1139 - อาสะใภ้
1139 - อาสะใภ้
ในระยะไกลนักพรตหนุ่มผมเผ้ายุ่งเหยิงคุกเข่าลงบนพื้น ที่ด้านข้างของเขาองค์ชายผู้สวมเสื้อคลุมงูเหลือมเก้าตัวและแม่ชีตัวน้อยกำลังเดินมาในทิศทางของทะเลสาบหยก
ในอ้อมกอดของแม่ชีตัวน้อยคือหนอนไหมสวรรค์เก้าแปลงซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นหงส์เพลิงสีทองที่เปล่งประกายสดใส
เมื่อเห็นหญิงสาวผมสีม่วงที่อยู่นอกทะเลสาบหยกดวงตาของมันก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง จากนั้นร่างของหนอนไหมสวรรค์ได้พุ่งเข้าหาหญิงสาวผู้งดงามด้วยความตื่นเต้น
เทพธิดาผมสีม่วงใช้นิ้วมือลูบไล้ศีรษะของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอย่างแผ่วเบา นิ้วที่เหมือนหยกของนางเปล่งประกายสดใสพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังสีทองออกมาจางๆ
ภูตตัวน้อยกำลังร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาของมันพร่ามัวเล็กน้อย มันใช้ศีรษะเล็กๆ ของมันดันแก้มที่ขาวใสของนางด้วยความรัก ในขณะเดียวกันอุ้งเท้าน้อยๆ ก็พยายามเกาะเส้นผมของนางไว้
“นั่นคือหนอนไหมสวรรค์หรือ?” ดวงตาของหลี่เหอสุ่ยเบิกกว้าง
ย้อนกลับไปเมื่อเทพธิดาคนนี้ถูกตัดออกจากต้นกำเนิดสวรรค์ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ หนอนไหมสวรรค์ร้องไห้จนแทบจะเป็นลม ตอนนี้เมื่อเห็นนางตื่นขึ้นอีกครั้งมันจะตื่นเต้นดีใจมากเพียงใดเป็นที่เข้าใจได้
“นี่เป็นหนอนไหมสวรรค์ที่ให้ความสำคัญกับอารมณ์เป็นอย่างมาก แม้ว่าในอดีตมันและนางจะถูกแยกจากกันด้วยความตาย แต่ที่สุดแล้วมันก็มีโอกาสได้พบกับนางอีกครั้ง” เย่ฟ่านถอนหายใจ
ในอีกด้านหนึ่ง บรรพชนโบราณทั้งสองตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นคนที่น่าจะตายไปนานแล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาไม่กล้าแสดงท่าทีหุนหันพลันแล่นอีกต่อไป และพวกเขากำลังถอยห่างอย่างช้าๆ ด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เส้นผมสีม่วงปกคลุมใบหน้าครึ่งหนึ่งของหญิงสาว รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้น นางลูบหนอนไหมสวรรค์ตัวน้อยด้วยความรักอย่างถึงที่สุด
“ไม่คิดว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง หวังว่าครั้งนี้เจ้าจะไม่ลืมข้าอีก” นางยิ้มเบาๆ
หญิงสาวคนนี้ทำให้ราชาบรรพชนทั้งสามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขาพยายามถอยห่างจากสนามรบและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในขณะนี้นักพรตหนุ่มผมเผ้ายุ่งเหยิงกำลังแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม เขาคือนักพรตเสิ่นแห่งสันเขาเสิ่นคานผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ชายที่สวมเสื้อคลุมลายงูเหลือมคือเซี่ยอี้หมิงองค์ชายแห่งต้าเซี่ย ในขณะที่แม่ชีตัวน้อยคือเซี่ยอี้หลินน้องสาวของเขา
“อย่าร้องไห้เลย!” แม่ชีตัวน้อยพยายามปลอบหนอนไหมสวรรค์จากระยะไกล
“มันเพียงพบญาติสนิทและร้องไห้ด้วยความดีใจเท่านั้น พวกเราเผ่าพันธุ์หนอนไหมสวรรค์มีความรู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษ ต่อให้ความทรงจำของเราจะลบเลือนไปแต่หากพบกับผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันสัญชาตญาณในจิตใจจะถูกกระตุ้นขึ้นอีกครั้ง” นักพรตเสิ่นกล่าว
ในระยะไกล กลุ่มคนจากยอดเขาภูเขาเสิ่นคานรีบคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก
“องค์หญิงไม่คิดว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ”
ผู้คนมากมายต่างตกตะลึง หลายเผ่าพันธุ์คุกเข่าลงบนพื้นแม้ว่าพวกเขาไม่ใช่เผ่าพันธุ์หนอนไหมสวรรค์ แต่ทุกคนยังคงเกิดความหวาดกลัวต่อหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
นี่คือสิ่งมีชีวิตอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกยุคหนึ่ง ความแข็งแกร่งของนางกวาดไปทั่วสวรรค์โดยปราศจากคู่แข่งและเกือบจะได้เป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
แม้ว่าในปัจจุบันสันเขาเสิ่นคานจะมีทายาทของหนอนไหมทอง หนอนไหมเงิน หนอนไหมหยก อย่างไรก็ตามผู้ที่มีสายเลือดของหนอนไหมสวรรค์กลับมีไม่ถึงสิบห้าคนด้วยซ้ำ จำนวนของพวกเขามีมากกว่าเผ่าพันธุ์วานรศักดิ์สิทธิ์โต้วจ้านเล็กน้อย
ในฐานะองค์หญิงผู้ทรงพลังของเผ่าพันธุ์หนอนไหมสวรรค์ มีตำนานมากมายเกี่ยวกับนาง ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วตำนานเหล่านั้นเพียงพอที่จะเขย่าทั้งสวรรค์พิภพ
“คำนับองค์หญิงเสิ่นฉาน!”
แม้กระทั่งราชาบรรพชนโบราณจากเผ่าพันธุ์ต่างๆ ก็ยังแสดงความเคารพต่อองค์หญิงเสิ่นฉาน ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งของนางนั้นน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
“ทุกคนโปรดลุกขึ้น” เสียงของหญิงสาวนุ่มนวลอย่างน่าอัศจรรย์
“พี่วานรเกิดอะไรขึ้น?” ต้วนเต๋อรู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“นางเกือบจะได้เป็นอาสะใภ้ของข้า น่าเสียดายที่นางถูกลอบทำร้ายจนผู้คนเชื่อว่าเสียชีวิตไปแล้ว” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า
“อะไรนะ?” ต้วนเต๋อกลอกตา
อาสะใภ้ของวานรศักดิ์สิทธิ์? นี่ไม่ได้หมายความว่าองค์หญิงเสิ่นฉานเป็นคู่หมั้นของพระพุทธเจ้าโต้วจ้านแห่งเขาพระสุเมรุหรือ? ภูมิหลังของนางยิ่งใหญ่มากกว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียอีก
ในเวลานี้ผู้คนจากเผ่าพันธุ์โบราณอื่นๆ ก็เริ่มพูดคุยกัน สิ่งมีชีวิตโบราณจากยุคนั้นล้วนปิดผนึกตัวเองไว้ในต้นกำเนิดสวรรค์และตื่นขึ้นมาในยุคนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็คือสิ่งมีชีวิตจากยุคเดียวกันกับองค์หญิงเสิ่นฉานนั่นเอง
องค์หญิงเสิ่นฉานคือหญิงงามอันดับหนึ่งของโลก อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์โบราณมากมายนับไม่ถ้วนต้องการวิวาห์กับนาง อย่างไรก็ตามนางประกาศไว้ว่าจะแต่งให้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่านางเท่านั้น
มีทายาทของเผ่าพันธุ์โบราณไม่น้อยที่ถูกนางทุบตีปางตาย และในบรรดาผู้คนทั้งหมดมีเพียงน้องชายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ
องค์หญิงเสิ่นฉานไม่เพียงมีความงามที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้เท่านั้น ความแข็งแกร่งของนางยังแทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกยุคโบราณอีกด้วย
น่าเสียดายที่ในช่วงปลายสมัยของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้เกิดเหตุจราจลครั้งใหญ่ เผ่าพันธุ์โบราณมากมายนับไม่ถ้วนต่อสู้กันเองและทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย
จากนั้นไม่นานก็มีข่าวลือเล่าขานว่าองค์หญิงเสิ่นฉานถูกฆ่าตายในความวุ่นวายครั้งนั้นด้วย
เมื่อไม่กี่ปีก่อนวานรศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาที่ทะเลสาบหยกเพื่อร้องขอยาศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยชีวิตใครบางคน และเมื่อเห็นองค์หญิงเสิ่นฉานฟื้นคืนชีพ ในที่สุดเย่ฟ่านก็ตระหนักได้ว่าผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เขามอบให้นั้นถูกนำไปช่วยเหลือใคร
“ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้ามอบให้ข้าในตอนนั้นมันเป็นยาเซียนจากเผ่าพันธุ์ไหมสวรรค์นั่นเอง” วานรศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“ไม่ทราบว่าเจ้ายังมีผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นเหลืออยู่หรือไม่?”
นักพรตเสิ่นปรากฏตัวด้วยรอยยิ้ม ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์นั้นคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของหนอนไหมสวรรค์ หากเขามีโอกาสได้รับประทานมันเข้าไปอาจทำให้ร่างกายของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งอย่างแน่นอน
หลังจากที่องค์หญิงเสิ่นฉานปลอบโยนหนอนไหมสวรรค์ตัวน้อยเสร็จแล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็จางหายไป นางมองไปยังราชาบรรพชนสตรีแล้วกล่าวว่า
“เมื่อครู่นี้เจ้าบังคับให้องค์ชายศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าต่อหน้าทุกคน หากเขาไม่ทำเจ้าจะฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ? ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้าทำเช่นนี้?” เสียงของนางไม่ได้ดังมากแต่กลับทำให้ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิทลงทันที
นี่คือว่าที่น้องสะใภ้ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าทั้งสองจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่องค์หญิงเสิ่นฉานก็ถือว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์วานรศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว
ดังนั้นเมื่อมีใครบางคนดูหมิ่นองค์ชายศักดิ์สิทธิ์นางย่อมต้องตอบโตกลับไปอย่างดุร้าย
“เขาดูหมิ่นจักรพรรดิอมตะ เขาสมควรถูกลงโทษ” ราชาบรรพชนสตรีโบราณกล่าว แต่น้ำเสียงของนางเห็นได้ชัดว่าไม่ดุร้ายเหมือนเดิมอีกแล้ว
“ทำไมเจ้าไม่พูดเรื่องนี้ตอนที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีชีวิตอยู่? เขาเป็นผู้ล้มล้างสำนักของจักรพรรดิอมตะ ทำไมเจ้าไม่ส่งเสียงในตอนนั้น ในฐานะสิ่งมีชีวิตอมตะเจ้ากลับคิดจะรังแกเด็กน้อยคนหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจหรือ” องค์หญิงเฉินฉานกล่าวอย่างใจเย็น
“ข้าไม่ได้ต้องการฆ่าเขา ข้าแค่อยากจะลงโทษเขาและทำให้เขาเคารพเทพของเรามากขึ้น”
เห็นได้ชัดว่าราชาบรรพชนสตรีรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าแสดงความแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
องค์หญิงเสิ่นฉานยังคงสงบ นางก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในฐานะองค์ชายศักดิ์สิทธิ์สถานะของเขาถือได้ว่ายิ่งใหญ่มากที่สุดในเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมด แต่เจ้ากลับต้องการให้เขาคุกเข่าให้เทียนหวงจื่อต่อหน้าทุกคน?”
ณ จุดนี้ สีหน้าสงบขององค์หญิงเสิ่นฉานไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ แต่คำพูดของนางมีความเย็นชามากขึ้นเล็กน้อย
“ข้าจะให้ทางเลือกแก่เจ้าสองทาง หนึ่งคือให้เจ้าคุกเข่าขอโทษองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าหมื่นเผ่าพันธุ์ที่อยู่ที่นี่ อีกทางคือให้ข้าหักขาเจ้าก่อน จากนั้นเจ้าค่อยคุกเข่าขอโทษองค์ชายศักดิ์สิทธิ์!”
นี่คือราชาบรรพชนโบราณเผ่าพันธุ์หนอนไหมสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในยุคเดียวกันไม่มีผู้ใดเปรียบเทียบกับนางได้ แม้แต่ราชาบรรพชนที่เป็นทายาทของจักรพรรดิอมตะก็ยังทำได้เพียงสั่นสะท้านด้วยความกลัว
“เจ้าทำเกินไปแล้ว!” ราชาบรรพชนสตรีโกรธจัด
ในฐานะราชาบรรพชน นางสามารถคุกเข่าต่อหน้าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่จะให้นางคุกเข่าต่อหน้าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเด็กรุ่นหลัง สิ่งนี้ยังเลวร้ายยิ่งกว่ามอบความตายให้กับนางเสียอีก
แม้ว่าในอนาคตองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ตรงหน้าจะบรรลุความเป็นอมตะอย่างแน่นอน แต่เผ่าพันธุ์โบราณนั้นมีลำดับชั้นที่เข้มงวด ในบรรดาผู้คนทั้งหมดแม้แต่องค์หญิงเสิ่นฉานยังไม่คู่ควรให้นางคุกเข่าด้วยซ้ำ
……..