ตอนที่ 624 ตายในสนามรบ
ตอนที่ 624 ตายในสนามรบ
ร่างของเซี่ยเฟยร่วงลงสู่พื้นราวกับดาวตก แต่ถึงแม้ว่าทั่วทั้งร่างของเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ในปากของเขาก็ยังคงคาบหูครึ่งหูของหยูฮัวมาด้วย
ปกตินักรบระดับนี้จะไม่มีใครต่อสู้โดยวิธีเหมือนอันธพาลข้างถนน แต่เซี่ยเฟยเป็นกรณีที่แตกต่างจากนักรบคนอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้แต่เขาก็พร้อมจะทำทุกวิธีให้ศัตรูได้รับบาดเจ็บมากที่สุด
สำหรับเซี่ยเฟยแล้วศัตรูมีไว้เพื่อถูกฆ่าเท่านั้น เขาจึงพร้อมจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดศัตรูให้สำเร็จ และถึงแม้ว่าเขาจะถูกด่าว่าเป็นพวกน่ารังเกียจ, โหดร้ายหรือบ้าคลั่ง แต่เขาก็ไม่เคยสนใจที่จะรับฟังคำด่าทอเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ในปัจจุบันเขาต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของราชากฎระดับสูง จนทำให้ชุดเกราะของเขามีควันสีดำลอยออกมา แม้แต่กระดูกซี่โครงของเขาก็หักไปแล้วหลายซี่ จนทำให้ทุก ๆ การเคลื่อนไหวหลังจากนี้เจ็บปวดราวกับมีมีดทิ่มแทงเขาจากในร่างกาย
โชคดีที่ระหว่างร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นเขาได้ใช้หงส์ครามช่วยต้านแรงกระแทกบางส่วนเอาไว้ จนทำให้เขารอดพ้นจากพลังทำลายในครั้งนี้ได้สำเร็จ ไม่อย่างนั้นผลลัพธ์จากการปะทะคงจะไม่ได้จบลงเพียงแค่ซี่โครงหักไม่กี่ซี่
หงส์ครามค่อย ๆ หดตัวกลับไปในแขนขวาของเซี่ยเฟย เนื่องจากมันจำเป็นจะต้องกลับไปฟื้นฟูพลังงาน ขนอุยก็กำลังทรุดตัวลงท่ามกลางกองเลือดของชายหนุ่ม เนื่องมาจากว่ามันได้ใช้พลังงานที่สะสมภายในร่างไปจนเกือบหมดแล้ว
แต่เมื่อมันเห็นว่าเซี่ยเฟยยังคงรอดชีวิตมันก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ราวกับว่ามันได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว ก่อนที่มันจะเอนศีรษะน้อย ๆ ของมันพิงร่างของชายหนุ่มและนอนหลับพักผ่อนด้วยเช่นกัน
“ท่านมารขาว!” ชิงเหมิงส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างตกใจ ก่อนที่มันจะใช้หางดึงร่างของเซี่ยเฟยกับขนอุยเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ ร่างของมัน
“ท่านมารขาว! ท่านยังโอเคอยู่ไหม?”
ขนอุยส่ายหัวอย่างช้า ๆ และไม่มีแรงเหลือมากพอที่จะตอบกลับไปด้วยซ้ำ
การดิ้นรนของเซี่ยเฟยกับขนอุยได้กระตุ้นความบ้าคลั่งภายในใจของชิงเหมิงอีกครั้ง และเปลวไฟแห่งความเกลียดชังภายในแววตาของมันก็กำลังปะทุออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เขาคือนักรบจากตระกูลหยูใช่ไหม?” ชิงเหมิงถามขณะจ้องมองไปทางเซี่ยเฟย
หยูเจียงพยักหน้ารับ ขณะที่หยูกู่ติงก็กำลังมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมเช่นเดียวกัน
“หากเรามีสมาชิกรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่น แม้ว่าพวกเราทุกคนจะต้องตายในวันนี้แต่ตระกูลก็ยังมีความหวังที่จะเดินหน้าต่อไป” ชิงเหมิงคำรามออกมาอย่างแผ่วเบา แต่บรรยากาศที่น่าเศร้ากลับค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปยังทุกคน
สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลหยูใกล้จะถึงทางตันเต็มที เพราะไม่ว่าจะเป็นเซี่ยเฟย, หยูเจียง, หยูกู่ติงขนอุยหรือชิงเหมิงต่างก็ได้รับบาดเจ็บและไม่มีทางที่จะเผชิญหน้ากับราชากฎ 9 คนที่กำลังล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ได้
ทันใดนั้นหยูฮัวก็เคลื่อนที่ลงมาจากบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าอันเย็นชา โดยใช้มือข้างหนึ่งปิดหูข้างขวาของเขาเอาไว้
ภายใต้เสื้อคลุมยาวที่ฉีกขาดเผยให้เห็นชุดต่อสู้ที่มีลักษณะเหมือนกับเกล็ดปลา แต่มีพื้นที่บางส่วนของชุดที่ได้รับความเสียหายซึ่งมันก็น่าจะเกิดจากการจู่โจมของเซี่ยเฟย
หยูฮัวมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ เพราะเขาไม่คิดเลยว่าในช่วงระยะเวลาที่พวกเขากำลังปะทะกัน เซี่ยเฟยจะเลือกใช้วิธีอันธพาลอย่างการกัดหูเขาแบบนี้
ชายผมสั้นจากตระกูลไบร์ทซีมองไปยังหยูฮัวพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะการที่ราชากฎระดับสูงได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับอัศวินกฎตัวน้อย มันก็แสดงให้เห็นว่าหยูฮัวไม่ได้มีความแข็งแกร่งเหมือนกับข่าวลือที่เขาได้ยินมา จนทำให้เขารู้สึกเสียดายที่ตัดสินใจร่วมมือกับหยูฮัวอยู่เล็กน้อย
บริเวณมือขวาของหยูฮัวก็มีเลือดออกด้วยเช่นกัน ส่วนดาบวงพระจันทร์อันงดงามที่เคยอยู่บนมือของเขาก็ได้หายไปจากตำแหน่งเดิมแล้ว
เซี่ยเฟยพยายามลุกขึ้นนั่งแล้วหยิบคริสตัลต้นกำเนิดออกมาแบ่งให้ขนอุยเพื่อพยายามฟื้นฟูพลังงานภายในร่างกลับคืนมา จากนั้นเขาก็หยิบดาบวงพระจันทร์ออกมาชั่งน้ำหนักภายในมือ
“เอาดาบของฉันคืนมา!!” หยูฮัวตะคอกอย่างเย็นชา
“ของของคุณก็ต้องอยู่ที่คุณสิ ถ้ามันอยู่ที่ผมก็แสดงว่ามันคือของของผม” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
เหตุการณ์นี้ทำให้หยูฮัวรู้สึกอับอายมาก เพราะไม่เพียงแต่เซี่ยเฟยจะกัดหูเขาไปครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่เขายังโดนชายหนุ่มคนนี้ขโมยอาวุธไปจากมือของเขาด้วย
นี่มันคือความอัปยศ!!
อาวุธของนักรบมีความสำคัญไม่ต่างไปจากชีวิตของนักรบคนนั้นเลย และสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังทำอยู่นั้นก็ไม่ต่างไปจากการตบหน้าของหยูฮัวต่อหน้าทุกคนที่ยืนอยู่ในที่แห่งนี้
“ในชีวิตนี้ฉันเกลียดการถูกหลอกลวงมากที่สุด แม้ว่าวันนี้ฉันจะต้องตายแต่ฉันก็จะลากแกลงนรกไปพร้อมกับฉันด้วย! นี่คือราคาที่แกจะต้องจ่ายในข้อหาที่กล้ามาหลอกลวงฉัน!!” เซี่ยเฟยร้องคำรามออกมาเสียงดัง แล้วมันก็เริ่มก่อให้เกิดบรรยากาศอันหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วทั้งเกาะ
ท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างราชากฎทั้งหมดนี้ เซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่อัศวินกฎตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว แต่ความดุร้ายที่เขาได้ปลดปล่อยออกมามันกลับทำให้ราชากฎทุกคนขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ชายผมสั้นจากตระกูลไบร์ทซีมองไปยังหยูฮัวที่อยากจะเอาหน้ามุดแผ่นดินหนี จากนั้นเขาก็มองไปยังเซี่ยเฟยที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วเขาก็เผยรอยยิ้มออกมาจากมุมปากและปรบมือให้กับการแสดงครั้งนี้เบา ๆ
“ฉันถูกใจนิสัยของไอ้หนุ่มคนนั้นจริง ๆ ฉันขอเก็บชีวิตของมันไว้สักคนก็แล้วกัน” ชายผมสั้นกล่าวกับคนของเขา
“เราเก็บเขาเอาไว้ไม่ได้!” หยูฮัวกัดฟันพูดขึ้นมา
“ทำไม?”
“เขามีหงส์ครามอยู่ในครอบครอง”
“อาวุธมายาหงส์คราม? ถ้าฉันจำไม่ผิดหงส์ครามอยู่ในมือของเผ่าเทพไม่ใช่เหรอ?” ชายผมสั้นชะงักค้างไปด้วยเช่นเดียวกัน
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหงส์ครามมันมีความเป็นมายังไง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยืนยันได้คือเซี่ยเฟยครอบครองหงส์ครามอยู่จริง ๆ” หยูฮัวกล่าวอย่างเคร่งขรึม
คำบอกเล่าของหยูฮัวในครั้งนี้ทำให้ทุกคนจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยอีกครั้ง แม้แต่ชิงเหมิงและหยูเจียงก็ไม่มีข้อยกเว้น
หากเซี่ยเฟยได้ครอบครองหงส์ครามที่อยู่ในเผ่าเทพ มันก็หมายความว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเผ่าเทพอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่เก้าตระกูลชั้นยอดอย่างตระกูลไบร์ทซีก็ยังต้องจับมือร่วมกันกับหยูฮัวเพื่อปล้นชิงอาวุธมายาจากตระกูลหยู
ดังนั้นถ้าหากว่าเรื่องนี้ได้แพร่งพรายออกไปจนถึงผู้อยู่เบื้องหลังของเซี่ยเฟย มันย่อมนำพาหายนะมาจนถึงพวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ไม่ว่าพวกเขาจะรู้สึกชื่นชมเซี่ยเฟยมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะปล่อยให้ชายหนุ่มรอดชีวิตกลับไปจากศึกในครั้งนี้ได้
“นายนี่มีความลับอยู่เสมอจริง ๆ” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแค่ยักไหล่ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะมีสมบัติอยู่ในมืออย่างมากมาย แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขารอดพ้นไปจากวิกฤตในวันนี้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ยังคงจับจ้องมองไปยังหยูฮัวด้วยแววตาที่แน่วแน่ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะต้องตายในวันนี้แต่เขาก็จะไม่ยอมปล่อยคนที่หลอกลวงเขามีชีวิตกลับไปอย่างเด็ดขาด
“นายเข้ามาได้ยังไง?” หยูเจียงถาม
“ผมเข้ามาโดยวิธีการของตัวเอง” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเรียบง่าย
“แบบนี้ก็หมายความว่าถ้านายมีโอกาส นายก็จะออกไปข้างนอกได้ด้วยเหมือนกันใช่ไหม?” หยูเจียงถามอีกครั้ง
“ผมเข้าออกที่นี่ได้ทุกเมื่อเท่าที่ผมต้องการ แต่คนพวกนั้นคงจะไม่มีวันปล่อยผมออกไปหรอก”
บทสนทนาระหว่างเซี่ยเฟยกับหยูเจียงเบามากจนอีกฝั่งไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างพวกเขาเลย
“รีบจบเรื่องนี้เสียที พวกเราเสียเวลามานานเกินไปแล้ว” ชายผมสั้นออกคำสั่ง
สมาชิกภายในทีมทุกคนต่างก็พยักหน้า เพราะอีกฝั่งเหลือรอดชีวิตเพียงแค่สามคนกับสัตว์อสูรเทวะ 1 ตัวและสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งตัว แต่ทางฝั่งของพวกเขามีราชากฎอยู่ตั้ง 9 คน การจัดการกับอีกฝ่ายจึงเป็นเพียงแค่เรื่องง่าย ๆ สำหรับพวกเขา
เมื่อชิงเหมิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของฝ่ายตรงข้าม มันก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าพร้อมกับส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างสิ้นหวัง
ถึงเวลาแล้วที่มันจะต้องทำตามสัญญา!!
ขนอุยปีนขึ้นไปบนไหล่ของเซี่ยเฟยอย่างเหนื่อยล้า ก่อนที่มันจะมองไปยังอสูรเทวะตัวนี้เป็นครั้งสุดท้าย
พวกมันทั้งสองตัวต่างก็เป็นสัตว์อสูรที่ต่อสู้เพื่อเจ้านายของตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่มีบทสนทนาแต่พวกมันก็สามารถสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี
หยูเจียงมองไปยังชิงเหมิงด้วยน้ำตา เพราะเขารู้ดีว่าอสูรที่คอยปกป้องตระกูลหยูมาหลายพันปีกำลังเตรียมพร้อมจะจากไปแล้ว
ระหว่างนั้นหยูเจียงก็แอบส่งสัญญาณให้กับเซี่ยเฟยเล็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจได้ในทันทีว่าอสูรเทวะตัวนี้ต้องการที่จะแลกเปลี่ยนชีวิตของมันเพื่อให้พวกเขามีโอกาสที่จะรอดชีวิตกลับไป
ทันใดนั้นมันก็มีลูกบอลแสงเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนถูกรวบรวมเข้ามารอบ ๆ ร่างของชิงเหมิงและทำให้ร่างของมันขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว! มันต้องการจะระเบิดตัวเอง” ชายผมสั้นจากตระกูลไบร์ทซีตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ
อสูรเทวะระเบิดตัวเอง?
หากอสูรเทวะที่มีชีวิตมันนานหลายพันปีระเบิดร่างของตัวเองออกมา มันย่อมก่อให้เกิดหายนะอย่างแน่นอน ซึ่งพลังทำลายที่เกิดขึ้นมานี้มันก็อย่าว่าแต่เกาะอสรพิษพิทักษ์เลย เพราะแม้แต่ยานอวกาศทั้งลำที่บรรทุกตระกูลหยูเอาไว้ก็อาจจะไม่สามารถต้านทานแรงระเบิดในครั้งนี้ได้
“รีบสร้างเขตอาคมเบี่ยงดาราเร็วเข้า!”
สิ้นเสียงตะโกนของชายผมสั้นราชากฎทั้งสามคนของตระกูลไบร์ทซีก็รีบเคลื่อนไหวก่อเกิดเป็นรูปสามเหลี่ยม และมือทั้งหกข้างของพวกเขาก็กำลังประสานกันจนก่อให้เกิดเขตอาคมที่แปลกประหลาด
พริบตาต่อมามันก็เริ่มมีเกราะพลังงานจาง ๆ ปรากฏขึ้นครอบคลุมร่างของพวกเขาเอาไว้
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการระเบิดร่างของอสูรเทวะ การพยายามหลบหนีย่อมไม่ใช่ความคิดที่ดีอย่างแน่นอน พวกเขาจึงรีบรวมกำลังกันเพื่อต่อต้านพลังทำลายที่พร้อมจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ประมาณ 1 วินาที ก่อนที่มันจะมีแสงสว่างอันเจิดจ้าถูกระเบิดออกมาจากพื้นที่ใจกลางเกาะอสรพิษพิทักษ์
“ลาก่อน”
ชิงเหมิงพูดออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องลูกหลานของตระกูลหยู
นี่น่ะหรือคือสัตว์อสูร!
ความภักดีของมันยังมีมากกว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ในจักรวาลแห่งนี้ด้วยซ้ำ!!
เซี่ยเฟยไม่รู้ว่าเขาควรจะใช้คำพูดใดในการยกย่องอสูรตัวนี้ ซึ่งในบางทีมันก็อาจจะไม่มีคำอธิบายใด ๆ ที่จะนำมาอธิบายโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้
ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตหางของชิงเหมิงได้โอบรัดรอบร่างของเซี่ยเฟย, หยูเจียงและหยูกู่ติงเอาไว้ จากนั้นร่างที่โอบล้อมไปด้วยลูกบอลพลังงานของมนุษย์ทั้งสามก็ถูกยิงออกไปยังพื้นที่ทางใต้ราวกับกระสุนปืนใหญ่
ในเวลาเดียวกันร่างขนาดใหญ่ของชิงเหมิงก็เริ่มแตกออกจากภายในพร้อมกับพลังงานปริมาณมหาศาลที่ระเบิดออกราวกับระเบิดนิวเคลียร์
ตูม!
***************
ขอบคุณและลาก่อนชิงเหมิง ༶ඬ༝ඬ༶