บทที่ 243: งานลูกหาบใต้ดิน จุดเริ่มต้นของชื่อเสียง!
กำแพงกระจกกันกระสุนโปร่งใสอยู่ตรงหน้า ข้างหลังกำแพงเห็นมีคนมากมายเดินกันขวักไขว่ ถังเจิ้นยิ้มเยาะมาบฝ่ามือลงบนที่สแดนตรงประตู
‘ผ่านค่ะ ยินดีต้อนรับ!’
หลังจากเสียงตอบรับอัตโนมัติของสาววาจิมะจบลงถังเจิ้นก็ชักมือกลับแล้วเดินเข้าไปในประตูกระจกกันกระสุนที่เปิดให้
สถาบันวิจัยใต้ดิน spt ได้ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเต็มตาโดยไม่มีการป้องกันใด ๆ ทำให้เขาอยากจะทำอะไรก็ทำได้ตามใจต้องการ
จากข้อมูลที่ได้รวบรวมมาพบว่าให้ห้องแล็บใต้ดินแห่งนี้มีอุปกรณ์การทดลองชั้นยอดของโลกบวกกับข้อมูลการทดลองสิ่งมีชีวิตชั้นยอดอยู่ด้วยมากมาย มีหลายอย่างที่ไม่อาจวัดค่าได้ด้วยเงิน
ดังนั้นสิ่งที่ถังเจิ้นต้องทำก็คือยกเค้าให้สะอาด!
ถังเจิ้นได้เจาะเข้าระบบสื่อสารของห้องแล็บใต้ดินและทำการตัดขาดการสื่อสารกับบนพื้นดินไปโดยสิ้นเชิง
ก่อนที่การสื่อสารจะกลับคืนมาที่พื้นดินจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
[อินเทอร์เฟซรายละเอียดการต่อสู้] ได้สแกนสภาพแวดล้อมโดยรอบและเสร็จสิ้นในเวลาไม่นาน
กล้องวงจรปิดทั้งหมดถูกเขาควบคุม เจ้าหน้าที่ติดอาวุธทั้งหมดโดนแท็กเครื่องหมายไว้บนแอปแผนที่
เมื่อทุกอย่างพร้อมถังเจิ้นที่ยืนอยู่ตรงประตูก็ได้ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาภายใต้สายตาสงสัยของยาม
ผัวะ!
เข้าต่อยยามก่อนจะหัวเราะพร้อมกับเอาปืนไรเฟิลอัตโนมัติออกมายิงขึ้นฟ้า
ปั้ง ๆ ๆ...
ด้วยเสียงปืนที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นทำให้ทุกคนในชั้นใต้ดินนี้ตกใจกันหมดทันที เมื่อหันมาเห็นถังเจิ้นที่มาพร้อมกับปืนไรเฟิลอัตโนมัติก็แตกตื่นกันยกใหญ่
ยามสามคนพุ่งเข้าหาถังเจิ้นอย่างรวดเร็วพยายามปราบเขา
แต่เพียงแค่ก้าวเท้าก็โดนถังเจิ้นยิงล้มกันหมด
“ทุกคนยกมือขึ้นแล้วนอนลงไป ไม่งั้นยิง!”
ถังเจิ้นยิงยามที่ล้มไปแล้วแต่ก็ยังพยายามแอบลอบโจมตีเขาอยู่ไปอีกทีหนึ่งและตะโกนสั่งทุกคน
เมื่อได้เห็นเสื้อกาวน์ที่แต่เดิมขาวจั๊วะแต่ตอนนี้เปรอะไปด้วยเลือดแดงฉาน เหล่านักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองต้องทำอะไร พวกนั้นรีบนอนลงกับพื้นอย่างเชื่อฟังอย่างเร็วยิ่งกว่าจรวด
ถังเจิ้นพึงพอใจกับพฤติกรรมของพวกคนฉลาดนี้มาก หลังจากมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามีห้องกว้าง ๆ อยู่เขาก็ได้สังให้พวกนักวิทยาศาตร์ลุกขึ้นแล้วเข้าไปอยู่รวมกันในห้องนั้น
หลังจากที่ห้องหนึ่งเต็มแล้วถังเจิ้นก็สั่งให้ทุกคนเข้าไปในห้องถัดไป
หลังจากที่ทั้งสองห้องเต็มแล้วถังเจิ้นก็เข้าควบคุมระบบกระจายเสียงของห้องแล็บใต้ดินและตะโดนเสียงดังว่า “กล้าวางแผนชั่ว ๆ กับกูได้นะไอ้พวกเวร! วันนี้ที่กูมาที่นี่เพื่อเก็บดอกเบี้ย!
อยากได้อุปกรณ์การทดลองกับเอกสารงานวิจัยคืนมั้ยล่ะ
ถ้าอยากได้คืนงั้นก็ส่งเสบียงไปตามตำแหน่งที่ให้ไว้นี่ ไม่งั้นพวกมึงจะได้เจอกะกองเศษเหล็กแน่...!”
ตะโกนเสร็จก็กดยกเลิกการบันทึกแล้วป้อนแผนที่พร้อมระบุตำแหน่งลงในคอมพิวเตอร์
เสร็จแล้วก็เริ่มงานลูกหาบข้ามโลก เขาเอาเครื่องมือทดลองราคาแพงทั้งหลายใส่ไว้ในช่องเก็บของแล้วเทเลพอร์ตเอาไปกองไว้ในโกดังของเมืองเชิ่งหลง
นอกจากเครื่องมือทดลองแล้วถังเจิ้นก็ไม่ได้ปล่อยอะไรก็ตามที่เขาเห็นว่ามีค่าไป เอาทั้งหมดกลับไปเมืองเชิ่งหลงด้วย
ระหว่างขนของเขาก็เจอเข้ากับนักวิจัยหรือไม่ก็ยามที่แอบซ่อนอยู่ด้วย เขาจัดการน็อคเอาต์พวกมัน และหากว่าพวกมันกล้าเล่นตุกติกคิดจะทำร้ายเขาล่ะก็เขาจะยิงกะบาลพวกมันไปเลย
หลังจากทำงานหนักเป็นเวลานานในที่สุดถังเจิ้นก็จัดการล้างห้องแล็บใต้ดินจนสะอาดเหมือนใหม่ แม้แต่กระดาษซักแผ่นเขาก็ไม่เหลือเอาไว้
ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าของสถาบันวิจัยมาเห็นเข้าจะกระอักเลือดตายไปเลยมั้ย
ถังเจิ้นลองสุ่มถามถามราคาของอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งดูและก็ต้องอึ้งไปเหมือนกัน เพราะราคามันเกิน 100 ล้านหยวนซะอีก และที่สำคัญคือต่อให้มีเงินถึงก็ซื้อไม่ได้!
เมื่อดูข้อความแนะนำของอุปกรณ์พวกนั้นแล้วมันทำให้เขาพบว่าเหมือนตัวเองจะลืมหาเงินไป
เพราะหากถือครองวัตถุดิบหายากอยู่ล่ะก็จะสามารถเอาไปประมูลในโลกเดิมเพื่อหาแลกกับทุกสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ไม่ใช่เหรอ
แต่ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะถือเป็นการเปิดหน้าเขาอย่างเป็นทางการและกลายเป็นที่รู้จักของทุกคน!
จะทำดีหรือไม่ทำดี สองตัวเลือกนี้พัวพันอยู่ในใจของถังเจิ้น
หลังจากคิดอยู่พักหนึ่งถังเจิ้นคิดว่าข้อดีของเรื่องนี้มีมากกว่าข้อเสีย และถ้าเงื่อนไขพร้อมล่ะก็ทำไปเลยก็ดี
หลังจากตบมือปัดฝุ่นแล้วถังเจิ้นก็เดินออกจากห้องแล็บใต้ดินพร้อมกับอนุญาตการสื่อสารให้กลับมาเป็นปกติ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่บนพื้นดินก็ได้บุกเข้าไปในห้องใต้ดินและช่วยเหลือเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่กำลังหวาดกลัว
ส่วนหัวหน้าห้องแล็บที่อยู่ที่เกียวโตของวาจิมะเมื่อได้ข่าวว่าห้องแล็บใต้ดินถูกยกเค้าจนเกลี้ยงก็กระอักเลือดสามลิตรจริง ๆ ด้วย
พวกคณะผู้บริหารก็เดือดดาลกันอย่างยิ่ง สั่งสอบสวนเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดเพื่อหาว่าไอ้พวกชาติชั่วกลุ่มไหนที่บังอาจก่อเหตุปล้นอันสะเทือนฟ้าดินนี้ขึ้นมา!
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเมื่อได้อ่านรายงานการสอบสวนที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าแล้วก็เป็นต้องนิ่งเงียบ
เพราะจากการสืบสวนพบว่ามีการปล้นในครั้งนี้ตั้งแต่ต้นจนจบมีผู้กระทำความผิดเป็นชายเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น มันได้ใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่าในการแทรกซึมเข้าไปในห้องแล็บใต้ดิน และตัดการเชื่อมต่อสื่สารทั้งหมดทันที
ในช่วงที่ติดต่อสื่อสารกันไม่ได้นั้นชายคนนั้นได้ยิงทหารยามติดอาวุธเสียชีวิตไป 7 นาย กักขังนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดไว้ในห้องใหญ่ 2 ห้อง
และสิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือในช่วงเวลาสั้น ๆ ชายคนดังกล่าวได้ขนส่งอุปกรณ์การทดลองที่หนักเป็นสิบ ๆ ตันรวมถังวัตถุดิบการวิจัยอันล้ำค่าจำนวนมากออกไปจนหมดโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
มันทำได้ยังไงในพื้นที่ปิดตายลึกลงไปใต้ดินเป็นสิบ ๆ เมตร
และยังมีการเล่นบันทึกของถังเจิ้นด้วย ข้อมูลที่เปิดเผยในคำพูดของเขาทำให้พวกมันต้องกระซิบกระซาบกัน
ชายวัยกลางคนที่หน้าเครียดได้โบกมือที่หนึ่งแล้วจากนั้นประตูห้องประชุมก็เปิดออก
มีหญิงสาวในพร้อมรบสีดำสนิทเดินเข้ามาในห้องประชุม เธอมองดูรอบตัวก่อนจะพูดกับทุกคนว่า “ตามข้อมูลที่เรามีการปล้นที่เอสพีที่ครั้งนี้เป็นฝีมือของชายจากสมาพันธ์เอเชียค่ะ”
ในขณะที่เธอกำลังพูดก็ได้มีภาพถ่ายบัตรประจำตัวของถังเจิ้นขึ้นมาบนหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหลัง และในเวลาเดียวกันที่โต๊ะตรงหน้าแต่ละคนก็มีหน้าจอฉายขึ้นมา
หญิงชุดดำพูดต่อ “ชายคนนี้ชื่อถังเจิน ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีความสามารถประเภทเวทมนตร์มากมาย ก่อนหน้านี้มีบันทึกว่าเคยอยู่ในพันธมิตรหมีน้ำแข็งกับแดนกิมจิ
ก่อนหน้านี้ไม่นานหน่วยรบพิเศษของเราพยายามไปจับตัวชายคนนี้มาเพื่อช่วยในการทดลอง ‘ซูเปอร์โซลเยอร์’ ที่เรากำลังทำอยู่ แต่ปฏิบัติการในครั้งนั้นกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงและไม่มีใครรอดชีวิตกลับมา!
ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่าการปล้นในครั้งนี้เป็นการตอบโต้ของอีกฝ่าย และมีก็มีเพียงเจ้าตัวคนเดียวเท่านั้นที่มีความสามารถในการนำอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักนับสิบตันออกจากพื้นที่ปิดตายที่ลึกลงไปใต้ดินหลายสิบเมตรอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้!”
หลังจากที่พูดจบหญิงชุดดำก็มองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฉันหวังว่าพวกท่านจะอนุญาตให้ฉันส่ง ‘หน่วยรบเท็นชิน’ (เทพสวรรค์) ไปซุ่มโจมตีถังเจิ้นที่สถานที่นัดหมายแล้วปราบปรามมันให้ราบคาบด้วยค่ะ!”
ทุกคนก้มหน้าลงพูดคุยกันครู่หนึ่ง จากนั้นชายชราก็ถามกับหญิงชุดดำว่าดำ “ไอ้คนที่ชื่อถังเจิ้นนี่มันแข็งแกร่งมาก เธอแน่ใจเหรอว่าหน่วยรบเท็นชินจะสามารถปราบปรามมันได้”
หญิงชุดดำพยักหน้าหนักแน่นและตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “ฉันสัญญาว่าเราจะจับตัวมันมาได้อย่างแน่นอน โปรดวางใจได้เลยค่ะ!”
“ได้ เอาตามที่เธอว่า!”