ตอนที่แล้วบทที่ 46 การล่อลวงของสามี  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 48 แค่ล้อเล่น  

บทที่ 47 ความผิดของเงาจันทร์  


เมื่อเฟิ่งหยินซวงออกจากห้องของเขามาได้ ใบหน้าและหูของนางก็ขึ้นเป็นสีแดงชัดเจน

บ้าจริง นางล่ะอยากฆ่าเขาให้ตาย ๆ ไปซะ!

คำพูดของผู้ชายคนนั้นเชื่อไม่ได้เลย ที่เขาเคยบอกนางว่าเขาจะ สัมผัส นางก็ต่อเมื่อนางยอมมอบหัวใจให้กับเขาแล้วเท่านั้น แต่การกระทำเมื่อครู่นี้กลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ถ้านางไม่ดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอดเขาแล้วหนีออกมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

สิ่งสุดท้ายที่เฟิ่งหยินซวงนางรับรู้ก่อนออกมาคือเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเขา

ปากบางยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ถ้าไม่ใช่เพราะจุนโมเชนยังจำคำพูดนั้นได้ นางคิดว่าจะได้หนีออกไปง่าย ๆ แบบนี้หรือ?

เขาเอื้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูที่นางลืมทิ้งไว้ข้างเตียงขึ้นมาจรดปลายจมูก กลิ่นกายของนางฝั่งแน่นอยู่บนผืนผ้าพร้อมลายปักแสนประณีตรูปเป็ดแมนดารินหนึ่งคู่ การปักที่สวยงามแบบนี้คงไม่ใช่ฝีมือของหยินซวงแน่ เขาพลิกจึงมันดูอีกด้านหนึ่งก่อนจะพบว่ามีเส้นไหมสีแดงปักคำว่า ‘น้ำแข็ง’ ปักอยู่อย่างบิดเบี้ยวซึ่งน่าจะมาจากฝีมือของนางจริง ๆ

จุนโมเชนมองมันแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

เขาพับผ้าเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วใส่เข้าไปในตะเข็บของผ้ารัดเอว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี

...

นี่เป็นครั้งที่สามที่เฟิ่งหยินซวงมาที่วังชิงผิง

ครั้งแรกคือวันแต่งงานของเรา เพราะทุกอย่างเร่งรีบไปหมด ทำให้นางได้เห็นเพียงห้องโถงและห้องหอ และวันต่อมาเราสองคนก็ถูกเรียกตัวเข้าวังอย่างเร่งด่วน แล้วนางก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีก

ครั้งที่สองคือวันที่นางมาหาเขาและขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องกองกำลังลับของหนานหยูเทียน ก่อนนางจะตกเป็นเป้าสังหารของเยวอิ้ง เด็กสาวปริศนาที่จู่ ๆ ก็มาปรากฏตัวในวังของเขา

และครั้งที่สามคือวันนี้ วันที่บรรยากาศรอบตัวดูจะสงบกว่าสองครั้งแรกอยู่มาก

เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่เฟิ่งหยินซวงจึงมีเวลาเหลือที่จะเดินสำรวจวัง ทิวทัศน์ในสวนด้านหลังของวังชิงผิงนั้นสวยงามมาก โดยเฉพาะทิวแถวของต้นหลิวที่ยืนต้นติดกับทะเลสาบเล็ก ๆ นั้น กิ่งของมันพลิ้วไหวไปตามสายลมอย่างงดงาม ดูแล้วเพลินตาเป็นอย่างยิ่ง

เฟิ่งหยินซวงเดินลัดเลาะมาเรื่อย ๆ ก่อนจะพบม้านั่งหินสำหรับนั่งเล่น นางไม่ลังเลที่จะทิ้งตัวลงนั่งอย่างสบายใจ แล้วดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์สวยงามเบื้องหน้า

สุดท้ายแล้วนางก็ได้คำสัญญาจากเขาว่าจะช่วยเหลือนางเรื่องกองกำลังของหนานหยูเทียน นางรู้ดีว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะกระชากหน้ากากจอมปลอมของคนสารเลวนั่นออกมาได้ แต่นางกลับมาที่นี่พร้อมความทรงจำของชาติที่แล้ว แน่นอนว่านางเป็นต่ออยู่มากทีเดียว

ยิ่งตอนนี้นางได้รับความช่วยเหลือจากจุนโมเชน คนที่นางเชื่อว่ามีความสามารถมากกว่าตระกูลเฟิ่งในเรื่องนี้ นางก็ยิ่งใจชื้นมากขึ้น

เฟิ่งหยินซวงนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะรู้สึกถึงใครบางคนกำลังยืนอยู่ข้างหลังนาง นางรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วพบว่าคน ๆ นั้นคือคนที่พยายามฆ่านางในครั้งที่แล้วที่นางมาที่นี่

“เจ้า…”

“เยวอิ้งเพคะ” นางคนนั้นโค้งคำนับ

เฟิ่งหยินซวงจ้องนางด้วยสายตาหวาดระแวง แล้วพบว่าท่าทีของนางวันนี้สงบลงกว่าวันนั้นมาก ดวงตาคู่นั้นไม่ได้ฉายแววโกรธหรือไม่พอใจ แต่ยังมีกลิ่นอายความคุกรุ่นจาง ๆ ลอยอยู่รอบ ๆ

เฟิ่งหยินซวงไม่ได้พูดอะไรต่อ ในแง่ของสถานะทางสังคมนางคือนายหญิงและเยวอิ้งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา จากการกระทำของนางในครั้งแรกที่เราพบกัน นางไม่ได้คาดหวังว่าเยวอิ้งจะปฏิบัติกับนางแบบนี้ได้เลย

แม้การคำนับของนางจะดูไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด แต่เฟิ่งหยินซวงก็รู้ว่ามันยากมากสำหรับนาง

“เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?”

“ข้าผิดไปแล้วที่ปฏิบัติกับนายหญิงไปแบบนั้น ข้าจึงอยากมาขอโทษท่าน”

ขอโทษหรือ?

คนที่แน่วแน่ที่จะแทงนางให้ตายในวันนั้น แม้แต่คำสั่งของจุนโมเชนก็ไม่สามารถหยุดนางได้ แต่ตอนนี้กำลังขอโทษนาง…ให้ตายสิ ความจริงใจนี้คืออะไรกัน

ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่เฟิ่งหยินซวงก็ทำได้เพียงยิ้มรับและแตะมือนางเบา ๆ

“ข้าไม่ได้เก็บเหตุการณ์วันนั้นมาใส่ใจดอก ข้าได้ยินมาจากท่านชายว่าเจ้าเพิ่งกลับมาที่วัง จึงเป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด ข้าไม่ถือโทษเจ้าดอก”

เยวอิ้งแสร้งบีบน้ำตาให้มันคลอหน่วย ก่อนจะยกยิ้มบาง ๆ

นางทำการแสดงได้ค่อนข้างดีทีเดียว หากไม่ใช่เพราะคำแนะนำของเยวฉีที่ว่าให้นางเพิกเฉยต่อนางเสีย ตอนนี้นางคงได้ฆ่าผู้หญิงคนนี้ด้วยมีดในเสื้อคลุมแล้วจริง ๆ

“ไม่เพคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่เพียงทำให้ท่านหวาดกลัว แต่ข้ายังทำร้ายท่านชายด้วย มันช่างเป็นอาชญากรรมที่สมควรถูกลงโทษให้ตายจริง ๆ”พูดจบนางก็คุกเข่าลงบนพื้น

เฟิ่งหยินซวงไม่เข้าใจจริง ๆ ว่านางทำแบบนี้ไปทำไม นางไม่เชื่อว่านางตั้งใจขอโทษนางอย่างจริงใจ นี่อาจเป็นแผนการสงบศึกของนางและพี่ชายก็ได้

แต่เพราะในชาตินี้ คนเดียวที่เฟิ่งหยินซวงต้องการเป็นศัตรูด้วยคือหนานหยูเทียน นางจึงไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่ม คิดได้แบบนั้นนางก็รีบเข้าไปประคองเยวอิ้งให้ลุกขึ้น

“เอาเถิด เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บอีกคนก็ดีแล้ว จำไว้ว่าข้าไม่ถือโทษเจ้าสำหรับเรื่องวันนั้นแล้ว ข้ารู้ว่าที่เจ้าทำไปเพราะเจ้าชอบเขามาก ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน ข้าเข้าใจดีว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร”

เยวอิ้งตาเบิกโพลง นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะสามารถพูดเรื่องนี้กับนางได้อย่างตรงไปตรงมา

สถานการณ์ตอนนี้คืออะไร? นางต้องการทำให้นางขายขี้หน้าหรือ?

“ข้า…ข้าไม่กล้าคิดเช่นนั้นกับท่านชายดอกเพคะ” นางพูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย

“เยวอิ้ง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมา ข้าเลยอยากคุยกับเจ้าดี ๆ”เฟิ่งหยินซวงพูดอย่างจริงจัง “เจ้าต้องสู้เพื่อสิ่งที่เจ้าต้องการ ถ้าเจ้ายอมแพ้ง่าย ๆ ตั้งแต่เริ่มแบบนี้ เจ้าจะเสียใจภายหลังเอาได้ หากเจ้าไม่เสี่ยง เจ้าก็ไม่มีวันรู้ในผลลัพธ์ของมัน เข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่?”

นางไม่นึกรังเกียจเลยที่เยวอิ้งจะรู้สึกดีกับจุนโมเชน เป็นเรื่องที่ดีเสียอีก เพราะหากเขารู้สึกดีกับนางเหมือนกัน เขาก็จะเลิกสนใจนาง หลังจากนั้นเราก็จะหย่าขาดกันและไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก

ต่างคนต่างคืนชีวิตให้กัน…มันจะมีอะไรน่ายินดีไปกว่านี้ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด