ตอนที่แล้วตอนที่ 12 ชางก่วนหยาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ภาพลวงในพิณ

ตอนที่ 13 สอบเข้ารอบแรก


ค่ำคืนผ่านพ้นไป ไม่มีแมงมุมหรือตะขาบแม้แต่ตัวเดียวในห้อง เสี่ยวเฉินรู้สึกหนักหัวเมื่อเขาตื่นขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะเขาดื่มมากเกินไปเมื่อคืนนี้

เสี่ยวฮั่นเหลือบมองเขา

“เจ้าทำได้ไหม? ถ้าไม่ได้ก็กลับบ้านไปซะ จะได้ไม่ขายหน้าใคร”

“ฮื่ม…”

เสี่ยวเฉินพลิกตัวและกระโดดลงจากเตียง

“ว่าก็ว่าเถอะ ข้าฝันว่าชางก่วนหยานจะไปเข้าสอบด้วย…”

จากนั้นชายหนุ่มทั้งสองคนก็ตัวสั่น

“นี่ยังเช้าอยู่เลย! อย่าเพิ่งเล่าเรื่องผีสิ!”

ศิษย์พี่สี่คนมาเพื่อจัดคนที่สอบเข้า แต่มีคนราวสามสี่พันคนที่นี่จนทำให้งานของเหล่าศิษย์พี่ยากกว่าเดิม ต้องขอบคุณรัศมีความเป็นเซียนของพวกเขาที่ทำให้ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย ความปั่นป่วนคงอยู่เพียงไม่กี่ชั่วขณะ จากนั้นจึงมีการสั่งให้ตั้งแถว

คนจำนวนมากเดินไปที่เขาหลิงไถในตะวันออก สองชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงพื้นที่ว่างในหุบเขา มีภูเขาสูงตระหง่านมากมายที่อยู่ไกลออกไป และหนึ่งในนั้นเป็นภูเขาสูงเสียดฟ้า นั่นคือเขาหลิงไถ

พวกเขาต้องรอราวครึ่งชั่วโมง หมอกนั้นหนาจนพวกเขาแทบจะมองไม่เห็นทาง ในตอนนั้นเองได้มีแสงกระบี่สี่สายร่อนลงมาและกลายเป็นหนุ่มสาวสี่คนในชุดขาว พวกเขายืนบนกระบี่และก้มลงมองกลุ่มคนราวกับมองฝูงแมลง

เสี่ยวเฉินมองคนทั้งสี่และพบว่าพวกเขาเป็นแค่ขอบเขตชำระปราณขั้นสามหรือสี่เท่านั้น และพวกเขายังขี่กระบี่ได้ก็เพราะค่ายกลจากนิกายช่วยเขา

คนหลายพันที่กำลังพูดคุยกันเงียบทันทีภายใต้รัศมีของพวกเขา

จากนั้นพวกเขาสองคนก็ได้ร่อนลงกับพื้นด้วยใบหน้าอ่อนโยน ส่วนอีกสองคนที่หน้าตาไร้อารมณ์นั้นยังอยู่บนฟ้า

ผู้เข้าสอบเก้าในสิบมาที่นี่ด้วยตัวเอง และคนที่เหลือนั้นถูกแนะนำมา อย่างเช่นนั้นเสี่ยวเฉินและคนตระกูลเขา

ในความเงียบ ศิษย์พี่บนพื้นพูดและยิ้มอย่างใจดี

“ทุกคนอย่ากังวล ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงรู้กฎก่อนจะมาแล้ว ข้าจะไม่พูดเรื่องกฎอีกครั้ง หลังจากสอบเข้าแล้วพวกเจ้าจะได้รับการทดสอบเส้นปราณ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่คิดเล่นตุกติก”

ศิษย์พี่บนฟ้าพูดอย่างเย็นชา

“มันหมายความว่าคนที่ไม่มีเส้นปราณก็ให้ไสหัวไป อย่าได้คิดมาก่อกวนให้น้ำขุ่นเล่น! ไม่อย่างนั้นข้าจะโยนพวกเจ้าลงเขาให้หมาป่ากิน!”

คำพูดเขาทำให้หลายคนตกใจกลัว ศิษย์พี่บนพื้นยิ้มแหย

“เขาแค่ล้อเล่นน่ะ แต่พวกเจ้าจำเป็นต้องมีเส้นปราณเพื่อเข้าร่วมนิกายของเรา พยายามให้ดีที่สุดเพราะคนที่ได้คะแนนสูงสุดจะเป็นศิษย์ในได้เลย”

คนบนฟ้ามองกลุ่มคนและเห็นชายแก่หลังค่อมอายุ 70 ปี เขาพูดอย่างเย็นชา

“เฮ้ย ปู่ตรงนั้นน่ะ หลานชายมารับแล้ว แถวนี้ลมแรงนะ กลับบ้านไปเถอะ”

ชายแก่หลังค่อมตัวสั่น

“เอ่อ…ศิษย์พี่ ข้ามาสอบเข้า…”

“ว่าไงนะ!”

หลายคนตกใจมองชายแก่

ศิษย์พี่บนฟ้าตกใจครู่หนึ่งก่อนจะพูด

“ไม่เอาน่าปู่! อายุจะเกิน 70 อยู่แล้ว! จะบ่มเพาะพลังไปให้ได้อะไรขึ้นมา?”

ชายแก่หลังค่อมหัวเราะเบา ๆ เผยให้เห็นฟันที่เหลืออยู่ไม่กี่ซี่

“เมียข้าบอกว่าข้ามี 12 เส้นปราณก็เลยมาน่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า…”

“ขอร้องล่ะ! ปู่! ที่นี่ไม่ได้มีไว้เที่ยวเล่นนะ กลับบ้านไป!”

ต่อมาศิษย์พี่บนฟ้าก็เห็นชายหัวล้านและพูดอย่างเย็นชาอีก

“เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย!”

“เจ้าพระนั่นน่ะ ข้าคุยกับเจ้านั่นแหละ! หยุดมองคนอื่นได้แล้ว! เจ้ามาจากวัดไหน? ไม่รู้รึว่าเราเป็นนิกายเต๋า? มาก่อเรื่องรึไง?”

ชายหัวล้านตัวสั่น

“ศิษย์…ศิษย์พี่อย่าเข้าใจข้าผิดนะ ข้าหัวล้านตั้งแต่เด็ก”

“หัวล้านเรอะ? แบบนั้นนิกายก็เสียภาพพจน์หมด กลับไป!”

“เฮ้ย! เฮ้ย! เฮ้ย! ไอ้อ้วนตรงนั้น! หยุดกินได้แล้ว! เจ้าอ้วนจนกระบี่อาจจะหักถ้าขึ้นไปขี่ กลับไป ไป ไป!”

“ใต้เท้าเซียนอย่าเข้าใจข้าผิดเลย ข้ามารับใช้นายน้อย ข้าไม่ได้เข้าสอบ…”

หลังจากคัดเลือกแล้วหนึ่งรอบก็เหลืออีกไม่ถึง 2000 คน และพรสวรรค์ของพวกเขานับว่าดีเพราะทุกคนมีเส้นปราณ

ในตอนนี้ สามองค์ชายได้เดินเข้ามาและแต่ละคนได้ยื่นจดหมายให้กับศิษย์พี่บนพื้น ศิษย์พี่รับจดหมายและตกใจเล็กน้อย เขาพยักหน้าและกล่าว

“พวกเจ้าโดนผู้เฒ่าสี่แนะนำมาสินะ ดี”

สามองค์ชายดูอวดดีและเหลือบมองคนอื่น องค์ชายหยานพูดกับอีกสององค์ชาย

“ไหน ๆ พวกเราก็เป็นผู้บ่มเพาะพลังกันแล้ว มาตั้งชื่อเล่นเท่ ๆ กันไหม?”

องค์ชายจ้าวกล่าว

“พูดได้ดีนี่ เอาเป็นสามจอมกระบี่ไหม?”

“ดี! สามจอมกระบี่! เท่เป็นบ้า!”

กลุ่มคนต่างฉุน

“โดนแนะนำมามันน่าภูมิใจขนาดนั้นเลยรึ? ฮื่ม! เจ้าบ้าสามคนนี่!”

เสี่ยวหวังเอ๋อเดินมือไพล่หลัง นางดูน่ารักจนทำให้บุรุษรอบตัวจ้องมองนางไม่วางตา นางถามเสียงหวาน

“ศิษย์พี่ พี่เจิงหยิงไม่มารึ?”

“เจ้า…เจ้ารู้จักกับศิษย์พี่เจิงหยิงรึ?”

ศิษย์คนอื่นบนพื้นแปลกใจเล็กน้อย

ความจริงก็คือมีนิกายสามพิสุทธิ์นั้นจะมีผู้เฒ่าเป็นหลักห้าคน และเจิงหยิงนั้นเป็นว่าที่ศิษย์ของผู้เฒ่าสาม ว่ากันว่าผู้เฒ่าสามได้ส่งเจิงหยิงไปรับเสี่ยวเฉินและอีกสองคนเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้านิกายสามพิสุทธิ์ให้ความสนใจในตระกูลเสี่ยวเป็นอันมาก

ในบรรดาศิษย์นิกายสามพิสุทธิ์นั้น ฐานะพวกเขาจัดได้จากต่ำไปสูงดังนี้ : ศิษย์นอก ศิษย์ในทั่วไป ว่าที่ศิษย์ของผู้เฒ่า ศิษย์หลักของผู้เฒ่า และศิษย์จริงของผู้เฒ่า คนเหล่านี้เป็นเพียงแค่ศิษย์ในธรรมดาเท่านั้น

เสี่ยวหวังเอ๋อหัวเราะเบา ๆ

“ใช่ พวกเรารู้จัก เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านเซียนสีซูเป็นคนเชิญพวกเรามาน่ะ!”

“หมายความว่า…ท่านเจ้านิกายเชิญเจ้ามาที่นี่ พวกเจ้าเป็นคนตระกูลเสี่ยวรึ?”

ศิษย์บนพื้นดูแปลกใจและมองเสี่ยวเฉินกับเสี่ยวฮั่น

ทันใดนั้นกลุ่มคนก็แสดงความไม่พอใจ

“ฮื่ม! นี่มันอะไรกัน?! อ้างว่าเป็นการสอบแบบยุติธรรม แต่กลับมีลับลมคมในข้างหลังรึ!”

ศิษย์ที่บินอยู่บนฟ้าพูดอย่างเย็นชา

“ไม่ว่าใครจะแนะนำพวกเจ้าเข้ามา พวกเจ้าก็ต้องสอบเข้า! มาเริ่มการสอบรอบแรกกันเลย! จับกลุ่มตามใจพวกเจ้า! สามคนต่อหนึ่งกลุ่ม! ไป ไป ไป!”

เสี่ยวหวังเอ๋อหัวเราะเบา ๆ และวิ่งไปหาคนในตระกูลอีกสองคน

“พวกเราตั้งชื่อกลุ่มกันด้วยไหม? เอาเป็นสามวีรบุรุษฝุ่นเวหาไง? ข้าเป็นสตรีฝุ่นแดง เจ้าเป็นหลี่จิ้ง หน้าน้ำแข็งเป็นฉิวหลานเค่อ เจ้าคิดว่าไง?”

“ฮื่ม ข้าไม่สน”

เสี่ยวเฉินหันหน้าหนี ส่วนเสี่ยวฮั่นยืนอยู่กับที่มองท้องฟ้า

“พวกเจ้า! ฮื่ม!”

เสี่ยวหวังเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโมโห

ต่อมาผู้เข้าสอบทุกคนก็จับกลุ่มเรียบร้อย ศิษย์บนพื้นยิ้มพูด

“เอาล่ะ เริ่มสอบรอบแรกได้ ใครจะไปก่อน?”

“ต้องเป็นพวกข้าสามจอมกระบี่อยู่แล้ว!”

สามองค์ชายเดินเข้าไปก่อน

หลิวรั่วดึงชายเสื้อเสี่ยวเฉิน

“เราจะไปเลยไหมนายน้อย?”

“ให้เจ้าโง่สามคนนั่นไปก่อน เราจะรอดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

ศิษย์บนพื้นยิ้มเบา ๆ

“ดี”

เขาโบกมือ เมฆหมอกสลายไป พวกเขาได้เห็นเหวไร้สิ้นสุดในสายตา มีโซ่เหล็กเส้นหนึ่งที่เชื่อมต่อสองด้านของเหว มันแกว่งไกวไปตามลม มีกระเรียนขาวบินอยู่เหนือโซ่อยู่บ้าง ส่วนพวกเขาไม่เห็นอีกฟากเลยและทำให้มันน่ากลัว

“อะไรกัน! นั่นมันอะไร?!”

สามองค์ชายกลัวจนขนลุก

“นี่มัน…พวกข้าขี่กระบี่ไม่ได้อย่างศิษย์พี่นะ เราจะผ่านไปยังไง?!”

“ถ้าเราตกไปตายล่ะ? นิกายสามพิสุทธิ์จะรับผิดชอบไหม?”

“ถ้าเจ้าตกไปตายมันก็เป็นโชคชะตาของเจ้า! ใครที่คิดว่าไม่ผ่านก็กลับบ้านไปได้เลย!”

ศิษย์บนฟ้าตะโกนเสียงดังอย่างเย็นชา เขาดูหมดความอดทน

ศิษย์บนพื้นยิ้มพูด

“เขาแค่ล้อเล่นน่ะ เราจะรับพวกเจ้าถ้าหล่นลงไปเอง นี่เป็นแค่การสอบรอบแรก รอบสุดท้ายพวกเจ้าต้องไปให้ถึงยอดเขา แน่นอนว่าต่อให้ไม่ผ่านทุกรอบ พวกเจ้าก็ยังมีโอกาสเข้าร่วมนิกายอยู่ แค่ต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น”

เหล่าผู้คนมองไปที่ยอดเขาที่อยู่นอกสายตา พวกเขาจะเข้าสอบรอบสุดท้ายได้อย่างไรถ้าหากไม่ผ่านรอบแรกด้วยซ้ำ?

ศิษญ์บนพื้นยิ้มอย่างอ่อนโยน

“เอาล่ะ การสอบรอบแรกเริ่มได้ สามองค์ชายเตรียมตัวให้พร้อม พวกเจ้ามีเวลา 30 นาทีในการไปให้ถึงอีกฝั่ง ยิ่งใช้เวลาน้อยจะยิ่งได้คะแนนเพิ่ม แต่ห้ามใช้อุปกรณ์วิเศษในการสอบ มิเช่นนั้นคะแนนจะถูกนับเป็นศูนย์”

หลังพูดจบเขาก็จุดธูปในมือหนึ่งก้าน

องค์ชายหยุนรีบตะโกน

“อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งรีบสิ! พวกข้ายังไม่พร้อมนะ!”

ก้านธูปไหม้เร็วกว่าก้านธูปแบบธรรมดา เพียงพริบตาเดียวมันก็ไหม้ไปสองส่วนแล้ว องค์ชายจ้าวตะโกน

“เจ้าใช้ธูปปลอมเรอะ? ทำไมถึงได้ไหม้เร็วขนาดนี้?”

องค์ชายฉีเสียงหลง

“ไปกันเถอะ! เวลาจะหมดแล้ว!”

เขาปีนขึ้นโซ่ องค์ชายอีกสองคนทำตาม

หลังจากปีนไปได้ห้าสิบศอก โซ่นั้นสั่นอย่างรุนแรง องค์ชายหยุนกรีดร้องและหล่นลงไป คนจำนวนมากรีดร้องด้วยความตกตะลึง

ศิษย์บนฟ้าขมวดคิ้วและดูหมดความอดทน เขาขยับนิ้วอย่างรวดเร็วและร่ายมนต์เป็นแสงกระบี่แล่นไปหาองค์ชายหยานพาไปอีกฝั่ง ในรอบแรก เขาสอบตกและได้ศูนย์คะแนน

องค์ชายจ้าวที่อยู่ด้านหลังเองก็ตกจากโซ่ด้วยความประมาท องค์ชายฉีไปได้ครึ่งทางแต่ก็หล่นลงมาเมื่อมีนกกระเรียนสองตัวบินมาจิกเขา

“ให้ตายสิ…”

ศิษย์บนพื้นส่ายหน้าและถอนหายใจ

“กลุ่มต่อไป”

เสี่ยวฮั่นเดินไปและใช้วิชาตัวเบาทันที เขาผ่านอย่างเรียบง่ายและหายตัวไปในพริบตาเดียว คนอื่นตาลุกวาวเมื่อได้เห็น

“เขาใช้วิชาตัวเบาได้! มันไม่ยุติธรรม! ต้องหักคะแนนเขานะ! นี่มันโกงกันชัด ๆ!”

ศิษย์บนฟ้าที่หมดความอดทนตะโกนลั่น

“ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับเขาก็กลับบ้านไปฝึกวิชาตัวเบาแล้วอีกสิบปีค่อยกลับมาใหม่!”

เสี่ยวเฉินเดินไปและชี้ไปที่หลิวรั่ว

“นางเป็นน้องสาวข้า นางจะไม่รับการสอบ ศิษย์พี่ส่งนางไปที่อีกฝั่งได้หรือไม่?”

คำพูดของเขานั้นหมายความว่าเขาจะต้องสอบผ่านแน่นอน

ศิษย์พี่บนพื้นรู้ว่าเขาถูกเจ้านิกายแนะนำมา เขายิ้มและพยักหน้า

“ย่อมได้”

“ขอบคุณ”

เสี่ยวเฉินก้าวไปที่โซ่ ส่วนเสี่ยวหวังเอ๋อนั้นพูดขึ้นมา

“เสี่ยวเฉิน พาข้าไปด้วยสิ”

เสี่ยวเฉินหันหน้าไปพูด

“อะไรกัน? เจ้าก็ใช้วิชาตัวเบาได้นี่”

“แต่…แต่ข้ากลัว…”

เสี่ยวหวังเอ๋อตัวสั่นเมื่อมองเหวไร้สิ้นสุด

“ข้าไม่มีเวลาให้เจ้าหรอกนะ”

หลังพูดจบเขาก็กระโดดขึ้นโซ่ เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและดูดียิ่งกว่าเสี่ยวฮั่น ร่างเงาซ้อนทับกันเรื่อยไป การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วและสง่างามราวกับมังกร นี่คือก้าวเซียนซ้อนทับที่หลิงหยินคิดค้นด้วยตัวเอง เสี่ยวเฉินเปลี่ยนแปลงมันเล็กน้อยและทำให้เขาดูเหมือนกับชายหนุ่มรูปงาม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด