บทที่ 49 เครื่องหมายสีแดงที่น่าสงสัย
“ไม่ ไม่ดีเพคะ...อื้ม!”
ไม่ปล่อยให้เฟิ่งหยินซวงได้พูดปฏิเสธ จุนโมเชนก็ปิดปากนางด้วยจูบอันเร่าร้อนและแนบแน่น ริมฝีปากสีแดงของนางถูกบดเบียดจนแทบมองไม่เห็น ทำเอานางแทบหยุดหายใจ
ให้ตายสิ ทำไมเขาชอบทำอะไรแบบนี้อยู่เรื่อย!
แต่เดี๋ยวนะ…เขาลืมหรือเปล่าว่าเยวอิ้งยังอยู่นี้!
สายตาของเยวอิ้งที่มองมาเต็มไปด้วยประกายไฟที่ลุกโชน นิ้วทั้งสิบของนางกำแน่นเป็นกำปั้นจนมันสั่นระริก เยวอิ้งไม่สามารถทนมองพวกเขาได้อีกต่อไป นางเดินถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะเดินจากไปในที่สุด
และแล้วจุนโมเชนก็ปล่อยให้นางได้หายใจหายคอ เขาจูบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก หากเฟิ่งหยินซวงขาดอากาศหายใจตายเพราะเหตุนี้ นางคงกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งหนานฉู่แน่นอน
นางจ้องเขาอย่างเคือง ๆ แต่ดูเขาจะพึงพอใจเหลือเกินที่ทำกับนางแบบนี้ เขาจงใจชัด ๆ !
“ทำไมเจ้ามองข้าแบบนั้น หรือเจ้าไม่พอใจในลีลาการจูบของข้า? อย่างนั้นข้าจะใช้ลีลาอื่น”
เมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะเข้ามาอีกครั้ง เฟิ่งหยินซวงก็กระโดดหนีมาอีกทาง แล้วส่ายหน้าทันที
“ดีมาก ต่อไปนี้เจ้าคงรู้แล้วว่าอะไรควรพูดและไม่ควรพูด หากข้ารู้ว่าเจ้าไปพูดแบบนี้กับใครอีกละก็…” เขาเว้นจังหวะเพื่อฝังใบหน้าลงบนลำคอระหงของนางอย่างรวดเร็ว
“...เจ้าเสร็จข้าแน่”
“โอ๊ย!” เฟิ่งหยินซวงร้องลั่นด้วยความตกใจปนเจ็บปวด เขาทำนางเลือดไหลแน่ ๆ
เขาผละใบหน้าออกไปพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะยกหลังมือขึ้นเช็ดคราบน้ำลายตัวเอง ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ นางจะไม่มาทำแผลให้เขาอีกแล้ว ปล่อยให้แผลเน่าไปเลย!
....
เฟิ่งหยินซวงกลับมาถึงบ้านตระกูลเฟิ่งในช่วงค่ำ และเมื่อสาวรับใช้เห็นสีหน้าเหมือนอยากฆ่าคนของนาง พวกนางก็ปลีกตัวออกห่างอย่างรวดเร็ว แม้แต่รัวซุ่ยก็ไม่กล้าถามนางว่าเกิดอะไรขึ้น
คุณหนูกลับมาจากวังชิงผิงด้วยสีหน้าแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่านางทะเลาะกับกษัตริย์ชิงผิงมา?
“รัวซุ่ย เตรียมน้ำให้ข้าที วันนี้ข้าอยากแช่ตัวนาน ๆ”
“เจ้าค่ะ!”
หลังจากเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้ว เฟิ่งหยินซวงก็ถอดชุดออกแล้ววางมันลงบนตะกร้า ยังไม่ทันจะถอดเสร็จดี เสียงรัวซุ่ยที่อยู่ในห้องน้ำก็ตะโกนบอกนางว่าเตรียมน้ำอุ่นเรียบร้อยแล้ว นางจึงเดินตามเข้าไปข้างใน
เฟิ่งหยินซวงเป็นคนผิวขาวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่ร่างกายของนางเปลือยเปล่าภายใต้แสงไฟของเทียนหอม มันสวยงามราวกับไข่มุกที่ส่องสว่างอยู่กลางแสงจันทร์
นางค่อย ๆ หย่อนกายลงในอ่างน้ำอุ่น โดยมีรัวซุ่ยโปรยกลีบดอกกุหลาบสีแดงตามลงมา จากนั้นนางก็ใช้ผ้าขนหนูเนื้อนิ่มนวดซับไปตามท่อนแขนขาวของนาง ก่อนนางจะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง
“คุณหนู…ทำไมที่คอ…เอ่อ…”
รัวซุ่ยพูดตะกุกตะกักแล้วเอื้อมมือจะไปแตะรอยแดงที่คอของนาง แต่ก็ถูกนางขยับหนีเสียก่อน
“ที่คอทำไม?” เฟิ่งหยินซวงขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมที่คอคุณหนูมีรอยแดงแบบนั้นเจ้าคะ โดนยุงกัดหรือ?”
รอยแดง!? เฟิ่งหยินซวงนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อนึกอะไรออก ใบหน้าของนางก็แดงก่ำในทันที
ให้ตายสิ! คิดไว้แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นรอย จุนโมเชนทำนางอับอายอีกแล้ว!
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งหยินซวงไม่ตอบ ทั้งใบหน้าของนางก็แดงยิ่งกว่าเดิม รัวซุ่ยก็เริ่มกังวลขึ้นมา
“คุณหนู คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ?” รัวซุ่ยเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของนางเบา ๆ
“ข้าว่าตัวคุณหนูมันร้อน ๆ นะเจ้าคะ หรือว่าคุณหนูจะเป็นไข้”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ”
“คุณหนู ทำไมคุณหนูไม่บอกข้าว่าไม่สบาย ข้าจะไปตามหมอเดี๋ยวนี้ คุณหนูอดทนไว้นะเจ้าคะ!”
เฟิ่งหยินซวงยกมือขึ้นนวดขมับแล้วคว้าแขนของรัวซุ่ยที่กำลังจะเดินออกไปไว้แน่น นางกระตุกชุดคลุมให้นางลงมานั่งข้างอ่างน้ำ ก่อนจะเม้มปากแน่นพยายามคิดว่าจะอธิบายนางอย่างไรดี
“รัวซุ่ย ข้าไม่ได้ป่วย ข้าไม่ต้องการเจอหมอ รอยแดงนี่มันคือ...เอ่อ…รอยถูกยุงกัด ใช่ เจ้าไม่รู้หรอกว่าที่วังชิงผิงมันแย่ขนาดไหน ที่นั่นมียุงตัวใหญ่และน่ารำคาญอยู่ตัวหนึ่ง แต่เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะตียุงตัวนั้นให้ตายในไม่ช้า!”
ถ้าจุนโมเชนรู้ว่านางเปรียบเทียบเขาเป็นยุง เขาคงจะลงโทษนางหนักกว่านี้แน่
“แต่คุณหนู…หน้าคุณหนูร้อนมากเลยนะเจ้าคะ ข้าคิดว่าคุณหนูอาจเป็นไข้”
ไข้อะไรกัน นางอายจนมันร้อนวูบวาบไปทั้งตัวแล้วต่างหาก แต่นางจะไม่ยอมรับมันหรอกนะ!
“ไม่ใช่แน่นอน ข้าแค่ร้อน… ใช่ เป็นเพราะอุณหภูมิของน้ำวันนี้ร้อนเกินไป ข้าร้อนไปทั้งตัวแล้วนี่ รัวซุ่ย คราวหน้าระวังอย่าให้น้ำร้อนเกินไปแบบนี้อีกล่ะ!”
ได้ยินแบบนั้น รัวซุ่ยก็พยักหน้ารับคำติอย่างไม่เต็มใจนัก
เมื่อเฟิ่งหยินซวงลุกออกไปแล้ว นางก็เอื้อมมือไปตรวจสอบอุณหภูมิน้ำในทันที นางอยู่กับพี่สาวคนนี้มาทั้งชีวิต แน่นอนว่านางรู้ดีว่านางชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร และจากการพิสูจน์ เห็นได้ชัดว่าน้ำในอ่างวันนี้อยู่ในอุณหภูมิที่เฟิ่งหยินซวงชอบ
รัวซุ่ยรู้สึกแปลก ๆ หรือมันเป็นผลข้างเคียงของการโดนยุงที่วังชิงผิงกัดกันนะ?