บทที่ 44 ตายโดยไม่มีการฝังศพ
เยวฉีรู้สึกห่วงใยน้องสาวของเขาอย่างมาก หลังรู้ว่าการทำโทษของนางสิ้นสุดลงแล้ว เขาก็รีบเข้าไปหานางในทันที
เยวอิ้งนั่งอยู่ตรงนั้น ผมของนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทั้งเสื้อผ้าของนางก็มีรอยยับและเปรอะเปื้อน
การถูกโบยยี่สิบครั้งสำหรับเด็กสาวไม่ใช่การลงโทษที่เบาเลย แม้ว่านางจะทำผิดพลาดจริง ๆ แต่ก็ไม่มีใครในวังแห่งนี้ไม่รู้ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของสองพี่น้องกับกษัตริย์ชิงผิง การที่เขาสั่งลงโทษนางแบบนี้ จึงเป็นการไม่ปกติอย่างมาก
สำหรับเยวอิ้งความเจ็บปวดทางกายไม่สามารถทำอะไรนางได้มากนัก แต่ความเจ็บปวดทางใจต่างหากที่กระทบจิตใจนางมากที่สุด ยิ่งเห็นสีหน้าของนางในตอนนี้ที่ยังเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง เยวฉีก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“เยวเอ๋อร์ เจ้ารู้ตัวใช่ไหมว่าการกระทำของเจ้ามันผิดมากขนาดไหน การที่เจ้ากล้าแทงท่านชายแบบนั้น เจ้าทำเกินไปจริง ๆ”เขาบอกนางด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ท่านชายมีสถานะสูงส่งเพียงใดพวกเขารู้ดี ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา การทำร้ายผู้เป็นเจ้านายถือเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แม้ว่านางจะเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเขา เยวฉีก็ทนไม่ได้ที่จะไม่ปรามนาง
ได้ยินแบบนั้น เยวอิ้งก็ไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง นางผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว สีหน้าของนางโกรธมาก
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายท่านชาย ข้าเพียงอยากฆ่าผู้หญิงคนนั้น นางนั่นแหละที่ทำให้ท่านชายสั่งทำโทษข้า ก่อนหน้านี้ไม่ว่าข้าจะทำอะไรเขาก็ไม่เคยดุด่าหรือสั่งลงโทษข้าเลย!”
“ก็เพราะความผิดของเจ้าในครั้งก่อน ๆ ไม่ร้ายแรงเท่าครั้งนี้ไง!”
แน่นอนว่าเยวฉีรู้ดีว่าน้องสาวของเขารู้สึกอย่างไรกับท่านชาย แต่นางก็ไม่ควรหุนหันพลันแล่นจนเรื่องราวมันเลวร้ายแบบนี้
ในตอนนี้หัวใจของเยวอิ้งเต็มไปด้วยความคับแค้น นางพุ่งเข้ามาทุบแขนพี่ชายอย่างแรงไปสองสามที ก่อนจะโวยวายใส่เขาเสียงดังลั่น
“ก็เพราะท่านพี่นั่นแหละที่ไม่บอกข้าเรื่องที่ท่านชายแต่งงาน!”
นางหยุดคำพูดเพียงเท่านั้น แต่ดวงตาของนางยังคงวาวโรจน์ด้วยความโกรธอย่างชัดเจน
เยวฉีรู้ดีว่าหากนางรู้เรื่องการแต่งงานนี้ก่อนหน้านี้มันจะเกิดอะไรขึ้น
หญิงสาวเจ็ดคนที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ เขาก็รู้ดีเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง
“เยวอิ้ง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านชายแต่งงาน เจ้าควรจะชินได้แล้ว การแต่งงานนี้มาจากพระราชกฤษฎีกาของฮ่องเต้ที่ท่านชายไม่สามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นการที่เขาแต่งงานกับพวกนาง ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะชอบพวกนางจริง ๆ เจ้าควรทำความเข้าใจไว้ด้วย”
“แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม! ข้าไม่เคยเห็นท่านชายใส่ใจใครมากขนาดนี้มาก่อน การที่เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน ทั้งยังดุด่าและสั่งลงโทษข้าอีก เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ ท่านพี่ ข้าไม่สามารถปล่อยให้นางลอยหน้าลอยตาแบบนี้ได้เป็นอันขาด!”
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เยวอิ้งไม่อนุญาตให้ผู้หญิงคนใดเข้าใกล้ท่านชายของนางโดยเด็ดขาด และยึดติดว่าเขาเป็นของนางเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาวุ่นวายกับเขา ทั้งตัวเขาเองก็ดูจะสนใจนางมากเป็นพิเศษ เช่นนี้แล้วจะให้นางปล่อยนางไปได้อย่างไร!?
เยวฉีกลัวว่าน้องสาวจะทำอะไรที่ร้ายแรงเกินแก้ไข เขาจึงรีบคว้ามือของนางไว้ แล้วบอกความจริงบางอย่างกับนาง
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ท่านชายไม่มีทางสนใจนางได้ ผู้หญิงคนนี้มาจากการแต่งงานที่ผิดพลาด เกี้ยวแต่งงานของนางสลับกับเจ้าสาวตัวจริงของท่านชาย นางไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริงของเขา”
“จริงหรือ!? แล้วในเมื่อมันเป็นความผิดพลาด ทำไมนางยังมาเกาะติดกับท่านชายอีก ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ”เยวอิ้งก่นด่าด้วยความโกรธ
“แต่ถ้าท่านชายไม่เต็มใจ ใครจะมายุ่งกับเขาได้ สำหรับความผิดพลาดเช่นนี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแต่เขาก็เลือกที่จะทำผิดต่อ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีเหตุผลอะไรในเรื่องนี้”
“เหตุผลหรือ? เป็นไปได้ไหมว่านางมีผลประโยชน์อย่างอื่นกับท่านชาย?” เยวอิ้งเป็นคนฉลาด สิ่งที่นางคาดเดาจึงไม่ผิดจากความจริงเท่าไร
“ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น แต่ท่านชายยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องแผนการของเขาในครั้งนี้ ดังนั้นข้าจึงไม่อยากให้เจ้าใจร้อน เพราะหากแผนการของเขาพัง พวกเราจะเดือดร้อนกันทั้งหมด”
แม้ว่าเยวอิ้งจะเป็นคนขี้หวงและมีบุคลิกก้าวร้าว แต่ตราบใดที่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของท่านชาย นางก็จะยอมโอนอ่อนให้และระมัดระวังมากขึ้น
“ได้ ถ้าอย่างนั้นท่านพี่บอกข้าทีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครและมีผลประโยชน์อะไรกับพวกเรา แล้วข้าจะพิจารณาอีกทีว่าจะปล่อยนางไปดีหรือไม่”
“นางชื่อเฟิ่งหยินซวง เป็นหลานสาวคนเดียวของเฟิ่งไท่ซือ”
“อะไรนะ!?”
ในตอนแรกเยวอิ้งใจเย็นขึ้นแล้ว แต่เมื่อได้รู้ว่านางเป็นใคร เปลวไฟแห่งความโกรธก็ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
“นางเป็นคนตระกูลเฟิ่งหรือ? ดี ข้าจะไปฆ่านางเดี๋ยวนี้เลย”
“หยุดก่อน!” เยวฉีรีบคว้าตัวน้องสาวไว้อย่างรวดเร็ว ยายเด็กนี่ช่างใจร้อนเสียจริง ๆ !
“เยวอิ้ง เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อน เพราะว่านางมาจากตระกูลเฟิ่งนั่นแหละ ท่านชายเลยต้องการใช้นางให้เป็นประโยชน์ เจ้าก็รู้ว่าตระกูลเฟิ่งเป็นกระดูกสันหลังของหนานฉู่ หากตระกูลเฟิ่งล้มสลาย ราชวงศ์ก็ต้องล่มสลายด้วย เฟิ่งหยินซวงเป็นหมากตัวสำคัญของเรา ต่อจากนี้เจ้าต้องเพิกเฉยกับนางให้ได้ และปล่อยให้ท่านชายดำเนินแผนการต่อไป เข้าใจหรือไม่?”
เมื่อเขาพูดมาแบบนั้นเยวอิ้งก็ได้แต่กำหมัดแน่น ความเกลียดชังในฉายชัดในดวงตาของนาง ลูกสาวตระกูลเฟิ่งอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้แล้ว แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ มันช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง
อย่างนั้นนางจะอดทนและปล่อยนางไปสักพัก แต่เมื่อไรเรื่องราวเหล่านี้จบลง นางจะเป็นคนบอกให้นางรู้เองว่าความทรมานก่อนตายมันเป็นอย่างไร!
...
