ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 100
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 102

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 101


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 101

ราอนเผาหนังสือที่จูเดียลเตรียมไว้ให้เขาหลังจากจำเนื้อหาในนั้นได้

หากมีคนพบหนังสือเล่มนี้คงจะมีปัญหาตามมา เผาทิ้งเลยจะดีกว่า

“อืม…”

ราอนเคาะนิ้วบนพื้น มองดูหนังสือที่ถูกเผา

“ฉันอาจจะต้องเรียนรู้วิชาดาบอันใหม่”

ตามหนังสือของจูเดียลบอกไว้ สัตว์ประหลาดในปราสาทฮาบุนมีรูปร่างที่ใหญ่โตและมีผิวหนังหนา ซึ่งยากต่อการตัดด้วยดาบ

เนื่องจากวิชาดาบพื้นฐานของซีกฮาร์ทมีความสมดุลระหว่างการโจมตีและการป้องกันที่ 5:5 จึงไม่เหมาะสำหรับการจัดการกับมอนสเตอร์จำนวนมากหรือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีผิวหนังหนา

เทคนิคดาบจากการฝึกหมื่นเปลวเพลิงอาจจะได้ผล แต่มันใช้ออร่ามากเกินไป

เขาจะต้องมีวิชาดาบเชิงรุกที่เขาสามารถใช้ได้แบบสบายใจ

'ตอนนี้ฉันคงฝึกฝนวิชาดาบขั้นพื้นฐานมามากพอแล้ว'

วิชาดาบพื้นฐานของซีกฮาร์ทเป็นสิ่งเดียวที่เขาใช้และฝึกฝนมาตลอด ตอนนี้รากฐานของมันแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะต้องสร้างพื้นด้านบน

“อืม…”

ราอนเปิดลิ้นชักล่างสุดของโต๊ะแล้วหยิบแผ่นจารึกสีเงินแวววาวออกมา ดาบที่เผาไหม้ซึ่งสลักอยู่ตรงกลางคือสัญลักษณ์ของดาบเปลวเพลิง

มันเป็นแผ่นเงินที่เขาได้รับจากการฆ่าปีศาจนักรบและช่วยเหลือทุกคนในระหว่างภารกิจที่สอง

ครืด

เขาเลียริมฝีปากขณะลูบแผ่นเงินเล่น เขาวางแผนที่จะใช้มันเพื่อทำให้ซิลเวียกลับเป็นสายตรง แต่พอคิดดูแล้วมันก็คงทำไม่ได้

'เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ’

เขาต้องการแผ่นทองคำเพื่อเรียกคืนตำแหน่งอันดับของสายตรงของซิลเวียกลับมา แค่สองสามอันก็คงไม่เพียงพอ เขาต้องการพวกมันจำนวนมาก

ดังนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด เขาตัดสินใจใช้มันลงทุนเพื่ออนาคตแทนที่จะเก็บมันไว้

"ต้องไปแล้ว”

ราอนใส่แผ่นจารึกสีเงินไว้ในกระเป๋าของเขา เขาออกจากห้องและพบกับจูเดียลระหว่างทางไปห้องรับแขก

"อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

จูเดียลโน้มตัวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ

“ขอบใจนะ”

"ไม่เป็นไรค่ะ"

ราอนแสดงความขอบคุณในขณะที่รับคำทักทายของเธอและจูเดียลก็ส่ายหัวโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ

ดูเหมือนว่ารอยยิ้มเล็กๆ ที่เขาเห็นในตอนนั้นคือใบหน้าที่แท้จริงของเธอ

"กำลังจะไปไหนเหรอคะ?"

