ตอนที่ 620 อาวุธมายาชิ้นที่ 2
ตอนที่ 620 อาวุธมายาชิ้นที่ 2
อันธได้เตือนให้เซี่ยเฟยได้รู้ว่าม่านพลังที่กำลังปกคลุมทั่วทั้งเกาะอสรพิษพิทักษ์นี้เกิดขึ้นมาจากพลังของกฎและกฎแห่งความโกลาหลสามารถที่จะแทรกซึมเข้าไปด้านในได้อย่างแน่นอน อย่าลืมว่าในก่อนหน้านี้แม้แต่กฎแห่งแสงของเผ่ามารอันยิ่งใหญ่ก็ยังถูกเซี่ยเฟยแทรกซึมเข้าไปได้ ม่านพลังตรงหน้าย่อมไม่สามารถที่จะหยุดพลังของกฎแห่งความโกลาหลเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน
เหล่าบรรดานักสู้ที่ไม่มีอะไรทำต่างก็เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เซี่ยเฟยจึงใช้เวลานี้เดินไปตามชายหาดโดยทำท่าเหมือนกับว่าเขากำลังเดินสังเกตการณ์
เกาะอสรพิษพิทักษ์มีขนาดใหญ่มาก เพราะเพียงแค่ชายหาดบริเวณรอบ ๆ เกาะก็เป็นเส้นทางทอดยาวจนดูคล้ายจะไร้ที่สิ้นสุด
ยิ่งเซี่ยเฟยเดินออกห่างจากจุดเทียบท่ามากเท่าไหร่ นักสู้ที่เขาเห็นก็ยิ่งลดจำนวนน้อยลงไปเท่านั้น
ด้วยขนาดของเกาะที่ใหญ่ขนาดนี้ตระกูลหยูไม่สามารถที่จะดูแลพื้นที่ทั้งหมดได้อย่างครอบคลุมแน่ ๆ และถ้าหากว่ามันมีศัตรูซ่อนตัวอยู่หลังม่านพลังนั้นจริง ๆ พวกเขาก็จะสามารถหลบหนีออกไปได้อย่างสบาย ๆ เนื่องจากมีพื้นที่ว่างเป็นจำนวนมากที่ไม่ถูกนักสู้จากตระกูลหยูคอยจับตามอง
เซี่ยเฟยเดาว่าหยูเจียงจะต้องไม่ได้เดินทางเข้าไปภายในเกาะเพียงลำพังแน่ ๆ เพราะสาเหตุที่หยูจินปฏิเสธความช่วยเหลือจากทางสมาคมผู้คุมกฎ นั่นก็เป็นเพราะว่าเหตุผลหนึ่งมันคือกฎของตระกูล แต่อีกหนึ่งเหตุผลนั่นก็เพราะว่าเขามีความมั่นใจว่าผู้นำตระกูลคนปัจจุบันสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้ได้
เซี่ยเฟยยกมือขึ้นมากุมขมับด้วยความปวดหัวและรู้สึกว่าสถานการณ์ในครั้งนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูคล้ายจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี ถึงขนาดเตรียมเครื่องมือสร้างม่านพลังที่ไม่ได้ลงทะเบียนเอามาดักจับหยูเจียงเอาไว้ภายในเกาะอสรพิษพิทักษ์ และถ้าหากว่าศัตรูมีความมั่นใจถึงกับกล้าดักจับหยูเจียงเอาไว้แบบนั้น พวกเขาก็ไม่ควรจะประมาทความแข็งแกร่งของศัตรู
เมื่อไม่เห็นใครบนชายหาดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจเปิดแหวนมิติของเขาออก
“ผมรู้ว่าแม้ว่าคุณจะสูญเสียพลังการต่อสู้ไปจนหมด แต่ประสาทการรับรู้ของคุณก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา คุณพอจะตรวจพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติบนเกาะได้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
“มีคนกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างในเกาะและฉันยังมองเห็นจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วย” โอโร่กล่าว
“จิตสังหารเป็นพลังจิตชนิดหนึ่งไม่ใช่เหรอ? แล้วมันจะมีลักษณะทางกายภาพให้มองเห็นได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสับสน
“นายเคยพูดอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่หรือยังไงว่าในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันก็จริงอยู่ที่จิตสังหารคือพลังจิตชนิดหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าใครได้ฝึกฝนพลังขึ้นมาจนถึงระดับสูง จิตสังหารมันก็จะส่งผลกระทบต่อสีของสภาพแวดล้อมด้วย”
“เจตนาสังหารจากภายในเกาะไม่ค่อยรุนแรงมากนัก น่าจะเป็นการปะทะระหว่างผู้ที่มีพลังไม่สูงมากเกินไป ถ้าฉันเดาไม่ผิดจิตสังหารที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นการปะทะระหว่างราชากฎประมาณ 10 คน จนทำให้ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารจนกลายเป็นสีเทา” โอโร่กล่าว
“ราชากฎ 10 คน!!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าบนเกาะจะมีราชากฎอยู่มากขนาดนี้
“เดี๋ยวก่อนนะ! บนท้องฟ้ามีจิตสังหารสีฟ้าจาง ๆ อยู่ด้วย มันน่าจะมีสัตว์อสูรร่วมอยู่ในการต่อสู้ในเกาะด้วย” โอโร่กล่าวอีกครั้ง
คำอธิบายเพิ่มเติมนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าสิ่งที่โอโร่พูดคือเรื่องจริง และถึงแม้ว่าเขาไม่อยากจะเชื่อแต่เขาก็ต้องเชื่อจริง ๆ ว่าเพียงแค่การมองสีบนท้องฟ้า โอโร่ก็สามารถคาดเดาได้ว่าบนเกาะมีสัตว์อสูรเข้าร่วมการต่อสู้อยู่ด้วย
“เดี๋ยวก่อนนะ! มันดูเหมือนกับจะมีอย่างอื่นนอกเหนือจากราชากฎกับสัตว์อสูรกำลังปะทะกัน… ไม่จำเป็นจะต้องทำหน้าแปลกใจแบบนั้นหรอก เผ่ามารของเราเชี่ยวชาญกฎแห่งความมืดและแสงสว่าง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะสามารถระบุสิ่งต่าง ๆ ผ่านการเปลี่ยนแปลงของแสงสีในสภาพแวดล้อมได้” โอโร่กล่าวเมื่อสังเกตเห็นถึงความประหลาดใจบนใบหน้าของชายหนุ่ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจและเขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่าทำไมโอโร่ถึงสามารถแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ได้ผ่านสีของท้องฟ้าแบบนั้น
“ไม่ว่าในนั้นมันจะมีอะไรอยู่แต่พวกเราก็ลองเข้าไปดูด้วยตาของตัวเองกันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“บนเกาะมีราชากฎอยู่เยอะเลยนะ นายเข้าไปคนเดียวมันจะไปมีประโยชน์อะไร นายลองทำลายม่านพลังนี้ดูไหม? นักสู้ทั้งหมดของตระกูลหยูจะได้เดินทางเข้าไปภายในเกาะด้วย” อันธกล่าวอย่างกังวล
“นายอยากจะให้ฉันประกาศออกไปว่าตัวเองมีกฎที่สามารถทำลายกฎของคนอื่นได้งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าว
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้อันธเงียบเสียงไปและเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่สามารถทำให้เซี่ยเฟยใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นก็เพราะว่าเขาพยายามกุมความลับของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี และจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมาในช่วงเวลาที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
“เอาจริง ๆ นะ ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าฉันจะเชื่อใจใครบนเกาะได้ด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
—
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เซี่ยเฟยปล่อยฝ่ามือใบไม้ร่วงออกไปติดต่อกันหลายสิบครั้ง และเมื่อมันเริ่มมีรอยแตกขึ้นบนม่านพลัง ชายหนุ่มก็อาศัยช่องว่างนั้นมุ่งหน้าเข้าสู่เกาะอสรพิษพิทักษ์ด้วยความรวดเร็ว
พื้นที่ชั้นในของเกาะเป็นป่ารกทึบที่มีงูชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่อย่างมากมาย และถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเคยบุกป่าฝ่าดงมาแล้วหลายครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นป่าไหนที่มีงูมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
ขณะเดียวกันตัวตนของขนอุยก็ทำให้งูเหล่านี้เลื้อยหนีไปอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะบอกให้ขนอุยพยายามเก็บรัศมีพลังของตัวเองเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดรัศมีของอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงเล็ดลอดออกไปเล็กน้อยอยู่ดี
ชายหนุ่มเคลื่อนที่ผ่านผืนป่าไปอย่างระมัดระวังและพยายามกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมให้ได้มากที่สุด โดยมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ใจกลางของเกาะอย่างต่อเนื่อง
“ศพ!” เซี่ยเฟยอุทานหลังจากสังเกตเห็นศพของชายคนหนึ่งถูกทิ้งเอาไว้ในพุ่มไม้ ซึ่งบนหน้าอกของเขามีบาดแผลอันน่าสยดสยองที่แบะออกจนเห็นกระดูกที่อยู่ด้านใน
“เขาตายมาหลายชั่วโมงแล้ว ถ้าเดาไม่ผิดเขาน่าจะเป็นคนของตระกูลหยูที่ต้องการจะกลับไปรายงานข่าว แต่เขาถูกดักฆ่าที่นี่ซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากสำรวจร่างกายของศพ
“ที่ใจกลางเกาะมีราชากฎอยู่เยอะมาก ระวังตัวเอาไว้ให้ดี ๆ ด้วย” โอโร่กล่าวเตือน
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินหน้าต่ออย่างระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น
หลังจากเดินทางต่อมาอีกไม่นานพื้นที่ด้านหน้าก็เปลี่ยนจากป่ารกทึบกลายเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่ตรงกลางคือสุสานบรรพบุรุษของตระกูลหยู ส่วนทางซ้ายมือเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ซึ่งมันก็น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของอสูรพิทักษ์ที่คอยปกป้องตระกูลหยูมาเป็นเวลานาน
ปัจจุบันมีคน 2 กลุ่มกำลังเผชิญหน้ากัน โดยฝ่ายหนึ่งคือคนของตระกูลหยูที่ประกอบไปด้วยหยูเจียง, หยูกู่ติง, ชายชรา 2 คนที่เขาไม่รู้จักและอสรพิษสีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังหยูเจียง
ทุกคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันในระดับหนึ่งแล้วมันก็มีรอยแผลฉีกขาดขนาดใหญ่บนช่องท้องของอสูรชิงเหมิง จนทำให้มันมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าภาพอาการบาดเจ็บของสมาชิกตระกูลหยูจะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตกใจมากยิ่งกว่าคือผู้นำของศัตรูที่กำลังเผชิญหน้ากับหยูเจียงอยู่คือหยูฮัว
ทำไมมันถึงมีหยูฮัวอยู่ที่นี่อีกคน!!
เซี่ยเฟยเพิ่งจะเจอกับหยูฮัวบนชายหาดเมื่อ 10 นาทีที่แล้ว แล้วจู่ ๆ หยูฮัวจะมาปรากฏตัวในพื้นที่บริเวณใจกลางเกาะอสรพิษพิทักษ์ได้ยังไง
ชายหนุ่มพยายามบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และพยายามประมวลผลหาคำตอบของเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว
“พวกเขาทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นราชากฎ และนี่ก็คือการต่อสู้ของราชากฎทั้งหมด 14 คน” โอโร่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“14 คน!?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสับสน เพราะทางฝั่งของหยูเจียงมีอยู่ 4 คน ขณะที่ทางฝั่งของหยูฮัวมีอยู่ 7 คน ทำให้ไม่ว่าเขาจะมองยังไงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ก็มีผู้เข้าร่วมการต่อสู้เพียงแค่ 11 คนเท่านั้น
“ลองสังเกตป่าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามให้ดี ๆ สิ มีคนอีกสามคนกำลังซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้เหมือนกับนายนั่นแหละ” โอโร่กล่าว
เซี่ยเฟยพยายามระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เพราะเพียงแค่การเผชิญหน้าระหว่างหยูเจียงกับหยูฮัวก็เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากพอแล้ว แต่นี่มันยังมีกองกำลังของบุคคลที่ 3 กำลังเฝ้าดูการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย
“ผู้อาวุโสยอมแพ้ซะเถอะ! สาเหตุที่พวกคุณอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้นั่นก็เพราะอสูรเทวะคอยปกป้องพวกคุณเอาไว้ แต่ตอนนี้อสูรนั่นได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว มันเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะจบลง” หยูฮัวกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ซึ่งในเวลาเดียวกันในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักได้ว่าทำไมมันถึงมีหยูฮัวปรากฏตัวขึ้นสองที่พร้อมกัน
“ฉันคืออสูรผู้พิทักษ์ตระกูลหยูที่ได้รับภารกิจให้ปกป้องตระกูลมาเป็นเวลานาน ถึงแม้ว่าฉันจะตายในสนามรบแต่ฉันก็ไม่มีวันหันหลังให้กับหลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลหยูอย่างแน่นอน แม้ว่าหลังจากนี้นายจะได้ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตระกูลจริง ๆ แต่มันก็จะไม่มีอสูรเทวะคอยปกป้องตระกูลหยูอีกต่อไป”
“ไหน ๆ วันนี้ฉันก็ต้องตายแล้ว ฉันขอทำลายล้างตระกูลหยูลงไปพร้อมกับฉันเลยก็แล้วกัน” ชิงเหมิงกล่าวตอบแทนหยูเจียงที่กำลังไออย่างหนัก
สัตว์อสูรงูเหลือมตัวนี้มีความสูงขึ้นไปจากพื้นไม่น้อยกว่า 100 เมตร และเสียงของมันก็ดังลั่นราวกับฟ้าร้อง โชคดีที่เซี่ยเฟยไม่ได้เผชิญหน้ากับอสูรเทวะครั้งนี้เป็นครั้งแรก เขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับพลังของมันเท่าไหร่นัก
ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวของเซี่ยเฟยคือการถอยกลับไปร้องขอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้คุมกฎ แต่น่าเสียดายที่คำพูดของโอโร่กลับทำให้เขาไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวต่อไปได้
“หยุดอยู่เฉย ๆ ตอนนี้มันกำลังมีคนใช้พลังวิญญาณตรวจสอบทั่วทั้งป่าอยู่”
“ใคร!?”
“คนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าฝั่งตรงข้าม มีนักล่าอยู่ในทีมของพวกเขาด้วย” โอโร่กล่าวตอบ
“ท่านชิงเหมิงคุณคิดผิดแล้ว สิ่งที่หยูฮัวต้องการไม่ใช่ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลแต่กลับเป็นของสิ่งนั้นต่างหาก” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“ผู้อาวุโสต่างหากที่คิดผิด สิ่งที่ผมต้องการคือทั้งของสิ่งนั้นและตำแหน่งหัวหน้าตระกูลต่างหาก” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“เมื่อ 30 ปีที่แล้วฉันก็ตั้งใจที่จะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับนาย แต่มันเป็นนายเองที่ตอบปฏิเสธฉันกลับมา” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คุณอย่าคิดว่าผมโง่ไปหน่อยเลย คุณคิดว่าผมไม่รู้หรือยังไงว่าวันที่คุณชวนผมไปบ้านเพื่อมอบตำแหน่ง คุณได้แอบซ่อนนักฆ่าเอาไว้ภายในบ้านด้วย ถ้าหากว่าผมยอมตอบรับข้อเสนอของคุณเมื่อไหร่ผมก็จะถูกสังหารในทันที นี่น่ะเหรอสิ่งที่เรียกว่าการยกตำแหน่งให้กับผม”
“พูดตามตรงเหตุผลที่ผมออกจากตระกูลนั่นก็เพราะว่าผมเบื่อหน่ายกับความยึดติดในอำนาจของตัวคุณ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมเริ่มวางแผนที่จะล้างแค้นตระกูลหยูตั้งแต่วันนั้นเลย” หยูฮัวกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา
คำพูดของหยูฮัวทำให้หยูเจียงเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจ คล้ายกับว่าสิ่งที่หยูฮัวพูดมามันจะเป็นเรื่องจริง
ความซับซ้อนของการแย่งชิงตำแหน่งผู้นำในตระกูลทำให้เซี่ยเฟยปวดหัวมาก และถึงแม้ภาพที่เขาเห็นว่าหยูเจียงจะเป็นคนสบาย ๆ ชอบตกปลาในวันที่เขาว่าง แต่ในความเป็นจริงชายชราคนนี้ก็มีความเหี้ยมโหดซุกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังความสบาย ๆ ที่เขาได้แสดงออกมา
“ถ้าวันนั้นผมไม่ได้ถอนตัวออกจากการแย่งชิงอำนาจของตระกูล ผมก็คงจะไม่รอดชีวิตมาจนถึงวันนี้สินะ” หยูฮัวถาม
“การพยายามแย่งชิงอำนาจที่ไม่ใช่ของตัวเอง มันก็มักจะมีจุดจบที่เลวร้ายแบบนั้นนั่นแหละ” หยูเจียงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้มันทวงตำแหน่งผู้นำตระกูลที่ควรจะเป็นของผมไปตั้งนานแล้ว และคุณก็ต้องมอบต้นพลัมเก้าราตรีมาให้กับผมด้วย ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าคุณจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับชี้ดาบวงพระจันทร์สีดำออกไปตรงหน้า
ช็อก!
โคตรช็อก!
อาวุธมายาธาตุพืชรู้จักกันในชื่อ 7 พฤกษาแห่งทะเลเมฆได้แก่ ใบไม้แห่งขุนเขา, ต้นสนไร้วันสลาย, ดอกบัวห้วงสมุทร, เบญจมาศดาวกระจาย, ต้นพลัมเก้าราตรี, ไม้จันทร์กระซิบและหงส์คราม
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าสมบัติที่ตระกูลหยูได้เก็บซ่อนเอาไว้ มันจะเป็นอาวุธมายาธาตุพืชอีกหนึ่งชนิด
***************
โอ๊ยยยยย ลุ้นตามพี่เฟยไปหมดแล้ว แล้วไม่รู้จะช็อกอันไหนก่อนด้วย!