ในที่สุดเฟิ่งหยินซวงก็ได้รับคำสัญญาจากจุนโมเชน โดยเขาสัญญาว่าจะหาสถานที่ที่หนานหยูเทียนแอบซ่องสุมซ่อนกองกำลังทหารไว้ให้เจอ
อันที่จริงนางควรรู้สึกดีที่เขาจะให้การช่วยเหลือการแก้แค้นของนางครั้งนี้ แต่เมื่อนึกถึงเงื่อนไขของเขาแล้ว นางก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาเล็กน้อย
ร่างกายของนางเป็นเพียงเปลือกนอก เพื่อให้เป้าหมายของนางบรรลุผล นางสามารถเสียสละตัวเองได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยากที่สุดในตอนนี้คือนางไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะมอบหัวใจให้ใคร
ยิ่งนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่พยายามฆ่านางด้วยมีดพก ก็เห็นได้ชัดว่านางคนนั้นรู้สึกกับเขาอย่างไร อันที่จริงความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืออะไร นางก็ไม่อาจรู้ได้เลย
ความจริงใจก็ต้องแลกกับความจริงใจด้วยเช่นกันมันถึงจะเท่าเทียม
การที่เขาไม่พูดถึงนางอีกเลยหลังเกิดเรื่อง มันก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่อยากให้นางรับรู้ ดังนั้นเฟิ่งหยินซวงผู้ที่มีบาดแผลทางใจอย่างมากมาย จะมอบความจริงใจให้กับกษัตริย์ชิงผิงได้อย่างไร
...
เรื่องวุ่นวายในงานเลี้ยงวันเกิดนั้นยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นเฟิ่งหยินซวงจึงต้องเข้าไปในวังเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้จบ
เพราะนางเป็นคนของตระกูลเฟิ่ง ทั้งยังได้รับตราสัญลักษณ์จากฮ่องเต้ให้สามารถเข้าออกวังหลวงได้อย่างอิสระ นางจึงเข้าออกวังได้ตามต้องการ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้อย่างนาง
ทันทีที่เฟิ่งหยินซวงมาถึงตำหนักของสนมซีอาน ก็พบว่านางกำลังสอนเหล่าสาวใช้กลั่นไวน์ออสมันตัสกลิ่นหอมหวานด้วยตัวเองอยู่ เพราะไวน์ที่เคยทำเก็บไว้ถูกนำไปรับรองแขกในงานเลี้ยงวันเกิดหมดแล้ว นางจึงต้องกลั่นเก็บไว้อีกสองสามถังเพื่อใช้ในตอนที่ฮ่องเต้เสด็จมาหา
เมื่อสนมซีอานเห็นนาง นางก็ละมือจากงานที่กำลังทำอยู่ทันที ก่อนจะเดินมาหานางด้วยรอยยิ้ม
“ซวงเอ๋อร์ เจ้ามาได้อย่างไร? แล้วเท้าเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”
“ข้าสบายดีแล้วท่านพี่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” เฟิ่งหยินซวงพยักหน้ารับพลางยิ้มสดใส
ในเวลานี้ สายตาของนางก็จดจ้องไปที่สาวใช้ชุดสีชมพูคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างถังไวน์ แม้จะมีสาวใช้หลายคนอยู่ที่นี้ตอนนี้แต่เฟิ่งหยินซวงก็จำหน้านางได้ดี
สาวใช้คนนั้นคือคนที่รินไวน์ให้องค์ชายใหญ่ในงานเลี้ยง และดูเหมือนนางจะเป็นคนที่นางสนมหลี่ส่งมาเป็นไส้ศึก
ไม่ได้การ…นางต้องบอกเรื่องนี้กับสนมซีอานโดยเร็วที่สุด!
“ดีแล้ว ไป เราไปนั่งคุยกันเถอะ” สนมซีอานว่าแล้วหันไปสั่งสาวใช้ “พวกเจ้าปิดถังไวน์ให้เรียบร้อย แล้วย้ายไปไว้ที่ห้องใต้ดิน ระวังอย่าให้หกล่ะ”
“เพคะ!”
เมื่อเหล่าสาวใช้เดินออกไปแล้ว สนมซีอานก็พาเฟิ่งหยินซวงเดินไปยังห้องนอนกันสองคน ก่อนจะปิดประตูอย่างแน่นหนาไม่ให้ใครทะเล่อทะล่าเข้ามาได้
“ซวงเอ๋อร์ เจ้ามีอะไรอยากพูดกับข้าหรือไม่?”
สนมซีอานเฝ้าดูนางเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ๆ แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงเพียงนิดเดียว นางก็รับรู้ได้ในทันที ได้ยินแบบนั้น เฟิ่งหยินซวงก็หันซ้ายหันขวาแล้วกระซิบถามนางเสียงเบา
“ท่านพี่ ในงานเลี้ยงวันเกิดของท่าน สาวใช้ที่เทไวน์ให้กับองค์ชายใหญ่คือใครหรือเพคะ?”
นางสนมซีอานตกใจจนตาโต นางไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าหยินซวงจะสงสัยสาวใช้ในตำหนักของนาง แต่จากท่าทางจริงจังของนางแล้ว นางจึงรีบตอบนางไปอย่างรวดเร็ว
“นางชื่อหลานเซียง เป็นสาวใช้ในตำหนักของข้าเอง”