1136 - ความอัปยศของเทียนหวงจื่อ
1136 - ความอัปยศของเทียนหวงจื่อ
ม้วนคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งเดินทางข้ามภาคเหนือด้วยแสงสีทองที่ส่องสว่างไปทั่วโลก แสงนั้นสดใสราวกับจะส่องให้เห็นถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต!
นี่เป็นปาฏิหาริย์ชนิดหนึ่งที่ลัดเลาะไปในสามพันแคว้น ทะลุทะลวงสวรรค์ทั้งเก้า เผยให้เห็นความเป็นอมตะ รวมทั้งสามารถแข่งขันกับ สุริยัน จันทรา และดวงดาวได้
“นี่คือรัศมีของจักรพรรดิโบราณ!”
ในขณะนี้สิ่งมีชีวิตที่กระจายตัวอยู่ทั่วภาคเหนือต่างคุกเข่าลงกับพื้น ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเป็นเผ่าพันธุ์โบราณหรือมนุษย์ ทุกคนต่างให้ความเคารพต่อจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
“ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว นี่คือปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่!” หลายคนสั่นสะท้าน
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านภาคเหนือ และเส้นทางของมันเหมือนช่องว่างที่แยกท้องฟ้าออกจากกัน
เฟิงเสินปั่งซึ่งมีเครื่องหมายของจักรพรรดิอู่ซือ ดูเหมือนจะกลายเป็นมือสีทองขนาดใหญ่กวาดไปทั่วสวรรค์และทำให้ทั่วทั้งภาคเหนือตกตะลึง
“นี่มันน่ากลัวเกินไป จักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์ยังมีชีวิตอยู่จริงหรือ?”
ในถ้ำโบราณกลุ่มสิ่งมีชีวิตโบราณเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ด้วยความเร็วระดับนี้มีเพียงจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นจึงจะทำให้เกิดขึ้นได้?”
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในเผ่าพันธุ์โบราณอีกหลายแห่งเริ่มคุกเข่าลงกับพื้น แม้ว่าพวกเขาจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับมนุษย์แต่ไม่มีใครกล้าเป็นศัตรูกับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้
คัมภีร์สถาปนาเทพสีทองนี้เป็นเหมือนอุกาบาตลูกใหญ่ที่พาดผ่านท้องฟ้า มันเปล่งประกายสดใสและทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในภาคเหนือสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
พื้นที่ต้องห้ามเช่นสันเขาเสิ่นคานและทะเลสาบหลิงหูต่างก็สว่างไสว พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่นี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านทานได้
“ปัง!”
ม้วนคัมภีร์โบราณเคลื่อนตัวผ่านถ้ำโหวหลินหลังจากหยุดชั่วครู่ พลังแห่งความโกลาหลก็กวาดไปทั่วถ้ำโบราณทั้งสิบสามแห่งและระเบิดออกมาพร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์อันสง่างาม
“นี่คือการข่มขู่หรือไม่?”
เมื่อม้วนคัมภีร์โบราณสีทองจางหายไป ราชวงศ์โบราณแห่งถ้ำโหวหลินต่างแหงนน่ามองดูท้องฟ้าอย่างเคร่งขรึม การโจมตีเมื่อครู่ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่โชคดีที่จักรพรรดิแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้สังหารพวกเขาอย่างโหดร้าย
“อู่ซือปรับแต่งคัมภีร์ขึ้นมาเล่มนึงเพื่อผนึกเซียน แต่ในโลกใบนี้เซียนของเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตอมตะปลอมๆ เท่านั้น สิ่งมีชีวิตอมตะที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์โบราณจะถูกเรียกว่าเทพ ดังนั้นเขาเปลี่ยนชื่อคัมภีร์ผนึกเซียนเป็นคัมภีร์สถาปนาเทพ ตอนนี้คัมภีร์สถาปนาเทพได้ปรากฏขึ้นในถ้ำโหวหลินของข้า นี่เป็นคำเตือนหรือเปล่า? เขา... เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ?!”
หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงเสินปั่งก็เข้าสู่ภูเขาหงส์เพลิงร่วงหล่นทั้งสิบเจ็ดลูก เปลวเพลิงที่ร้อนแรงกวาดไปทั่วท้องฟ้าทำให้สิ่งมีชีวิตโบราณนับแสนคุกเข่าลงด้วยความกลัว
“อย่าแตะต้องอาวุธเต๋าสุดขั้ว ห้ามทำอะไรบุ่มบ่าม คุกเข่าลงเพื่อสักการะจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!”
ราชาบรรพชนผู้เฒ่าแห่งภูเขาหงส์เพลิงร่วงหล่นคุกเข่าลงกับพื้นและสักการะต่ออำนาจของจักรพรรดิอู่ซือ ในเวลาไม่นานเฟิงเสินปั่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและหายไปจากภาคเหนือโดยสิ้นเชิง
ตลอดทั้งวันนั้นเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดต่างคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยความหวาดกลัว คัมภีร์สถาปนาเทพพุ่งเข้าไปในดินแดนบรรพชนของเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดทำให้พวกเขาแทบไม่กล้าขยับตัวด้วยซ้ำ
แม้ว่าในเหตุการณ์นี้จะไม่มีใครเสียชีวิต แต่คลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากคัมภีร์สถาปนาเทพนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นคลื่นพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดต้านทานได้
ในทะเลสาบหยกการโต้เถียงของสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งหมดเงียบสนิทลงทันที
เทียนหวงจื่อมีสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับถูกผู้คนลากออกไปตบกลางที่สาธารณะ
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อู่ซือตายไปแล้วแน่นอน! นี่เป็นคำพูดของเขาก่อนหน้านี้
“เป็นไปไม่ได้!”
เขาไม่เชื่อ ในตอนนั้นเขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายของจักรพรรดิอู่ซือบนแท่นเต๋าแหลกสลายกลายเป็นขนนกไปแล้ว?
แปดหมื่นปีที่แล้วเขายังอยู่ในไข่ศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังคงมองเห็นความผิดปกติกับโลกภายนอกได้ ในช่วงเวลานั้นกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของอู่ซือครอบคลุมไปทั่วภูเขาจักรพรรดิ
คลื่นพลังระดับนั้นแม้จะผ่านไปนานหลายปีแต่เขาก็ยังจดจำมันได้อย่างชัดเจน
ในห้องโถงอันโอ่อ่า ทุกคนกำลังพูดคุยกันอย่างแผ่วเบา คราวนี้สภาวะของเผ่าพันธุ์มนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดไม่มีใครกล้าพูดคุยเรื่องการให้เผ่าพันธุ์มนุษย์คืนดินแดนให้กับพวกเขาอีก
“เว้นแต่เจ้าจะเข้าไปในเหมืองโบราณต้นกำเนิดเพื่อสักการะต่อบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนั้นแตกต่างไปจากเดิมแล้ว การที่เจ้าเข้าไปข้างในไม่แน่ว่าจะรอดชีวิตออกมา?”
การปรากฏตัวของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเป็นสถานการณ์ร้ายแรงต่อเผ่าพันธุ์โบราณอย่างยิ่ง มีหลายคนเสนอให้ติดต่อพวกที่อยู่ในเหมืองโบราณต้นกำเนิด อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าอาสาทำสิ่งนี้
ในบรรดาทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงหากจะบอกว่าใครรู้สึกอับอายมากที่สุดคนผู้นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเทียนหวงจื่อ เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วแทบจะหัก
ไม่นานมานี้เขาเพิ่งประกาศเสียงดังว่าอู่ซือเสียชีวิตไปแล้วและไม่มีทางที่จะปรากฏตัวในโลกอีกต่อไป แต่ในไม่กี่ลมหายใจต่อมาคัมภีร์สถาปนาเทพกลับพาดผ่านท้องฟ้าและปราบปรามทั่วภาคเหนือ
เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนการลากตัวเขาออกไปตบในที่สาธารณะ เทียนหวงจื่อไม่เคยรู้สึกหดหู่ใจมากเหมือนวันนี้มาก่อน เขาอยากคำรามเพื่อระบายความอัดอั้นทางใจออกมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นการทำลายชื่อเสียงของเขาอย่างใหญ่หลวง แม้แต่บิดาของเขาซึ่งเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ของเผ่าพันธุ์โบราณก็ยังได้รับความเสื่อมเสียไปด้วย
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก็ถูกวานรศักดิ์สิทธิ์ท้าทายให้ออกไปสู้กัน แต่เขาเลือกที่จะเพิกเฉยคำท้าทายนี้ เหตุการณ์นั้นทำให้ชื่อเสียงของเขาเสื่อมเสียไปไม่น้อยแล้ว
“ฮ่าๆๆ…”
จากระยะไกลต้วนเต๋อจ้องมองไปที่เทียนหวงจื่อและหัวเราะเสียงดัง
“วันนี้เทียนหวงจื่อลงมือได้ได้อย่างดุร้าย ทุกความเคลื่อนไหวของเขาล้วนจี้เข้าหาจุดตายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ถ้าเฟิงเสินปั่งไม่ปรากฏขึ้นทันเวลาเกรงว่าสงครามครั้งใหญ่จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” หลี่เหอสุ่ยถอนหายใจ
หลายคนรอบตัวเขาพยักหน้า และแม้แต่เย่ฟ่านก็ต้องยอมรับว่าวันนี้เทียนหวงจื่อโชคร้ายอย่างยิ่ง คำพูดของเขาคือความจริงแต่มันกลับเป็นหนามแหลมที่หันกลับมาทิ่มแทงตัวเขาเอง
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเย่ฟ่านและต้วนเต๋อว่าจักรพรรดิอู่ซือตายไปแล้วอย่างแน่นอน ร่องรอยสุดท้ายของเขาเหลือเพียงขนนกอมตะเท่านั้น
เป็นการยากที่จะอธิบายว่าทำไมเฟิงเสินปั่งจึงหลุดออกมาและเข้าสู่ภาคเหนือราวกับสายฟ้าแลบ
ต้องเข้าใจว่าหน้าผาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดของตงหวงรองจากเหมืองโบราณต้นกำเนิดเท่านั้น มันไม่เพียงมีกลิ่นอายของจักรพรรดิอู่ซือ แต่ยังมีความลึกลับหลายประเภทซุกซ่อนอยู่
“เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งมีชีวิตอมตะที่ถูกปิดผนึกอยู่ในหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ตื่นขึ้นมาแล้ว?”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว สิ่งมีชีวิตอมตะตนนั้นไม่ใช่ทั้งเผ่าพันธุ์โบราณและเผ่าพันธุ์มนุษย์ เย่ฟ่านก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันมาจากเผ่าพันธุ์ใดกันแน่
ในขณะเดียวกันเลือดของร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลอาบหน้าผานั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานหลายแสนปีแต่มันกลับยังคงสดใหม่ราวกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อน
ในตอนแรกเย่ฟ่านตั้งใจจะไปที่หน้าผาศักดิ์สิทธิ์เพื่อศึกษาเลือดที่ไหลอาบอยู่บนหน้าผานั้นเป็นสถานที่สุดท้าย เขาไม่ได้คาดหวังว่าเฟิงเสินปั่งจะบินออกมาด้วยตัวเองเช่นนี้
เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้สิ่งมีชีวิตโบราณในภาคเหนือเงียบสนิท พวกเขาหวาดกลัวจริงๆ เฟิงเสินปั่งคือสิ่งที่สามารถยืนยันตัวตนของจักรพรรดิอู่ซือได้ดีที่สุด เมื่อมันปรากฏขึ้นเช่นนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจักรพรรดิอู่ซือจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน
“นี่เป็นเพียงอุบาย!” เทียนหวงจื่อกัดฟันและกระซิบกับตัวเอง
แต่เขารู้ว่าต่อให้พูดออกไปตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาอีกแล้ว มีเพียงหยวนกู่อยู่ข้างๆ เขาเท่านั้นที่กำลังรุกคืบและถอยหลังไปพร้อมกับเขา ส่วนคนอื่นๆ ต่างพยายามกีดกันเขาออกจากวงสนทนาด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้ไม่นานในสายตาของเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมด เผ่าพันธุ์มนุษย์คือเนื้อบนเขียง ฝูงลูกแกะที่ต้องถูกเชือด
อย่างไรก็ตามในฝูงลูกแกะนี้กลับมีพญาราชสีห์ตัวหนึ่งนอนหลับไหลอยู่ เมื่อพญาราชสีห์ตื่นขึ้นมันจะไม่อนุญาตให้ใครทำร้ายฝูงลูกแกะเหล่านี้ได้
…….