บทที่ 87 สาวหูสัตว์
ในวันต่อมา
ซืออวี๋ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอันสดชื่น
นี่เป็นการนอนที่สบายที่สุดในเดือนที่ผ่านมา
การบ่มเพาะตัวเองดีกว่าการบ่มเพาะสัตว์อสูรของเขามาก
“วันนี้…”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซืออวี๋ก็เปิดโทรศัพท์และดูเบอร์ที่หลู่ชิงอี้มอบให้แก่เขา
ซืออวี๋คิดอยู่สักพักหนึ่ง เนื่องจากหลู่ชิงอี้ได้มอบหมายให้บางคนพาเขาเดินรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ นั่นจึงจะสูญเปล่าไม่ได้
หากเขาเดินรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณเพียงลำพัง เขาคงจะสับสนอย่างแท้จริง เขาอาจติดอยู่ติดอยู่ที่เดิมตลอดทั้งบ่ายเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้โดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย
“87237387…” ซืออวี๋โทรออกและวางแผนที่จะค้นหาไกด์ส่วนตัว
ไม่นานนัก เสียงหญิงสาวที่ชัดเจนและมีประสบการณ์ก็ดังขึ้นมา
“ใครเหรอ?”
“สวัสดี รุ่นพี่หลู่ชิงอี้มอบเบอร์นี้ให้แก่ข้า…”
ในขณะที่ซืออวี๋กำลังอธิบายต่อ อีกฝ่ายก็เข้าใจทันทีและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าวางแผนที่จะดูรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“ในอีกหนึ่งชั่วโมง ข้าจะรอเจ้าที่ด้านนอกห้องโถงต่อสู้ที่เขตที่ 18 ของวิทยาเขตทางเหนือ”
ซืออวี๋เกาหัวของเขาและตกลงอย่างเงียบสงบ
เฮ้อ อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เขาได้กล่าวอะไรเลย ลืมไปเถอะ เขาจะถามเรื่องอื่นในภายหลัง
“อีเลฟเว่น ออกมาพักผ่อนได้แล้ว!”
ในขณะที่เขากำลังจะออกไป ซืออวี๋ก็นึกถึงบางสิ่งและตะโกนเรียกอีเลฟเว่นผู้ที่อยู่ในลูกปัดซากปรักหักพัง โดยไม่มอบโอกาสให้มันปฎิเสธเลย เขาเทเลพอร์๖อีเลฟเว่นออกมาโดยใช้ตัวตนของเขาในฐานะเจ้าของซากปรักหักพัง
ในห้อง อีเลฟเว่นมองซืออวี๋ด้วยความสับสน
“อู๋!”
เรื่องนี้ช่วยไม่ได้ หากมันไม่พยายามอย่างหนัก มันก็ไม่สามารถเอาชนะบักกี้ได้
“ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นข้าจะหยุดมันไม่ให้ฝึกเช่นกัน”
ซืออวี๋เทเลพอร์ตบักกี้ออกมาและโยนมันลงในกระเป๋าของเขา
ในขณะเดียวกัน เขาก็เตือนหนอนไหมเขียวว่า “อย่าสร้างภาพมายา เพียงแค่นอนและฝันก็พอแล้วในวันนี้”
บักกี้ : “Zz…”
อีเลฟเว่นเงียบลง มันยังคงไม่ยอม ทว่ามือของซืออวี๋ได้จับหลังคอของมันแล้ว
หลังจากถูกจับตัวไว้ อีเลฟเว่นก็แสดงสีหน้าอันขมขื่น มันทำได้เพียงแค่หดตัวจนมันสามารถยืนบนไหล่ของซืออวี๋ได้ จากนั้นซืออวี๋ก็โยนมันไปบนไหล่ของเขา
“การฝึกฝนนั้นสำคัญมาก ทว่าการเพิ่มโลกทัศน์ก็สำคัญเช่นกัน!”
“เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อวานนี้เจ้าพลาดการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นไปกี่ครั้งแล้ว?” ซืออวี๋สั่งสอนอีเลฟเว่น
อีเลฟเว่นยกหูขึ้นมาฟัง
“ตามคำกล่าวที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ประสบการณ์ก็เป็นวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องใช้เวลาสองชั่วโมงในการฝึกฝนและจำสารานุกรมสัตว์อสูรพร้อมกับข้า”
อีเลฟเว่น : หือ???
อีเลฟเว่นรู้สึกสับสนมาก สัตว์อสูรต่อสู้ได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันต้องจำด้วยล่ะ!
นั่นไม่ใช่สิ่งที่นักฝึกสัตว์อสูรควรทำเหรอ?
“เจ้าต้องพัฒนาในทุกด้าน!” การเพิ่มแต้มช่วยให้อีเลฟเว่นประหยัดเวลาในการฝึกฝนได้เป็นอย่างมาก การที่ขอให้มันจำข้อมูลของสัตว์อสูรพันตัวคงจะไม่มากจนเกินไป
ด้วยพลังงานที่เพียงพอ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลยที่จะพัฒนาอย่างเต็มที่โดยไร้จุดอ่อน
การที่อีเลฟเว่นจำรายละเอียดของศัตรูเองนั้นจะสะดวกมากกว่า
กล่าวโดยย่อแล้ว เขาสามารถให้อีเลฟเว่นจำเองได้ ซืออวี๋รู้สึกว่าหากเขาเจอคำถามที่ไม่รู้ในระหว่างการประเมินมืออาชีพข้อเขียน เขาอาจจะเอ่ยถามอีเลฟเว่นได้
เป็นไปตามที่คาดไว้ นี่คือแนวคิดการบ่มเพาะที่ล้ำหน้ายิ่งกว่ายุคปัจจุบันถึง 80 ปี
…
หลังจากนั้น ซืออวี๋ก็แบกลูกหมีบนไหล่ของเขาและออกไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ซืออวี๋ให้อีเลฟเว่นปรากฎตัวในรูปลักษณ์นี้ ทว่านั่นไม่สำคัญเพราะคนที่เดินผ่านไปมาไม่ได้กล่าวอะไรเลยในขณะที่เขาเดินผ่าน
ในเมืองใหญ่เช่นนี้ มีสัตว์อสูรหายากมากเกินไป สัตว์อสูรกลายพันธุ์ สัตว์อสูรหลากสี สัตว์อสูรสวมชุด สัตว์อสูรที่ถูกแต่งหน้า มีสัตว์อสูรแปลกประหลาดมากมายที่หาได้ยากในเขตผิงเฉิง
ในทางตรงกันข้าม อีเลฟเว่นผู้ที่หดตัวบนไหล่ของซืออวี๋ก็ทำให้หลายคนมองมันโดยตรงราวกับว่ามันเป็นลูกอสูรกินเหล็กที่มีการพัฒนาหลายด้าน
เขาซื้อไอศกรีมข้างถนนสองโคน หนึ่งโคนสำหรับตัวเขา และอีกหนึ่งโคนสำหรับอีเลฟเว่น จากนั้นซืออวี๋ก็ตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่เขาได้นัดไว้กับอีกฝ่าย
เขามาถึงเร็วกว่าเมื่อวาน 20 นาที แม้ว่าตอนนี้จะยังเช้าอยู่ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากอยู่นอกห้องโถงต่อสู้ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณแล้ว
[เป็นยังไงบ้าง? เจ้ารู้สึกว่าสัตว์อสูรรอบๆ ทุกตัวแข็งแกร่งมากใช่ไหม?]
เมื่อพวกเขาเบื่อ ซืออวี๋ก็กล่าวกับอีเลฟเว่นบนไหล่ของเขาทางกระแสจิต
“อู๋”
อีเลฟเว่นมองไปรอบตัวและพบว่ามีสัตว์อสูรมากมายที่อยู่ข้างนักฝึกสัตว์อสูรซึ่งมีคลื่นพลังอันทรงพลัง
อย่างไรก็ตาม อีเลฟเว้นไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แน่ชัด ทว่าบางทีมันอาจจะตรวจสอบได้ด้วยการปราบปรามขั้นชำนาญใช่ไหม?
[หากเจ้าไม่ต้องการถูกทุบตี เจ้าก็อย่าทำเช่นนี้]
ใช้การปราบปรามในสถานที่เช่นนี้ นั่นไม่ใช่การยั่วยุเหรอ? เขาจะถูกทุบตีอย่างแน่นอน
ซืออวี๋ถือโทรศัพท์ของเขาและตรวจสอบความผันผวนของพลังงานโดยรอบ เขาตรวจไม่พบอะไรเลย
นี่หมายความว่าสัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบล้วนแล้วแต่อยู่ระดับเหนือธรรมชาติเป็นอย่างน้อย มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่ระดับปลุกตื่น
นี่หมายความว่าอะไร?
นี่หมายความว่าระดับนักฝึกสัตว์อสูรในเมืองใหญ่นั้นสูงมากงั้นเหรอ? ไม่ใช่ นี่หมายความว่าเขาควรเปลี่ยนโทรศัพท์ของเขา
แม้ว่าเขาจะเพิ่งซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาไม่นานนัก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ดีมากพอแล้วในตอนนี้ หากเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่… อย่างน้อยที่สุด มันต้องมีเครื่องตรวจจับพลังต่อสู้ระดับที่สูงยิ่งขึ้น
สำหรับโทรศัพท์เครื่องนี้ เขาจะมอบให้แก่บักกี้และอีเลฟเว่น!
พวกเขามันสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่พวกมันต้องการไม่ว่าจะเป็นดูหนังมังกรน้ำแข็งหรือถ่ายรูปตัวเอง
ในขณะที่ซืออวี๋กำลังพิจารณาว่าเขาเขาควรเปลี่ยนโทรศัพท์ดีไหม โทรศัพท์สุดกระจอกของเขาก็ดังขึ้นมา
“ข้าอยู่ใต้ไฟถนนแล้ว” หลังจากที่ซืออวี๋หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงก็ดังมาจากปลายสาย
“ข้าเห็นแล้ว”
ซืออวี๋มองไปรอบตัวและเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดต่อสู้ที่อยู่ใต้ไฟถนนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
อีกฝ่ายไม่สูงมากนัก นางมีผมสีดำสั้น ผิวขาว และร่างเล็ก รูปร่างของนางสมส่วนโดยปราศจากไขมันส่วนเกิน
คนผู้นี้เหรอ?
ซืออวี๋เดินเข้าไป อีกฝ่ายก็เห็นซืออวี๋และประเมินเขาด้วยสายตา
“เจ้าคือซืออวี๋ที่รุ่นพี่หลู่แนะนำงั้นเหรอ?”
ซืออวี๋พยักหน้าและกล่าวว่า “สวัสดี”
นักสู้สาวพยักหน้าและกล่าวว่า “สวัสดี ข้าเป็นนักศึกษาของสาขาต่อสู้แห่งมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ ไป่ซี ในขณะเดียวกัน ข้าก็เป็นสมาชิกสำรองของทีมโบราณคดีเช่นกัน เนื่องจากข้าสัญญากับรุ่นพี่หลู่แล้ว ข้าจะพาเจ้าเดินรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณในช่วงสองวันนี้”
จากกนั้นนางก็มองไปที่อีเลฟเว่นผู้ที่กำลังจ้องมองนางด้วยดวงตาของเขาซึ่งอยู่ในวงกลมสีดำ และเงียบไป
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังคงเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรเหรอ?”
“ไม่ ทว่าเจ้ามีสถานที่ที่อยากไปดูไหม?” ไป่ซีเอ่ยถามออกมา
“เจ้าให้ข้าแนะนำเจ้าไหม?”
ซืออวี๋ตกตะลึงและพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นก็มากับข้า” ไป่ซียิ้มและกล่าวเสริมว่า “ออันที่จริง นี่ไม่ใช่คำแนะนำของข้า ทว่าเป็นคำแนะนำของรุ่นพี่หลู่”
“หือ?”
“นางบอกว่าหากเจ้ามาหาข้า ข้าไม่ต้องพาเจ้าไปยังอาณาเขตของสาขาโบราณคดี แต่ข้ากลับต้องช่วยเจ้าเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าก่อน”
“ความแข็งแกร่งของข้าเหรอ?”
ไป่ซีไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก แต่นางกลับนำซืออวี๋ไปยังสนามฝึกอีกด้านหนึ่งของห้องโถงต่อสู้ซึ่งไม่เปิดให้คนทั่วไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางก็เดินออกห่างจากซืออวี๋ทีละก้าว ในขณะเดียวกัน วงแหวนอัญเชิญขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นมาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไป่ซีและซืออวี๋มากนัก
“อู๋!!!”
หลังจากเสียงร้องที่สูงแหลมและสดใสดังขึ้นมา สัตว์อสูรที่ดูเหมือนจิ้งจอกซึ่งสูงกว่าหนึ่งเมตรก็ได้ปรากฎตัวออกมา มันปกคลุมไปด้วยขนสีขาว มีดวงตาสีน้ำเงินคู่หนึ่ง ร่างกายสมส่วน และดูสูงส่งสง่างาม หางทั้งหกของมันรายล้อมอยู่รอบตัวมัน
[ชื่อ] : จิ้งจอกขาวหกหาง
[คุณสมบัติ] : แสง
[ระดับเผ่าพันธุ์] : ผู้บัญชาการขั้นสูง
“มไ่ใช่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรที่เจ้าสั่ง ทว่าเป็นความแข็งแกร่งของเจ้าเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากสัตว์อสูร”
ในขณะที่ไป่ซีกล่าวจบ ลำแสงสีขาวก็ควบแน่นอยู่ในปากของจิ้งจอกขาวหกหางที่นางอัญเชิญออกมา มันโจมตีไป่ซีภายใต้สีหน้าอันตกตะลึงของซืออวี๋และอีเลฟเว่น!
ทักษะระดับกลาง รังสีทำลายล้าง
ทันใดนั้น ทั้งร่างกายของไป่ซีก็ถูกกลืนกินโดยลำแสงนั่น เกิดการระเบิดอันรุนแรงขึ้นในจุดที่นางยืนอยู่ และแม้กระทั่งพืนก็ระเบิดออกมา ลมกระโชกอย่างรุนแรงจนบังคับให้ซืออวี๋ผู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนักต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
“บัดซ*”
“อู๋ อู๋!” จิ้งจอกขาวหกหางส่ายหางของมันและเหลือบมองซืออวี๋กับอีเลฟเว่น ทำให้ซืออวี๋และอีเลฟเว่นตกใจ
เกิดอะไรขึ้น?
“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากสัตว์อสูร ในฐานะนักฝึกสัตว์อสูร เจ้าต้องมีพลังมากพอที่จะป้องกันตัวเองได้ใช่ไหม?”
ในเวลานี้ หลังจากควันหายไป เสียงของไป่ซีก็ดังออกมาจากพื้นที่ถูกระเบิด นางต้านทานรังสีทำลายล้างของจิ้งจอกขาวหกหางด้วยร่างกายของนางโดยตรง รอบตัวนางดูยุ่งเหยิงมาก และดูราวกับว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
“พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรของข้าคือ ‘การหลอมรวม’ ดังนั้นข้าจึงสามารถหลอมรวมเข้ากับสัตว์อสูรของข้าเพื่อให้ได้รับความแข็งแกร่งจากสัตว์อสูรของข้า ไม่เป็นไรหากเจ้าไม่มีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรนี้ ทว่าไม่ว่ายังไง นักฝึกสัตว์อสูรก็ต้องเป็นเจ้าของสัตว์อสูรประเภทต่อสู้อย่างน้อยหนึ่งตัวและต้องมีทักษะต่อสู้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน”
“อันที่จริง การป้องกันตัวเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรากฐานเท่านั้น ข้าสามารถมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร นั่นคือความปลอดภัยที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น ในสถานะปัจจุบันของข้า ข้าสามารถฉีกระชากสัตว์อสูณระดับผู้บัญชาการได้ด้วยมือเปล่า”
“รุ่นพี่หลู่กล่าวว่าเจ้าควรสมัครเข้าสาขาโบราณคดี ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสำรวจโบราณคดีไม่ใช่ความรู้เรื่องโบราณคดี ทว่าเป็นความแข็งแกร่ง? ซากปรักหักพังต่างก็เต็มไปด้วยอันตราย นักโบราณคดีไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้คุ้มกันมากขึ้นได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ได้อย่างแท้จริง อาชีพนี้ต้องไม่แข็งแกร่งน้อยไปกว่านักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพดั้งเดิมเลย”
ทันทีที่นางกล่าวจบ ซืออวี๋ก็อ้าปากค้างเล็กน้อย นั่นไม่ใช่เพราะหญิงสาวแปลกหน้าผู้นี้ต้านทานทักษะของสัตว์อสูรได้ ทว่าเป็เนพราะรูปร่างในปัจจุบันของนาง…
ผมสั้นสีดำของนางกลายเป็นผมสั้นสีขาว และดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นกัน ยังมีอีกสองสิ่งที่ดูราวกับหูแมว!!
พรสวรรค์ฝึกฝนสัตว์อสูรการหลอมรวมพิเศษเหรอ?
นี่คือสาวหูสัตว์ใช่ไหม?!
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน