื่อได้รับความคุ้มครองจากองค์หญิงเสิ่นฉานในฐานะผู้พิทักษ์ธรรม ไม่ช้าก็เร็ววานรศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างแน่นอน
“ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในกำมือของพวกเจ้าเอง อย่าหวังจะให้ใครช่วยเหลือ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังเกิดความหวาดกลัวอยู่นั้น องค์หญิงเสิ่นฉานก็หันไปมองเย่ฟ่านและกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
ท่าทางของนางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะไม่ช่วยเหลือเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อต้านภัยคุกคามจากเผ่าพันธุ์โบราณนับหมื่นที่อยู่ที่นี่
………..