"ฉันจะไปใช้ไอ้นี่"

ราอนหยิบแผ่นจารึกสีเงินแวววาวออกมาจากกระเป๋าแล้วแสดงให้เธอดู

“ฉันจะขออะไรที่คุ้มค่าสุดๆ”

***

ราอนตรงไปยังคฤหาสน์ของหัวหน้าตระกูล คนเฝ้าประตูหยุดเขาไว้ แต่เมื่อเขาแสดงแผ่นเงินให้เขาดูเขาก็พาเขาไปที่ห้องโถง

'นี่คือเหตุผลว่าทำไมความสำเร็จจึงมีความสำคัญ'

ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเห็นแผ่นจารึก การมีผลงานและการประสบความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม

“อืม…”

ราอนรู้สึกเหมือนกับว่าผู้คนกำลังจ้องมองด้วยสายตาทิ่มแทงมาที่เขาระหว่างทางไปที่ห้องโถง นักดาบและขุนนางทุกคนต่างก็จ้องมองเขา

ทั้งที่เมื่อก่อนพวกเขาไม่ได้สนใจราอนด้วยซ้ำ

“ถึงแล้วครับ”

คนเฝ้าประตูหยุดเดิน เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นประตูเหล็กขนาดมหึมาของห้องโถงอยู่ตรงหน้าเขา

เขาอธิบายเหตุการณ์ให้คนเฝ้าประตูหน้าห้องโถงฟัง จากนั้นเขาก็ส่งสารเข้าไปข้างใน ไม่นานก็ได้รับคำตอบ

“เข้าไปได้ครับ”

คนเฝ้าประตูใช้มือแตะประตู ประตูเหล็กขนาดมหึมาก็เปิดออก ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานอันทรงพลังของเกล็น มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยชินกับมันต่อให้เขาจะมาที่นี่หลายครั้งแล้วก็ตาม

ราอนเดินไปบนพรมสีทองที่ปูพื้นและยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง เกล็นมองเขาด้วยสายตาปกติ เขาอ่านความตั้งใจของเกล็นไม่ออกเลย

"ทักทายท่านลอร์ด!"

"พอแล้ว”

ขณะที่เขากำลังจะคุกเข่าและโค้งคำนับ เกล็นก็โบกมือ ราอนค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

"พูดมาสิ”

การได้เห็นท่าทางเย่อหยิ่งนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ข้านึกถึงราชาแห่งแก่นแท้ตอนอยู่ที่แดนปีศาจ ขุนนางจำนวนนับไม่ถ้วนหวาดกลัวกับการปรากฏตัวอของราชาแก่นแท้และ...

“เข้าใจแล้วครับ”

ราอนหยิบแผ่นจารึกเงินออกมาโดยไม่สนใจราธที่พูดจาขี้โม้ที่อยู่ข้างๆ เขา

"ผมต้องการใช้แผ่นจารึกเงินอันนี้ครับ”

“สิทธิ์ในการใช้แผ่นจารึกเงินนั้นขึ้นอยู่กับเธอ แต่เธอไม่ใช่เธออยากเก็บมันไว้เพื่อทำบางอย่างเหรอ?”

เกล็นโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อยและบรรยากาศในห้องก็เย็นลง

"ใช่ครับ ผมวางแผนที่จะทำให้แม่กลับมาอยู่ในสายตรง”

"และเธอก็จะใช้มันตอนนี้?”

“มีบางอย่างที่ผมได้เรียนรู้ระหว่างภารกิจที่ยากลำบากและการดวลกับสายตรง”

ราอนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“เรียนรู้อะไร?”

“ผมคิดว่าผลงานของผมค่อนข้างโดดเด่นแล้ว แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องสายตรงเลย นั่นคือตอนที่ผมนึกถึงคำที่ท่านบอกผมว่ามันเป็นเรื่องยากมาก”

เช่นเดียวกับที่เกล็นเคยพูด เขาจะต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนเพื่อที่จะได้เป็นสมาชิกของสายตรง การได้รับแผ่นจารึกทองแดงหรือเงินนั้นไม่เพียงพอแน่

“แค่แผ่นเงินคงไม่มีใครสนใจ ผมจึงคิดว่าควรใช้มันเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้นแล้วรวบรวมแผ่นทองคำหลายๆ อันมาแทน”

"ลงทุนเพื่ออนาคตสินะ?”

"นั่นคือความตั้งใจของผมครับ”

“อืม”

เกล็นค่อยๆ พยักหน้า การแสดงออกและบรรยากาศของเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย

“แล้วเธอต้องการแลกเปลี่ยนแผ่นเงินนั้นกับอะไรล่ะ?”

