บทที่ 90 – ผู้ภักดีย่อมไม่รับใช้สองนาย ยกเว้นเสียแต่จะเป็นสตรี!
(วันนี้ลง 3 ตอนนะครับ หลังผ่านอาทิตย์หน้าไปน่าจะได้ลงเยอะได้แล้ว)
บทที่ 90 – ผู้ภักดีย่อมไม่รับใช้สองนาย ยกเว้นเสียแต่จะเป็นสตรี!
หลินเป่ยฟานพาพวกเขาไปยังห้องที่สาม
เมื่อเปิดประตูเข้าไป พวกเขาก็พบกับไวน์หลายถังวางซ้อนกันจนเต็มห้อง กลิ่นหอมตลบอบอวลของไวน์นั้นรัญจวนมากพอที่จะทำให้พวกเขามึนเมาได้เลย หลินเป่ยฟานได้อวดอีกครั้ง “ไวน์ชั้นเลิศเหล่านี้เป็นของขวัญจากจักรพรรดินีทั้งหมด! ในจำนวนนี้มีไวน์ร้อยบุปผาไวน์ ไวน์หยกทอง ไวน์ชาปี่ฮว่า ไวน์ยอดวานรและของหายากอีกมากมาย หนึ่งถังที่กองอยู่ที่นี่ล้วนมีมูลค่ามหาศาล ไม่สามารถหาซื้อได้! แต่ข้าสามารถดื่มพวกมันได้เหมือนน้ำเปล่า อีกทั้งยังสามารถขอเพิ่มจากจักรพรรดินีได้ด้วยซ้ำ!”
“ข้าขอถามเจ้าว่าถ้าข้าให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยตอนเหนือ เขาจะให้สิ่งเหล่านี้แก่ข้าได้หรือไม่?”
“เขาจะให้ข้าดื่มจนกว่าข้าจะพอใจได้หรือไม่?”
มุมปากของโม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยเปลี่ยนเป็นขมขื่นมากยิ่งขึ้น “ไม่ เขาไม่อาจให้ได้!”
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็พาพวกเขาไปเยี่ยมชมห้องต่างๆ
มีห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยของเลิศรสอันมีค่าเช่น หอยเป๋าฮื้อ รังนกและหูฉลาม อีกห้องหนึ่งก็เต็มไปด้วยสมุนไพรที่มีคุณค่าเช่น โสมเกาหลี เห็ดหลินจือและเทียนฉี มีกระทั่งห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยของเก่าหายากและของที่น่าสนใจมากมาย...
ทั้งคู่ตกตะลึงกับกองสมบัติอันมหัศจรรย์และไร้ที่สิ้นสุดพวกนี้ กระทั่งคฤหาสน์ของท่านอ๋องยังไม่ยิ่งใหญ่ปานนี้! มันเทียบกับหนึ่งในสิบของที่อยู่ที่นี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ! พวกเขารู้สึกเหมือนได้เข้าไปในกองขุมทรัพย์ที่มีของมีค่าเกลื่อนกลาดไปทุกหนทุกแห่ง!
หากพวกเขาได้ของชิ้นเดียวที่นี่ ก็มั่นใจได้เลยว่าพวกเขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและอาภรณ์ไปตลอดชีวิต!
“นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น!” หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “มีสมบัติอื่นๆ อีกมากมายที่เก็บไว้ที่นี่ไม่ได้ ดังนั้นพวกมันจึงถูกเก็บไว้ชั่วคราวในวัง เมื่อข้าต้องการพวกมัน ข้าก็แค่ไปเอาพวกมันออกมา!”
“ท่านพูดจริงหรือ?” ทั้งโม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยต่างก็ตกใจจนไม่อาจจะตกใจได้อีกแล้ว
"ถูกต้อง! จักรพรรดินีต้องการให้รางวัลข้าด้วยคฤหาสน์อีกหลังเพียงเพื่อเก็บสมบัติเหล่านี้ แต่มันจะดูแลยุ่งยากเกินไป ดังนั้นข้าจึงปฏิเสธ!”
หลินเป่ยฟานกางมือของเขาและกล่าวอีกว่า “ด้วยความโปรดปรานของจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ข้าจะทรยศจักรพรรดินีได้ยังไงกัน? มันย่อมเป็นไปไม่ได้เลย!”
เขาถามอีกครั้งว่า “ถ้าเป็นพวกเจ้า เจ้ายินดีที่จะละทิ้งความมั่งคั่งและความรุ่งโรจน์ทั้งหมด ทำงานที่เป็นอันตรายที่อาจแลกด้วยชีวิตทุกเมื่อหรือ?”
โม่หรูซวงยังคงเงียบ ส่วนกัวเส้าส้วยก็ส่ายศีรษะอย่างขมขื่น “ข้าคงไม่มีทางตอบตกลง”
หลินเป่ยฟานถามอีกครั้ง “ถ้าเป็นเจ้า เจ้ายินดีที่จะละทิ้งอนาคตที่สว่างไสวของเจ้าและติดตามท่านอ๋องที่เจ้าไม่เคยพบมาก่อน เพื่อต้องฟันฝ่าอนาคตอันไม่แน่นอนงั้นหรือ?”
กัวเส้าส้วยส่ายศีรษะ "ข้าคงไม่ตอบตกลง"
"ถูกต้อง!" หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น “ดังคำกล่าว ผู้ภักดีย่อมไม่รับใช้สองนาย ยกเว้นเสียแต่จะเป็นสตรีทั้งคู่! เจ้าต้องการให้ข้าทรยศจักรพรรดินีงั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ยอมแพ้กับความคิดนั้นเสียเถิด!”
กัวเส้าส้วยเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงถามออกมาว่า “หือ? เจ้าสามารถรับใช้นายสองคนได้หากเป็นสตรีงั้นหรือ?”
หลินเป่ยฟานกล่าวปัดไปด้วยความรำคาญ “นั่นไม่ใช่ประเด็น ไม่ต้องสนเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้หรอก!”
“แต่ท่านหลิน ความโกลาหลใกล้เข้ามาแล้ว ความมั่งคั่งทั้งหมดนั้นจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อท่านไม่มีกำลังพอที่จะปกป้องมัน? ท่านอาจสูญเสียชีวิตของท่านไปได้ เพราะครอบครองสมบัติมากมายและถูกมองว่าเป็นคนทรยศ! เช่นนั้นคงเป็นการดีกว่าที่จะเตรียมแผนสำรองไว้ล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นเมื่อท่านตายไป ทุกสิ่งที่ท่านมีก็จะมลายหายไปอยู่ดี!” โม่หรูซวงกล่าวด้วยหัวใจอันหนักแน่น
หลินเป่ยฟานพยักหน้าเล็กน้อย “ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผลเช่นกัน”
โม่หรูซวงเห็นโอกาสจึงพยายามเกลี้ยกล่อมเขาให้มากขึ้น “ในช่วงเวลาที่มีปัญหาเช่นนี้ มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถปกป้องท่านได้ ท่านอ๋องเป็นผู้มีจิตใจดี ได้สรรหาวีรบุรุษจำนวนมากจากเจียงหู! ตราบใดที่ท่านหลินเต็มใจที่จะรับใช้ท่านอ๋อง เขายินดีจะส่งยอดฝีมือมากมายออกมาปกป้องท่าน แม้แต่ข้า…ข้าก็เต็มใจที่จะ…”
โม่หรูซวงหน้าแดง “ข้ายินดีที่จะถือดาบและปกป้องท่านเป็นการส่วนตัว ข้าจะไม่ปล่อยให้คนทรยศหรือโจรเข้าใกล้ท่านโดยเด็ดขาด!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าและยิ้มออกมา “อันที่จริงข้าชื่นชมท่านอ๋องแห่งเหอเป่ยเหนือที่เจ้ากล่าวมามาก! ซ่งถ้าข้าต้องเลือกใครสักคนที่จะยอมรับใช้ เขาคงจะเป็นตัวเลือกแรกของข้าอย่างไม่ต้องสงสัย! นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าให้เจ้ามาเยือนเรือนสมบัติของข้า…”
หลินเป่ยฟานกะพริบตา “เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่?”
"หา? ท่านหมายความว่ายังไงกัน?” ทั้งสองคนต่างสับสนอีกครั้ง
การมาเยือนห้องสมบัติของเขามันเกี่ยวอะไรกัน?
“เหตุผลง่ายๆ เช่นนี้ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจกัน?” หลินเป่ยฟานกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกรำคาญ “ข้าให้เจ้ามาที่เรือนสมบัติของข้า เพื่อบอกเจ้าว่าจักรพรรดินีให้ข้ามากเพราะความภักดีของข้าที่มีต่อนาง ท่านอ๋องเหอเป่ยแห่งทางเหนือจะคาดหวังให้ข้าให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อเขาโดยไม่แสดงความจริงใจออกมาได้เช่นไร? บอกเขาว่าถ้าเขาต้องการให้ข้าภักดีด้วย เขาก็สามารถทำได้! เพียงแต่ต้องแสดงความจริงใจออกมาให้ข้า!”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยถึงกับตกตะลึง ทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์เสียอย่างนั้น!
นี่มันนิสัยของขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวงโดยแท้
โม่หรูซวงได้แต่กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ “ท่านหลิน การรับใช้ท่านอ๋องก็เพื่อความผาสุกของราษฎรและสร้างสันติภาพให้กับคนรุ่นหลัง มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากนัก ทำไมท่านถึงต้องพูดถึงเรื่องเงินด้วย?”
หลินเป่ยฟานได้แต่พ่นลมหายใจออกมา “แม่นางหรูซวง คำพูดของเจ้าไม่สมเหตุสมผลเลย ข้าไม่รู้จักท่านอ๋องเหอเป่ยตอนเหนือด้วยซ้ำ อีกทั้งข้าก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเขา ถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน เราจะยังต้องพูดเรื่องใดกันอีก? ความรักหรือ?”
กัวเส้าส้วยพูดตะกุกตะกัก “ศิษย์พี่หญิง สิ่งที่เขาพูดมีเหตุผล!”
"หุบปาก!" โม่หรูซวงตำหนิเขา
หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา “ถ้าเจ้าต้องการให้อาชาวิ่งเร็ว เจ้าก็ต้องปล่อยให้มันกินหญ้ามากขึ้น! ถ้าข้าไม่ได้รับเงิน ข้าจะกินและดื่มอะไรได้อย่างไร? ข้าควรทำงานให้เขาโดยไม่ได้รับอะไรตอบแทนหรือ? มีใครโง่เขลาเช่นขนาดนั้นกัน?”
ใบหน้าของโม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยกลับกลายเป็นผิดธรรมชาติ
หลินเป่ยฟานถึงกับตะลึง! “เจ้าสองคนโง่เขลาเพียงนั้นเลยหรือ? เขาไม่ได้ให้อะไรเจ้าเลย แต่ยังยึดติดกับเขามากขนาดนี้?”
แค่ก แค่ก… โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยพยายามคิดหาคำแย้งไป
กัวเส้าส้วยหน้าแดงและโต้เถียงไปทันที “หลินเป่ยฟาน เรามุ่งมั่นเพื่อราษฎร ไม่ได้คิดหยาบช้าเช่นเจ้า!”
. . . หลินเป่ยฟานจึงกล่าวตอบกลับไปด้วยความหงุดหงิด “ด้วยสติปัญญาของเจ้า ต่อให้นับเงินของคนที่ขายเจ้าไป เจ้าก็คงนับไม่เป็นด้วยซ้ำ!”
“เอาล่ะ เลิกโต้คารมกันเถิด!” โม่หรูซวงมองไปที่หลินเป่ยฟานด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป “ท่านต้องการอะไร ท่านหลิน? เราจะกลับไปรายงานท่านอ๋องให้!”
หลินเป่ยฟานกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “เงิน ข้าต้องการเงินจำนวนมาก ยิ่งมากยิ่งดี! จำนวนความภักดีที่ข้าจะให้เขาเท่ากับจำนวนเงินที่เขาจ่ายมา ถ้าเขาให้ข้ามากกว่าจักรพรรดินี ข้าก็ยินดีที่จะเหนื่อยเพื่อเขา แม้กระทั่งยอมตายยังได้!”
“ท่านหลิน เหตุใดท่านถึงสนใจแต่ของภายนอกมากขนาดนี้?” โม่หรูซวงรู้สึกอึดอัดใจและโกรธมาก นางรู้สึกว่าภาพลักษณ์อันงดงามของหลินเป่ยฟานได้พังทลายลงในหัวใจของนางไปแล้ว เขากลายเป็นคนหยาบกระด้างและสนใจเพียงของภายนอกเช่นนี้ได้ยังไงกัน?
“ถ้าเขาไม่เต็มใจที่จะให้เงิน แล้วเขาคือผู้ปกครองแบบที่ควรค่าแก่การรับใช้หรือ?”
หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมา . “เจ้าควรรู้ว่าข้ากำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อการทำงานให้เขา! หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป ข้าก็มีแต่ต้องจบชีวิตลง เช่นนั้นทำไมข้าจะไม่เอาเงินเล่า? อย่างน้อย-้าก็พูดได้ว่าข้าเป็นเจ้าของบางอย่าง!”
“ข้าตัดสินใจเรื่องนี้ให้ไม่ได้ ข้าต้องรายงานท่านอ๋องและรอการตัดสินใจของเขา” โม่หรูซวงกล่าวออกมาด้วยความหดหู่
“บอกท่านอ๋องเหอเป่ยตอนเหนือด้วยว่าข้าเป็นผู้ที่ไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจใดๆ ได้!” หลินเป่ยฟานกล่าว
“ไม่มีเงิน ก็ไม่มีข้อตกลง!”
โม่หรูซวงและกัวเส้าส้วยจึงได้กลับไป พวกเขาไม่ได้กลับไปที่เหอเป่ยทางเหนือ แต่ใช้ช่องทางพิเศษเพื่อส่งข่าวกลับไปที่พระราชวังเหอเป่ยตอนเหนืออย่างรวดเร็ว
ท่านอ๋องเปิดมันออก เขารู้สึกร้อนใจและโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาอ่านมัน เขากระแทกมือลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้และทุบมันจนแตกละเอียดทันที
“มากเกินไปแล้ว! ไอ้เจ้าหลินเป่ยฟานเศษสวะ!”
“ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ? ท่านได้รับข้อความจากหลินเป่ยฟานมางั้นหรือ ?” จูกัดเหลียงผู้เป็นกุนซือจึงได้กล่าวถามอย่างระมัดระวัง
ท่านอ๋องส่งกระดาษให้และกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “ดูสิ่งที่หลินเป่ยฟานมันพูดสิ! มันขอสินบนจากข้า ทั้งยังบอกว่ามันจะไม่ทำงานหากไม่มีเงิน! มากเกินไปแล้ว! ข้ามียศถาบรรดาศักดิ์มานานหลายปี แต่ไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน หลินเป่ยฟานผู้นี้ไม่มีความเคารพสักนิดเดียว! ข้าอยากจะไปเมืองหลวงเพื่อฆ่ามันเสียเดี๋ยวนี้!”
“ฝ่าบาท เช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเราแล้ว!” จูกัดยิ้มออกมา
“ดีตรงไหนกัน?” ท่านอ๋องรู้สึกสับสนยิ่ง
“ฝ่าบาท ท่านลองคิดดูสิ! หลินเป่ยฟานเป็นผู้ที่จักรพรรดินีทรงโปรดปรานมากที่สุด นางเชื่อใจเขามาก หากเขาให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อท่านโดยไม่ขออะไรเลย ท่านจะเชื่อใจความจงรักภักดีของเขาได้หรือไม่?”
“นี่ …” ท่านอ๋องเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
“ฝ่าบาท มันย่อมไม่อาจเชื่อได้อย่างแน่นอน นี่คือธรรมชาติของมนุษย์! นั่นเป็นเหตุผลที่หลินเป่ยฟานเสนอเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นมาอย่างชาญฉลาด! อันดับแรก เพื่อดูสถานะของเขาในใจของท่าน ยิ่งท่านให้เขามากเท่าไร สถานะของท่านในใจของเขาก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น” จูกัดอธิบาย
ท่านอ๋องพยักหน้าเล็กน้อย “จูกัด เจ้าพูดถูก! กล่าวต่อไป!”
“ประการที่สองคือเรื่องที่เขาต้องยอมจำนนต่อเรา!”
"ยอมจำนน?" ท่านอ๋องรู้สึกสับสน
“ฝ่าบาท ท่านลองคิดดูสิ ตราบใดที่เขารับสินบนของเราไป ไม่ว่าเขาจะภักดีต่อท่านจริงหรือไม่ ความผิดในตัวเขาย่อมไม่ถูกลบเลือนไป ยิ่งเขากินมันมากเท่าไร มันก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดเผย มันย่อมร้ายแรง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแต่ต้องติดตามเราไป! นั่นไม่ใช่การยอมจำนนหรอกหรือ?” จูกัดยิ้มออกมา
"เป็นเช่นนั้นเอง!" ทันใดนั้นท่านอ๋องก็ตระหนักได้แล้ว
จูกัดกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ “แท้จริงหลินเป่ยฟานต้องการยอมจำนนต่อท่านอย่างจริงใจ แต่เพราะเขาไม่เคยพบท่าน เขาจึงเกิดลังเลใจ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้ทดสอบ หากฝ่าบาทไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังสิ่งนี้ ท่านคงสูญผู้ที่มีความสามารถไป ซึ่งถ้าท่านให้เงินเขา ท่านก็จะได้คนที่มีความสามารถทันที!”
“แต่เขาขอมากเกินไป!” ท่านอ๋องกล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด
“แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวบอกอะไร แต่การให้โม่หรูซวงไปดูคลังสมบัติของเขา มันก็เหมือนกับการกล่าวว่าเราไม่สามารถให้น้อยกว่านั้นได้ หากสิ่งที่สองคนนั้นพูดไม่เกินจริง ความมั่งคั่งของเขาบางมากกว่าของในพระราชวังข้าเสียอีก! ข้าจะมีทองคำและสมบัติมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”
จูกัดจึงกล่าวออกมาว่า “เขาขอมากเกินไปจริง กล่าวตามตรง ถ้าเราเสนอน้อยเกินไป มันก็ดูเหมือนว่าเราจะไม่เห็นคุณค่าของเขามากพอและดูใจแคบ แต่ถ้าเราเสนอมากเกินไป มันก็จะเกิดปัญหากับทางเราได้…”
“แม้ว่าข้าจะทำให้พระราชวังของข้าว่างเปล่า ข้าก็ไม่คงไม่อาจเอาให้เขาได้พอ!” ท่านอ๋องถามอย่างเร่งรีบ “จูกัด เจ้ามีความคิดอะไรบ้างไหม? หรือเราความยอมแพ้เรื่องของเขา! แม้คนที่มีความสามารถนั้นหายาก แต่พวกเราไม่มีเงินตรา!”
จูกัดจึงรีบพูดว่า “ฝ่าบาท เราไม่อาจยอมแพ้ได้อย่างแน่นอน! หลินเป่ยฟานอยู่ในราชสำนัก เขาได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดินีเป็นอย่างมาก เขาอาจมีบทบาทจำเป็นในช่วงเวลาสำคัญที่สุด! ดังนั้นเราต้องดึงเขาเข้ามาอยู่กับเรา! มิฉะนั้นหากเขาถูกดึงไปโดยอ๋องท่านอื่น…มันจะเป็นอันตรายต่อแผนใหญ่ของเรามาก!”
หัวใจของท่านอ๋องถึงกับสั่นสะท้าน "เจ้าพูดถูกต้อง! แต่เรื่องเงินเล่า…”
“ฝ่าบาทไม่ต้องห่วง ให้ข้าคิดหาทางออกเอง!” จูกัดกล่าวออกมา