บทที่ 50 น่ารังเกียจและไร้ยางอาย
เช้าตรู่ของบ้านตระกูลเฟิ่งในวันนี้มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก เฟิ่งหยินซวงตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และรัวซุ่ยก็เข้ามารายงานว่ามีแขกหลายคนมารอพบนางอยู่ที่ห้องรับรอง ซึ่งนางรู้สึกประหลาดใจจริง ๆ ว่านางโด่งดังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินว่าเฉินหยิงก็มารอพบนางด้วยเช่นกัน นางก็อารมณ์ดีขึ้นมาแล้วสั่งให้รัวซุ่ยช่วยนางแต่งตัว มิฉะนั้นนางคงนอนกลิ้งอยู่บนที่นอนอีกสักพักแล้วปล่อยให้แขกอีกสองคนรอนางอยู่แบบนั้น
ในเวลานี้ หนานหยูเทียน ซูมันรู และเฉินหยิง ต่างนั่งอยู่ในห้องโถงรับรองเพื่อรอให้เฟิ่งหยินซวงลงมา
ตั้งแต่วินาทีที่หนานหยูเทียนเดินเข้าประตูมา ดวงตาของเขาก็ไม่สามารถละสายตาออกจากเฉินหยิงได้เลย
เขารู้ดีว่าเฉินหยิงเป็นคนสวย แต่เมื่อเขานึกถึงท่วงท่าการร่ายรำที่สง่างามและทักษะการวาดภาพอันยอดเยี่ยมของนางในงานเลี้ยง เขาก็ยิ่งประทับในตัวนางเป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าเฉินหยิงสังเกตเห็นการจ้องมองอย่างเปิดเผยของหนานหยูเทียน และมันทำให้นางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก แต่เพราะเขาเป็นถึงองค์ชาย นางจึงไม่สามารถพูดอะไรได้
นางรู้สึกไม่ดีกับเขามาตั้งแต่ที่นางสลับเกี้ยวกับเฟิ่งหยินซวงแล้ว คำพูดเหยียดหยามของเขาในวันนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัว และนางไม่สามารถลืมทัศนคติแย่ ๆ ของเขาที่มีต่อนางได้ ฉะนั้นไม่ว่าเขาจะมีรูปลักษณ์ที่สง่างามและสถานะทางสังคมที่สูงส่งเพียงใด นางก็ไม่คิดจะสนใจเขาอีก
“บังเอิญจริง ๆ ที่ข้ามาหาซวงเอ๋อร์แล้วได้พบแม่นางเฉินด้วย ราวกับเป็นพรหมลิขิตเลยว่าไหม?”
เมื่อหนานหยูเทียนเอ่ยทักด้วยประโยคแฝงนัยยะ เฉินหยิงก็ยกยิ้มและตอบเขากลับอย่างสุภาพ
“จริงด้วยเพคะ หม่อมข้าไม่คิดมาก่อนว่าจะได้พบกับองค์ชายสามและแม่นางซูในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ”นางดึงซูมันรูเข้ามาอยู่ในบทสนทนาด้วยอย่างชาญฉลาด
เฉินหยิงได้รู้จากเฟิ่งหยินซวงว่าซูมันรูจะได้แต่งงานกับองค์ชายสามด้วย นางจึงรู้สึกดูแคลนนางในทันที นางก็เป็นน้องสาวคนหนึ่งของเฟิ่งหยินซวงมิใช่หรือ? น้องสาวจะแต่งงานกับคนรักของพี่ด้วยได้อย่างไร? ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน
หนานหยูเทียนไม่สนใจคำพูดของนางที่พูดเกี่ยวกับซูมันรู และเอาแต่จดจ้องนางอย่างเปิดเผยด้วยสายตาหวานเชื่อม
“แม่นางเฉิน เรื่องการแต่งงานที่ผิดพลาดของเราในตอนนั้น ข้ากลับไปคิดมาแล้ว ข้ารู้สึกผิดกับเจ้าเหลือเกิน ข้าได้ยินว่าเจ้าถูกเอาไปพูดอย่างเสียหายมากมายจากเรื่องนี้ ข้าเลยเป็นห่วงความรู้สึกเจ้า”
“หม่อมข้าขอบคุณสำหรับความห่วงใยขององค์ชายสามนะเพคะ มันเป็นโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแล้ว และมันก็กำลังผ่านไป เพราะเหตุการณ์นี้หม่อมข้าจึงได้พบกับพี่สาวที่แสนดีอย่างท่านพี่หยินซวง หม่อมข้าจึงไม่รู้สึกเสียใจเลยกับความผิดพลาด องค์ชายไม่ต้องรู้สึกผิดดอกเพคะ” นางพูดพลางยกยิ้มเบา ๆ
เมื่อหนานหยูเทียนเห็นว่าเฉินหยิงไม่ได้ให้ความสนใจเขาเลย เขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมนางต่อ
“เจ้าจะไม่ให้ข้ารู้สึกผิดคงไม่ได้ แม่นางเฉิน ข้าเข้าใจในความสัมพันธ์ที่ดีของเจ้ากับซวงเอ๋อร์ แน่นอนว่าข้าจะแต่งงานกับนางและยกนางเป็นมเหสี แต่เจ้าอย่าลืมว่าข้ากับเจ้าเข้าพิธีสาบานตนต่อกันมาแล้ว และข้าก็เป็นต้นเหตุของข่าวลือที่ไม่ดีของเจ้า ในภายภาคหน้า หากเจ้าจะแต่งงานกับใครสักคน ข้าเกรงว่าเจ้าจะถูกครหาเอาได้ ข้าจึงอยากรับผิดชอบเจ้าในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
ความตั้งใจของเขาชัดเจนขึ้นมาแล้ว
ซูมันรูที่นั่งฟังอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าหนานหยูเทียนกำลังพยายามทำอะไร องค์ชายสามตกหลุมรักเฉินหยิง และเขาก็แสดงเจตจำนงที่จะแต่งงานกับนางอีกครั้ง เขากล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร!?
พ่อของเฉินหยิงเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากฮ่องเต้เมื่อไม่กี่วันก่อน
เป็นเพราะความประทับใจในการแสดงของเฉินหยิง ทำให้นางชนะใจฮ่องเต้จนท่านนึกสงสัยว่าพ่อของนางเป็นใครถึงได้สอนลูกสาวให้เฉลียวฉลาดและมีความสามารถแบบนี้ ท่านจึงเรียกตัวเฉินเส้าเจียนพ่อของเฉินหยิงเข้าพบและรู้สึกพึงพอใจในตัวเขามาก
ด้วยการสนับสนุนของท่านเฟิ่งไท่ซือ ฉินเส้าเจียนก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในที่สุด
ได้รู้แบบนั้น ซูมันรูก็ก่นด่าเฟิ่งหยินซวงอยู่ในใจ ไหนนางบอกว่านางเป็นน้องสาวที่นางรักมากที่สุด แต่ทำไมนางถึงไม่เคยช่วยให้พ่อของนางได้เลื่อนตำแหน่งบ้าง?
ซูมันรูกำหมัดแน่น แววตาของนางฉายแววอิจฉาริษยาอย่างชัดเจน
ในตอนนี้เฉินหยิงเห็นความตั้งใจของหนานหยูเทียนแล้วอย่างชัดเจน นางไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจให้ใครเห็น แต่ทำเพียงลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับเขาช้า ๆ หนึ่งที
“หม่อมข้าขอบคุณในความหวังดีขององค์ชายสาม การแต่งงานของเรานั้นเป็นเพียงความผิดพลาด ทั้งหม่อมข้าและท่านพี่หยินซวงก็เป็นเหมือนพี่น้องกัน นางคงทนไม่ได้หากรู้ว่าน้องสาวของนางต้องการ ‘ขอส่วนแบ่ง’ จากสามีของนางด้วย มันคงทำให้นางเสียใจมาก หม่อมข้าไม่ใช่คนไร้ค่าถึงขนาดนั้น ได้โปรดองค์ชายเข้าใจในเรื่องนี้ด้วยเพคะ”
คำพูดเหล่านี้กระแทกหน้าซูมันรูอย่างจัง ‘ขอส่วนแบ่งจากสามีพี่สาวหรือ?’ เฉินหยิงช่างรังสรรค์คำพูดมาได้เจ็บแสบดีจริง ๆ !
“องค์ชายสามคงจะยังไม่รู้ ตอนนี้สถานะของแม่นางเฉินต่างจากเดิมมาก นางไม่เพียงได้รับการยกย่องจากฮ่องเต้ แต่พ่อของนางก็ยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกด้วย และที่สำคัญ ตัวนางเองก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายสอง เหมือนว่าในวันงานหม่อมข้าจะเห็นองค์ชายสองเดินไปส่งนางที่เกี้ยวด้วยตัวเอง ท่านก็รู้นี่เพคะว่าองค์ชายสองไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน คงเพราะแบบนี้กระมังนางจึงปฏิเสธน้ำใจขององค์ชายสาม” ซูมันรูพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“แม่นางเฉิน มันหมายความว่าอย่างไร? เจ้าเข้าพิธีสาบานตนกับข้าแล้ว แต่เจ้าก็ไปสานสัมพันธ์กับพี่ชายข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?”
เฉินหยิงไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ นางยังไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ ทำไมจู่ ๆ นางถึงองค์ชายสามถูกตั้งข้อสงสัยได้
นางเหลือบมองไปที่ซูมันรู แล้วเห็นว่านางกำลังเหยียดยิ้มอย่างสะใจ นางเป็นคนมีความสามารถในการยั่วยุและเทน้ำมันลงบนกองเพลิงจริง ๆ เพียงคำพูดไม่กี่คำของนาง ก็สามารถทำให้บรรยากาศคุกรุ่นขึ้นมาได้
“หม่อมข้าเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่มีฐานะต่ำต้อยและชื่อเสียงที่ไม่ดี หม่อมข้าต้องการอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต และไม่มีความคิดที่จะสานสัมพันธ์ใด ๆ กับองค์ชายสองเพคะ”
“จริงหรือ? เจ้ากล้าสาบานไหมล่ะว่าเจ้าไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับองค์ชายสองจริง ๆ”
ซูมันรูยังคงราดน้ำมันลงกองเพลิงไม่เลิก
ในตอนนี้ ดูเหมือนหนานหยูเทียนก็กำลังรอให้เฉินหยิงเอ่ยคำสาบานเช่นกัน นิ้วเรียวยาวของนางกำแน่นอยู่ใต้แขนเสื้อคลุม ร่างกายของนางเริ่มสั่นเล็กน้อยด้วยความกดดัน
“ข้า…ข้าสา…”
“ข้ามาแล้ว!” ทันใดนั้นเฟิ่งหยินซวงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู นางมาได้ทันเวลาจริง ๆ
“ขอโทษทีที่มาช้าไปหน่อย ว่าแต่กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ?”
เห็นได้ชัดว่าซูมันรูรู้สึกขัดใจเป็นอย่างมาก แต่เฉินหยิงกลับรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด
อันที่จริงนางมาถึงได้สักพักแล้ว แต่นางแค่ยืนฟังพวกเขาอยู่ที่นอกประตูและไม่ได้เข้ามา
ดีใจจริง ๆ ที่นางไม่ได้แสดงตัวตั้งแต่แรก มิฉะนั้น นางคงไม่ได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมแบบนี้
หนานหยูเทียนช่างไร้ยางอายจริง ๆ เขาต้องการเอาเฉินหยิงไปเป็นสนมของตัวเอง ทั้งยังมีหมารับใช้ผู้ซื่อสัตย์อย่างซูมันรูช่วยโจมตีนางอีกแรงด้วย
แล้วเฉินหยิงผู้น่าสงสารจะสามารถต้านทานเล่ห์เหลี่ยมของพวกนั้นได้อย่างไร