"วิชาดาบ ผมต้องมุ่งหน้าไปที่ปราสาทฮาบุนเพื่อสอบจบการศึกษา ดังนั้นผมจึงต้องการเทคนิคการโจมตีที่จะทำให้ผมฆ่าสัตว์ประหลาดจำนวนมากได้”

"วิชาดาบสำหรับโจมตีสินะ...งั้นมาดูกัน"

เกล็นพยักหน้าและลุกขึ้นจากบัลลังก์ เขาสำรวจชั้นหนังสือที่อยู่ด้านข้าง ก่อนที่จะจ้องไปที่หนังสือสีดำที่อยู่ตรงกลาง

“เล่มนี้คงจะเหมาะ”

เขาสะบัดนิ้วแล้วหนังสือก็ลอยขึ้นมาเหมือนเมฆไปหาราอน

"นี่มัน…"

ราอนหรี่ตา ราอนคิดว่าเขาจะเรียกห้องสมุดทรงกลมเหมือนครั้งก่อน แต่เขากลับเลือกหนังสือให้ด้วยตัวเอง ขนที่หลังคอของเขาตั้งชัน เพราะมันเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเลย

'เขี้ยวแห่งดาบวิกลจริต'

บนหน้าปกของหนังสือสีดำ  มีคำว่า'เขี้ยวแห่งดาบวิกลจริต'ถูกเขียนในรูปแบบคล้ายกับเลือด มันเป็นเทคนิคที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

“เอาอันนี้ไหม? หรือว่าอยากเลือกเองมากกว่าล่ะ?”

“……”

ราอนสัมผัสหนังสือ ความหยาบของปกให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังสัมผัสเขี้ยวของสัตว์ร้าย

'ฉันเชื่อใจเขาได้ในเรื่องแบบนี้'

เขาแน่ใจว่าเกล็นไม่ชอบเขาแต่เกล็นมักจะมอบรางวัลอย่างยุติธรรมเสมอ ไม่มีทางที่เขาจะให้เทคนิคที่มีจุดบกพร่องหรืออ่อนแอเป็นรางวัล

"เอาเล่มนี้แหละครับ”

ราอนพยักหน้าทันทีเพราะเขาค่อนข้างชอบชื่อของมัน

“มันเหมาะกับเธอมาก”

"ขอบคุณครับ งั้นผม..."

"เดี๋ยวก่อน”

เมื่อราอนกำลังจะออกไปหลังจากโค้งคำนับ เกล็นก็ยกมือขึ้นห้ามเขา

* * *

* * *

“ฉันขอถามเธอเรื่องหนึ่ง”

"ครับ"

“เธอไม่กลัวหน่อยเหรอที่การสอบจบของเธอจะเกิดขึ้นที่ปราสาทฮาบุน?”

เกล็นก้าวมาข้างหน้า แม้ว่าเขาจะไม่กระจายแรงกดดันออกไป แต่ราอนก็รู้สึกหนักใจราวกับว่ามียักษ์กำลังมองลงมาที่เขา

“เธอคงรู้ดีว่าปราสาทฮาบุนเป็นสถานที่แบบไหน เพราะเธอมาหาหนังสือเกี่ยวกับการดาบ เธอได้คิดเรื่องปฏิเสธข้อสอบบ้างหรือเปล่า?”

"ไม่ครับ"

ราอนส่ายหัว เขาคิดว่ามันอาจเป็นอันตรายแต่เขาไม่ได้กลัวเลย และเขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธด้วย

'ฉันแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้ถ้าไม่เจอความยากลำบาก’

การเอาชนะวิกฤติเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการแข็งแกร่งขึ้นในชีวิตก่อน

ชีวิตปัจจุบันก็คงเหมือนกัน เขาแข็งแกร่งขึ้นก็เพราะการเอาชนะปีศาจสงครามเขียวและรอดชีวิตจากปีศาจกระหายเลือด

หากฝึกไปพร้อมกับคนอื่นเขาก็คงพัฒนาได้เท่ากับคนอื่น ดังนั้นเขาต้องใช้วิกฤตเป็นโอกาสเพื่อที่จะแข็งแกร่งเร็วกว่าคนอื่นๆ

“ผมได้บทเรียนจากการต่อสู้กับอีเดน”

"เธอเรียนรู้อะไรมาบ้างล่ะ?”

