ตอนที่ 16 ค่ำคืนในถ้ำ
“คารวะศิษย์พี่ลั่ว! ข้าชื่อเสี่ยวเฉิน!”
ลั่วชางหยานแปลกใจเล็กน้อย นางเงยหน้ามองเขาและพูดเบา ๆ
“สะ สวัสดี…ศิษย์น้องเสี่ยว”
นางรีบก้มหน้าลงอีกครั้ง
ทุกคนอึ้ง ในฐานะที่ถือคะแนนนำ การเข้าร่วมกลุ่มม่อหยูนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดกับเขา แต่เขาทำอะไรกัน? แต่ไม่อยากจะสอบผ่านและเป็นศิษย์นิกายตัวจริงหรือ?
ศิษย์ในบางคนสังเกตเห็นสายตาเยือกเย็นของม่อหยู เขารีบพูดแทนเสี่ยวเฉิน
“ถ้ามีใครอยากไปกับศิษย์พี่ลั่วก็ได้นะ เพื่อความสมดุล”
เสี่ยวหวังเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“นี่! พวกเรามาด้วยกันนะ! ทำไมเจ้าถึงไม่ไปกับเรา!”
“อาจจะเป็นเพราะ…เขาเคยมีโชคชะตาเหมือนกับนาง…”
เสี่ยวฮั่นพึมพำเบา ๆ
แต่เมื่อศิษย์ในคนนั้นพูดชี้นำก็มีอีกสามคนลังเลที่จะเข้ามากับชั่วชางหยาน นั่นทำให้คนที่เหลือคิดว่าสามคนนั้นถูกปฏิเสธและถูกส่งมาที่กลุ่มของลั่วชางหยาน
“ให้ตายเถอะ! ทำไมต้องเป็นเจ้าสามคนด้วย! เจ้าสามคนยังรอดมาได้ยังไง! ไปเลย ไม่ต้องขมวดคิ้วหรอก เจ้าจะทำข้าเหนื่อยในรอบหน้า!”
เสี่ยวเฉินไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าโง่สามคนมาถึงรอบนี้ได้
ลั่วชางหยานเงยหน้าอีกครั้ง
“ข้าขอโทษ เป็นความผิดข้าเอง ยกโทษให้ข้าด้วยศิษย์น้อง”
จากนั้นนางจึงก้มหน้าลงไปอีก
องค์ชายจ้าวใบหน้าขมขื่น
“เรารู้ว่าพี่ใหญ่เสี่ยวแข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องพึ่งพี่ใหญ่อีกนาน…”
องค์ชายจ้าวตบหลังเขาอย่างแรง
“แกน่ะ! ทำตัวดี ๆ ตอนที่คุยกับพี่ใหญ่หน่อย!”
องค์ชายหยานและองค์ชายฉีคำนับเสี่ยวเฉินตามกัน พวกเขาคารวะผสานมือแน่นแสดงความนับถือ
“สายโลหิตชั้นสูงของพวกข้าไม่สำคัญเลยพี่ใหญ่ พวกข้าขอร้อง ช่วยให้พวกข้าเข้านิกายสามพิสุทธิ์ให้ได้ด้วย”
เสี่ยวเฉินโบกไม้โบกมือ
“เอาล่ะเอาล่ะ ข้าจะทำเท่าที่ทำได้ แต่ข้าทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก”
เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูก เบาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“หวังว่านังผีนั่นคงไปอยู่กลุ่มอื่นนะ”
“เจ้าพูดถึงข้าเหรอเสี่ยวเฉิน?”
เขาหันไปมองข้างหลังและเห็นชางก่วนหยานที่โผล่มาอย่างกับวิญญาณร้ายที่จะไม่หยุดจนกว่าจะเข้าสิงเขาได้
เสี่ยวเฉินทำได้แค่ยิ้มอย่างขื่นขม
“อ๊ะ! แม่นางชางก่วน! ดูเหมือนว่าความซับซ้อนของฉีเหมินตันเจี้ยจะบดบังความเก่งของเจ้าไม่ได้เลยนะ…”
ชางก่วนหยานหัวเราะเบา ๆ ราวกับเทพธิดาไร้เดียงสา นางยิ้มให้ลั่งชางหยาน
“คารวะศิษย์พี่ลั่ว ข้าชื่อชางก่วนหยาน”
สามองค์ชายหลงสเน่ห์กับสาวงามที่จู่ๆ ก็โผล่มา พวกเขาคิด
‘ถึงเราจะถูกบังคับให้ต้องมาอยู่ในกลุ่มขยะ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวานท่ามกลางความเศร้า หึ หึ หึ…’
มีเสียงกระดิ่งดังเบา ๆ เสี่ยวเฉินรู้สึกหนาวสั่นอีกครั้ง จากนั้นก็ตามด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนของสามองค์ชาย
“แย่แล้ว! แมงมุมพวกนี้มาจากไหน! มันไต่ตัวข้าเต็มไปหมดเลย!”
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปจนในที่สุดพวกเขาก็แบ่งกลุ่มเสร็จสิ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากลุ่มของม่อหยูได้คนที่ดีที่สุดไปสามสิบคน ส่วนกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดอย่างลั่วชางหยานนั้นมีเพียงแค่หกคน ส่วนสามคนนั้นแทบจะไร้ตัวตน
ขณะที่ในใจพวกเขากำลังคึกคัก ศิษย์ในคนหนึ่งเดินเข้ามา เขายกแขนขึ้นเรียก
“เอาล่ะ ทุกคนเงียบ! การสอบต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเจ้าจะเริ่มจากตรงนี้ขึ้นไปถึงยอดเขาซึ่งเป็นฐานที่มั่นของนิกายสามพิสุทธิ์”
เมื่อเขาพูด เขาชี้ไปยังยอดเขาซึ่งเด่นอยู่ท่ามกลางเทือกเขาที่อยู่ไกลลิบ
“พวกเจ้ามีเวลาสามวัน จะมีอสูรและสัตว์ประหลาดอยู่บนเขาเช่นเดียวกับกับดักและค่ายกลมากมายที่ผู้เฒ่าเราออกแบบมาเพื่อรั้งพวกเจ้า จงฟังเส้นทางที่ศิษย์พี่นำพวกเจ้าให้ดี อย่าออกจากกลุ่มโดยไม่ได้รับอนุญาต มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะหลงและตกอยู่ในอันตรายได้ รายละเอียดที่เหลือศิษย์พี่ของพวกเจ้าจะเป็นคนบอก เดินมาทางนี้ทีละคน”
เหล่าศิษย์พี่และผู้เข้าสอบไม่กี่ร้อยคนค่อย ๆ เดินไปทางช่องเขา มันเป็นหุบเขากว้างที่มีเส้นทางมากมาย ทั้งสิบห้ากลุ่มได้กระจายตัวและออกเดินไปตามเส้นทาง
หลังจากเดินทางได้เกือบชั่วโมง เงาพลบคล่ำได้หนาขึ้น ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้นิกายมากเท่าใดป่ามืดครึ้มน่ากลัวก็ยิ่งมอบความกลัวให้กับหัวใจพวกเขา
“ไม่ ไม่ ไม่นะ…ข้าวิ่งไปต่อไม่ไวแล้ว…”
องค์ชายหยานหอบหายใจ
“ข้าว่าเราคงต้องหาที่พัก ข้าหิว เรามีเวลาตั้งสามวัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
องค์ชายฉีเองก็เหนื่อยหอบ
เสี่ยวเฉินส่ายหน้า
“ราคาของการเป็นเซียนมิใช่ถูก ๆ เรายังมีหนทางอีกยาวไกล การเมืองในราชวงศ์คงเหมาะกับพวกเจ้ามากกว่า”
องค์ชายจ้าวที่กำลังหอบได้กอดต้นไม้พยุงตัว
“จะร่ำรวยหรือมีอำนาจแค่ไหนก็ไม่มีค่าถ้าไร้ชีวิตนิรันดร์…ถ้าไม่ได้เป็นเซียนแล้วเราก็ไม่ต่างจากธุลีที่จะแตกดับ…การเดินวิถีเซียนอาจจะยากสำหรับพวกเราคนธรรมดา แต่เจ้าเองก็เป็นคนเหมือนกันไม่ใช่รึ? พวกข้าเองก็ไปถึงฝั่งฝันได้ถ้าเจ้าทำ…”
เสี่ยวเฉินประสานมือยอมรับ
“พูดได้ดี! แต่ว่านะ…”
เขาหยุดพูดไป เขาใช้พลังและดีดนิ้วส่งพลังปราณจากดัชนีไปใส่ต้นไม้ที่องค์ชายจ้าวกอดอยู่และสังหารงูพิษตัวหนึ่งในทันที
องค์ชายจ้าวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นอสรพิษ
“โอ้แม่จ๋า! เจ้างูนั่นมาจากที่ไหนกัน!”
ลั่วชางหยานชักกระบี่ขมวดคิ้วเตือน
“ข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ไม่สังเกตเห็นงูตัวนั้น”
นางเหลือบมองเสี่ยวเฉินด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าเขาพูดอะไรไม่จบ
“แต่ว่าข้าไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว”
เสี่ยวเฉินพูดออกมาทันที
เมื่อเขาพูดจบก็มีสายฟ้าระเบิดจากท้องนภาจนองค์ชายจ้าวกลัว
“พวกเรายังอยู่ในดินแดนของเซียน…เราต้องระวังคำพูดให้มาก อย่างน้อยก็ไม่โดนฟ้าผ่าตาย…”
เสี่ยวเฉินพยายามปิดบังความเขินอาย เขากระแอม
“หยุดพูดแล้วไปกันต่อเถอะ”
เมื่อความมืดมาสู่พวกเขา พวกเขาได้เห็นถ้ำที่พวกเขาคิดว่าจะพักค้างคืนได้ สามองค์ชายกำลังจะเข้าถ้ำแต่ลั่วชางหยานก็อุทานขึ้นมาก่อน
“ช้าก่อน! มีค่ายกลที่ผู้เฒ่าติดตั้งเอาไว้!”
ทั้งสามกระโดดถอยหลังทันควัน
“บ้าเอ้ย! เจ้าพวกผู้เฒ่าโรคจิต!”
ลั่งชางหยานส่ายหน้า
“ไม่หรอก นี่เป็นการสอบ คะแนนของข้าเองก็จะถูกตัดถ้าเจ้าเจอกับดัก ขอข้าดูก่อนว่าเราทำลายมันได้หรือไม่”
นางใช้กระบี่ปล่อยพลังปราณกระบี่ไปที่ปากถ้ำ พลังพุ่งไปและชนกับกำแพงแสงที่ก่อตัวขึ้นมาหน้าถ้ำ
หลายนาทีผ่านไปจนตกกลางคืน เสียงอีการ้องดังจากค่ำคืนอันหม่นหมอง แต่ถึงอย่างนั้นพลังที่คุ้มกันทางเข้าถ้ำก็ยังไม่ถูกทำลาย เม็ดเหงื่อเปล่งประกายบนหน้าผากลั่งชางหยาน
“ข้าขอโทษนะ ดูเหมือนว่าข้าจะคลายค่ายกลของผู้เฒ่าสองไม่ได้”
“อา…แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ? ข้าได้ยินว่าอสูรจะออกมาจากที่ซ่อนตอนกลางคืนเพื่อล่าเหยื่อ…”
ความกลัวและความตื่นตระหนกเริ่มแสดงบนใบหน้าของสามองค์ชาย
“ขอโทษนะ ข้าผิดเอง พลังข้าน้อยเกินไปจนทำให้พวกเจ้าลำบาก ข้าขอโทษ…”
ลั่วชางหยานพูดและก้มหน้าด้วยความผิดหวัง
“ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร พวกอสูรไม่ได้น่ากลัวหรอก ที่จริงแล้ว”
องค์ชายจ้าวหัวเราะและเกาหัว
เสี่ยวเฉินเดินไปหาลั่วชางหยาน เขาส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเขายิ้มจับข้อมือนาง ยกแขนขึ้น เล็งไปที่ปากถ้ำและปล่อยพลังส่งสายพลังไปทำลายเกราะป้องกันถ้ำ
“ศิษย์น้องเสี่ยว…เจ้า…”
เสี่ยวเฉินยิ้มบางเบา
“ข้าเคยเรียนเรื่องค่ายกลมานิดหน่อย”
สามองค์ชายเดินไปหาฟืนมาจุดกองไฟในถ้ำ ลั่วชางหยานจึงบอกรายละเอียดการสอบกับพวกเขา
“รุ่งสางวันพรุ่งนี้เราจะเริ่มมองหาสิ่งที่เรียกว่าแก้วแปดสี ยิ่งหาได้มากเพียงใดก็ยิ่งได้คะแนนมากเท่านั้น แน่นอนว่าเราต้องระวังไม่ให้มีปัญหากับกลุ่มอื่นด้วย”
เสี่ยวเฉินเลิกคิ้ว
“ระวังปัญหากับกลุ่มอื่นรึ? หมายความว่าเราจะขโมยหรือปล้นแก้วมาก็ได้สินะ?”
ลั่วชางหยานคอตกเล็กน้อย นางเงียบแทนคำตอบ จากนั้นนางจึงเงยหน้ามาพูดต่อ
“แต่พวกเราเป็นศิษย์ที่ต้องทำเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น นอกจาก…”
นางคอตกอีกครั้ง
“นอกจากอะไร?”
แต่ลั่วชางหยานนั้นก้มหน้าอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรต่อ เสี่ยวเฉินรู้ว่าแก้วแปดสีของนางจะต้องถูกศิษย์ชิงไปในคราวที่แล้ว เขายิ้มให้นางมั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงนะศิษย์พี่ลั่ว เราจะไม่ให้คำว่า ‘นอกจาก’ เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“ใช่! สบายใจได้เลยศิษย์พี่! ถ้าพวกเราร่วมมือกัน เราจะคุ้มกันแก้วแปดสีได้!”
สามองค์ชายพูดทั้ง ๆ ที่มีอาหารอยู่เต็มปาก
เสี่ยวเฉินมองพวกเขาและเห็นว่าพวกเขากินผลไม้ประหลาดอยู่ เขาถาม
“เจ้าไปเก็บมาจากที่ไหน?”
“อ๊ะ! เราเจอตอนที่ออกไปหาฟืนน่ะ ไม่ลองกินหน่อยหรือ? มันหวานนะ”
องค์ชายจ้าวกัดผลไม้อีกหนึ่งคำและยื่นผลหนึ่งให้เสี่ยวเฉิน
“อ๊ะ! แย่แล้ว!”
ลั่วชางหยานอุทาน นางใช้มือปิดปาก
“ข้าขอโทษ! ข้าผิดเอง! ข้าลืมบอกพวกเจ้าว่าอย่ากินผลไม้แถวนี้สุ่มสี่สุ่มห้า”
“แล้วถ้าเรากินล่ะ?”
องค์ชายจ้าวถามและกระพริบตาด้วยความสนใจ
เสี่ยวเฉินชี้องค์ชายหยานที่อยู่ด้านหลัง องค์ชายจ้าวหันไปดูและเห็นว่าองค์ชายหยานกำลังเต้นเหมือนคนบ้า มือของเขาสะบัดไปมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าเป็นคนที่สวยที่สุดในโลก! มาเลยพวกเจ้า! มากราบแสดงความภักดีกับข้า!”
องค์ชายจ้าวตะโกนด้วยความกลัว
“นี่เจ้า! โอหัง…ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าต่างหากที่สวยที่สุดในโลก ไม่ใช่เจ้า…”
“อวดดีนัก! มีแค่ข้าเท่านั้นที่สวยที่สุดในใต้สวรรค์นี้! เจ้าสองคนไปที่เตียงกับข้าสิ!”
องค์ชายฉีกรีดร้อง เขาเองก็เต้นระบำเปลืองผ้าออก
เสี่ยวเฉินตบหน้าผากตัวเองด้วยความขยะแขยง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! นังผี จัดการพวกนั้นตามใจเจ้าที”
ชางก่วนหยานประสานมือแนบอก นางส่ายหน้าและร่ายมนต์ มีเสียงกระดิ่งดังเบา ๆ และสามองค์ชายก็หลับใหลไป
“กะ…เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา?”
ลั่วชางหยานถามด้วยความวิตกกังวล
“ข้าแค่สาปให้เขาหลับน่ะ”
…
ค่ำคืนอันยาวนานมีดวงดาวจรัสฟ้าระยิบระยับ ชางก่วนหยานหลับพิงผนังถ้ำไปแล้ว เสี่ยวเฉินเห็นลั่วชางหยานยังคงตื่นอยู่
“ศิษย์พี่ยังไม่หลับอีกหรือ?”
เสี่ยวเฉินถาม
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าพักเถอะ ข้าจะอยู่ยามให้”
เสี่ยวเฉินจ้องมองนางและเห็นว่าขนตานางสั่นเครือเบา ๆ ในแสงกองไฟ
“ศิษย์พี่เป็นคนเขตสงบรึ?”
ลั่วชางหยานโยนฟืนท่อนหนึ่งใส่กองไฟ นางส่ายหน้า
“ข้าเองก็ไม่รู้ อาจารย์เจอข้าที่ริมแม่น้ำ”
เสี่ยวเฉินรู้สึกเจ็บปวดในใจ เขาคิดถึงตัวเขาเอง เขาเองก็เคยเป็นเด็กกำพร้าในชาติที่แล้ว เป็นอาจารย์ของเขาเช่นกันที่เจอเขาถูกทิ้งบนภูเขา
พวกเขาสองคนจมอยู่ในภวังค์ของอดีตตนเอง เสียงเซื่องซึมดังมาจากองค์ชายที่หลับใหล
“หยุดนะ! ไม้กลอง! อย่าขยับ…”