ตอนที่ 623 นักรบหรือสัตว์ร้าย?
ตอนที่ 623 นักรบหรือสัตว์ร้าย?
“อาวุธมายา!!” ทั้งหยูฮัวและชานหยิงต่างก็อุทานขึ้นมาเกือบจะพร้อม ๆ กัน
ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าเซี่ยเฟยจะได้ครอบครองอาวุธมายาที่หาได้ยาก เพราะท้ายที่สุดแม้แต่เก้าตระกูลชั้นยอดก็ยังพยายามตามหาอาวุธมายา จนเป็นที่มาของสงครามบนเกาะอสรพิษพิทักษ์ในคราวนี้ แต่เซี่ยเฟยที่เป็นนักรบตัวน้อย ๆ กลับได้ครอบครองอาวุธมายาอยู่ในมือ ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธมายาของเขาคือวัชพืชที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาลอย่างหงส์ครามอีกด้วย
ในช่วงเวลาที่ความตายกำลังใกล้เข้ามาเซี่ยเฟยก็ไม่สามารถที่จะปิดบังความลับในเรื่องนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป ซึ่งในความเป็นจริงหากโอโร่ที่อยู่ภายในแหวนมิติสามารถที่จะช่วยเหลือเขาได้ เขาก็คงจะโยนโลงศพของโอโร่ออกมาด้านนอกด้วยเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันดวงตาของเซี่ยเฟยเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างบ้าคลั่ง และเมื่อหยูฮัวกับชานหยิงได้ต้อนให้ชายหนุ่มเข้าจนมุม มันก็ทำให้ความบ้าคลั่งที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้เป็นเวลานานถูกระเบิดออกมาในคราวเดียว
ใบหญ้าสีฟ้าที่พันรอบขาของชานหยิงเริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานร่างของชานหยิงก็ถูกมัดเอาไว้ด้วยใบหญ้าทั้งสองใบจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด
“ไปลงนรกซะ!!”
เซี่ยเฟยร้องคำรามพร้อมกับแทงใบดาบสีแดงอันงดงามเข้าใส่ลำคอของชานหยิงอย่างรวดเร็ว
ชัยชนะอันต่อเนื่องทำให้ชานหยิงผ่อนคลายความระมัดระวัง และเขาก็ไม่คิดว่าเซี่ยเฟยที่ถูกพวกเขาต้อนเข้ามุมมาเป็นเวลานานจะได้จู่โจมสวนกลับพวกเขาในลักษณะนี้
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยมองหาโอกาสโต้กลับตั้งแต่เริ่ม และเขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาเลยแม้แต่นิดเดียว
ปฏิกิริยาของหยูฮัวค่อนข้างที่จะเร็วมาก ดังนั้นก่อนที่ใบดาบของบลัดบิวเทียสจะแทงเข้ากับลำคอของชานหยิง พ่อค้าจากตระกูลหยูคนนี้ก็พลิกข้อมือฉีกกระชากพื้นที่มิติบริเวณนั้นออกจากกันเพื่อพยายามตัดใบหญ้าสีฟ้าให้ขาดออกเป็นชิ้น ๆ
ห้ามหลบเด็ดขาด!
เซี่ยเฟยไม่ได้คิดที่จะหลบและยังคงแทงบลัดบิวเทียสภายในมือออกไป
ในที่สุดใบดาบสามคมก็แทงทะลุคอซ้ายทะลุไปจนถึงคอขวา พร้อม ๆ กับที่บลัดบิวเทียสเริ่มกลืนกินเลือดภายในร่างของชานหยิงเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผิวอันเต่งตึงของราชากฎคนนี้ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว แม้แต่แววตาของเขาก็เริ่มขุ่นมัวคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่ใกล้จะสิ้นชีพเต็มที
ชานหยิงพยายามดิ้นรนออกจากพันธนาการของหงส์คราม แต่น่าเสียดายที่อาวุธมายาชิ้นนี้คืออาวุธที่ดื้อรั้นที่สุดในจักรวาล ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะต้องเผชิญหน้ากับพละกำลังของราชากฎ แต่มันก็ยังคงรัดร่างของนักสู้คนนี้เอาไว้อย่างไม่ยอมแพ้
ตูม!
พลังมิติจากหยูฮัวปะทะเข้ากับร่างของเซี่ยเฟยโดยตรง จนทำให้ชุดเกราะโลหะเหลวแตกกระจายเหมือนกับเม็ดฝน แม้แต่การป้องกันของขนอุยก็ถูกฉีกกระชากแยกออกจากกันจนทำให้การจู่โจมนั้นปะทะเข้ากับชุดเกราะชาร์ปเลสอย่างรุนแรง
เซี่ยเฟยใช้มือคว้าร่างชานหยิงด้วยแววตาอันดุร้าย จากนั้นเขาก็ใช้ร่างกายของชายคนนี้เป็นเสมือนกับโล่คอยปะทะกับต้นไม้ก่อนร่างของเขา ซึ่งหลังจากที่ต้นไม้ได้หักไปหลายร้อยต้นในที่สุดร่างของเซี่ยเฟยก็หยุดลงและล้มลงไปบนพื้น
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ ร่างของชานหยิงก็ถูกดูดเลือดจนแห้งเหือดและเมื่อมันได้ปะทะเข้ากับต้นไม้หลาย ๆ ครั้งในที่สุดร่างของเขาก็แตกสลายกลายเป็นผุยผง
ถุย!
เซี่ยเฟยถุยเลือดออกมาจากปาก ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาได้รับบาดเจ็บจากภายในที่เป็นผลมาจากการใช้ร่างกายต้านรับการโจมตีของราชากฎผู้ยิ่งใหญ่ และถ้าหากว่ามันไม่ได้มีการป้องกันหลาย ๆ ชั้น การจู่โจมในครั้งนี้ก็อาจจะทำให้ชายหนุ่มตายได้ในทันที
เหตุการณ์นี้ทำให้หยูฮัวขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะสัตว์ร้ายภายในใจของเซี่ยเฟยได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะมีระดับพลังสูงกว่าชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามมาก แต่สำหรับศัตรูที่พร้อมจะสู้เสี่ยงชีวิตแล้วการเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องที่อันตรายอยู่ดี
“มันช่างเป็นอาวุธที่วิเศษจริง ๆ ถึงขนาดดูดซับพลังของราชากฎเข้าไปได้ ทำไมหงส์ครามถึงได้ไปอยู่ในมือของนาย?” หยูฮัวถาม
เซี่ยเฟยใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปากพร้อมกับดูดซับพลังงานที่ได้มาจากร่างของชานหยิงอย่างรวดเร็ว มันจึงทำให้ร่างกายของเขาค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมา และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะตอบคำถามของศัตรูในระหว่างที่เขากำลังตกอยู่ในอันตราย
ขณะเดียวกันในมือของเขาก็กำลังถืออิฐสีดำเอาไว้ ซึ่งในระหว่างที่เขาตอบโต้กลับไปเขาก็แอบหยิบอาวุธที่ควรจะเป็นของเขาขึ้นมา
“วิญญาณหวนเป็นอาวุธที่ดีมาก นายสนใจอยากจะให้ฉันสอนนายใช้มันไหมล่ะ?” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
โลหะสีเข้มภายในมือของชายหนุ่มเริ่มดูดซับแสงสว่างบริเวณโดยรอบเหมือนกับหลุมดำ จากนั้นมันก็เริ่มแตกสลายกลายเป็นโลหะรูปพีระมิดสีดำที่ลอยเด่นอยู่ในอากาศ
เซี่ยเฟยพอจะคาดเดาวิธีการใช้อาวุธชิ้นนี้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันแล้ว เพราะจุดเด่นของแร่ดาร์คเมทัลคือมันสามารถดูดซับพลังกฎเข้าไปเก็บไว้ในอาวุธ และทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกใช้พลังเหล่านั้นออกมาได้ตามต้องการ แน่นอนว่าพีระมิดขนาดเล็กที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศนั่นก็คือวิญญาณหวนที่ดูดซับพลังของกฎแห่งความโกลาหลเอาไว้ด้านใน
เหตุการณ์นี้ทำให้หยูฮัวขมวดคิ้วหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะการที่เซี่ยเฟยได้ครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์, ชุดเกราะชาร์ปเลส, ดาบสีแดงอันสวยงามและหงส์คราม มันก็ทำให้เขายากที่จะรับมือแล้ว แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มกลับสามารถควบคุมวิญญาณหวนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็จะทำให้การจัดการกับเซี่ยเฟยกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม
แน่นอนว่าหยูฮัวไม่ได้กลัวว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเซี่ยเฟย แต่เขากังวลว่ามันอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าเขาจะสามารถจัดการกับชายหนุ่มคนนี้ได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าการต่อสู้ระหว่างอสูรเทวะของตระกูลหยูกับนักสู้จากตระกูลไบร์ทซีได้มีความคืบหน้าไปจนถึงขั้นไหนแล้ว
ชิงเหมิงแตกต่างจากขนอุยเพราะมันมีชีวิตมาเนิ่นนานหลายพันปีแล้ว พลังการต่อสู้ของมันจึงอยู่ในระดับสูงสุดของอสูรเทวะแตกต่างจากขนอุยที่สามารถแสดงพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะปล่อยให้เซี่ยเฟยรอดชีวิตไปไม่ได้เป็นอันขาด เพราะอีกตัวตนหนึ่งชายหนุ่มคนนี้คือทายาทของตระกูลสกายวิง ซึ่งถ้าหากว่าสมาชิกของตระกูลสกายวิงได้รู้ว่าเซี่ยเฟยถูกเขาปองร้าย ผลที่ตามมามันก็จะเลวร้ายมากกว่าสถานการณ์ปัจจุบันไปหลายสิบเท่า
ตระกูลสกายวิงขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมมาโดยตลอด และพวกเขายังขึ้นชื่อเรื่องการเคลื่อนไหวอย่างอิสระโดยไม่สนกฎเกณฑ์ด้วย หยูฮัวจึงจำเป็นจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นการเข้าไปสะกิดตระกูลสกายวิงแม้แต่เพียงนิดเดียว มันก็อาจจะก่อให้เกิดหายนะกับชีวิตของเขาได้เลย
“เลิกพยายามเถอะ ไม่ว่ายังไงวันนี้มันก็เป็นวันตายของนาย” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับชี้ดาบวงพระจันทร์ไปที่ชายหนุ่ม
“เก็บคำพูดนั้นเอาไปไว้พูดกับตัวเองเถอะ” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างใจเย็น และทันใดนั้นมันก็มีใบหญ้าสีน้ำเงิน 2 ใบแทงทะลุขึ้นมาจากใต้เท้าของหยูฮัว ซึ่งแน่นอนว่าใบหญ้าเหล่านี้ก็ไม่ใช่ใบหญ้าอื่นใดเลยนอกเสียจากใบหญ้าของหงส์ครามที่มีศักดิ์เป็นอาวุธมายานั่นเอง
ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันเซี่ยเฟยก็ได้แอบปล่อยให้หงส์ครามแทรกซึมเข้าไปภายในดิน เพื่อที่เขาจะได้เริ่มเปิดการจู่โจมโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว
ฟุบ!
หยูฮัวบินขึ้นไปบนท้องฟ้าในทันที แน่นอนว่ากลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่นี้ย่อมไม่สามารถดักจับผู้เชี่ยวชาญกฎมิติระดับสูงแบบเขาได้
อย่างไรก็ตามวิญญาณหวนภายในมือของเซี่ยเฟยก็เริ่มยิงลำแสงเข้าใส่หยูฮัวราวกับปืนกล ขณะที่ชุดต่อสู้ของเซี่ยเฟยก็ได้ปล่อยไอพ่นส่งร่างของชายหนุ่มขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
แรงขับของเครื่องยนต์ควอนตัมบนชุดชาร์ปเลสทำให้เซี่ยเฟยสามารถเคลื่อนที่ได้ไม่ต่างไปจากความเร็วสูงสุดของเขาเลย ท้ายที่สุดชุดต่อสู้นี้ก็คือชุดต่อสู้ระดับราชากฎ ที่ครั้งหนึ่งมันเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับ 1 ใน 4 ผู้พิทักษ์มังกรฟ้ามานานหลายปี
หยูฮัวเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนเขาจะปลดปล่อยการโจมตีประจำตัวอันโด่งดังอย่างวิชาเจ็ดมังกรแยกฟ้าออกมาอีกครั้ง
รอยแตกมิติอันโหดร้ายทั้งเจ็ดสายเคลื่อนที่เข้าหาเซี่ยเฟยอย่างรวดเร็ว ซึ่งพลังทำลายของพวกมันรุนแรงมากจนทำให้แม้แต่ท้องฟ้าก็ยังถูกแบ่งแยกออกจากกัน
ความจริงการที่เขาต้องใช้วิชาประจำตัวเพื่อจัดการกับอัศวินกฎก็ค่อนข้างที่จะทำให้หยูฮัวรู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย เขาจึงพยายามทุ่มเทพลังทั้งหมดในการจู่โจมครั้งนี้เพียงครั้งเดียวเพื่อจบการต่อสู้ในครั้งนี้โดยเร็วที่สุด
ทั้งหยูเจียงและนักสู้จากตระกูลไบร์ทซีต่างต้องเงยหน้าขึ้นมองฟ้าด้วยความไม่เข้าใจ ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เป็นเพียงแค่อัศวินกฎไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมหยูฮัวถึงกลับจำเป็นจะต้องใช้พลังในระดับนี้ในการจัดการกับชายหนุ่มคนนั้นด้วย
เซี่ยเฟยไม่เคยเผชิญหน้ากับพลังที่ดุร้ายเช่นนี้มาก่อน ซึ่งในเสี้ยววินาทีหนึ่งนั้นเขาก็กำลังสงสัยอยู่ด้วยซ้ำว่าพลังระดับนี้สามารถที่จะทำลายดาวเคราะห์ลงได้หรือเปล่า
แม้ว่าจะต้องเผชิญกับพลังทำลายอันน่ากลัว แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงเลือกหยุดนิ่งไม่ไหวติง
รอยแตกมิติทั้งเจ็ดสายต่างก็ล้วนแล้วแต่มีพื้นที่ทอดยาวออกไปหลายสิบกิโลเมตร ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะใช้พลังความเร็ววิ่งหนีออกไปอย่างสุดกำลัง แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหลบรอดการโจมตีครั้งนี้พ้น
การเคลื่อนไหวของหยูฮัวไม่ต่างไปจากการพยายามตบยุงโดยการยิงปืนใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ยุงตัวนี้กลับเป็นเซี่ยเฟยผู้ซึ่งไม่เคยยอมแพ้ต่ออะไรง่าย ๆ เหมือนกับอาวุธมายาหงส์ครามภายในมือของเขา
เหล่าบรรดาราชากฎที่อยู่บนพื้นต่างก็มองดูท้องฟ้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพื่อเฝ้าดูเซี่ยเฟยที่กำลังเผชิญหน้ากับการโจมตีของหยูฮัวโดยไม่เกรงกลัว
“นี่สินะการโจมตีแบบเต็มกำลังของราชากฎขั้นสูง!”
“นี่มันบ้าไปแล้ว! เขาถึงกับต้องใช้การโจมตีระดับนี้จัดการกับเด็กเลยงั้นเหรอ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามอันรุนแรง ดวงตาของขนอุยก็เปลี่ยนไปกลายเป็นสีแดงก่ำ ซึ่งในปัจจุบันอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เติบโตมากับเซี่ยเฟยตัวนี้ก็ได้เข้าสู่สถานะบ้าคลั่งเหมือนกับเจ้าของของมันแล้ว
ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยเคยสั่งไม่ให้ขนอุยทำการเคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อที่มันจะได้เก็บสะสมพลังงานเอาไว้ใช้ในการวิวัฒนาการ แต่ในวันนี้ขนอุยเลือกที่จะขัดขืนคำสั่งเดิมของเจ้านายของมัน เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันกำลังตกอยู่ในอันตรายและคำสั่งของเซี่ยเฟยก็คงจะไม่มีความหมายถ้าหากว่าพวกเขาได้เสียชีวิตลงในวันนี้
ไม่เพียงแต่เซี่ยเฟยเท่านั้นที่จำเป็นจะต้องเสี่ยงชีวิต เพราะขนอุยก็ต้องการที่จะต่อสู้โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพันด้วยเช่นกัน
ท้ายที่สุดพันธสัญญาระหว่างพวกเขาคือพันธสัญญาแห่งชีวิตและความตาย ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยตายขนอุยก็จะตายไปพร้อมกับใช้เจ้านายคนนี้
ถุย ๆ ๆ
ขนอุยเริ่มพ่นลูกบอลพลังงานออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งลูกบอลพลังงานที่ถูกพ่นออกมานั้นมีขนาดใหญ่กว่าลำตัวปัจจุบันของขนอุยมาก
นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ขนอุยจะสามารถทำได้แล้ว ซึ่งหลังจากที่มันได้พ่นลูกบอลพลังงานออกไป 3 ครั้งขนทั่วทั้งร่างของมันก็สูญเสียความแวววาวไปในทันที
ลูกบอลพลังงานขยายตัวในอากาศอย่างรวดเร็วกลายเป็นตาข่ายพลังงาน 3 ตาข่ายที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 10 เมตร ซึ่งแต่เดิมขนอุยมักจะประยุกต์ใช้ท่านี้สำหรับการป้องกัน แต่ในปัจจุบันมันได้ประยุกต์ท่านี้เอามาใช้ในการโจมตี
ฝ่ามือใบไม้ร่วง!
เซี่ยเฟยเริ่มจู่โจมออกไปด้วยเช่นเดียวกันด้วยพลังวิชาที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขามี
ตูม!
เจ็ดมังกรแยกฟ้าของหยูฮัวปะทะเข้ากับตาข่ายพลังงานของขนอุยและกฎแห่งความโกลาหลของเซี่ยเฟย
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่วนท้องฟ้าก็สว่างไสวราวกับมีพระอาทิตย์สองสว่างอยู่นับหมื่นดวง แต่ท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้าจุดสีดำเล็ก ๆ 2 จุดก็กำลังเคลื่อนที่เข้าไปใกล้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตูม!!!!!
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะสิ่งที่ผู้ชมบนพื้นดินเห็นคือเงาร่างสีดำกำลังตกลงมาบนพื้นราวกับลูกอุกกาบาต
ตูม!
แรงสั่นสะเทือนอันรุนแรงเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับอุกกาบาตสีดำที่ตกลงมาใจกลางสนามรบ โดยหลุมลึกที่เกิดขึ้นจากแรงปะทะในครั้งนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 10 กิโลเมตร และคลื่นกระแทกอันรุนแรงที่เกิดจากการปะทะก็ทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุหลายหมื่นปีถูกถอนรากถอนโคนออกไปอย่างรวดเร็ว
“เซี่ยเฟย!”
หยูเจียงอุทานเพราะสิ่งที่ตกลงมาไม่ใช่อุกกาบาต แต่เป็นร่างของเซี่ยเฟยที่กำลังถูกฝังอยู่ในพื้นดินต่างหาก
ทุกคนต่างก็เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างชัดเจนว่าร่างของเซี่ยเฟยกำลังนอนนิ่งอยู่ตรงกลางหลุมอุกกาบาต โดยมีควันสีดำเล็ดลอดออกมาจากชุดเกราะชาร์ปเลสแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการปะทะระหว่างเซี่ยเฟยกับหยูฮัวรุนแรงแค่ไหน เพราะมันถึงกับทำให้ชุดเกราะอันเลื่องชื่อแทบจะแตกสลาย มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงเซี่ยเฟยที่อยู่ภายในชุดเกราะชุดนั้นเลย
หยูเจียงทำได้เพียงแต่ส่ายหัวด้วยความเสียดาย เพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่สามารถต้านทานการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้ได้ ไม่ว่ายังไงเซี่ยเฟยกับหยูฮัวก็ยังคงห่างชั้นกันมากเกินไปอยู่ดี
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยที่อยู่ก้นหลุมก็ลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับถุยเลือดภายในปากออกมา
“เขายังไม่ตาย!!” ทุกคนต่างก็อุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกตะลึง แต่เมื่อพวกเขาได้สังเกตเห็นสิ่งที่เซี่ยเฟยถุยออกมาจากปาก มันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม
หูของหยูฮัว!
“ถ้าฉันใช้พลังทำอะไรไม่ได้ฉันก็จะกัดแกให้ตายไปพร้อมกับฉัน!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาอย่างดุร้าย
ใช้ฟันกัดหูของคู่ต่อสู้เนี่ยนะ?
เซี่ยเฟยเป็นนักรบหรือสัตว์ร้ายกันแน่ ซึ่งในบางทีเขาคนนี้ก็อาจจะเป็นปีศาจที่หลุดรอดออกมาจากขุมนรก
ชายหนุ่มไอออกมาอย่างรุนแรงก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง จนทำให้ชุดชาร์ปเลสถูกย้อมด้วยเลือดของเจ้าของจนตัวชุดเป็นสีแดงสด
“ให้ตายเถอะ นี่ซี่โครงฉันหักไปแล้วกี่ซี่กันเนี่ย!” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับเผยรอยยิ้มเปื้อนเลือดออกมา
***************
พี่เฟยกลายเป็นหมาบ้าไปแล้ว!!