“การต่อสู้ด้วยชีวิตและความตายเพียงช่วงสั้นๆ ทำให้ผมเติบโตขึ้นมากเท่ากับการฝึกฝนในสนามฝึกหนึ่งปีอีกครับ ผมจึงดีใจที่จะมีประสบการณ์แบบนั้นอีก”

ราอนพูดความคิดที่ตรงไปตรงมาของเขา

“แล้วก็อาจารย์ริมเมอร์คงไม่มีทางมอบการสอบที่ไม่มีทางเอาชนะได้ให้ผมหรอกครับ ผมมั่นใจมันจะยาก แต่ผมมั่นใจว่าการไปจะทำให้คุ้มค่า”

"อย่างนี้นี่เอง"

การแสดงออกของเกล็นไม่ได้เปลี่ยนไป เกล็นไม่แม้แต่จะพยักหน้า แต่เขารู้สึกว่าบรรยากาศของห้องโถงเบาลง

"โอเค ออกไปได้”

"ครับ"

ราอนโค้งคำนับก่อนจะหันหลังกลับ

“ราอน ซีกฮาร์ท”

ขณะที่เขาเปิดประตูและกำลังจะออกไป เกล็นก็เรียกชื่อเขา

"วิธีในการใช้วิชาดาบมีหลายวิธี คิดดูให้ดีๆ ละกัน”

"ครับ"

ดูเหมือนจะเป็นคำแนะนำ แต่ราอนไม่เข้าใจความหมายของมัน เขาเพียงแค่พยักหน้า

เกล็นโบกมือส่งสัญญาณให้เขาออกไป ราอนโค้งคำนับเป็นครั้งสุดท้ายและออกจากห้องผู้ชม

***

"คิๆๆๆ”

น้ำเสียงดีใจดังมาจากด้านหลังเสาถัดจากบัลลังก์ของ Glenn

“มันทำให้มีความสุขขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“แน่นอนสิ ลูกศิษย์ของฉันซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของอาจารย์ขนาดนี้”

ริมเมอร์ก้าวออกมาจากด้านหลังเสาโดยไม่ปิดบังรอยยิ้มของตัวเอง

“เห็นไหมล่ะ เขารู้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของฉันด้วย เขาเป็นเด็กน่ารักและฉลาดจริงๆ เขาแตกต่างจากเบอร์เรนขี้บ่นหรืองมาร์ธาที่ชอบสบถ ฉันอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูเขา”

“ฉันไม่คิดว่าแกเป็นแบบนั้นนะ เพราะแกกำลังนินทาลูกศิษย์ลับหลังอยู่”

เกล็นยกยิ้มอย่างไม่พอใจกับรอยยิ้มกว้างของริมเมอร์

“อะไร? ใครนินทาพวกเขากัน? ฉันแค่ล้อเล่นพวกเขาเป็นเด็กน้อยที่น่ารักต่างหาก ฉันดูแลเด็กฝึกหัดทุกคนแบบเท่าเทียมกันเหอะ”

ริมเมอร์หัวเราะคิกคัก

“อย่างไรก็ตาม ราอนตระหนักได้ว่าการต่อสู้เพื่อแบบเสี่ยงตายมีประโยชน์อย่างมากต่อการเติบโตของเขา”

"หลายๆ คนก็รู้นะ แต่เด็กส่วนใหญ่ยังผ่านความกลัวไปไม่ได้”

เกล็นมองลงไปที่ใจกลางห้องโถง

'เขาไม่มีความกลัวเลย'

ไม่มีความกลัวในสายตาของราอน และเขาก็ไม่กระหายชื่อเสียง สิ่งที่เขาแสดงออกมาคือความสงบ ความสงบที่เกิดหลังจากเข้าใจสถานการณ์แล้ว

'เขาเป็นแบบนั้นได้ยังไง?'

เขาไม่เคยเห็นใครที่มีความคิดเช่นนี้ในวัยนั้นมาก่อน และการที่ราอนเป็นหลานชายของเขาเองก็ทำให้เขามีความสุขมาก

“ดูเหมือนนายจะชอบราอนเหมือนกันสินะ ปากของนายกระตุกแล้ว”

ในขณะที่เขากำลังคิดถึงราอนอย่างมีความสุข ก็ได้ยินเสียงยิ้มแย้มของริมเมอร์

"เงียบเหอะน่า”

เกล็นขมวดคิ้ว เอลฟ์โง่นั่นไม่สามารถอ่านบรรยากาศได้จริงๆ

“นายเพิ่งมอบเขี้ยวแห่งความวิกลจริตให้เขา”

ริมเมอร์ยิ้ม มองดูชั้นหนังสือเรียงราย

“นายสร้างห้องสมุดใหม่ที่นี่เพื่อเตรียมพร้อมจะมอบหนังสือวิชาดาบให้เขาสินะ ดูเหมือนนายจะหวงหลานชายของนายมากเลย”

"อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ ”

"ฉันบ้าอยู่แล้ว แต่ฉันว่าทุกวันนี้ฉันพูดน้อยลงแล้วนะ”

“เฮ้อ…”

เกล็นไม่อยากรับมือกับเขาอีกแล้วและส่ายหัว

“‘เขี้ยวแห่งความวิกลจริต’ เป็นเทคนิคที่ยอดเยี่ยมแต่ก็มีความรุนแรงมาก ฉันสงสัยว่าราอนจะควบคุมมันได้หรือเปล่า”

"มันไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว ไม่ว่าเขาจะควบคุมมันได้หรือโยนมันทิ้ง นั่นก็ขึ้นอยู่กับเขา”

"โอ้..."

ริมเมอร์ปรบมือด้วยความชื่นชม

“แม้ว่าจะพูดอย่างนั้นแต่นายก็ให้คำแนะนำที่ดีมากกับเขา ฉันว่าท่านตาคงรักหลานชายของตัวเองมากกก...”

“แกทำให้ฉันไม่มีทางเลือก”

เกล็นเดาะลิ้นและยกมือขึ้น

“โอ้ว!”

ริมเมอร์ที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ถูกลากไปหาเกล็นราวกับว่าเขาถูกด้ายพันไว้

“ที่ผ่านมาฉันยอมให้แกเพราะแกกำลังบาดเจ็บอยู่ แต่แกก็ไม่ยอมหยุดสักที”

"ด-เดี๋ยวก่อนสิ!" นายท่าน!”

“ในเมื่อตอนนี้อาการแกดีขึ้นแล้ว ฉันก็จะจัดการแกตอนนี้เลย”

ริมเมอร์พยายามดิ้นรนแต่เขาไม่สามารถต้านทานแรงดึงได้

"ท่านโรเอ็นนนน! ตาแก่นั่นไปอยู่ไหนเนี่ย?! ได้โปรดช่วยผมด้… อ้ากก!”

เสียงของริมเมอร์ถูกทุบตีดังก้องในห้องโถง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบสามสิบปี

***

ราอนกลับมาที่อาคารเสริมพร้อมกับหนังสือวิชาดาบ เขานั่งลงที่ลานกว้างด้านหลังอาคาร

'มาดูกัน...'

เมื่อเปิดหนังสือก็พบว่ามีประโยคหนึ่งที่ผู้เขียนเขียนขึ้น

'จงเป็นนักดาบที่กลืนกินดาบของพวกมัน'

เขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่รู้สึกคล้ายกับคำแนะนำของเกล็นอยู่เหมือนกัน

เนื่องจากมันจะเสียเวลาในการอ่านสิ่งที่ไม่เข้าใจต่อไป เขาจึงพลิกไปยังหน้าถัดไปซึ่งมีคำอธิบายเกี่ยวกับวิชาดาบ พร้อมด้วยคำและภาพประกอบ

'ไหนดูซิ’

เขาอ่านหนังสือวิชาดาบและใช้วงแหวนไฟไปด้วย ห้าชั่วโมงผ่านไปเขาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม

'...เขาให้เทคนิคแบบนี้กับฉันจริงๆ เหรอ?'

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด