ตอนที่แล้วบทที่ 86 นักฝึกสัตว์อสูรในเมืองใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 88 ความสามารถในการรักษาชีวิตของนักฝึกสัตว์อสูร

บทที่ 87 สาวหูสัตว์


ในวันต่อมา

ซืออวี๋ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอันสดชื่น

นี่เป็นการนอนที่สบายที่สุดในเดือนที่ผ่านมา

การบ่มเพาะตัวเองดีกว่าการบ่มเพาะสัตว์อสูรของเขามาก

“วันนี้…”

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซืออวี๋ก็เปิดโทรศัพท์และดูเบอร์ที่หลู่ชิงอี้มอบให้แก่เขา

ซืออวี๋คิดอยู่สักพักหนึ่ง เนื่องจากหลู่ชิงอี้ได้มอบหมายให้บางคนพาเขาเดินรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ นั่นจึงจะสูญเปล่าไม่ได้

หากเขาเดินรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณเพียงลำพัง เขาคงจะสับสนอย่างแท้จริง เขาอาจติดอยู่ติดอยู่ที่เดิมตลอดทั้งบ่ายเช่นเดียวกับเมื่อวานนี้โดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย

“87237387…” ซืออวี๋โทรออกและวางแผนที่จะค้นหาไกด์ส่วนตัว

ไม่นานนัก เสียงหญิงสาวที่ชัดเจนและมีประสบการณ์ก็ดังขึ้นมา

“ใครเหรอ?”

“สวัสดี รุ่นพี่หลู่ชิงอี้มอบเบอร์นี้ให้แก่ข้า…”

ในขณะที่ซืออวี๋กำลังอธิบายต่อ อีกฝ่ายก็เข้าใจทันทีและกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าวางแผนที่จะดูรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณใช่ไหม?”

“ใช่แล้ว”

“ในอีกหนึ่งชั่วโมง ข้าจะรอเจ้าที่ด้านนอกห้องโถงต่อสู้ที่เขตที่ 18 ของวิทยาเขตทางเหนือ”

ซืออวี๋เกาหัวของเขาและตกลงอย่างเงียบสงบ

เฮ้อ อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เขาได้กล่าวอะไรเลย ลืมไปเถอะ เขาจะถามเรื่องอื่นในภายหลัง

“อีเลฟเว่น ออกมาพักผ่อนได้แล้ว!”

ในขณะที่เขากำลังจะออกไป ซืออวี๋ก็นึกถึงบางสิ่งและตะโกนเรียกอีเลฟเว่นผู้ที่อยู่ในลูกปัดซากปรักหักพัง โดยไม่มอบโอกาสให้มันปฎิเสธเลย เขาเทเลพอร์๖อีเลฟเว่นออกมาโดยใช้ตัวตนของเขาในฐานะเจ้าของซากปรักหักพัง

ในห้อง อีเลฟเว่นมองซืออวี๋ด้วยความสับสน

“อู๋!”

เรื่องนี้ช่วยไม่ได้ หากมันไม่พยายามอย่างหนัก มันก็ไม่สามารถเอาชนะบักกี้ได้

“ไม่เป็นไร ถ้าเช่นนั้นข้าจะหยุดมันไม่ให้ฝึกเช่นกัน”

ซืออวี๋เทเลพอร์ตบักกี้ออกมาและโยนมันลงในกระเป๋าของเขา

ในขณะเดียวกัน เขาก็เตือนหนอนไหมเขียวว่า “อย่าสร้างภาพมายา เพียงแค่นอนและฝันก็พอแล้วในวันนี้”

บักกี้ : “Zz…”

อีเลฟเว่นเงียบลง มันยังคงไม่ยอม ทว่ามือของซืออวี๋ได้จับหลังคอของมันแล้ว

หลังจากถูกจับตัวไว้ อีเลฟเว่นก็แสดงสีหน้าอันขมขื่น มันทำได้เพียงแค่หดตัวจนมันสามารถยืนบนไหล่ของซืออวี๋ได้ จากนั้นซืออวี๋ก็โยนมันไปบนไหล่ของเขา

“การฝึกฝนนั้นสำคัญมาก ทว่าการเพิ่มโลกทัศน์ก็สำคัญเช่นกัน!”

“เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อวานนี้เจ้าพลาดการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นไปกี่ครั้งแล้ว?” ซืออวี๋สั่งสอนอีเลฟเว่น

อีเลฟเว่นยกหูขึ้นมาฟัง

“ตามคำกล่าวที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ประสบการณ์ก็เป็นวิธีการเพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องใช้เวลาสองชั่วโมงในการฝึกฝนและจำสารานุกรมสัตว์อสูรพร้อมกับข้า”

อีเลฟเว่น : หือ???

อีเลฟเว่นรู้สึกสับสนมาก สัตว์อสูรต่อสู้ได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมมันต้องจำด้วยล่ะ!

นั่นไม่ใช่สิ่งที่นักฝึกสัตว์อสูรควรทำเหรอ?

“เจ้าต้องพัฒนาในทุกด้าน!” การเพิ่มแต้มช่วยให้อีเลฟเว่นประหยัดเวลาในการฝึกฝนได้เป็นอย่างมาก การที่ขอให้มันจำข้อมูลของสัตว์อสูรพันตัวคงจะไม่มากจนเกินไป

ด้วยพลังงานที่เพียงพอ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลยที่จะพัฒนาอย่างเต็มที่โดยไร้จุดอ่อน

การที่อีเลฟเว่นจำรายละเอียดของศัตรูเองนั้นจะสะดวกมากกว่า

กล่าวโดยย่อแล้ว เขาสามารถให้อีเลฟเว่นจำเองได้ ซืออวี๋รู้สึกว่าหากเขาเจอคำถามที่ไม่รู้ในระหว่างการประเมินมืออาชีพข้อเขียน เขาอาจจะเอ่ยถามอีเลฟเว่นได้

เป็นไปตามที่คาดไว้ นี่คือแนวคิดการบ่มเพาะที่ล้ำหน้ายิ่งกว่ายุคปัจจุบันถึง 80 ปี

หลังจากนั้น ซืออวี๋ก็แบกลูกหมีบนไหล่ของเขาและออกไป

นี่เป็นครั้งแรกที่ซืออวี๋ให้อีเลฟเว่นปรากฎตัวในรูปลักษณ์นี้ ทว่านั่นไม่สำคัญเพราะคนที่เดินผ่านไปมาไม่ได้กล่าวอะไรเลยในขณะที่เขาเดินผ่าน

ในเมืองใหญ่เช่นนี้ มีสัตว์อสูรหายากมากเกินไป สัตว์อสูรกลายพันธุ์ สัตว์อสูรหลากสี สัตว์อสูรสวมชุด สัตว์อสูรที่ถูกแต่งหน้า มีสัตว์อสูรแปลกประหลาดมากมายที่หาได้ยากในเขตผิงเฉิง

ในทางตรงกันข้าม อีเลฟเว่นผู้ที่หดตัวบนไหล่ของซืออวี๋ก็ทำให้หลายคนมองมันโดยตรงราวกับว่ามันเป็นลูกอสูรกินเหล็กที่มีการพัฒนาหลายด้าน

เขาซื้อไอศกรีมข้างถนนสองโคน หนึ่งโคนสำหรับตัวเขา และอีกหนึ่งโคนสำหรับอีเลฟเว่น จากนั้นซืออวี๋ก็ตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่เขาได้นัดไว้กับอีกฝ่าย

เขามาถึงเร็วกว่าเมื่อวาน 20 นาที แม้ว่าตอนนี้จะยังเช้าอยู่ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากอยู่นอกห้องโถงต่อสู้ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณแล้ว

[เป็นยังไงบ้าง? เจ้ารู้สึกว่าสัตว์อสูรรอบๆ ทุกตัวแข็งแกร่งมากใช่ไหม?]

เมื่อพวกเขาเบื่อ ซืออวี๋ก็กล่าวกับอีเลฟเว่นบนไหล่ของเขาทางกระแสจิต

“อู๋”

อีเลฟเว่นมองไปรอบตัวและพบว่ามีสัตว์อสูรมากมายที่อยู่ข้างนักฝึกสัตว์อสูรซึ่งมีคลื่นพลังอันทรงพลัง

อย่างไรก็ตาม อีเลฟเว้นไม่รู้ความแข็งแกร่งที่แน่ชัด ทว่าบางทีมันอาจจะตรวจสอบได้ด้วยการปราบปรามขั้นชำนาญใช่ไหม?

[หากเจ้าไม่ต้องการถูกทุบตี เจ้าก็อย่าทำเช่นนี้]

ใช้การปราบปรามในสถานที่เช่นนี้ นั่นไม่ใช่การยั่วยุเหรอ? เขาจะถูกทุบตีอย่างแน่นอน

ซืออวี๋ถือโทรศัพท์ของเขาและตรวจสอบความผันผวนของพลังงานโดยรอบ เขาตรวจไม่พบอะไรเลย

นี่หมายความว่าสัตว์อสูรที่อยู่โดยรอบล้วนแล้วแต่อยู่ระดับเหนือธรรมชาติเป็นอย่างน้อย มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่อยู่ระดับปลุกตื่น

นี่หมายความว่าอะไร?

นี่หมายความว่าระดับนักฝึกสัตว์อสูรในเมืองใหญ่นั้นสูงมากงั้นเหรอ? ไม่ใช่ นี่หมายความว่าเขาควรเปลี่ยนโทรศัพท์ของเขา

แม้ว่าเขาจะเพิ่งซื้อโทรศัพท์เครื่องนี้มาไม่นานนัก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ดีมากพอแล้วในตอนนี้ หากเป็นโทรศัพท์เครื่องใหม่… อย่างน้อยที่สุด มันต้องมีเครื่องตรวจจับพลังต่อสู้ระดับที่สูงยิ่งขึ้น

สำหรับโทรศัพท์เครื่องนี้ เขาจะมอบให้แก่บักกี้และอีเลฟเว่น!

พวกเขามันสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่พวกมันต้องการไม่ว่าจะเป็นดูหนังมังกรน้ำแข็งหรือถ่ายรูปตัวเอง

ในขณะที่ซืออวี๋กำลังพิจารณาว่าเขาเขาควรเปลี่ยนโทรศัพท์ดีไหม โทรศัพท์สุดกระจอกของเขาก็ดังขึ้นมา

“ข้าอยู่ใต้ไฟถนนแล้ว” หลังจากที่ซืออวี๋หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เสียงก็ดังมาจากปลายสาย

“ข้าเห็นแล้ว”

ซืออวี๋มองไปรอบตัวและเห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดต่อสู้ที่อยู่ใต้ไฟถนนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

อีกฝ่ายไม่สูงมากนัก นางมีผมสีดำสั้น ผิวขาว และร่างเล็ก รูปร่างของนางสมส่วนโดยปราศจากไขมันส่วนเกิน

คนผู้นี้เหรอ?

ซืออวี๋เดินเข้าไป อีกฝ่ายก็เห็นซืออวี๋และประเมินเขาด้วยสายตา

“เจ้าคือซืออวี๋ที่รุ่นพี่หลู่แนะนำงั้นเหรอ?”

ซืออวี๋พยักหน้าและกล่าวว่า “สวัสดี”

นักสู้สาวพยักหน้าและกล่าวว่า “สวัสดี ข้าเป็นนักศึกษาของสาขาต่อสู้แห่งมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณ ไป่ซี ในขณะเดียวกัน ข้าก็เป็นสมาชิกสำรองของทีมโบราณคดีเช่นกัน เนื่องจากข้าสัญญากับรุ่นพี่หลู่แล้ว ข้าจะพาเจ้าเดินรอบมหาวิทยาลัยเมืองหลวงโบราณในช่วงสองวันนี้”

จากกนั้นนางก็มองไปที่อีเลฟเว่นผู้ที่กำลังจ้องมองนางด้วยดวงตาของเขาซึ่งอยู่ในวงกลมสีดำ และเงียบไป

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังคงเป็นนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรเหรอ?”

“ไม่ ทว่าเจ้ามีสถานที่ที่อยากไปดูไหม?” ไป่ซีเอ่ยถามออกมา

“เจ้าให้ข้าแนะนำเจ้าไหม?”

ซืออวี๋ตกตะลึงและพยักหน้า

“ถ้าเช่นนั้นก็มากับข้า” ไป่ซียิ้มและกล่าวเสริมว่า “ออันที่จริง นี่ไม่ใช่คำแนะนำของข้า ทว่าเป็นคำแนะนำของรุ่นพี่หลู่”

“หือ?”

“นางบอกว่าหากเจ้ามาหาข้า ข้าไม่ต้องพาเจ้าไปยังอาณาเขตของสาขาโบราณคดี แต่ข้ากลับต้องช่วยเจ้าเพิ่มความแข็งแกร่งของเจ้าก่อน”

“ความแข็งแกร่งของข้าเหรอ?”

ไป่ซีไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก แต่นางกลับนำซืออวี๋ไปยังสนามฝึกอีกด้านหนึ่งของห้องโถงต่อสู้ซึ่งไม่เปิดให้คนทั่วไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นนางก็เดินออกห่างจากซืออวี๋ทีละก้าว ในขณะเดียวกัน วงแหวนอัญเชิญขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นมาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไป่ซีและซืออวี๋มากนัก

“อู๋!!!”

หลังจากเสียงร้องที่สูงแหลมและสดใสดังขึ้นมา สัตว์อสูรที่ดูเหมือนจิ้งจอกซึ่งสูงกว่าหนึ่งเมตรก็ได้ปรากฎตัวออกมา มันปกคลุมไปด้วยขนสีขาว มีดวงตาสีน้ำเงินคู่หนึ่ง ร่างกายสมส่วน และดูสูงส่งสง่างาม หางทั้งหกของมันรายล้อมอยู่รอบตัวมัน

[ชื่อ] : จิ้งจอกขาวหกหาง

[คุณสมบัติ] : แสง

[ระดับเผ่าพันธุ์] : ผู้บัญชาการขั้นสูง

“มไ่ใช่ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรที่เจ้าสั่ง ทว่าเป็นความแข็งแกร่งของเจ้าเองเมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากสัตว์อสูร”

ในขณะที่ไป่ซีกล่าวจบ ลำแสงสีขาวก็ควบแน่นอยู่ในปากของจิ้งจอกขาวหกหางที่นางอัญเชิญออกมา มันโจมตีไป่ซีภายใต้สีหน้าอันตกตะลึงของซืออวี๋และอีเลฟเว่น!

ทักษะระดับกลาง รังสีทำลายล้าง

ทันใดนั้น ทั้งร่างกายของไป่ซีก็ถูกกลืนกินโดยลำแสงนั่น เกิดการระเบิดอันรุนแรงขึ้นในจุดที่นางยืนอยู่ และแม้กระทั่งพืนก็ระเบิดออกมา ลมกระโชกอย่างรุนแรงจนบังคับให้ซืออวี๋ผู้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนักต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“บัดซ*”

“อู๋ อู๋!” จิ้งจอกขาวหกหางส่ายหางของมันและเหลือบมองซืออวี๋กับอีเลฟเว่น ทำให้ซืออวี๋และอีเลฟเว่นตกใจ

เกิดอะไรขึ้น?

“เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากสัตว์อสูร ในฐานะนักฝึกสัตว์อสูร เจ้าต้องมีพลังมากพอที่จะป้องกันตัวเองได้ใช่ไหม?”

ในเวลานี้ หลังจากควันหายไป เสียงของไป่ซีก็ดังออกมาจากพื้นที่ถูกระเบิด นางต้านทานรังสีทำลายล้างของจิ้งจอกขาวหกหางด้วยร่างกายของนางโดยตรง รอบตัวนางดูยุ่งเหยิงมาก และดูราวกับว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย

“พรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรของข้าคือ ‘การหลอมรวม’ ดังนั้นข้าจึงสามารถหลอมรวมเข้ากับสัตว์อสูรของข้าเพื่อให้ได้รับความแข็งแกร่งจากสัตว์อสูรของข้า ไม่เป็นไรหากเจ้าไม่มีพรสวรรค์ฝึกสัตว์อสูรนี้ ทว่าไม่ว่ายังไง นักฝึกสัตว์อสูรก็ต้องเป็นเจ้าของสัตว์อสูรประเภทต่อสู้อย่างน้อยหนึ่งตัวและต้องมีทักษะต่อสู้เพื่อความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน”

“อันที่จริง การป้องกันตัวเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรากฐานเท่านั้น ข้าสามารถมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูร นั่นคือความปลอดภัยที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น ในสถานะปัจจุบันของข้า ข้าสามารถฉีกระชากสัตว์อสูณระดับผู้บัญชาการได้ด้วยมือเปล่า”

“รุ่นพี่หลู่กล่าวว่าเจ้าควรสมัครเข้าสาขาโบราณคดี ถ้าเช่นนั้นเจ้ารู้ไหมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสำรวจโบราณคดีไม่ใช่ความรู้เรื่องโบราณคดี ทว่าเป็นความแข็งแกร่ง? ซากปรักหักพังต่างก็เต็มไปด้วยอันตราย นักโบราณคดีไม่มีความแข็งแกร่งมากพอ แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้คุ้มกันมากขึ้นได้ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ได้อย่างแท้จริง อาชีพนี้ต้องไม่แข็งแกร่งน้อยไปกว่านักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพดั้งเดิมเลย”

ทันทีที่นางกล่าวจบ ซืออวี๋ก็อ้าปากค้างเล็กน้อย นั่นไม่ใช่เพราะหญิงสาวแปลกหน้าผู้นี้ต้านทานทักษะของสัตว์อสูรได้ ทว่าเป็เนพราะรูปร่างในปัจจุบันของนาง…

ผมสั้นสีดำของนางกลายเป็นผมสั้นสีขาว และดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นกัน ยังมีอีกสองสิ่งที่ดูราวกับหูแมว!!

พรสวรรค์ฝึกฝนสัตว์อสูรการหลอมรวมพิเศษเหรอ?

นี่คือสาวหูสัตว์ใช่ไหม?!

Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน

Link : https://www.facebook.com/translatemoth

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด