ตอนที่ 12 ชางก่วนหยาน
เสี่ยวหวังเอ๋อเห็นเขาหยุดเดินจึงถาม
“เสี่ยวเฉิน มีอะไรรึ?”
เสี่ยวเฉินหันมองไปยังที่ไกล ๆ แต่ไม่เห็นอะไรพิเศษ ดูเหมือนว่าเขาจะตาฝาด เขายิ้มพูด
“ไม่มีอะไร ข้าอาจจะคิดมากไปหน่อย นังผีนั่นคงไม่อยู่ที่นี่”
เสี่ยวหวังเอ๋อเสียวสันหลังเมื่อได้ยินคำว่า ‘นังผี’ นางขนลุกราวกับตกอยู่ในฝันร้าย
เจิงหยิงมองโรงเตี๊ยมใกล้ ๆ และบอก
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน พวกเจ้าพักค้างคืนในโรงเตี๊ยมนั้นและจะมีศิษย์พี่มารับเจ้าตอนเช้า”
เสี่ยวหวังเอ๋อมองเขาและพูดอย่างน่าสงสาร
“ศิษย์พี่เจิงหยิงจะไปแล้วหรือ?”
เจิงหยิงยิ้มเบา ๆ
“ใช่ ข้าต้องกลับไปรายงาน อย่าเที่ยวเดินเตร่ตอนกลางคืนล่ะ จะมีคนมารับเจ้าในตอนเช้า”
“เอ่ออ…จะเป็นศิษย์พี่รึเปล่า?”
เจิงหยิงเกาหัวยิ้ม
“ขึ้นอยู่กับผู้เฒ่าน่ะ ไม่ต้องห่วง พวกพี่ ๆ ทุกคนเปฆ็นคนดี ศิษย์น้องเสี่ยว เจ้าทำได้อยู่แล้ว ข้าจะรอเจ้าในนิกายสามพิสุทธิ์”
เขาขี่กระบี่บินไปกับรังสีกระบี่อันงดงามเมื่อพูดจบ
“ให้ตายสิ! มีคนยอมเหนื่อยหาคนช่วยเหลือในนิกาย แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย!”
เสี่ยวเฉินยกสองมือประสานหลังศีรษะและเดินไปที่โรงเตี๊ยม
เสี่ยวหวังเอ๋อกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“เสี่ยวเฉิน เจ้าพูดแบบนั้นกับข้าได้ยังไง? ข้าทำเพื่อพวกเรานะ!”
จากนั้นนางจึงเดินตามเสี่ยวเฉินไป
เสี่ยวฮั่นยังคงเย็นชาไม่พูดอะไร เขามองหลิวรั่วที่ถือของพะรุงพะรัง
“ให้ข้าช่วยไหม?”
“ไม่ ไม่ต้อง ขอบคุณนะ!”
หลิวรั่วรีบตอบ
โรงเตี๊ยมมีคนอยู่แน่นและไม่มีที่นั่งว่างเลยในทั้งสามชั้น ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเป็นสตรีมีเสน่ห์งดงาม เสี่ยวหวังเอ๋อเดินไปถามนางเสียงหวาน
“พี่สาว ศิษย์พี่เจิงหยิงพาพวกข้ามาที่นี่ ยังมีห้องว่างอยู่หรือไม่?”
ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมดีใจที่ถูกเรียกว่า ‘พี่สาว’ ลูกค้าข้าง ๆ พูด
“นี่แม่นาง ทำแบบนั้นได้ด้วยรึ? จะเป็นศิษย์พี่ที่ไหนที่พาเจ้ามาก็ไม่ได้ผลหรอก พวกข้ามาก่อนเจ้า!”
เสี่ยวหวังเอ๋อดูที่ทางเข้าและเห็นว่าหนึ่งในคนที่มากับนางกำลังยืนผิวปากพิงกำแพง ส่วนอีกสองคนยืนมองท้องฟ้าเป็นก้อนน้ำแข็ง นางกระทืบเท้าด้วยความโมโห
“พวกเจ้าคิดจะยืนมองเฉย ๆ เรอะ?”
ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมหัวเราะ
“น้องสาวไม่ต้องรีบร้อน ขอข้าดูก่อนนะ”
นางมองตารางห้องและพูดด้วยรอยยิ้ม
“ยังเหลือห้องว่างอีกสองห้องบนชั้นสอง นี่กุญแจ”
นางหยิบกุญแจสองดอกมาจากลิ้นชัก
คนจำนวนมากที่ยืนอยู่ไม่ไกลไม่ยินดีแม้แต่น้อย
“นี่! มันไม่ยุติธรรมนะคุณนาย!”
เสี่ยวเฉินเมินพวกเขาและรีบเดินไปหยิบกุญแจมาหนึ่งดอก
“หลิวรั่ว! ไปกันเถอะ!”
จากนั้นเขาจึงพาหลิวรั่วเดินขึ้นบันได
เสี่ยวหวังเอ๋อพูด
“แล้วข้าล่ะ?”
“เจ้ารึ? เจ้าก็อยู่กับเจ้าหน้าน้ำแข็งคืนนี้สิ หรือจะมาที่ห้องข้าก็ได้”
“แบบนั้น…แบบนั้นไม่ได้นะ!”
แต่ทว่าเสี่ยวฮั่นก็มาหยิบกุญแจอีกดอกเดินขึ้นไปแล้ว
“นี่! พวกเจ้าจะมาแกล้งข้าแบบนี้ไม่ได้นะ!”
…
จะอย่างไรพวกเขาก็ได้พูดคุยกัน นางกับหลิวรั่วได้อยู่ห้องเดียวกันส่วนเสี่ยวเฉินกับเสี่ยวฮั่นได้อยู่อีกห้อง
พวกเขาวางข้าวของในห้องและเดินลงบันไดมาเพื่อมื้อค่ำ มีเสียงเอะอะโวยวายกันใหญ่ ผู้คนโอ้อวดว่าจะได้เป็นศิษย์ใน
โดยเฉพาะกับสามองค์ชาย มีเหล่าองค์ชายมาจากเมืองจ้าว เมืองฉี และเมืองหยาน พวกเขาเรียกตัวเองสั้น ๆ ว่าสามองค์ชาย พวกเขาทิ้งโอกาสนั่งบัลลังก์ตัวเองเพื่อที่จะกลายเป็นเซียน
องค์ชายหยานพูดเสียงดัง
“จากที่ข้ามอง พวกเจ้าอย่าได้คิดฝันเป็นศิษย์ในเลย มีสามองค์ชายอยู่ที่นี่แล้ว พวกเจ้าคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสรึ?”
องค์ชายฉีพูดตาม
“ว่ากันว่าข้าเป็นเซียนที่กลับมาเกิดใหม่และมีหกเส้นปราณ พี่หยานพูดถูกแล้ว พวกเจ้ากลับบ้านไปเถอะ อย่ามัวเลยเวลาอยู่เลย”
องค์ชายจ้าวพูด
“พวกเขาสองคนพูดถูก ถ้าพวกเจ้าคิดต่อต้านเมืองจ้าว พวกเจา้ก็รอกองทัพที่จะมาโค่นพวกเจ้าได้เลย! กองทัพข้ามีทหารแสนนายรอคำสั่งอยู่นอกเมืองนี้ กล้าพูดกับข้าก็มาเลย”
แม้คนส่วนใหญ่จะเป็นขุนนางและตระกูลครอบครัว แต่พื้นเพของพวกเขาย่อมไม่เหนือไปกว่าสามองค์ชายจึงไม่มีผู้ใดกล้ายุ่งกับเขา ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ยืนอยู่มององค์ชายทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา
“ไอ้เวรสามตัว…”
เสี่ยวหวังเอ๋อขมวดคิ้วกระซิบ
“เสี่ยวเฉิน พวกเขาเสียงดังจัง…”
“ถ้าเจ้าเป็นองค์หญิงก็ไปลองดีกับพวกเขาสิ อย่าพูดว่ารู้จักข้าก็แล้วกัน”
เสี่ยวเฉินพูดอย่างสบายใจ
เสี่ยวฮั่นนั่งดื่มคนเดียวโดยไม่พูดอะไร เมื่อเสี่ยวเฉินเห็นว่าเขาดื่มเกือบหมดไหแล้วเสี่ยวเฉินก็รับจอกรินเหล้ายื่นจอกชนกับเขา
หลิวรั่วถาม
“นายน้อยอย่าดื่ม…”
“ไม่เป็นไร ข้ากลัวว่าเจ้าหน้าน้ำแข็งจะไม่ตื่นจนก่อเรื่องให้ข้ามากกว่า”
“เป็นเจ้าที่จะตื่นไม่ทัน ไม่ใช่ข้า”
เสี่ยวฮั่นพูดกลับทันที
เสี่ยวเฉินหัวเราะและโบกมือ
“เหล้าสองไห ขอที่แรงสุด”
สามองค์ชายพูดกันเสียงดังซึ่งทำให้คนอื่นรำคาญแต่ไม่มีใครกล้าบอกให้พวกเขาเงียบ และจู่ ๆ ก็มีเสียงกระดิ่งดังขึ้น องค์ชายจ้าวตะโกน
“แย่แล้ว! คุณนาย ทำไมถึงมีแมงมุมในเหล้าล่ะ?”
เสี่ยวเฉินบ้วนเหล้าในปาก เสี่ยวฮั่นพูดเสียงเย็นชา
“ดื่มเหล้าเจ้าไป มันไม่มีอะไร”
จากนั้นเขาจึงดื่มเหล้าอีกจอก
ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเดินไปหาองค์ชายจ้าวดั่งเวหา นางถาม
“เจ้าว่าไงนะ?”
“ข้าบอกว่ามีแมงมุมใน…”
องค์ชายจ้าวไม่กล้าพูดต่อ
ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมกระทืบเท้า นางดูเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ที่บดบังแสงสว่าง
“เจ้าหนู พูดอีกทีซิ…”
“กล้า…กล้าดียังไง! ข้าเป็นองค์ชายจ้าวนะ กะ กองทัพข้า…”
“ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนไม่อยากจ่ายเงินข้า”
เมื่อนางพูดก็มีชายกำยำสองคนเดินมากับมีดทำครัวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ใครกล้าชักดาบในโรงเตี๊ยมประตูมังกร?! ช่างกล้านัก!”
องค์ชายจ้าวกลืนน้ำลายด้วยความหวาดผวาและฝืนยิ้ม
“เอ่อ…ข้าขอโทษ ข้าแค่เข้าใจผิด…”
ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมจึงยกมือพูด
“ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว เชิญต่อเลยทุกท่าน”
นางจึงเดินกลับไป
แต่ทว่าเสี่ยวเฉินไม่กล้าแตะไหเหล้าอีกแล้ว ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องอีกครั้ง องค์ชายจ้าวบ้วนแมงมุมจำนวนมากออกมาบนโต๊ะ และองค์ชายหยานเองก็บ้วนตะขาบจำนวนมหาศาลออกมา ส่วนองค์ชายฉีนั้นบ้วนแมลงอะไรออกมามิอาจทราบ
ผู้คนหวาดกลัวและวิ่งหนีไปเมื่อเห็น เสี่ยงหวังเอ๋อและหลิวรั่วหน้าถอดสี เจ้าของโรงเตี๊ยมขมวดคิ้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
เสี่ยวเฉินปากบิดเบี้ยว
“พวกเราจบเห่แล้ว นังผีนั่นอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย เค้าว่ากันว่าไงนะ? พอโดนผีหลอกแล้วมันจะไล่ตามสุดฟ้าดินไปตลอดกาล…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีสาวน้อยอ่อนหวานที่มีใบหน้าราวเทพธิดาปรากฏตัวใกล้กับใบหน้าเขาทางด้านซ้าย นางกระพริบตา
“เสี่ยวเฉิน เจ้าพูดถึงข้ารึ?”
เสี่ยวเฉินหันไปเมื่อได้กลิ่นหอมจาง ๆ ปะทะจมูก เขาฝืนยิ้ม
“โอ้! แม่นางชางก่วน ไม่เจอกันนานนะ!”
เด็กสาวในชุดสีเหลืองคือชางก่วนหยาน นางเป็นลูกสาวตระกูลชางก่วน นางมองเสี่ยวฮั่น
“หน้าน้ำแข็ง เจ้าก็มาด้วยนี่”
เสี่ยวฮั่นวางจอกบนโต๊ะและยืนขึ้น
“ขอโทษที ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ข้าขอตัวไปห้องน้ำก่อน”
จากนั้นเขาจึงเดินออกไป
“ข้าด้วย ข้าก็จะไปห้องน้ำ”
เสี่ยวเฉินเดินตามเขาไป
ชางก่วนหยานหันไปมองเสี่ยวหวังเอ๋อ
“พี่หวังเอ๋อ พี่ก็…”
“เอ๋อ ข้าลืมซักผ้าน่ะ”
นางรีบเดินขึ้นบันไดราวกับเห็นผี
ชางก่วนหยานมองหลิวรั่วผู้สิ้นหวังและทำสายตาน่าเวทนาเป็นคนสุดท้าย
“น้องหลิวรั่ว ข้าเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ…”
หลิวรั่วพยักหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า
ในตอนนั้นเอง ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมมองนาง
“แม่สาวน้อย ข้ารู้นะว่าเป็นเจ้า!”
นางก่วนหยานกระพริบดวงตากลมโตที่ดูน่าสงสาร
“พี่สาวเข้าใจข้าผิดแล้ว…”
ภรรยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเดินไปหานางด้วยความโมโห
“ยังกล้าเถียงอีกเรอะ?! เอากระดิ่งมาให้ข้า!”
ชางก่วนหยานยกมือขึ้นผสานศีรษะ
“อย่านะพี่สาว…ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว นะ?”
“ไม่ช่วยอะไรหรอก เอามาให้ข้า! ข้าจะคืนให้เจ้าพรุ่งนี้!”
“พี่สาวก็รู้ว่าข้ามีกระดิ่งติดตัว ถ้าข้าเผลอสั่นตอนที่เอามันออกมา บางทีโรงเตี๊ยมนี้คงไม่มีลูกค้าอีกเป็นสิบวันเลยนะ แบบนั้นคงไม่ดีใช่ไหม? ได้โปรดเถอะพี่สาว ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว…”
“นี่เจ้า! แม่สาวน้อย ข้ายอมแพ้!”
“ฮิฮิ พี่สาวอย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าจะเก็บกระดิ่งไว้เพื่อพี่สาวเลยล่ะ”
ต่อมาเสี่ยวเฉินกับเสี่ยวฮั่นก็กลับมาเงียบ ๆ พวกเขามองหน้ากันและคิด
“น่าแปลก ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่ล่ะ?”
ชางก่วนหยานมองพวกเขาและหรี่ตา
“พวกเจ้าแอบมองอะไรกัน? เข้ามาทักข้าเดี๋ยวนี้!”
“อะฮ่า! พี่น้ำแข็ง ดูเหมือนว่าข้าจะเมาเกินไปน่ะ ตอนนี้ข้ามึนหัวชะมัด”
“อะฮ่า! ข้าก็มึนหัวเหมือนกัน ไปนอนพักที่ห้องเรากันเถอะ”